อ๋องฉางอันถามเพื่อความแน่ใจ ปกติองค์หญิงสิบสามหากกลายร่างจะถูกวิญญาณสัตว์เข้าสิงพลังชีวิตของนางอ่อนด้อยหลายครั้งที่ไม่อาจควบคุมตนเองได้ มักทำร้ายผู้คนตามสัญชาตญาณสัตว์ป่า หากครั้งนี้นางช่วยหยางเอ้อหลางอาจจะเรียกได้ว่า หยางเอ้อหลางผู้นี้ทำให้สติของนางที่สมควรหดหายกลับเข้าสู่ร่างของตนเองซึ่งนับว่าเป็นเรื่องประหลาดนัก"ให้ฉางอ๋องหัวเราะเยาะแล้ว ในตอนนั้นข้ากลับเห็นว่าเสือตนนั้นช่วยข้าขึ้นจากน้ำหลังจากนั้นข้าก็สลบไปแล้วอีกทั้งยังมองเห็นองค์หญิงสิบสามในร่างของเสือตนนั้นอีกด้วย ช่างประหลาดยิ่ง"อ๋องฉางอันกลับไม่ได้หัวเราะเขาอย่างที่คิด เพียงแต่นิ่งงันไปอาการแปลกประหลาดเพียงเล็กน้อยทำให้หยางเอ้อหลางจับได้ถึงความผิดปกติ ดูเหมือนว่าอ๋องฉางอันจะไม่ตกใจอันใดเลย หลังจากนั้นเขาเพียงหัวเราะเจื่อนๆ แล้วเอ่ยขึ้น"ท่านอาจจะศีรษะฟาดกับพื้นแล้วจำเรื่องราวผิดเพี้ยน เห็นสิบสามเป็นเสือตนนั้นนางอาจเดินอยู่แถวนั้นแล้วบังเอิญเห็นท่านตกลงไปในน้ำจึงช่วยท่านขึ้นมา""ก็เป็นได้"หยางเอ้อหลางไม่แก้ต่าง แต่เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองเห็นเป็นอย่างยิ่ง ไร้ร่องรอยองค์หญิงสิบสามแต่เป็นเสือตนนั้นต่างหากเขาจึงยกยิ้มมุมปาก
หนังตาบนที่เริ่มหนักอึ้งตีกับหนังตาล่างทำให้นางมองไม่ชัดเจน พลันแขนขากลับอ่อนล้าข้อพับของนางอ่อนยวบจนเกือบหน้าทิ่มลงไปบนพื้นโชคดีที่มีมือแข็งแรงของบุรุษบางคนมาช่วยประคองก่อนจะช้อนกายของนางแล้วอุ้มขึ้นมาอย่างว่องไว พลันสบสายตากับเขาประดุจโลกหยุดหมุนทุกสิ่งแข็งค้าง ดวงตาสองคู่จับจ้องกันชั่วครู่ดวงตากลมโตของนางค่อยๆ หลับลงอย่างเหนื่อยอ่อนในขณะที่หยางเอ้อหลางยังคงนิ่งค้างมองใบหน้างามอยู่ตรงนั้น องค์หญิงสิบสามไอออกมาคำหนึ่งเขาจึงได้สติแล้วเอ่ยถามอย่างออกมา"องค์หญิงท่านเป็นอย่างไรบ้าง"เสียงเย็นของบุรุษทำให้องค์หญิงสามค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่เขานางรู้จากท่านป้าผู้ที่คอยดูแลว่าบัดนี้นางอยู่ในจวนแม่ทัพหยาง เรื่องราวที่ผ่านมานางจำต้องเผชิญหน้าพูดคุยกับเขาให้เข้าใจถึงเหตุผลในสิ่งที่นางได้กระทำลงไปเมื่อครานั้น ไม่ต้องการให้เขานำเรื่องนั้นไปพูดกับผู้อื่นใบหน้าซีดเซียวแต่กลับงามล้ำ ดวงตากลมโตนั่นทำให้เขาไม่อาจก้าวขาได้อย่างที่ใจคิด องค์หญิงสิบสามเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงันด้วยเสียงเบาหวิว"ท่านแม่ทัพเรื่องของข้าในวันนั้นท่านอย่าบอกผู้ใดได้หรือไม่"เป็นเขาที่เพิ่งได้สติ
บัดนี้ในเรือนรับรองโต๊ะอาหารถูกตั้งขึ้นพร้อมทั้งอ๋องฉางอันได้รับอนุญาติให้พบองค์หญิงสิบสามแล้ว อากาศวันนี้นับว่าดียิ่ง แสงอบอุ่นของดวงตะวันสาดแสงลงมาเสื้อคลุมของฉางอ๋องถูกปลดออกและคลุมมายังร่างขององค์หญิงแทน ผู้เป็นน้องสาวมองอ๋องฉางอันอย่างขอบคุณองค์หญิงสิบสามและหยางเอ้อหลางร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกโดยมีฉางอ๋องนั่งอยู่ด้านข้างคอยคีบกับข้าวให้น้องสาวด้วยความห่วงใยอาหารของจวนแม่ทัพหยางนับว่าเลิศล้ำถูกปากองค์หญิงสิบสาม นางหิวจนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งเมื่อคืนนอกจากจะใช้พลังของกระพรวนผู้พิทักษ์ช่วยตนเองจากบาดแผลของธนูแล้วนางยังใช้พลังของมันช่วยหยางเอ้อหลางขึ้นจากน้ำอีกด้วย การกระทำเช่นนั้นทำให้พลังปราณในร่างของนางหายไปหลายส่วนนางจึงเหนื่อยล้าและหลับเป็นตายมาได้ทั้งวันหลังตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่ห่วงกิริยาจนอิ่มหนำสำราญเรี่ยวแรงขององค์หญิงสิบสามก็คืนกลับมาหลายส่วน ใบหน้าไม่ได้ซีดอย่างที่เคย ทันทีที่รู้สึกดีขึ้นองค์หญิงสิบสามก็ถูกแม่ทัพหยางไต่สวนราวกับว่านางเป็นไส้ศึก"ข้าจำสิ่งใดไม่ได้รู้เพียงแต่ว่าตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว"นางยังคงปากแข็งเหตุผลข้ออ้างของนางไร้น้ำหนักเรื่อง
ฉางอ๋องเจ็บปวดแต่หากไม่ทำเช่นนี้องค์หญิงสิบสามย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงไร้ราคา แม้จะเกิดเรื่องใหญ่โตก็ยังไม่สามารถแต่งเข้าสกุลหยางได้เรื่องนี้คงทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยเป็นอันมาก เขาไม่อยากให้องค์หญิงสิบสามมีมลทิล หลังแต่งเข้าจวนแล้วเขาจะเป็นคนช่วยนางหย่ากับแม่ทัพหยางเอง แต่งเข้าได้ก็สามารถหย่าได้โดยไม่ผิดหลักการแต่ประการใด"พี่ใหญ่ข้าไม่เอา การแต่งงานต้องเกิดขึ้นด้วยความรักเหตุใดข้าต้องมาแต่งกับเขาอีกทั้งยังกลายมาเป็นอนุผู้อื่นอีก ไม่เอาข้าจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อให้พระองค์ทรงยกเลิกทุกสิ่งเสีย""องค์หญิงอย่าวู่วามปล่อยให้ข้าจัดการเถิด" แม่ทัพหยางเอ่ยขึ้น"ท่านจะทำเช่นไร หากข้ากับพี่หญิงใหญ่แต่งเข้าจวนเจ้าแน่นอนว่าต้องเป็นท่านที่ได้ประโยชน์ แต่ข้าไม่ต้องการเช่นนั้นท่านแม่ทัพได้โปรดเห็นใจ ข้าองค์หญิงสิบสามเกิดมานอกจากพี่ใหญ่ของข้าแล้วไม่เคยขอร้องผู้ใดครานี้รบกวนท่านแล้ว""องค์หญิงสิบสามไม่อยากแต่งกับข้าอีกทั้งไม่อยากเป็นอนุใช่หรือไม่" เขาถามเสียงอ่อนโยนแต่ อย่างไรเสียองค์หญิงสิบสามกลับฟังดูแล้วแข็งกร้าวยิ่งนัก"ใช่ท่านและข้าเราหาได้รักใคร่ชอบพอ อีกทั้งเพิ่งพบหน้าจู่ๆ จะให้แต่งงานกันได้อย่า
การนำคนออกจากจวนแม่ทัพหยางนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่อ๋องฉางอันคิดไว้แม้แต่น้อย เขาเข้าใจโดยพลันว่าเหตุใดแม่ทัพหยางจึงสามารถควบคุมกองทัพนับแสนได้ตั้งแต่ยังวัยเยาว์ เขาแม้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอีกทั้งดำรงตำแหน่งท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ยังถูกทำราวกับเป็นคนธรรมดาที่ท่านแม่ทัพจะสั่งการอย่างไรก็ได้เมื่ออยู่ในจวนนี้ ความภาคภูมิใจในตำแหน่งอ๋องอันสูงส่งของตนเองที่อยู่เหนือผู้คนบัดนี้แม่ทัพหยางทำให้เขารู้ว่าทุกสิ่งล้วนคือเปลือกนอกเมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษที่ขึ้นชื่อว่าไม่เกรงกลัวฟ้าดินอย่างหยางเอ้อหลาง"ท่านอ๋องอย่าได้ห่วงเลย หลางเออร์ของพวกเราแม้จะเข้มงวดกับผู้อื่นแต่สำหรับสตรีแล้วเขาค่อนข้างจะสุภาพเป็นพิเศษ"สตรีผู้ที่นั่งเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนเขาหลังจากที่ถูกแม่ทัพหยางไล่ให้ออกมาเพื่อพูดคุยกับหลินฮุ่ยหมินเพียงลำพังเอ่ยขึ้น สตรีหม้ายผู้นี้วางหมากขาวไว้บนกระดานแล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย เป็นอีกกระดานที่ท่านอ๋องหนุ่มพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วสาเหตุเพราะมัวแต่พะวงเป็นห่วงน้องสาวจนจิตใจล่องลอยไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำ"หวังว่าจะเป็นดั่งท่านอากล่าว"“เป็นจริงดังนั้นแม้เขาจะเติบโตมาในสนามรบแต่เพรา
พี่ชายใหญ่ของนางแพ้น้ำตาสตรี หยางเอ้อหลางเป็นบุรุษหากนางร้องไห้ต่อหน้าเขาเช่นนี้คนผู้นี้คงไม่กล้าถามสิ่งใดต่อ จึงมุดหน้ากับฝ่ามือตนเองทั้งแอบถูดวงตาของตนให้แดงก่ำ ทั้งพยายามบีบน้ำตาจวบจนในที่สุดนางก็ทำสำเร็จไม่ใช่เพราะนางเสียใจแต่เพราะดวงตาของนางบอบบางเมื่อใช้นิ้วตนเองจิ้มเข้าไปในตาเลยทำให้เจ็บจนน้ำตาไหลพรากต่างหาก“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าไม่ถามแล้วเลิกร้องไห้เถิด" หยางเอ้อหลางหันมามองนางด้วยใบหน้าอ่อนโยนลงเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มบัดนี้ไม่อาจจับจ้องนางได้เต็มตาเช่นเดิมเขาอยากจะดึงนางมากอดปลอบประโลมแต่ไม่อาจทำเช่นนั้นจึงได้แต่กำมือของตนเองไว้แน่น ไม่อาจจะล่วงเกินนางได้อีก แม้จะอยากรู้แต่เรื่องเลยเถิดและเขาก็กระดากใจตนเองนัก พวกเขาแนบชิดกันเช่นนั้นความอบอุ่นนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นของนางยังติดอยู่ในส่วนลึกและติดอยู่ที่ปลายจมูกเขาไม่ยอมจาง เพราะแบบนี้เขาจึงคิดว่าตนเองคงฟุ้งซ่านมากที่หลังจากกลับมาไม่ว่ามองไปที่ใดก็คิดคิดถึงใบหน้าและเรือนกายของนางไม่ได้ ความจริงหยางเอ้อหลางไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้นางอับอาย แต่การสอบสวนไม่อาจหลบเลี่ยงได้ คำตอบของนางดูไม่ถูกต้องแต่ก็ไม่เกินจริงเพราะตัวเขาเองยังถู
องค์หญิงสิบสามดีใจยิ่ง แม่ทัพหยางเป็นนักรบคงรักษาสัจจะต่อนางเป็นแน่ นางไม่ต้องการเป็นภรรยารองของเขาเพื่อให้พี่หญิงใหญ่มีโทสะเป็นอันขาด พี่หญิงใหญ่ของนางจับจองหยางเอ้อหลางมานานแล้วนางไม่อยากนำตนเองเข้าไปสอดกับความรักของพี่สาวในครานี้ "องค์หญิงสิบสามไม่ห่วงชื่อเสียงของตนเองเลยหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าชื่อเสียงของท่านถูกข้าทำลายจนย่อยยับแล้วหากไม่แต่งกับข้าท่านในชีวิตนี้ท่านอาจไม่สามารถแต่งกับผู้ใดได้ ยินยอมให้ผู้คนหัวเราะเยาะหรือ" เขาเลิกคิ้วถามอดปวดใจเล็กน้อยไม่ได้ ความจริงในคราแรกเขายอมรับว่าสนใจนางเพียงเล็กน้อยอีกทั้งยังคิดว่านางคงแอบมีใจให้ตนจนวางแผนทำเรื่องเช่นนี้ แต่ครั้นได้สนทนาสตรีผู้นี้กลับพยายามผลักไสเขาสุดชีวิตเขานับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการมองคนเรื่องอื่นนางกล่าวเท็จแต่เรื่องที่นางไม่ต้องการเป็นภรรยาของเขานั้นเขามั่นใจว่านางเอ่ยเรื่องจริง หยางเอ้อหลางผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษอันดับหนึ่งในต้าชิงโดนปฏิเสธทั้งที่ไม่ทันเอ่ยปากเช่นนี้จะไม่ให้รู้สึกปวดใจได้อย่างไร"เรื่องนั้นไม่ลำบากท่านแล้ว ข้ายินดีอยู่ในตำหนักเทพชั่วชีวิตชื่อเสียงเป็นเพียงสิ่งลวงสตรีที่เติบโตมาในวิหารเทพเช
องค์หญิงสิบสามกระแอมพร้อมกับทำท่าทางอ่อนเพลีย หยางเอ้อหลางพยักหน้าเขาหวังว่าจะเป็นนางที่อยู่ในความทรงจำผู้นั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของนางที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใจหนึ่งก็คิดว่าคงไม่ใช่ อีกใจก็คิดว่าเป็นเพราะนางยังเด็กจึงไม่อาจจำผู้ใดได้ในเวลานั้น การคาดคั้นเอาความจริงตอนนี้ไม่เกิดประโยชน์องค์หญิงสิบสามท่าทางจะระวังตนมากเกินไป เขาต้องเข้าใกล้นางมากกว่านี้เพื่อให้นางวางใจ ครั้งแรกที่เห็นเขากระพรวนคู่นั้นเขายอมรับว่าไม่คิดสิ่งใดนอกจากเห็นว่าเป็นของธรรมดา แต่เมื่อเห็นอีกครั้งพิจารณาดูอีกทีเขากลับเหมือนจะจำเรื่องบางสิ่งได้บางสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้อีกทั้งเขาเชื่อมั่นว่าสัญชาตญาณของเขาย่อมไม่ผิดเพี้ยน สนทนากันอีกหลายประโยค ในที่สุดหยางเอ้อหลางก็ยอมปล่อยคนแล้ว อ๋องฉางอันยินดีเป็นอย่างมากการอยู่รอน้องสาวในจวนท่านแม่ทัพทำให้เขาเหนื่อยล้ายิ่ง ด้วยไม่อาจปฏิเสธหญิงหม้ายอีกทั้งบรรดาท่านน้าท่านอาสะใภ้ท่านป้าสะใภ้ของแม่ทัพหยางได้ หลังจากเล่นหมากเสร็จ เขาก็ถูกลากให้ไปประลองดาบกับน้าสะใภ้ หลังจากนั้นท่านอาอีกคนก็ลากเขาไปยิงธนู ด้วยบรรดาสะใภ้ตระกูลหยางล้วนม
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี