ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได