ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี
สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เด
หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่
ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห
แม้ว่าฮ่องเต้จะมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ก็ยังคงตะลึงงันกับคำพูดนี้“เรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” เขาพึมพำทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ แม้แต่เทพเซียนเหนือกาลเวลาก็ไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งกระมัง“หม่อมฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกันเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ทว่า เสด็จแม่ก็ทลายแ
ฮ่องเต้เหลือเชื่อยิ่งนักเขาคว้าข้อมือของนาง แล้วสัมผัสอยู่นาน ชีพจรเต้นช้าเล็กน้อย ทว่ายังเต้นอยู่พระสนมอวิ๋นหลับตาแน่น และใบหน้าแสนเสน่ห์แดงเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะแสงแดดนางเกิดมาก็งดงามมากแล้วท่ามกลางแสงอาทิตย์แผ่ปกคลุม สะท้อนรูปลักษณ์ที่งามหยาดเยิ้ม“อวิ๋นเอ๋อร์?” ฮ่องเต้เกร็งลำคอแน่นยังมีชีวิต
ลู่ซิวไปนอนบนขอบที่นอน ประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะต่างหมอนเขาหลับตาลง พลางเอ่ยถามอย่างไม่เป็นทางการ “ท่านอ๋องเคยดีใจกับการตัดสินใจของตัวเองเมื่อกี่เดือนก่อนหรือไม่?”“อะไร?”“หลังจากเหตุการณ์นั้นในเทศกาลไหว้พระจันทร์เกิดขึ้น ทั่วทั้งเมืองอยู่ในความโกลาหล” ลู่ซิวตอบ “ท่านแต่งงานกับนางท่ามกลางด่านหน้าอ
เหนื่อยมาก เหนื่อยจนเกียจคร้านจะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่า คุ้มค่ามาก!“ตงฟางหลี หม่อมฉันเหนื่อยนิดหน่อย ไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ” หลังจากที่นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สายที่ตึงนั้นก็ผ่อนคลายลงนางลุกขึ้นยืนลุกขึ้นได้ไม่นาน คนก็ล้มตัวโยนลงไปอีกครั้ง“ระวังตัวด้วย” ตงฟางหลีกอดนางอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรเพคะ” ฉินเหยี่ย
อากาศสงบนิ่ง และเงียบสงัดทุกคนในห้องต่างกลั้นหายใจและตั้งสมาธิลู่จิ้นถือหูฟังแพทย์ ตรวจการเต้นของหัวใจของพระสนมอวิ๋นอย่างถี่ถ้วนจังหวะหัวใจเต้นแทบจะไม่มีเลยสีหน้าของเขาเคร่งขรึม และฟังอย่างอดทนเวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย ยังคงไม่มีการเต้นของหัวใจ“เฮ้อ” ลู่จิ้นถอนหายใจและวางหูฟังแพทย์ลง “บางที เป็นข
เริ่มแรกเดิมทีนางก็เคยสงสัยว่ายาลูกกลอนหมดอายุแล้ว ทว่าหลังจากคิดให้ดีว่า ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังของปู่แล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น“ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูดี ๆ เกี่ยวกับยาลูกกลอนนี้ ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”ลู่จิ้นบีบคางพลางครุ่นคิดยาลูกกลอนนี้ เขาเคยเห็นเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นก็เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้า
“มองผิดแล้วกระมัง” ตงฟางหลีอดไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ของพระสนมอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับเตียง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หม่อมฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำนางตรวจทั่วทั้งร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว และรู้สึกว่ามีบางจุดต่างออกไปทว่าหลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบสิ่งใดที่ต่า
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล