หลังจากที่ตงฟางหลีและฉินเหยี่ยนเย่ว์น้อมส่งฮ่องเต้กลับไป ในลานเรือนก็กลับคืนสู่ความสงบดังเดิมในฤดูหนาว แสงแดดนั้นแสนอบอุ่นแสงแดดสาดส่องลงมากระทบบนกาย อบอุ่นยิ่งนัก เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่หาได้น้อยในฤดูหนาว“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนกอดอกท่ามกลางแสงแดด เฝ้ามองเงาร่างที่ห่างไปไกลของฮ่องเต้ ในน้ำเ
“ยาลูกกลอนนั้นมีผลทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หม่อมฉันอยากจะผลิตเพิ่ม และเก็บไว้ใช้ในภายหลัง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวสิ่งนั้นยังใช้ได้ดีกว่าเครื่องมือกู้ชีพเสียอีก —— แม้ว่ามันจะฟังดูไร้สาระก็ตาม“นี่…” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “ยัยหนู หากเจ้าอยากจะทำยาลูกกลอนแบบนั้น จำไว้ว่าต้องลอบทำ หากมีการแพร่กระจายออ
ผ่านไปหลายวัน และปีใหม่ก็เข้ามาทุกทีถนน ตรอกซอกซอย โรงน้ำชา และร้านอาหารในเมืองเหวินจิงกำลังกระจายข่าวเกี่ยวกับสามเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเมืองเหวินจิงเมื่อเร็ว ๆ นี้เหตุการณ์สำคัญแรก คือฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ทั้งโง่เขลาและชั่วร้ายแห่งสกุลฉินถูกลดขั้นจากพระชายาเอกไปเป็นอนุชายาข่าวนี้เป็นที่เล่าปาก
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้รับบทลงโทษร้ายแรงใดเลย“เรื่องนี้แปลกจริง ๆ ” หมิ่นจูพูดขึ้นนางเก่งเรื่องการให้เหตุและผล มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ และอภิปรัชญาเป็นอย่างดีทักษะคุณไสยประเภทพิษกู่ก็พอรู้เล็กน้อยว่าตามเหตุผลแล้ว หลังจากที่นำชื่อ วันเกิด และดวงชะตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปทำพิธีกรร
“จูเอ๋อร์ คิดถึงข้าบ้างไหม?”พร้อมกับเสียงกระทบกันของม่านลูกปัด มีคนเปิดม่านครู่ต่อมา บุรุษผู้มีดวงตาสีดอกท้อก็ย่างกรายเข้ามา“องค์ชายหก ท่านมาแล้ว” หมิ่นจูสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคย แล้วหมุนกายไป เรียวคิ้วของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“วันนี้ไม่ได้พบจูเอ๋อร์ จูเอ๋อร์งดงามขึ้นอีกแล้ว”“จู้เอ๋อร์ชราและโรย
เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าพี่สามต้องรับผิดชอบแม้ว่าพี่สามจะโง่เขลา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด ทั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ทว่า นี่มิได้หมายความว่าทุกคนจะมองหมากในกระดานไม่ออกหากพี่สามหวนกลับมาครุ่นคิดให้ถ่องแท้ขึ้นสักนิด หรือเสด็จพ่อตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เขาที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง
หมิ่นจูกลัวว่าเสียงดังจะไปรบกวนองค์ชายหกเข้า จึงพยายามกดเสียงลงอย่างสุดความสามารถนางล้วงยาออกมาจากในแขนเสื้อด้วยสองมือที่สั่นเทาเม็ดยากลิ้งไปบนพื้น นางหมอบคลานลง ใช้มืออันพ่ายผอมคว้าไปข้างหน้า ในระหว่างนั้นก็สะกดอาการไออย่างรุนแรงไว้ไม่อยู่ ต้องเปลืองแรงไปมากโขถึงคว้ายาเม็ดไว้ได้ยาเม็ดได้ระงับอาก
“ขอบคุณองค์ชายหกเพคะ” ในน้ำเสียงหมิ่นจูนั้นระคนเสียงสะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย“คนโง่ ขอบคุณอันใดกัน” แววตาองค์ชายหกฉายถึงความตามใจ ความอบอุ่นนั้นคล้ายกับใบชาที่ก้นถ้วย เข้มข้นอย่างยากจะหาใดเปรียบได้ “เจ้าต้องดีขึ้นในเร็ววันสิถึงจะถูก”“หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายหกรังเกียจร่างกายที่ป่วยมานานของหม่อมฉันแล้วเ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า
ผู้เฒ่าเฮ่อขัดขืนอย่างรุนแรง จนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจเข้าใกล้ได้ถูกผู้อาวุโสกว่าอย่างบิดาของพระสนมอวิ๋นมาโขกศีรษะให้ จะทำให้อายุสั้นลงได้นางรับการคารวะเต็มพิธีการถึงขั้นนี้ไม่ไหว ทำได้เพียงคุกเข่าลงเช่นเดียวกันผู้เฒ่าเฮ่อโขกศีรษะให้นางหนึ่งครั้ง นางก็จะโขกกลับคืนหนึ่งครั้งหลังจากตงฟางหลีเดินออกมาจ
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าคิดจะทำอะไรข้า? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น อ๊าก ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าตีข้านะ”เขากุมศีรษะ น้ำเสียงเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะขดตัวเป็นก้อน ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“อย่าตีข้า อย่าตีข้านะ”เขาพูดซ้ำไปซ้ำมา ท่าทีอกสั่นขวัญแขวน“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ข้าไม่มีวันตีท่านหรอก
ผู้เฒ่าเฮ่อขมวดคิ้วแน่น “สถานการณ์โดยละเอียดข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงลาง ๆ ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง”“สตรีหรือ?”“ใช่ เป็นสตรี”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วแน่นคำตอบนี้เกินความคาดหมายไปบ้างจริง ๆนางไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า นอกจากท่านปู่แล้ว แหวนยังจะมีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกอีกทั้งยังเป็นสตรีด้ว
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน
ฮ่องเต้อับจนปัญญากับลู่จิ้นยิ่งนัก “ท่านพ่อรอง ถึงอย่างไรท่านไว้หน้าเราบ้าง”“หน้า? ต้องการหน้าไปไย?” ลู่จิ้นฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “ตอนเจ้ารังแกศิษย์น้องหญิงไยไม่คิดสักหน่อยว่าหน้าแก่ ๆ ของเจ้ายังต้องการอยู่หรือไม่”อ๋องอี๋หยางเห็นว่าลู่จิ้นจะเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก ก็ปวดหัวอย่างยิ่งใต้หล้านี้ มีเพียง
บรรยากาศมืดมนสายหนึ่งกำลังแผ่กระจายลู่จิ้นสะกดความโกรธไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “จ้งหัว! เจ้าคิดจะทำอะไร?”“ศิษย์พี่ ขอร้องท่านล่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่คิดจะให้ลู่จิ้นตกอยู่ในอันตรายอีก น้ำเสียงจึงร้อนรนเล็กน้อย “ท่านช่วยปิดปากอยู่เงียบ ๆ สักครู่ได้หรือไม่?”เมื่อลู่จิ้นเห็นว่าศิษย์น้องหญิงร้อนรนแล้ว ก็มิก
“ศิษย์พี่ พอได้แล้วเจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแทรกกลางระหว่างพวกเขา“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร นี่นับว่าไม่เป็นไรที่ไหน? ข้าเห็นเจ้าร้องไห้แล้วนะ” ลู่จิ้นปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้”เดิมเขาคิดไว้ว่า หากหญิงสาวสกุลซูแต่งเข้ามา ศิษย์น้องหญิงก็
เรื่องที่ซูเตี่ยนฉิงแต่งเข้ามาแล้วเจ้าเจ็ดก็จะสละฐานะอ๋องนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า สามีภรรยาคู่นี้เคยมีการหารือกันมาก่อนล่วงหน้าแล้วเขามีสีหน้าคาดไม่ถึงสามีภรรยาคู่นี้ คนหนึ่งคิดจะหย่าไปแบบง่าย ๆ ส่วนอีกคนก็สละฐานะอ๋องได้แบบง่าย ๆกล้าหาญกันจริง ๆ!“ตงฟางจ้งหัว” ลู่จิ้นเห็นท่าทีจากไปด้วยความเศร้าโศกเสี