“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านยิ้มได้ประหลาดมาก” ตงฟางอิงเงยหน้าเห็นสีหน้าของนาง ก็ขมวดคิ้ว “คิดอะไรออกงั้นหรือ?” “ข้าน่าจะรู้แล้วว่าเหมาเหมาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “น้องสิบ ทางฝั่งนั้นผิดปกติ มาทางนี้”นางได้กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นตอนที่เหมาเหมาผ่านที่แห่งนี้ ด้วยความเร็วที่รวดเร็ว รอยเ
“เหมียว!” เหมาเหมารีบเข้ามากัดในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่มีการเตรียมตัวมาก่อนนั้น ยามที่ลูกแมวกำลังจะกระโจนเข้ามากัด นางก็ชักมือกลับมา พร้อมทั้งฉวยโอกาสที่ลูกแมวมิทันตั้งตัว ฉวยโอกาสลูบที่หัวมันอย่างรวดเร็วเหมาเหมาที่ชื่นชอบให้คนลูบหัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อสัมผัสได้ว่ามือของนางทั้งอบอุ่นและสบายนั
เลือดบนร่างกายของฉินเสวี่ยเย่ว์ไหลออกมาราวกับแม่น้ำก็ไม่ปาน ทั้งยังไหลออกมาไม่หยุดอีกด้วย เพียงพริบตาเดียวถึงกับไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วท้องฟ้าและพื้นดินย้อมไปด้วยสีแดงฉาน พร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือดที่ลอยอบอวลเต็มอากาศใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ซีดเผือด พร้อมทั่วร่างที่สั่นเทาออกมาไม่หยุด“พี่สะใภ้เจ็
นางนั่งอยู่บนขั้นบันได ยามที่ลมหนาวพัดเข้ามานั้น ทั่วร่างพลันรู้สึกเย็นเยียบราวกับตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็งยามที่พบเจอกับลางสังหรณ์กลายเป็นความจริงเช่นนี้ คล้ายกับว่านางกำลังจมอยู่กับสิ่งต่างๆ มากมาย จนทำเอาแทบจะหายใจไม่ออก“สีหน้าของพี่สะใภ้สามแปลกมาก นางดูแปลก ๆ ตั้งแต่ที่อยู่ตรงภูเขาจำลองแล้ว ดู
เว้นเสียว่า......เดิมทีชีวิตเด็กคนนั้นหาได้รักษาเอาไว้ได้ไม่ ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงต้องการหาข้ออ้างและเหตุผลเพื่อมาทำแท้งเด็กอีกทั้งเหตุผลเหล่านี้มิได้ต้องการที่จะใส่ร้ายนางอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ไม่อาจควบคุมนางให้ไปไหนมาไหนได้อยู่แล้วเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่อาจจะกล่าวได้ก็คือ ฉินเสวี่ย
“นี่มันยามใดแล้ว เหยี่ยนเย่ว์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้มิได้ง่ายดายอย่างที่คิด” ตงฟางหลีขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที่เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังพูดคุยหยอกล้อกับเจ้าสิบได้เขามิได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ย่อมมิรู้ว่ามีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้นบ้างอีกทั้งเสด็จพ่อให้ความสัมพันธ์กับสายใยพี่น้องยิ่งนัก ดังนั้นเรื่อง
หลังจากเห็นกลุ่มของฉินเหยี่ยนเย่ว์ จึงรีบทำความเคารพ “พระชายาอ๋องเจ็ด พระสนมซูเชิญท่านไปที่ตำหนักเป่าหยวนเพคะ”“เฮอะ มาแล้วสินะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลุกยืนขึ้นพร้อมใบหน้าเย็นยะเยือกนางพับแขน สอดมือไว้ในเสื้อต่อไปจักเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสนามหนึ่งตงฟางหลีกังวลเล็กน้อย เขาจับมือของนางไว้ “เหยี่ยนเย่ว์
“เสด็จพ่อ” ตงฟางหลีแทบไม่เคยเห็นฮ่องเต้กริ้วเช่นนี้ ลอบบ่นว่าแย่แล้วในใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและคุกเข่าลง “ขอเสด็จพ่อ โปรดทอดพระเนตรให้ชัดเจน เยี่ยนเย่ว์ถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเจ็ด เจ้าถอยออกไป” ฮ่องเต้เอ่ยอย่างเย็นชา“เสด็จพ่อ...”“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง ดึงแขนเ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได