“ระวังด้วย” ตงฟางหลีประคองนางเอาไว้ “ในช่วงที่หิมะตกไม่มีใครมา ถนนบนภูเขาสูงชัน และลื่นมากด้วย”“ขอบคุณ” นางรู้สึกตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนทั้งสองคนเดินอย่างระมัดระวังเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงวัดวั่นเฮ่อ“ท่านอ๋องเจ็ด พระชายาอ๋องเจ็ด อากาศเลวร้ายเช่นนี้ พวกท่านลำบากมาตลอดทางแล้ว” นักพรตเต๋าผมขาว ใบหน้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์คลี่กระดาษสีน้ำตาลในที่อยู่กล่องออก ด้านบนถูกวาดรูปทรงแปลก ๆ เอาไว้นางมองกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ คิ้วของนางเริ่มขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ“เจ้าเข้าใจไหม?” ตงฟางหลีเองก็เห็นภาพนั้นเช่นกัน ตอนนั้นเขายังคัดลอกมันเป็นพิเศษหนึ่งฉบับ และศึกษามันอยู่หลายวันแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่เข้าใจเลย“มองก
“เมื่อเวลาผ่านไปนาน พวกโจรขโมยต่างรู้ว่าหอคอยแห่งนี้ถูกนักพรตเต๋าเทียนหลิงสาปไว้ แล้วก็ไม่กล้าเข้าใกล้อีกเลย”ขณะที่เขาพูดก็เปิดประตูหอคอยในหอคอยมืดมากครั้นมองผ่านแสงจากภายนอก จะเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ“ก่อนหน้านี้นักพรตเต๋าเทียนหลิงดูเหมือนจะเอาที่นี่เป็นห้องเก็บของมาก่อน หลังจากที่
“ถ้าเช่นนั้นตามหลังหม่อมฉันมา ห้ามเหยียบผิดเป็นอันเด็ดขาด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเสาสองต้นตรงราวบันได เหยียบบนหินที่มีตัวอักษร A แล้วกระโดดขึ้นไปบนหินที่มีตัวอักษร Tตงฟางหลีเองก็เลียนแบบท่าทางการก้าวเดินของนางขั้นแรกปลอดภัยไร้ปัญหาเมื่อขึ้นไปตามลำดับ พวกเขาล้วนผ่านไปได้อย่างปลอดภัยปรมาจารย์ลัทธิเต๋า
“ไม่เป็นไร” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “พวกเราเข้ามาอย่างเปิดเผย ประตูเองก็เปิดออกด้วยแหวน ไม่น่าจะมีกับดักได้นะ”ตงฟางหลีเข้าไปก่อนอย่างดื้อรั้น หลังจากเดินไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ถึงจะให้นางเข้ามาภายในห้องทำด้วยหินสีดำรูปทรงแปลกตา เช่นเดียวกับวัสดุชั้นนอก มีพื้นผิวที่แปลกประหลาดแหล่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจมากปู่เป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงหรือ?แต่ไม่ใช่ว่าปู่เสียชีวิตไปแล้วหรือ?ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้? นักพรตเต๋าเทียนหลิงมันคืออย่างไรกันแน่?นางมีคำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในใจ ในใจของนางสับสนวุ่นวายไปหมดภาพเงาของนักพรตเต๋าเทียนหลิงยิ้มพลางพยักหน้า “โอ้
ปริศนานี้ถูกโค้งหักศอกไปถึงไซบีเรีย มันทั้งหนาวเหน็บ ทั้งกระอักกระอ่วน ไม่น่าสนใจเลยสักนิดเดียวณ จุดนี้สอดคล้องกับสไตล์ตาแก่“หนูอ่านบันทึกของปู่แล้ว ลายมือในบันทึกก็ไม่เหมือนกับลายมือของปู่เลยสักนิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “ไม่อย่างนั้นหนูจะจำปู่ไม่ได้ได้ยังไงกัน”“ก็นี่ล่ะ” นักพรตเต๋าเทียนหลิงหยุ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วโกรธเล็กน้อยพูดไปพูดมา ตาแก่คนนี้ยังคงพูดไม่เข้าประเด็นนี้“ตาแก่ ถ้าปู่ยังพิรี้พิไรต่อไปหรือพูดไร้สาระ หนูจะถอนเคราของปู่ทีละเส้น”“เฮ้อ อารมณ์ร้อนได้ใครมาเนี่ย ช่างเถอะ ๆ ” นักพรตเต๋าเทียนหลิงลูบเครา “ยัยหนู หลานรู้ว่าโทรศัพท์มือถือโทรออกได้ยังไงไหม?”“ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกล
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู
ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังโกรธขึ้งด้วยนิสัยของนาง จะต้องทำเรื่องอย่างการทวงหนี้จากทางเสด็จพ่อออกมาได้อย่างแน่นอนเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน วางคางลงบนไหล่ของนาง “เด็กโง่ ผู้ใดบอกเจ้ากันว่าอ๋องทุกคนต้องมีที่ดินกันเล่า?”“แล้วมิใช่หรือ?” ในความทรงจำของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พอถึงช่วงวัยหนึ่งอ๋องทุกคนก
“กองรักษาระเบียบถูกเผาจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว” ตงฟางหลีพูด “ทั้งภายในและภายนอก ถูกเผาเสียจนไม่มีเหลือ กองรักษาระเบียบสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น จึงมีความสำคัญมาก ต้องรีบสร้างขึ้นใหม่โดยเร็ว”“เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอันใดกับท่านด้วยล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตงฟางหลีถอนหายใจ “ที่จริง ตอนที่เจ้ากำลังนอนหลับ เ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำพูดกับจอมขี้หึงผู้นี้ยิ่งนักนางพลิกกาย หันไปเผชิญหน้ากับเขาหลังจากทายาจินซวงเย่าชั้นยอดไปแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยจริง ๆนางเกี่ยวคอของเขาไว้ “หม่อมฉันหาได้คิดถึงชายอื่นไม่ คิดถึงแต่เพียงท่านเท่านั้น”“ยัยหนู ยังโกหกข้าอีก” ตงฟางหลีเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ไม่ใช่”“โกหกข้าแล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้คำตอบกลับ อารมณ์ไม่ดีนัก จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่สนใจตงฟางหลี“เลิกคลุมได้แล้ว” ตงฟางหลีถืออาภรณ์ตัวใหม่มา ก่อนจะช่วยสวมให้นางอย่างเบามือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงพูดพึมพำนางดึงตัวตงฟางหลีเข้ามา “พี่เจ็ด ท่านไม่คิดว่าท่านทำเกินไปบ้างหรือ?”ตงฟางหลีฉวยโอกาสนี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน “
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่อยู่ในความฝันไม่ได้ยินเสียง ทว่ากลับได้กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นนั่นเป็นกลิ่นที่ทำให้คนสงบจิตใจได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวนางพลิกตัว และใช้มือตีคนข้าง ๆ อย่างแรง“ยัยหนู!”ใบหน้าของตงฟางหลีทะมึนทึน “ท่านอนของเจ้านี่!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินสิ่งที่ตงฟางหลีกำลังพูดไม่ค่อยชัด
เมื่อคิดว่านางอาจจะจากไป เมื่อคิดว่าจะสูญเสียนางไป เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ในแต่ละเหตุการณ์ที่ไม่มีนางอยู่ด้วยแล้ว เขาไม่สามารถยอมรับได้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากนางทิ้งเขาไป เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง“ยัยหนู” เขาก้มหน้าลง แล้วกดหน้าผากลงบนหน้าผากของนาง “ข้ากลัวมาก จนถึงตอนนี้มือข้ายังสั่นอยู่เลย จนกระทั
ตู้เหิงคิดถึงสุ่ยเยียนที่เย็นชาและไม่ชอบพบปะผู้คน หัวใจก็คันยุบยิบยิ่งสุ่ยเยียนไม่สนใจเขามากเท่าใด เขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้มากขึ้นแม้ว่าจะถูกนางจ้องเขม็ง แต่เขาก็สามารถมีความสุขไปได้อีกครึ่งวันในฐานะบุรุษสง่าผ่าเผย จะต้องยึดมั่นจนถึงที่สุด ไม่ละทิ้งกลางคัน ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ด
“ไปทำตามที่พระชายาบอก” ตงฟางหลีรับช่วงต่อ “ข้าจะไปขอประทานอภัยจากเสด็จพ่อ เจ้าออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”หลี่เวยหลิงลังเลมากการจุดไฟเผาในพระราชวัง เป็นเรื่องที่พระชายาอ๋องเจ็ดเท่านั้นที่กล้าทำทว่า นอกจากการเผาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแก้ปัญหาที่ดีเลยเขารับคำสั่งแล้วออกไปตงฟางหลีมองไปที่ห้องโถงให