เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาถึงสวนซิ่งนั้น การบรรยายก็จบพอดีเหล่าหมอหลวงพลันกำลังหมกมุ่นอยู่กับการเขียนอะไรบางอย่างในตำราหลังจากที่เขียนเสร็จแล้วนั้น พวกเขาก็ได้ส่งให้กับลู่จิ้นลู่จิ้นตรวจสอบมันอยู่ครู่หนึ่ง พลางหยิบพู่กันขึ้นมาเพื่อเขียนอะไรบางอย่างลงไปเล็กน้อยหลังจากให้คำแนะนำเรียบร้อยแล้วนั้น จ
เขาลูบเครา พยักหน้าอย่างมิอาจหยั่งรู้ได้ “วางใจได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องขององค์ชายเก้าเท่านั้น ไว้ข้าเตรียมพร้อมแล้วก็จะไปหาจ้งหัวเอง เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกซาบซึ้งใจมากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางและตงฟางหลีไม่สามารถซ่อนชายชราได้ดั่งคาด“ขอบคุณศิษย์พี่แล้ว”
“โอ้ ข้าจำการสอบนั้นได้ มันค่อนข้างน่าเบื่อ พวกผู้คุมสอบก็ดูเหมือนเบาปัญญา” ไป๋หลินยวนพูดอย่างไม่เอาใจใส่ “การสอบเกี่ยวอะไรกับข้า?”“ท่านสอบไม่ผ่าน แล้วเข้ามาได้เช่นไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุดไป๋หลินยวนถอนหายใจ “เมื่อท่านพบข้า ก็พูดทั้งหมดสี่ประโยค สี่ประโยคนี้ล้วนเป็นการซั
การที่ถูกชายผู้นี้จ้องมอง ทำให้รู้สึกอึดอัดไปทั่วสรรพางค์ราวกับถูกงูพิษเข้ามาพันเกี่ยว น่าขยะแขยง น่ากลัว อีกทั้งพิษร้ายหาสิ่งใดเทียบได้นางไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว“หมอหลวงหลิน ข้าแค่มาเยี่ยมเยียนท่าน ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรอก ท่านก็ระวังตัวด้วย” นางพูดต่อ “นี่ก็สายแล้ว ข้ากลับก่อน หวังว่าท่
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องเจ็ด มีรถม้าที่คุ้นตาจอดอยู่ที่ประตูจวนอ๋องเป็นรถม้าของจวนอ๋องหลูหยางหัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์บีบรัดแน่นขึ้น กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับองค์หญิงเย่ว์ลู่ นางจึงเดินกลับตำหนักหมิงอวี้ในไม่กี่ก้าวในลานตำหนัก ชายชราที่แข็งแรงกำลังเล่นสนุกสนานอยู่กับตงฟางอิงและตงฟางจิ่ว“อ๋องหล
ภรรยาคู่ที่ชอบด้วยกฎหมายในครอบครัวทั่วไปนั้น สถานะทางสังคมแทบจะไม่ต่างกับภรรยาเอกทว่าในราชวงศ์นั้น ภรรยาเอกมีเพียงคนเดียวหลังจากที่เย่ว์ลู่แต่งงานเข้าจวนอ๋องสามแล้ว สถานะของนางจะสูงกว่าอนุชายาธรรมดาหนึ่งระดับ ทว่าสถานะของนางจะยังคงต่ำกว่าพระชายาเอก“วันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพียงเพื่อแจ้งอ๋องเจ็ดและชายา
“ไม่ล่ะ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ” ตงฟางหลีย้ายกองสมุดบันทึกไป “ถ้าตอนกลางวันทำไม่เสร็จ ก็ต้องตื่นแต่เช้ามาทำชดเชย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลิกดูไปอย่างไม่ใส่ใจ และเห็นว่ามันเป็นฎีกาที่ส่งมอบมาจากสถานที่ต่าง ๆ “ท่านตรวจฎีกาหรือ?“ทุกวันมีฎีกาส่งเข้าวังเป็นจำนวนมาก หากไม่ใส่เครื่องหมายว่าเร่งด่วน ก็ไม่จ
ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าเขาจะดื่มมันทั้งหมดรวดเดียว จู่ ๆ เขาก็วางชามยาลงข้าง ๆ และดึงนางมาตรงหน้าไม่รอให้นางได้โต้ตอบ เขาก็พลิกตัวขึ้นความหวานของผลไม้หวานในปากทำให้ได้กลิ่นเต็มจมูกและลำคอ มันยาวนานจนหายใจไม่ออกเป็นเวลาที่เนิ่นนาน ในที่สุดตงฟางหลีก็ปล่อยนางไปอย่างพึงพอใจ หมุนตัวไปดื่มยาจนหมดเก
“ไปทำตามที่พระชายาบอก” ตงฟางหลีรับช่วงต่อ “ข้าจะไปขอประทานอภัยจากเสด็จพ่อ เจ้าออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”หลี่เวยหลิงลังเลมากการจุดไฟเผาในพระราชวัง เป็นเรื่องที่พระชายาอ๋องเจ็ดเท่านั้นที่กล้าทำทว่า นอกจากการเผาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแก้ปัญหาที่ดีเลยเขารับคำสั่งแล้วออกไปตงฟางหลีมองไปที่ห้องโถงให
พระสนมเหยามองดูท่าทางของป้าหวนแล้วหันหลังกลับแม้ว่านางไม่มีวรยุทธ์ แต่ก็มองออกว่าชีพจรหัวใจของป้าหวนปริแตกแล้ว คงไม่รอดแล้วถูกผิด บุญคุณความแค้น จบลงเมื่อตายป้าหวนถือม้วนหนังวัวไว้ติดกับหัวใจราวกับกำลังถือสมบัติล้ำค่าอยู่สุดท้ายชีพจรหัวใจที่ตัดบัวยังเหลือใยถูกทำลาย เนื่องจากการจู่โจมของยาคลั่งสง
“เจ้าพูดเหลวไหล” ป้าหวนเอ่ยขัดคำพูดของนาง “นี่เป็นไปไม่ได้ คนอย่างพวกเขา จะตามหาข้าได้อย่างไร?”“ตอนที่ข้าถูกคนทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม พวกเขาอยู่ที่ไหน? ตอนที่ข้าต้องการพวกเขามากที่สุด พวกเขาอยู่ที่ไหน? จนถึงตอนนี้เจ้ายังมาพูดคำสวยหรูอะไรอีก”“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เจ้าได้สังหารคนหลายร้อยคนในครอบครัว
พระสนมเหยาค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องลับทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยเลือด และไม่สามารถมองเห็นสีดั้งเดิมของเสื้อผ้าได้เลยร่างกายอ่อนแอมาก ต้องมีชื่อเจี้ยนประคองถึงจะสามารถฝืนยืนได้“สนมเหยา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ หัวใจที่แขวนไว้กลางอากาศก็ร่วงหล่นลงมา “พระองค์อย่าขยับ ยังต้องพักฟื้นอย่างร
ป้าหวนฝืนร่างกายตนถอยหลังไปสองสามก้าว และกระอักเลือดออกมาสองสามคำ“พวกท่าน!” หลังจากที่จิตใจของป้าหวนสับสนวุ่นวาย จึงเต็มไปด้วยช่องโหว่ นางถูกตงฟางหลีโจมตี และชีพจรหัวใจก็ได้รับผลกระทบเลือดลมชี่สูบฉีดพุ่งสูงขึ้น ชีพจรหัวใจถูกจำกัด และลมหายใจผิดปกติเมื่อรู้ว่านางไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ จึงยัดยาคลั
“นี่” จีอู๋เยียนเก็บกระบี่เข้าฝัก แล้วพูดขึ้นเสียงเย็น “กองทัพที่ไม่เป็นโล้เป็นพายเก็บกวาดหมดแล้ว คนผู้นี้จะจัดการเช่นไร?”เขาชี้ไปที่ป้าหวนซึ่งดูใบหน้าซีดเซียวป้าหวนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้มากจนพูดไม่ออกนางมองลูกน้องของนางที่ล้มลงอยู่บนพื้น ดวงตาเบิกโพล่งปรมาจารย์ชั้นยอดหลายสิบคน ใ
“หากบุรุษผู้นี้มิใช่เฟิ่งหลี ข้าจะสับเขาเป็นชิ้น ๆ แน่นอน” ตงฟางหลีพูดแล้วหยิบขวดยาออกมาป้อนให้แก่เฟิ่งหลีฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออกแม้ว่าองครักษ์จื่ออวี๋จะไม่ใช่เฟิ่งหลี แต่เป็นคนอื่น นางก็ยังคงทำอย่างนั้นในสถานการณ์เช่นนั้นประเด็นความหึงหวงก็แปลกพิลึกเช่นเคย“ท่านป้อนอะไรให้ท่านพี่?” นางถาม“ยาถอ
ไม่รอให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบกลับ ตงฟางหลีก็เตะเขาออกไป“ตงฟางหลี ท่านทำอะไรน่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจเฟิ่งหลีใกล้จะตายอยู่แล้ว ถูกตงฟางหลีกระทำอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ไหนเลยจะรับไหว?นางรีบคว้าเฟิ่งหลีเอาไว้ และวางมือที่สั่นเทาบนข้อมือของเขาเกราะเม่นอ่อนของเฟิ่งหลีที่มอบให้นาง ช่วยป้องกันการโจมตีส่วนให
“เหยี่ยนเย่ว์!”ในตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนกำลังจะตาย สุ้มเสียงที่เป็นกังวลก็ดังขึ้น“เหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นไรหรือไม่?”“ยัยหนู เจ้าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะ”เสียงหนึ่ง ตอนแรกฟังดูเหมือนมาจากมิติอันไกลโพ้น ยากที่จะได้ยินชัดเจนแต่แล้วเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆผ่านชั้นสีเลือด ขจัดความกลัว ข