“กระหม่อมสัมผัสได้นานแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงกล่าวออกมาด้วยท่าทีไม่เดือดไม่ร้อน “ตามพวกเรามานานแล้ว” “เจ้ารู้?”“ทราบพ่ะย่ะค่ะ หากรวมคนขับรถม้าแล้วมีทั้งหมดสี่คนพ่ะย่ะค่ะ บนรถม้ามีสตรีนั่งอยู่สามคน รูปร่างผอมหนึ่งคนอ้วนหนึ่งคนเป็นสตรีวัยกลางคน ยังมีสตรีอีกหนึ่งคน เกรงว่าน่าจะเป็นคุณหนูกระมัง”“แม้แต่
เนื่องจากหอหมิงเย่ว์เป็นหอคอยเจดีย์ทรงชั้น ๆ ยิ่งสูงมากเท่าใด พื้นที่ยิ่งเล็กลงเท่านั้น อีกทั้งสินค้ายิ่งมีความประณีตมากขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเดินวนไปรอบๆ พร้อมทั้งสะดุดตาเข้ากับสร้อยคอพลอยรัตนชาติสีมูลนกการเวกขึ้นมาพลอยเม็ดเล็ก ๆ ที่ถูกแกะสลักภาพทิวทัศน์เอาไว้ ใต้แสงจันทราที่ส่องสว่าง สตรีเด
“เจ้าพูดถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เป็นเจ้าที่ได้หยิบไปก่อนจริง ๆ ทว่า หากว่ากันตามจริงแล้ว ในเมื่อสินค้าเป็นของหอหมิงเย่ว์ หากยังมิได้จ่ายเงินสินค้าอย่างไรก็ต้องเป็นของร้านค้าอยู่ดี ผู้ใดจ่ายเงินก่อนย่อมเป็นผู้นั้นที่ได้ไป”“ทุกท่านว่าแบบนี้จักเหมาะสมกว่าหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย
“ไร้ยางอาย”บรรยากาศที่เพิ่งสงบลงเมื่อครู่เริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้คนมากมายรวมตัวกันโวยวาย ทันทีที่หัวข้อเกี่ยวกับประมุขหอเริ่มต้นขึ้น เหล่าแฟนคลับสมองน้อยก็ร่วมมือกันมุ่งเป้ามาที่นางพวกนางผสมอารมณ์ของตนอย่างไร้ความปรานีอยู่ตรงหน้า เจ้าหนึ่งคำพูดข้าหนึ่งคำพูด ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็โจมต
หลังจากที่เสียงอันไพเราะดังขึ้น เหล่าสตรีที่ปิดล้อมซูเตี่ยนซวงก็หยุดมือในฉับพลันช่วงเวลาที่มีเสียงเอะอะมะเทิ่งก็เงียบลงทันใดเวลาและสถานที่ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง บนชั้นสองทั้งหมดนั้นได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นระรัวเท่านั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้าขึ้นมองแหล่งที่มาของเสียงที่ราวบันไดสีแดงชาด มีบุรุษผู้ห
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้ว พลางเงยหน้าขึ้นมองรูปลักษณ์ของเขาครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกของการถูกพรากวิญญาณบุรุษที่อยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ทว่าเมื่อเทียบกับตงฟางหลีแล้วยังดูห่างกว่าเล็กน้อย เมื่อนางไม่ได้ถูกพรากวิญญาณและถูกควบคุมจิตใจ อีกทั้งหัวใจของนางก็สงบไร้คลื่น น้ำเสียงก็แผ่วเบาเช่นกัน “ขอโทษ ข้ารีบน่ะ ไ
ก้นบึ้งหัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์จมดิ่ง “ประมุขหอไป๋อยากฆ่าคนปิดปาก?”ไป๋หลินยวนได้ยินจึงตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “เหตุใดข้าจะต้องฆ่าคนปิดปากด้วยเล่า?”เขากำลังยิ้ม ทว่าดวงตากลับเย็นชาฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่สามารถมองทะลุชายที่ซ่อนมีดไว้เบื้องหลังรอยยิ้มผู้นี้ได้เลยที่นี่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นถ้า
“ไม่มี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวนางก็เกือบจะตกหลุมพรางเช่นกัน แต่เป็นเพราะแหวนที่ร้อนจี๋จี้นางอย่างแรงถึงจะรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่ยาเทพลุ่มหลงหมดฤทธิ์ไป ไป๋หลินยวนก็เป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามธรรมดาเท่านั้นเองตงฟางหลีไม่ต้องใช้สิ่งแปลกประหลาดแบบนั้นมาช่วยเลย ก็งดงามดั่งต้นหยก หายากในโลก ไม่รู้ว่าแข็งแก
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได