“ท่านป้า นางทำเกินไปจริง ๆ เจ้าค่ะ” ซูเตี่ยนฉิงพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเองเช็ดหยาดน้ำตาของตน “วาจาของนางเอาแต่กล่าวใส่ร้ายให้ความตระกูลซูว่ามิเคารพต่อราชวงศ์ ทั้งยังเอ่ยยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างองค์จักรพรรดิและท่านพ่ออีกด้วย”“ดังคำกล่าวที่ว่า ติดตามกษัตริย์คล้ายติดตามพยัคฆ์ อันตรายยากที่จะคาดเดาได้ พ
ซูเตี่ยนฉิงพลันอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากออกนอกประตูวังมาแล้วนั้น ลมหนาวพลางหอบพัดเข้ามาในทันทีจากที่ที่อบอุ่นสุดๆ มาถึงลานโล่งที่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บเช่นนี้ ย่อมทำให้อาการร้อนหนาวมิอาจปรับตามได้ทัน เดิมทีซูเตี่ยนฉิงที่ถูกลมหนาวพัดจนตัวแข็งมาก่อนแล้วนั้น เมื่อเข้ายังห้องบรรทมของฮองเฮาที่เต็มไปด้วยค
เส้นเลือดบนหน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกระตุกขึ้นมาในทันทีนี่ มันอะไรกันเนี่ย?เดิมทีสนามหญ้าที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นกลับกระจัดกระจายเละเทะยุ่งเหยิงยิ่งนัก แม้แต่ประตูห้องบานใหญ่ที่นางอาศัยอยู่ก็ยังถูกเปิดออก ด้านในเองก็เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดแจกันล้มระเนระนาด โต๊ะเครื่อง
ทว่า เมื่อครู่ความสนใจของนางไม่ได้อยู่ที่สุนัขแล้ว แม้นางเฝ้ามองสุนัขวิ่งไปทั่ว แต่คาดไม่ถึงว่าสุนัขจะลอบโจมตีนาง จึงไม่ได้ตั้งตัวไว้ก่อนหลังจากถูกกัดอย่างต่อเนื่อง เลือดก็ไหลออกมาครั้นสุนัขตัวใหญ่กัดคอของนาง นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในช่วงเวลาวิกฤติก็ต่อยเข้าที่ท้องของสุนัขสุนัขร้องโหยหว
ชื่อเจี้ยนไม่เข้าใจแม้ว่าจะปราบพวกมันไม่ได้ในเวลาเดียวกัน แต่สุนัขดุร้ายเหล่านี้ก็ไม่คณามือนางแม้แต่น้อยตราบใดที่เร็วพอ ก็สามารถฆ่าพวกมันได้ในพริบตา และนางก็ไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ“ต้องถูกปราบในเวลาเดียวกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดูจริงจังยามนี้นางมีวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ในมือเพียงอันเดีย
ชื่อเจี้ยนรู้สึกกังวลมาสักพักแล้ว หลังจากเตะประตูเปิดออก ก็รีบวิ่งไปด้านข้างของไป๋โค้วไป๋โค้วถูกสุนัขกัดจนสาหัส แม้จะสวมชุดผ้าฝ้าย ทว่าร่างกายก็ถูกกัดเละหลายแห่ง บาดแผลลึกมาก เลือดไหลทะลักออกมาหลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นเลือด ร่างกายของนางก็สั่นเทา และก็ไม่กล้ามองอีกต่อไป นางหันหลังกลับ ก่อนจะเป
ไป๋โค้วได้ยินคำพูดของชายชรา ร่างก็แข็งทื่อนางมิกล้าที่จะเชื่อและจ้องมองเขาเอาเป็นเอาตายชื่อเจี้ยนเองก็อกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้ยินเช่นนี้ “อย่าพูดจาเหลวไหลเลย มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ใช่ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสุนัขที่มีปัญหา?”“ตอนแรกข้าไม่คิดว่าสุนัขมีปัญหา
ไป๋โค้วมาที่ลานบ้านของนางเมื่อสองวันก่อน นอกจากจะมาหาเรื่องแล้วยังทำลายข้าวของอีกด้วย แม้ว่านางจะไม่ได้เกลียด แต่นางก็ไม่ได้ชอบเช่นกันแม้ว่าปราบนางได้จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าปราบไม่ได้ก็จะมีแต่ปัญหา“พูดอย่างนั้นแล้ว เจ้าก็เป็นคนของเรือนของข้า” นางจ้องเข้าไปในดวงตาของไป๋โค้ว “ข้าไม่อยากให้เจ้ามาตายอย
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได