ชื่อเจี้ยนรู้สึกกังวลมาสักพักแล้ว หลังจากเตะประตูเปิดออก ก็รีบวิ่งไปด้านข้างของไป๋โค้วไป๋โค้วถูกสุนัขกัดจนสาหัส แม้จะสวมชุดผ้าฝ้าย ทว่าร่างกายก็ถูกกัดเละหลายแห่ง บาดแผลลึกมาก เลือดไหลทะลักออกมาหลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นเลือด ร่างกายของนางก็สั่นเทา และก็ไม่กล้ามองอีกต่อไป นางหันหลังกลับ ก่อนจะเป
ไป๋โค้วได้ยินคำพูดของชายชรา ร่างก็แข็งทื่อนางมิกล้าที่จะเชื่อและจ้องมองเขาเอาเป็นเอาตายชื่อเจี้ยนเองก็อกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้ยินเช่นนี้ “อย่าพูดจาเหลวไหลเลย มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ใช่ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสุนัขที่มีปัญหา?”“ตอนแรกข้าไม่คิดว่าสุนัขมีปัญหา
ไป๋โค้วมาที่ลานบ้านของนางเมื่อสองวันก่อน นอกจากจะมาหาเรื่องแล้วยังทำลายข้าวของอีกด้วย แม้ว่านางจะไม่ได้เกลียด แต่นางก็ไม่ได้ชอบเช่นกันแม้ว่าปราบนางได้จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าปราบไม่ได้ก็จะมีแต่ปัญหา“พูดอย่างนั้นแล้ว เจ้าก็เป็นคนของเรือนของข้า” นางจ้องเข้าไปในดวงตาของไป๋โค้ว “ข้าไม่อยากให้เจ้ามาตายอย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างตึงเครียดมีเพียงเสียงเปลวเทียนที่วูบไหวและเสียงหวีดหวิวของสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านหน้าต่างเท่านั้นที่สามารถได้ยินในยามนี้ เพิ่มความแปลกประหลาดเล็กน้อยให้กับบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้ไป๋โค้วมองเปลวเทียนที่กำลังวูบไหวอยู่ ดวงตาของนางสั่
หลังจากถูกฉีดยา ในที่สุดนางก็สงบลงและหยุดต่อต้าน ปล่อยเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนทำความสะอาดบาดแผลให้นางมีบาดแผลขนาดต่าง ๆ เจ็ดแปดแผลจากการถูกสุนัขกัดและที่ต้องเย็บมีเพียงสองแผลโชคดีที่ทั้งหมดเป็นการบาดเจ็บภายนอกผิวหนัง ทั้งหมดอยู่บนผิวภายนอกแค่ตื้น ๆ จึงไม่คณามือเฟ่ยชุ่ยนักหลังจากทำให้ชาด้วยเข็มยาชา
“นี่มิใช่ฝีมือของพระชายาหรือ?” ตู้เหิงรู้สึกโล่งใจ แต่แล้วกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “ผู้ใดจะใจกล้าทำเรือนเป็นเช่นนี้ล่ะ หรือว่า…”หน้าผากของเขากระตุก และชื่อหนึ่งก็พร้อมที่จะถูกปล่อยออกมานอกจากแม่นางไป๋โค้วชื่อเสียงเลื่องลือแล้ว เขานึกถึงคนอื่นไม่ได้เลยจริง ๆไป๋โค้วฟ้าดินไม่กลัว นึกถึงยามน
“ใช่น่ะสิ ฉากของสามีภรรยา เขียนไปสองรอบก็ท่องจำมันได้แล้ว ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องรีบร้อนจนทำอะไรไม่ถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ตราบใดที่ทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจได้ ก็จะแพร่กระจายคำพูดไปว่าเราเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกัน”“อย่าเป็นเช่นนี้เลย พระชายา” ตู้เหิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วคุกเข่าลงข้างห
“ท่านอ๋องเดิมมิได้ตั้งใจจะปรากฏตัว” ตู้เหิงกล่าว “เขาได้ยินว่าแม่นางซูมา จึงต้องการส่งข้าไปต้อนรับนาง แล้วส่งนางกลับไปจวนสกุลซู”“ต่อมา ท่านอ๋องได้ยินว่าท่านกับแม่นางซูได้พบกันแล้ว เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไป”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยุดลงกะทันหันรัศมีรอบตัวนางเย็นลง และรอยยิ้มของนางก็ดูน่ากลัวเช่นกัน “
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได