นางคุกเข่าลงหนึ่งข้าง แล้วประสานมือ “ท่านอ๋อง”“พาพระชายากลับเรือนโยวหลัน” ตงฟางหลีกล่าว “หากพระชายาไม่ให้ความร่วมมือ อนุญาตให้ใช้ทุกวิถีทางได้”“ไม่จำเป็น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นรูปลักษณ์ของเจ้าหางน้อยที่ติดตามนางได้ชัดเจนเป็นครั้งแรกแตกต่างจากไป๋โค้ว เป็นแม่นางที่สุขุมและคมในฝัก“ข้ากลับเองได้” นาง
ในขณะเดียวกันจวนตระกูลซูซูเตี่ยนฉิงที่กำลังโกรธโมโหจนแทบบ้านั้นยามที่นางกลับมาถึงจวนตระกูลซู เนื้อตัวพลันเปียกปอนไปหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อตัวในตัวนอกต่างก็ถูกลมพัดจนเนื้อตัวแข็งไปหมดเนื้อตัวที่มีผื่นแดงคันพลันอันตรธานหายไป เป็นตัวนางที่หนาวตัวแข็งจนแทบจะไร้ความรู้สึก นังสารเลวฉินเหยี่ยนเย่ว
“ปึก!” แท่นหมึกพลันถูกโยนพุ่งตรงมาที่หัวของสาวใช้ในทันทีสาวใช้หาได้กล้าหลบไม่ น้ำหมึกที่ยังไม่แห้งพร้อมกับเลือดสด ๆ จึงไหลลงมารวมกัน พร้อมทั้งสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าลงด้วยท่าทีสั่นกลัวพร้อมด้วยสีหน้าที่หวาดผวา“เรื่องของข้า สาวใช้เช่นเจ้าเข้ามาบงการได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เข้าวัง” ซูเตี่ยนฉิงพลันเข้าไปผ
“ท่านป้า นางทำเกินไปจริง ๆ เจ้าค่ะ” ซูเตี่ยนฉิงพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเองเช็ดหยาดน้ำตาของตน “วาจาของนางเอาแต่กล่าวใส่ร้ายให้ความตระกูลซูว่ามิเคารพต่อราชวงศ์ ทั้งยังเอ่ยยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างองค์จักรพรรดิและท่านพ่ออีกด้วย”“ดังคำกล่าวที่ว่า ติดตามกษัตริย์คล้ายติดตามพยัคฆ์ อันตรายยากที่จะคาดเดาได้ พ
ซูเตี่ยนฉิงพลันอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากออกนอกประตูวังมาแล้วนั้น ลมหนาวพลางหอบพัดเข้ามาในทันทีจากที่ที่อบอุ่นสุดๆ มาถึงลานโล่งที่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บเช่นนี้ ย่อมทำให้อาการร้อนหนาวมิอาจปรับตามได้ทัน เดิมทีซูเตี่ยนฉิงที่ถูกลมหนาวพัดจนตัวแข็งมาก่อนแล้วนั้น เมื่อเข้ายังห้องบรรทมของฮองเฮาที่เต็มไปด้วยค
เส้นเลือดบนหน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกระตุกขึ้นมาในทันทีนี่ มันอะไรกันเนี่ย?เดิมทีสนามหญ้าที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นกลับกระจัดกระจายเละเทะยุ่งเหยิงยิ่งนัก แม้แต่ประตูห้องบานใหญ่ที่นางอาศัยอยู่ก็ยังถูกเปิดออก ด้านในเองก็เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดแจกันล้มระเนระนาด โต๊ะเครื่อง
ทว่า เมื่อครู่ความสนใจของนางไม่ได้อยู่ที่สุนัขแล้ว แม้นางเฝ้ามองสุนัขวิ่งไปทั่ว แต่คาดไม่ถึงว่าสุนัขจะลอบโจมตีนาง จึงไม่ได้ตั้งตัวไว้ก่อนหลังจากถูกกัดอย่างต่อเนื่อง เลือดก็ไหลออกมาครั้นสุนัขตัวใหญ่กัดคอของนาง นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในช่วงเวลาวิกฤติก็ต่อยเข้าที่ท้องของสุนัขสุนัขร้องโหยหว
ชื่อเจี้ยนไม่เข้าใจแม้ว่าจะปราบพวกมันไม่ได้ในเวลาเดียวกัน แต่สุนัขดุร้ายเหล่านี้ก็ไม่คณามือนางแม้แต่น้อยตราบใดที่เร็วพอ ก็สามารถฆ่าพวกมันได้ในพริบตา และนางก็ไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ“ต้องถูกปราบในเวลาเดียวกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดูจริงจังยามนี้นางมีวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ในมือเพียงอันเดีย
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า