เสด็จพี่ทั้งสามที่ทะนุถนอมนางเหมือนแก้วในตาดวงใจตั้งแต่เล็กจนโตล้วนไม่รักนางแล้ว นางเริ่มตื่นตระหนก ตอนนี้ เรื่ององค์หญิงจริงและองค์หญิงปลอมถูกเปิดโปงแล้ว ราชวงศ์หนานยวนคงไม่ได้คิดจะทิ้งนางกระมัง?นางรีบวิ่งไปที่ตรงหน้าฮองเฮาหนานยวน“เสด็จแม่ ท่านจะต้องช่วยยวนเอ๋อร์นะ!”“ก่อนหน้านี้ยวนเอ๋อร์ไม่รู้ว่าฉู่เชียนหลีคือพี่หญิงของข้า ถ้าหากข้ารู้ จะทำร้ายนางได้อย่างไร? อีกทั้ง ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาง”นางพูดเหมือนตัวเองมีเหตุผลไม่ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองเลยสิ่งที่ทำให้นางร้อนใจ ไม่ใช่การตายของฉู่เชียนหลี แต่เป็นเรื่องที่เสด็จพี่ทั้งสามไม่รักนางแล้ว ถ้าหากไม่รักนาง นางก็จะหลุดจากตำแหน่งองค์หญิงไม่ใช่หรือ?เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!นางเป็นองค์หญิงมาสิบเจ็ดปี ถ้าหากให้นางกลับคืนสู่สถานะเดิม กลายเป็นคุณหนูสี่ลูกอนุภรรยาของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ มารดาเป็นแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง นางรับไม่ได้นางต้องการสถานะอันสูงศักดิ์ต้องการความรุ่งโรจน์สูงสุดต้องการให้ทุกคนนางรักสีหน้าฮองเฮาเย็นชา มองลูกตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง ความรักตลอดสิบเจ็ดปี ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกขอบคุณเลย กลับกลายเป็นว่
นางโมโหจนตาแดง ใช้มือผลักอย่างแรงจนคนล้มโดยตรง “เจ้าไม่รู้สึกผิดเลย ทำเรื่องชั่วช้ามากมาย ยังทำเหมือนว่าตัวเองมีเหตุผล ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์แม่ลูกสิบเจ็ดปีของพวกเรา จบลงเพียงเท่านี้!”“เสด็จแม่!”จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง รีบกระโจนเข้าไป คว้าชายกระโปรงของฮองเฮาหนานยวน “เสด็จแม่ อย่านะ!”นางจะเป็นองค์หญิง!นางไม่อยากเป็นคุณหนูลูกอนุภรรยาของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ นางเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นหนานยวนนะ!“เสด็จแม่ หม่อมฉันจะเป็นเด็กดี จะกตัญญูต่อท่าน จะทำในสิ่งที่ท่านมีความสุข ความสัมพันธ์สิบเจ็ดปีของพวกเรา บอกจะตัดก็ตัดเลยได้อย่างไร? แม้พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่ในใจของหม่อมฉัน เสด็จแม่ก็คือมารดาแท้ๆ ของหม่อมฉัน!”หลักๆ คือตำแหน่งองค์หญิงนางที่เป็นองค์หญิงผู้อรชรอ้อนแอ้น จะลดตัวไปจวนอัครมหาเสนาบดี นับอนุภรรยาคนหนึ่งเป็นแม่ได้อย่างไร?ฮองเฮาหนานยวนมองนางอย่างไร้เยื่อใย“ฮืม การแสดงความกตัญญูต่อข้าของเจ้า ก็คือวางยาพิษข้า ทำให้ข้าเป็นใบ้?”ร่างกายจวินลั่วยวนสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึง สบตากับดวงตาที่เย็นชาของฮองเฮาหนานยวนนางรู้ความจริงแล้ว…พร
“พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นฆาตกร อย่าคิดจะให้ข้ารับผิดชอบคนเดียว พวกเจ้าทุกคนล้วนมีความผิด! ต่อให้ฉู่เชียนหลีกลายเป็นผี ปล่อยปรากฏตัวในฝันของพวกเจ้า ชาติหน้า ชาติหน้าหน้า ก็ไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้า!”“ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆๆ!”จวินลั่วยวนแหงนหน้าหัวเราะเหมือนบ้าไปแล้วสีหน้าของฮองเฮาหนานยวน และพวกจวินอวี้หยางน่าเกลียดมากคำพูดของจวินลั่วยวนแทงใจดำพวกเขา พวกเขาเม้มปากแน่น แต่ละคนเถียงไม่ออกสักคำ กำมือที่ห้อยอยู่ข้างกายแน่น แม้แต่ร่างกายก็กำลังสั่นเฟิงเย่เสวียนย่อมจะสั่งสอนพวกเขาทีละคน เริ่มจากจวินลั่วยวนคือคนแรก!พลันแทงกระดูกไหปลาร้าของนาง“อ๊ะ!”เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง“ในเมื่อเจ้าก่อกรรมทำเข็ญมากมายเช่นนี้ มือสองข้างนี้เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์!” สิ้นเสียงที่เย็นชา ฟันกระบี่ออกไปฉึก…ตรงข้อมือ เลือดพุ่งกระฉูด เส้นเอ็นสีขาวที่เปื้อนเลือดถูกตัดจนขาดมือสองข้างของนางห้อยลงทันที และสูญเสียความรู้สึก ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร สิบนิ้วก็ไม่ขยับ ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ใช้งานไม่ได้แล้ว“มือของข้า…อ๊า!”นางกลายเป็นคนพิการแล้ว!ไม่!องค์หญิงแห่งแคว้นหนานยวน จะเป็นคนพิการได้อย
จวินลั่วยวนนอนจมกองเลือดบนพื้น หายใจรวยริน สะบักสะบอมเหมือนสุนัขเฟิงเย่เสวียนถือกระบี่เดินเข้าไป ยังไม่ทันแทงซ้ำ จู่ๆ ก็มีระเบิดควันหลายลูกถูกโยนเข้ามาปัง!พริบตาเดียว ควันหนาทึบพวยพุ่งเขาขมวดคิ้ว รีบคว้าไปทางจวินลั่วยวน แต่ควันที่หนาทึบบดบังวิสัยทัศน์ ยังไม่ทันเข้าใกล้ เห็นเพียงจวินลั่วยวนถูกคนชุดดำคนหนึ่งแบกไว้บนไหล่ และหนีออกไปอย่างรวดเร็วทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงสามวินาที“องครักษ์อาภรณ์เทพของเสด็จพ่อ!”จวินชิงอวี่จำได้ในปราดเดียวคนกลุ่มนี้สังกัดราชวงศ์หนานยวน มีการสืบทอดต่อกันมานานหลายร้อยปี ลึกลับมาก วรยุทธ์ของพวกเขาสูงมาก แต่ละคนสามารถหนึ่งสู้ร้อย ล้วนเป็นมือดีที่ลงมือไม่เคยพลาดพวกเขาช่วยจวินลั่วยวนไปแล้ว“ดูเหมือนเสด็จพ่อรู้เรื่องที่เจียงหนานแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขารักหยวนเอ๋อร์ที่สุด”ต่อให้ฮ่องเต้หนานยวนรู้ว่าจวินลั่วยวนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ก็ยังคงปกป้องและรักนางเหมือนเมื่อก่อนจวินอวี้หยางขมวดคิ้ว“เสด็จพ่ออาจจะไม่รู้ว่าจวินลั่วยวนทำอะไรลงไป รอหลังจากเขารู้แล้ว ก็คงจะรู้สึกเหมือนพวกเรา”ทั้งสามคิดไม่ถึงว่าองครักษ์อาภรณ์เทพจะมาแขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่ทันตั้งตัว
คนตายแล้ว จะไปไหน?ฉู่เชียนหลีก็ไม่รู้ตอนนางตกจากกำแพงเมือง สูญเสียสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้าย ราวกับว่านางตกลงไปในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด ไร้ขอบเขต ไร้เสียง ไร้ทิศทาง ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ไม่รู้สึกหิว ล่องลอยอยู่กลางอากาศมีชีวิต?ตายแล้ว?วัฏสงสาร?กลับชาติมาเกิด?นางไม่รู้อะไรเลยและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในทำเนียบแล้วนางเบิกตากว้างอย่างตะลึง มองดูร่างกายและมือที่สะอาดของตัวเอง และแสงแดดอันเฉื่อยชาเหนือศีรษะ ราวกับว่านางอยู่ในความฝันที่ยาวนานมากนางยังไม่ตาย?“ท่านอ๋อง ท่านกินอะไรหน่อยเถอะ…” ข้างนอก มีเสียงพูดฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นผู้ติดตามหลายคนเดินตามหลังเฟิงเย่เสวียน เฟิงเย่เสวียนเข้าไปในห้องเพียงลำพัง สั่งให้พวกเขาออกไปพลันนางดีใจ“อาเฉิน!”รีบวิ่งเข้าไป ตอนที่เข้าใกล้เขา ร่างกายของนางกลับทะลุผ่านร่างกายเฟิงเย่เสวียนไร้แก่นสาร!พริบตานั้น รอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งทื่อ ราวกับเลือดแข็งตัวนาง…ตายแล้วนางในตอนนี้เป็นวิญญาณนางเห็นเฟิงเย่เสวียนเปิดประตูเข้าห้อง และยังเห็นร่างกายของนางที่นอนอยู่บนเตียง!หมอส
สามวันแล้วที่เฟิงเย่เสวียนอยู่ข้างกายนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฉู่เชียนหลีก็เฝ้าเขาสามวันเต็มๆ แล้วคนรับใช้ที่เป็นห่วงมาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มา พยายามเกลี้ยกล่อมไม่หยุด“ท่านอ๋อง ท่านต้องสู้นะ”“พระชายาถูกฝังไปแล้ว ถ้าหากนางมาเห็นท่านในเวลานี้ จะต้องปวดใจแน่นอน”“เว่ยซีกับจื่อเยี่ยจะเสียใจ…”มนุษย์ต้องกินอาหาร ไม่ได้กินหนึ่งมื้อยังทนได้ แต่หนึ่งวัน สองวัน สามวันล่ะ? หิวตายได้เลยนะฉู่เชียนหลีเพิ่งจะรู้ พิธีศพของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว และเฟิงเย่เสวียนปิดบังทุกคน ขุดศพของนางขึ้นมา ใช้วิธีป้องกันการเน่าเปื่อยแบบพิเศษ เก็บนางไว้ข้างกายมองดูเขาที่ซูบผอมและเศร้าโศก รู้สึกปวดใจมาก“อาเฉิน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สุขภาพของเจ้าจะแย่เอานะ”“เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล เว่นซีกับจื่อเยี่ยล้วนต้องการเจ้า ต่อให้เจ้าไม่คำนึงถึงตัวเอง ก็ต้องคิดถึงลูกด้วย…”“อย่าทำเช่นนี้เลย…”อาจเพราะได้ยินเสียงหัวใจของนาง จู่ๆ แววตาที่เหม่อลอยของเฟิงเย่เสวียน ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว“ลูก…”เขาค่อยๆ ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ รีบมองซ้ายมองขวา“ซีเอ๋อร์ จื่อเยี่ย…ลูก…”เหมือนกับค้นพบเป้าหมาย
ในเวลาต่อมา กลางคืนฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียน นอนกับเขา กลางวันอยู่กับลูก มองดูลูกทั้งสองเติบโตขึ้นวันแล้ววันเล่าเป็นเช่นนี้ สามเดือนผ่านในสามเดือนนี้ เฟิงเย่เสวียนไม่ได้ออกจากทำเนียบเลย หนึ่งวันสิบสองชั่วยาม อยู่ในห้องสิบชั่วยาม ที่เหลืออีกสองชั่วยามไปดูลูก เมื่อนานวันเข้า เขาเริ่มดูซูบผอม สีหน้าเศร้าหมอง ดูแก่กว่าวัยสิบกว่าปี ทุกคนล้วนกังวลมาก ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อ๋องเฉินจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ใครเกลี้ยกล่อมก็ไม่มีประโยชน์ฉู่เชียนหลีเห็นเห็นแล้วปวดใจนางคุยและเกลี้ยกล่อมเขาทุกวัน แต่เขาไม่ได้ยินอยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับเหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าความเจ็บปวดเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าใจเวลานี้ ทำทำเหมือนเช่นเคย เข้านอนพร้อมกับเฟิงเย่เสวียน แต่จู่ๆ ก็ถูกพลังอันทรงพลังสายหนึ่งดูดเข้าไปในความมืด ไม่รู้จากทิศทางใด มีเสียงที่ชราภาพและน่าเกรงขามสายหนึ่งดังขึ้น “เจ้าตายแล้ว ไม่ควรอยู่ในโลกคนเป็น ทำลายความสมดุลหยินหยาง”เสียงที่ทรงพลังนี้ ราวกับดังมาจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น แต่ก็เหมือนอยู่ใกล้แค่ข้างหู ไร้ตัวตน จับต้องไม่ได้ใครกำลังพูด?สะเทือนจนทำให้นางแสบแก้วหู“ข้าจะ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท