“แล้วก็ ข้าไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อแคว้นหนานยวน”“ยาพิษที่ฮองเฮาโดน เป็นฝีมือของจวินลั่วยวน เรื่องโรคร้อนขององค์ชายสาม ก็เป็นจวินลั่วยวนที่อยากฆ่าเขา องค์ชายรองติดอยู่ในค่ายศัตรู จวินลั่วยวนอยากหนีด้วยความเห็นแก่ตัว ข้าเป็นคนลากนางกลับมา จึงสามารถช่วยองค์ชายรองออกมาได้”“แม้องค์ชายใหญ่เคยช่วยข้าหนึ่งครั้ง แต่การตบเหล่านั้น…ก็ถือว่าข้าตอบแทนเขาแล้ว”นางเลียมุมปากที่แตกใบหน้ายังคงเฉยชา ภาพที่สี่แม่ลูกผลัดกันตบหน้านาง ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในสมองตบแต่ละครั้ง ล้วนเหวี่ยงอย่างสุดกำลังราวกับนางเป็นคนบาปที่ไม่ควรได้รับการให้อภัย“จวินลั่วยวนดื่มยาเอง แล้วใส่ร้ายข้า ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายเช่นนี้ สามารถมองออกในปราดเดียว แต่พวกเขาไม่เชื่อ…”“สักวัน พวกเขาจะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของจวินลั่วยวน รอพวกเขารู้ความจริงแล้ว ถึงตายข้าก็ไม่ให้อภัย!”เสียงของนางเย็นชา ไร้ความรู้สึกใดๆไม่พูดเรื่องแย่ๆ พวกนี้แล้ว!แค่ขีดเส้นกับแคว้นหนานยวนให้ชัดเจน ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดก็พอ ชาตินี้นางไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับแคว้นหนานยวนอีก“เฟิงเจิ้งหลี เลิกสู้กันได้หรือไม่?”“เป็นไปไม่ได้!”เฟิงเจิ้งหลีปฏิเสธ
กระบี่ตกลงสู่พื้น เลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาเปล่งแสงประกายระยิบระยับภายใต้แสงแดด เลือดอุ่นๆ ย้อมก้อนอิฐกำแพงเมืองกลายเป็นสีแดง นางเซคุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่ง หน้าซีดเผือกราวกับกระดาษทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจร่างกายเฟิงเจิ้งหลีแข็งทื่อเฟิงเย่เสวียนราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เจ็บแปลบที่หัวใจ เกือบจะเป็นลมหมดสติ กระโดดขึ้นบนหลังม้าที่เร็วที่สุด ควบมันวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง“ฉู่เชียนหลี!”เสียงกรีดร้องใจแทบสลาย น้ำตาไหลนอง“เจ้าจะให้ข้าใช้ชีวิตที่เหลือต่ออย่างไร!”ฉู่เชียนหลีเอามือจับกำแพงอย่างอ่อนแรง เลือดทะลักไหลออกจากบาดแผล ชีวิตค่อยๆ หมดลงอย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าแปลกคือ สายตาของนางชัดเจนมาก ถึงขั้นสามารถมองเห็นใบหน้าของทุกคนได้อย่างชัดเจนท่าทางที่น่าอนาถของเหล่าทหาร…เฟิงเจิ้งหลีตะลึง…เฟิงเย่เสวียนปวดใจ…มองดูสนามรบที่นองเลือด ทหารที่ตายไปแล้ว และการจ้องมองของผู้คนนับไม่ถ้วน ในสายตาของพวกเขา มากกว่านั้นคือความโล่งอกเพราะนางตายแล้ว สงครามก็จบแล้วนางตายแล้ว ทหารมากมายก็ไม่ต้องตายแล้วน่าแปลก น่าไม่รู้สึกเจ็บ กลับกันยังผ่อนคลายมาก เหมือนว่าในที่สุด ก้อนหินยักษ์ที่ทับอยู่บน
ปัง…ฉู่เชียนหลีตกลงไปในอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียน แรงเฉื่อยอันมหาศาลพาทั้งสองล้มกระแทกพื้น กลิ้งออกไปสี่ห้ารอบ ฝุ่นฟุ้งกระจายเลือดของนาง สาดลงสู่พื้นดิน ย้อมฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดง ค่อยๆ เปลี่ยนจากอุ่นไปเป็นเย็น… เป็นความเย็นที่สิ้นหวัง…ฝ่ามือที่สั่นเทาของเฟิงเย่เสวียน จับข้อมือของนางเบาๆชีพจรหยุดเต้นแล้ว…หยุดหายใจแล้วนางนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา กระโปรงสีขาวเหมือนกับหิมะ ขาวจนบริสุทธิ์ เสื้อสีแดงเหมือนกับดอกไม้ แต่งแต้มลงบนกระโปรงสีขาวศีรษะเอียง ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา หลับตาแน่น ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย และมีเลือดเปื้อนที่แก้ม ทำให้น่าตาของนางดูอิ่มเอิบและเปล่งปลั่ง เหมือนกับว่านอนหลับอย่างสงบนอนหลับตลอดไปท่าทางที่สงบของนาง เหมือนกำลังอยู่ในฝันอันสวยงามที่ไม่มีวันตื่นอีกฉู่เชียนหลีตายแล้วตอนที่เฟิงเย่เสวียนตระหนักถึงเรื่องนี้ หลุบตา จ้องใบหน้าของนางอย่างลึกซึ้งพริบตาเดียว ฉากมากมายวนกลับมาในสมองความรังเกียจที่พบกันครั้งแรก ท่าทางตอนแต่งงาน ความใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกัน หยอกล้อกัน สงสัยกัน จับมือกันแต่ละฉาก ชัดเจนมากใบหน้าทั้งหมดล้วนเป็นของนางรู้สึกได้ถึงร่างกา
คุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องไห้เหมือนเด็กทหารตกใจจนเบิกตากว้าง พวกเขาเคยเห็นฝ่าบาทอ่อนแอเช่นนี้เมื่อไร? แต่พวกเขาทุกคนก้มหน้า ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นรู้สึกตกใจมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วีรบุรุษยากจะผ่านด่านหญิงงามแม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่มีข้อยกเว้นบางครั้ง ผู้หญิงก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าแผ่นดิน อยู่เหนือใต้ฟ้าผ่านไปเนิ่นนานเฟิงเจิ้งหลีเงยหน้า ยันกระบี่ ค่อยๆ ลุกขึ้น มองฉู่เชียนหลีครั้งสุดท้ายอย่างจริงจังแวบหนึ่งลึกซึ้งและเศร้าโศก…หลังจากนั้นดึงกระบี่ออกมา ปีนขึ้นหลังม้า กล่าวเสียงแหบ“ชีวิตนี้ เราจะไม่ก้าวเจียงหนานอีกแม้แต่ครึ่งก้าว…ถอนทัพ!”หมุนกายควบม้าจากไปฉู่เชียนหลี ในเมื่อนี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายของเจ้า ข้าเคารพเจ้า ข้าทำให้เจ้า เจ้าเป็นห่วงเด็กสองคนนั้นจนลมหายใจสุดท้าย ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเขาเด็ดขาดเพียงแต่…ชาติหน้า…เจอข้าก่อนได้หรือไม่…ฮองเต้หลีถอนทัพ กองทัพของแคว้นซีอวี้เห็นองค์ชายใหญ่มาแล้ว จึงจะรู้ว่าองค์ชายรองแพ้แล้ว แคว้นซีอวี้ในปัจจุบัน คือใต้ฟ้าขององค์ชายใหญ่ พวกเขาย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวส่งเดช ล้วนเชื่อฟังแต่โดยดีส่วนจิ่งอ
จวินชิงอวี่เหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนหัวใจ เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกแล้วมาถึงเจียงหนานวันแรก โรคร้อนกำเริบ ล้มอยู่บนพื้น ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายฉู่เชียนหลีเป็นคนช่วยเขาฉู่เชียนหลีรักษาโลกร้อนของเขาเขาเขากลับไม่เชื่อนาง ใช้มีดสั้นแทงทะลุหัวไหล่ของนางด้วยมือตัวเอง ตรึงนางไว้บนกำแพง และยังเตะนางกระเด็นออกไปหลายเมตรและเมื่อครู่นี้เอง เขายังตบหน้านางด้วยจวินชิงอวี่ยกมือขวาที่สั่นเทา มองดูฝ่ามือใหญ่ที่สะอาดจนเห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจน นิ้วมือเรียวยาว เช่นนั้น สวยงามเช่นนั้น กลับเปื้อนไปด้วยเลือดที่มองไม่เห็นเลือดของน้องสาว!เช็ดไม่ออก ลืมไม่ได้ ล้างไม่สะอาด มันจะกลายเป็นความเจ็บปวดที่ทำให้เขาไม่สามารถเงยหน้าสู้ผู้คนทั้งชีวิต… จวินอี้หลินจุกในลำคอ อดเบ้าตาแดงไม่ได้“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…”มองดูศพของฉู่เชียนหลี เขาเซถอยหลังสี่ห้าก้าวอย่างเศร้าโศก “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…”คืนนั้น ฉู่เชียนหลีกำลังจะปีนขึ้นกำแพงเมือง หนีเอาชีวิตรอด เขากลับใช้กระบี่ตัดเชือกขาด ตัดความหวังเพียงหนึ่งเดียวของนางขาดเวลานั้นตอนที่ฉู่เชียนหลีตก สายตาที่มองไปทางเขา ตะลึง ไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถ
ทำเนียบเฟิงเย่เสวียนลงจากม้า อุ้มร่างกายของฉู่เชียนหลีไว้อย่างระมัดระวัง เหมือนกลัวว่าจะปลุกนางตื่นอุ้มนางเข้าจวน กลับห้องนอนปิดประตูตัดขาดจากทุกสิ่งจากสนามรบมาถึงที่นี่ ตลอดทางมานี้ เขาปิดปากแน่น ไม่พูดสักคำ เหมือนคนใบ้ภายในห้องนอน หน้าต่างก็ปิดไว้ เงียบสงัด เงียบจนสามารถได้ยินเสียงของเข็มหล่น เงียบจนเหมือนกับไม่มีคนไม่มีใครรู้สถานการณ์ภายในห้อง และไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนทุกคนยืนอยู่ที่หน้าประตูลาน มองอยู่ห่างๆ อย่างเศร้าโศก น้ำตาร่วงลงพื้นอย่างเงียบๆอวิ๋นอิงจับกำแพง ทรุดลงกับพื้นอย่างเข่าอ่อน “ท่านไปทั้งเช่นนี้แล้ว…ไม่แม้แต่จะพบเว่นซีกับจื่อเยี่ยครั้งสุดท้ายก่อนเลย…ไปทั้งเช่นนี้แล้ว…”“ลูกของข้า!”ฮองเฮาหนานยวนที่ตามมาด้วยร้องไห้มาตลอดทาง เสียงแหบจนฟังไม่รู้เรื่อง ตาแดงจนแทบจะบอดแล้ว“ข้าขอโทษ ลูกแม่ ข้าติดค้างเจ้ามากมายหรือเกิน ล้วนเป็นความผิดของแม่!”หน้าคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูลาน ร่างกายหมอบอยู่ตรงบันได ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ“ข้าคิดมาโดยตลอด ขอแค่ข้าดีกับยวนเอ๋อร์ พ่อแม่ของยวนเอ๋อร์ก็จะดีกับเจ้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!”“เจ้าอยู่แค่ตรงหน้าข้า
ฮองเฮาหนานยวนเข้าใกล้เด็กด้วยความเศร้าโศก แต่เพิ่งยื่นมือออกไป ก็ถูกเว่ยซีตบทิ้ง “ท่านแม่!”เว่ยซีเกลียดการสัมผัสของนาง กอดคอ ซุกเข้าไปในอ้อมแขนของอวิ๋นอิง และร้องไห้ด้วยความเสียใจ“ท่านแม่…ฮือๆๆ…จะเอาท่านแม่…”นางสะอึกสะอื้น ตาเม็ดใหญ่ไหลออกจากหางตา ร้องไห้จนปลายจมูกแดงแล้วฮองเฮาหนานยวนเห็นแล้วปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด“จื่อเยี่ย…”เพิ่งยื่นมือออกไป จื่อเยี่ยใช้เท้าน้อยๆ เตะมือของนางทิ้ง มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเสียวอู่ไม่สนใจนางเลย“อ๊ะ!”ฮองเฮาหนานยวนเห็นดังนี้ จิตใจแทบพังทลายแล้วจนถึงปัจจุบันลูกชายสามคนยังไม่แต่งงานมีลูก เด็กสองคนนี้คือหลายชายและหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวของนาง ครอบครัวอื่น คนสามรุ่นอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างมีความสุขแต่นาง ขณะเดียวกับที่หาลูกสาวเจอก็สูญเสียลูกสาว และสูญเสียหลานสองคนนี้ เหมือนกับว่าในหนึ่งวัน เรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในใต้ฟ้า ล้วนเกิดขึ้นกับนางนางร้องไห้ด้วยความเสียใจจนเสียงแหบแล้ว“ถ้าไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายในชีวิต ทำความดีมาโดยตลอด ที่ตนให้กับพระพุทธศาสนา สวรรค์ เหตุใดท่านทำกับข้าเช่นนี้! หัวใจของข้าเจ็บเหลือเกิน! อ๊ะ! ลูกของข้า หลานชายหลานส
ปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด ร่างกายเซไปมา เสียใจมากเกินไป พลันภาพตรงหน้ามืด ล้มลงบนพื้นเป็นลม“เสด็จแม่!”จวินอวี้หยางและคืนอื่นร้อนใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว“เสด็จแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง!”“เสด็ดแม่…”“ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”พวกเขารีบประคองฮองเฮาหนานยวนที่หนานยวนเหมือนกระดาษ ผู้ติดตามวิ่งเข้าวิ่งออกอย่างตื่นตระหนก คนที่เรียกคนก็เรียกคน คนที่หาหมอก็หาหมอแต่ที่น่าตลกคือ…พ่อบ้านบอกว่าทำเนียบเล็ก ไม่มีห้องว่างแล้วฮองเฮาหนานยวนทำได้เพียงนอนอยู่บนพื้น รอหมอมารักษาจุดที่ไม่ไกลนักจวินลั่วยวนยืนอยู่ที่ใต้ต้นไห่ถัง กัดเล็บหัวแม่มือดังกรอบแกรบ ดวงตาที่กลมโตมองไปทางห้องของอ๋องเฉินในดวงตาที่สุกใสกลมโต เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและหวานซึ้ง เหมือนกับเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความโหดร้ายของโลกใบนี้มุมปากกลับเผยอเป็นเส้นโค้งแปลกๆในที่สุดก็ตายแล้ว…แหอๆต่อให้เสด็จแม่รู้เบาะแสของลูกสาวแท้ๆ แล้วอย่างไร? ทุกอย่างมันสายไปแล้ว นางยังคงเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นหนานยวน และน้องหญิงที่ถูกเสด็จพี่ทั้งสองคนรักกลับกัน นางสามารถใช้ความอาลัยอาวรณ์ที่เสด็จแม่มีต่อหลาน
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท