ใบหน้าน้อยที่งดงามของนาง ปากมุ่ยเล็กน้อย กล่าวอย่างคับข้องใจ“เสด็จพี่รอง วันก่อนนางตบข้า ท่านดูหน้าของยวนเอ๋อร์สิ ตอนนี้ยังมีรอยอยู่เลย”จวินอี้หลินเข้าใจทันที เขาเดินเข้าไป ยกฝ่ามือขึ้น ก็เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของฉู่เชียนหลีเพียะ!เสียงดัง ชัดเจนฉู่เชียนหลีด้นตบจนปิ่นปักผมเอียง เส้นผมกระจัดกระจาย มีรอยฝ่ามือปรากฏขึ้นที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว เจ็บจนชาหูอื้อเล็กน้อยนางตั้งสติสิบกว่าวินาที จึงจะหันไปมองจวนลั่วยวนอย่างแข็งทื่อ“คืนก่อน ตอนถอนกำลัง เจ้ากรีดร้องอย่างสติแตก เสียงดึงดูดทหารตามมา เหตุใดข้าตบเจ้า ในใจเจ้ารู้ดี”จวินลั่วยวนไม่สนใจคำพูดของนางหันไปกล่าวกับจวินชิงอวี่“เสด็จพี่สาม ท่านเห็นแผลบนแขน บนคอ บนขา บนเอวของข้าหรือไม่? ฉู่เชียนหลีผลักข้าตบหน้าผา หน้าผาแห่งนั้นสูงชันถึงห้าหกสิบเมตร ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าดวงแขน คงตายไปนานแล้ว”บาดแผลบนร่างกายไม่โกหกสายตาของจวินชิงอวี่ผิดหวัง“ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”พลันเหวี่ยงฝ่ามือ ตบใส่ใบหน้าฉู่เชียนหลีฝ่ามือตบโดนหู ตบจนต่างหูของนางหลุด ตะขอที่แหลมคมเกี่ยวจนติ่งหูเป็นรูโดยตรง เลือดสดๆ ไหลลงไปข้างล่างฉู่เชียนหลีตั้งสติครู่หนึ
ฉู่เชียนหลีเรื่องนี้กะทันหัน รู้สึกตกใจ ตะลึง และประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าแคว้นหนานยวนที่อยู่เคียงข้างมานาน จะเป็นหมาป่าชั่วที่เฟิงเจิ้งหลีส่งมา!จวินอวี้หยางกล่าวโดยตรง“บอกตามตรง ข้าเป็นคนระเบิดสะพานบนแม่น้ำอูหลานเอง”“ข้าจงใจทำลายสะพาน ตัดทางถอยของอ๋องเฉิน แล้วล่ออ๋องเฉินข้ามแม่น้ำมาอยู่ในถิ่นของฮ่องเต้หลี เพื่อจับเต่าในไห”เขาเล่าความจริงออกมาอย่างเย็นชาและโหดร้าย“วันนี้ อ๋องเฉินต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”ไฟแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นในอกฉู่เชียนหลี แทบระเบิดออกมาแล้ว“อ๊ะ!”นางพุ่งเข้าไป กระชากคอเสื้อของจวินอวี้หยาง กล่าวด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! อ๊ะ! พวกเจ้าไม่รักษาคำพูด พวกเจ้าโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!”ที่แท้ นี่เป็นแผนลวงสุดท้าย โดนแคว้นหนานยวนกับเฟิงเจิ้งหลีปั่นจนหัวหมุนจวินอวี้หยางหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“ความโหดร้าย คือเนื้อแท้ของสงคราม”“ทหารไม่รังเกียจกลอุบาย”“ข้าคงพูดได้แค่ว่า เฟิงเย่เสวียนยังเกินไป”“อ๊ะ!”ฉู่เชียนหลีโกรธจนตาแดง ยกมือก็จะชกหมัดออกไป กลับถูกจวินอวี้หยางเตะจนลอยกระเด็นออกไปเจ็ดแปดเมตร ชนใส่ชั้นวางอาวุธ ล้มลงพื้น กระอักเลือดจวิน
ตอนนั้น นางตามฮ่องเต้หนานยวนไปร่วมงานเลี้ยงห้าแคว้นที่แคว้นตงหลิง ถูกคนชั่วลอบทำร้าย หลังจากพรากกับฮ่องเต้หนานยวน ท้องที่ถึงกำหนดคลอดก็เจ็บครรภ์ เพิ่งคลอดลูกสาวออกมา ก็ถูกไล่ล่านางคิดว่าสิ้นหวังแล้ว เพื่อให้ลูกสาวมีชีวิตรอดต่อไป จึงได้เปลี่ยนลูกกับผู้หญิงชาวนาคนหนึ่งหลังจากนั้นได้รับความช่วยเหลือ อยากจะตามหาลูกสาว แต่ผู้หญิงชาวนาคนนั้นก็เหมือนกับระเหยไปในอากาศ หายไปอย่างไร้ร่องรอยการตามหาครั้งนี้ ดำเนินมาสิบเจ็ดปีหาอย่างไรก็หาไม่เจอเรื่องนี้เป็นเหมือนหนามที่ติดอยู่ในใจนาง ถ้าหากหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอ นางก็นอนตายตาไม่หลับเมื่อพวกจวินอวี้หยางได้ยิน ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ“ยวนเอ๋อร์…ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ?”“ท่านปิดบังเรื่องนี้สิบเจ็ดปี?”“เหตุใดไม่บอกพวกเราแต่แรก? พวกเราจะได้ช่วยท่านตามหา?”ฮองเฮาหนานยวนยิ้มอย่างขมขื่น “สุขภาพของเสด็จพ่อพวกเจ้าไม่ดี ทำงานหนักจนป่วย รับเรื่องที่สะเทือนใจเช่นนี้ไม่ไหว ข้าจะกล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาได้อย่างไร”นางมองจี้หยกในมืออย่างลึกซึ้ง“เศษจี้หยกชิ้นนี้ก็คือของแทนใจ”“พวกเจ้าคิดว่าข้าจ้องจี้หยกจนเหม่อลอย เพราะคิดถึงความรักที่ฮ่องเต้หนานยวนมี
บนสนามรบ การฆ่าฟันเด็ดขาด นองเลือด ดุเดือดมากฉู่เชียนหลีขี่ม้าเร็ว ตอนที่ไปถึง ทุกสิ่งที่มองเห็น…เลือดไหลเป็นแม่น้ำ ศพกองเป็นภูเขา เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทหารที่ล้มอยู่บนพื้นบางคนแขนขาด บางคนขาขาด…นรกบนดินกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นที่ลอยมาเตะจมูก ทำให้แทบหายใจไม่ออกเสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดที่ลอยเข้าหู แทบทำให้แก้วหูแตกมีคนตายมากมาย…ทหารคนหนึ่งถูกแทงที่ท้อง พิงอยู่บนร่างของศพอีกหนึ่งศพ เขาหายใจรวยริน นอนรอความตาย มือที่เต็มไปด้วยเลือด กำกุญแจอายุยืน[1]สีเงินไว้ ปากก็พึมพำ“เสียวเป่า พ่อคงกลับไปไม่ได้แล้ว เจ้าต้องเติบโตอย่างแข็งแรง ต้องเชื่อฟังแม่ของเจ้า หลังจากเติบโตแล้ว ต้องปกป้องแม่ของเจ้า…”ทหารคนหนึ่งมีลูกธนูเจ็ดแปดดอกปักอยู่บนร่างกาย จนเหมือนกับตัวเม่น แต่กลับกอดจดหมายอันล้ำค่าที่ถูกส่งมาจากบ้านไว้แน่น กล่าวอย่างหายใจรวยริน“ท่านพ่อ ท่าแม่ ลูกอกตัญญู ไม่สามารถเลี้ยงและส่งพวกท่านตอนแก่เฒ่า…”“ชุ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรแต่งงานกับเจ้าตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน ข้าทำให้เจ้าเสียโอกาสทั้งชีวิต!”“อ๊ะ…”บางคนสู้ บางคนตาย บางคนตะโกนด้วยความโกรธ บางคนกรีดร้อง… ภาพต่างๆ
มองดูภาพเหล่านั้น ฉากแต่ละฉากสะท้อนเข้ามาในแววตาของฉู่เชียนหลี เศร้าโศก สลด สังเวช สิ้นหวัง…ในลำคอของนาง ราวกับมีเลือดติดอยู่ กลืนไม่ลง คายไม่ออก แม้แต่หายใจยังต้องใช้แรงรู้สึกแสบตาปากพึมพำ “เลิกสู้กันได้แล้ว…”นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลย นางไม่ควรกลายเป็นสาเหตุของสงคราม นางจะแบกบาปที่หนักอึ้งเช่นนี้ไหวได้อย่างไรต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย จึงจะจบหรือ?แต่ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนตาย แล้วนางจะอยู่อย่างไร? แต่ถ้าหากพวกเขาตาย ทิ้งลูกสองคนที่อายุยังน้อยไว้ นางก็ทำไม่ลงเฟิงเย่เสวียนตายไม่ได้การต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นต้องจบโดยเร็วแต่คนเยอะเกินไป วุ่นวายเกินไป ไม่มีใครสนใจนางเลย ต่อให้นางตะโกนจนกล่องเสียงแตก ก็หยุดสงครามไม่ได้ฉู่เชียนหลีหายใจเข้าลึกๆ โน้มกายกะทันหัน เก็บกระบี่ที่เปื้อนเลือดเล่มหนึ่งจากพื้น หันหัวม้า ควบขี่ม้ามุ่งไปที่ด้านหนึ่ง วิ่งขึ้นกำแพงเมืองด้วยความเร็วสูงสุด ตะโกนเสียงดัง “เลิกสู้กันได้แล้ว!”เวลานี้เอง มีคนเห็นร่างเงาเพรียวบางสีขาวสายหนึ่งยืนอยู่บนกำแพงที่สูงตระหง่านกระโปรงพริ้วไหว รูปร่างบาง ใช้กระบี่ยาวพาดบนคอของตัวเอง ร่างเงาสีขาวกับเทียบก
“แล้วก็ ข้าไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อแคว้นหนานยวน”“ยาพิษที่ฮองเฮาโดน เป็นฝีมือของจวินลั่วยวน เรื่องโรคร้อนขององค์ชายสาม ก็เป็นจวินลั่วยวนที่อยากฆ่าเขา องค์ชายรองติดอยู่ในค่ายศัตรู จวินลั่วยวนอยากหนีด้วยความเห็นแก่ตัว ข้าเป็นคนลากนางกลับมา จึงสามารถช่วยองค์ชายรองออกมาได้”“แม้องค์ชายใหญ่เคยช่วยข้าหนึ่งครั้ง แต่การตบเหล่านั้น…ก็ถือว่าข้าตอบแทนเขาแล้ว”นางเลียมุมปากที่แตกใบหน้ายังคงเฉยชา ภาพที่สี่แม่ลูกผลัดกันตบหน้านาง ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในสมองตบแต่ละครั้ง ล้วนเหวี่ยงอย่างสุดกำลังราวกับนางเป็นคนบาปที่ไม่ควรได้รับการให้อภัย“จวินลั่วยวนดื่มยาเอง แล้วใส่ร้ายข้า ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายเช่นนี้ สามารถมองออกในปราดเดียว แต่พวกเขาไม่เชื่อ…”“สักวัน พวกเขาจะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของจวินลั่วยวน รอพวกเขารู้ความจริงแล้ว ถึงตายข้าก็ไม่ให้อภัย!”เสียงของนางเย็นชา ไร้ความรู้สึกใดๆไม่พูดเรื่องแย่ๆ พวกนี้แล้ว!แค่ขีดเส้นกับแคว้นหนานยวนให้ชัดเจน ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดก็พอ ชาตินี้นางไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับแคว้นหนานยวนอีก“เฟิงเจิ้งหลี เลิกสู้กันได้หรือไม่?”“เป็นไปไม่ได้!”เฟิงเจิ้งหลีปฏิเสธ
กระบี่ตกลงสู่พื้น เลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาเปล่งแสงประกายระยิบระยับภายใต้แสงแดด เลือดอุ่นๆ ย้อมก้อนอิฐกำแพงเมืองกลายเป็นสีแดง นางเซคุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่ง หน้าซีดเผือกราวกับกระดาษทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจร่างกายเฟิงเจิ้งหลีแข็งทื่อเฟิงเย่เสวียนราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เจ็บแปลบที่หัวใจ เกือบจะเป็นลมหมดสติ กระโดดขึ้นบนหลังม้าที่เร็วที่สุด ควบมันวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง“ฉู่เชียนหลี!”เสียงกรีดร้องใจแทบสลาย น้ำตาไหลนอง“เจ้าจะให้ข้าใช้ชีวิตที่เหลือต่ออย่างไร!”ฉู่เชียนหลีเอามือจับกำแพงอย่างอ่อนแรง เลือดทะลักไหลออกจากบาดแผล ชีวิตค่อยๆ หมดลงอย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าแปลกคือ สายตาของนางชัดเจนมาก ถึงขั้นสามารถมองเห็นใบหน้าของทุกคนได้อย่างชัดเจนท่าทางที่น่าอนาถของเหล่าทหาร…เฟิงเจิ้งหลีตะลึง…เฟิงเย่เสวียนปวดใจ…มองดูสนามรบที่นองเลือด ทหารที่ตายไปแล้ว และการจ้องมองของผู้คนนับไม่ถ้วน ในสายตาของพวกเขา มากกว่านั้นคือความโล่งอกเพราะนางตายแล้ว สงครามก็จบแล้วนางตายแล้ว ทหารมากมายก็ไม่ต้องตายแล้วน่าแปลก น่าไม่รู้สึกเจ็บ กลับกันยังผ่อนคลายมาก เหมือนว่าในที่สุด ก้อนหินยักษ์ที่ทับอยู่บน
ปัง…ฉู่เชียนหลีตกลงไปในอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียน แรงเฉื่อยอันมหาศาลพาทั้งสองล้มกระแทกพื้น กลิ้งออกไปสี่ห้ารอบ ฝุ่นฟุ้งกระจายเลือดของนาง สาดลงสู่พื้นดิน ย้อมฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดง ค่อยๆ เปลี่ยนจากอุ่นไปเป็นเย็น… เป็นความเย็นที่สิ้นหวัง…ฝ่ามือที่สั่นเทาของเฟิงเย่เสวียน จับข้อมือของนางเบาๆชีพจรหยุดเต้นแล้ว…หยุดหายใจแล้วนางนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา กระโปรงสีขาวเหมือนกับหิมะ ขาวจนบริสุทธิ์ เสื้อสีแดงเหมือนกับดอกไม้ แต่งแต้มลงบนกระโปรงสีขาวศีรษะเอียง ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา หลับตาแน่น ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย และมีเลือดเปื้อนที่แก้ม ทำให้น่าตาของนางดูอิ่มเอิบและเปล่งปลั่ง เหมือนกับว่านอนหลับอย่างสงบนอนหลับตลอดไปท่าทางที่สงบของนาง เหมือนกำลังอยู่ในฝันอันสวยงามที่ไม่มีวันตื่นอีกฉู่เชียนหลีตายแล้วตอนที่เฟิงเย่เสวียนตระหนักถึงเรื่องนี้ หลุบตา จ้องใบหน้าของนางอย่างลึกซึ้งพริบตาเดียว ฉากมากมายวนกลับมาในสมองความรังเกียจที่พบกันครั้งแรก ท่าทางตอนแต่งงาน ความใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกัน หยอกล้อกัน สงสัยกัน จับมือกันแต่ละฉาก ชัดเจนมากใบหน้าทั้งหมดล้วนเป็นของนางรู้สึกได้ถึงร่างกา
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท