“เลิกดิ้นรนได้แล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นยืน สองมือยันโต๊ะ โน้มกายเข้าไปใกล้นางจากที่สูง แววตาเปล่งแสงที่เกือบจะดื้อดึงและบ้าคลั่ง“ไปกับข้า!”“ลู่ฉินร้องไห้ทุกวัน นางคิดถึงเจ้ามาก ข้า…ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”กลืนลูกกระเดือกเงียบๆเขารู้สึกจุกในลำคอ ชาตินี้จะไม่มีวันปล่อยมือจากนางฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดดแรงเกินไป หรือเม็ดทรายเข้าตา นางรู้สึกแสบตา สายตาก็เริ่มพร่ามัวอย่างไม่สามารถควบคุม“ถ้าหากข้าไม่ตกลง อย่างไรเจ้ากับเฟิงเย่เสวียนก็ต้องสู้กันหรือ?”“ไม่มีทางเลือกที่สองแล้วจริงๆ หรือ?”เฟิงเจิ้งหลีกล่าว “นอกจากเขาตาย”ในความเป็นจริง เขาก็ไม่มีทางชนะ!“ข้าได้รับการสนับสนุนจากแคว้นซีอวี้แล้ว ขณะเดียวกัน ยังกำลังติดต่อแคว้นเป่ยหนิง ถึงเวลา พวกเราสามแคว้นร่วมมือกัน เฟิงเย่เสวียนกับแคว้นหนานยวนจะสามารถต่อกรได้อย่างไร?”เมื่อไรที่สู้กัน เฟิงเย่เสวียนแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเขาพูดจบ เห็นน้ำตาที่หางตาของนางเขาอึ้งไปครู่หนึ่ง“ร้องไห้อะไร?”ปลายนิ้วที่หยาบกระด้างของเขาแตะตรงหางตานาง เช็ดหยดผลึกใสอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า หลังจากสงครามสิ้นสุดล
ฟิ้ว…ทันใดนั้น เสียงแหลมคมที่ดุดัน และมาพร้อมกับจิตสังหารอันเย็นยะเยือกสายหนึ่งพุ่งทะลุอากาศ ปลายธนูส่องแสงแวววาวภายใต้แสงแดดเสียงตัดผ่านอากาศ ราวกับเสียงคำรามของหงส์ พุ่งตรงไปหาเฟิงเจิ้งหลี“ซี้ด!”เขาถูกบังคับให้ปล่อยฉู่เชียนหลี เซถอยหลังสี่ห้าก้าวรู้สึกเจ็บที่แก้มเมื่อยกมือขึ้นจับ มีเลือดเงยหน้ามองไป บนผืนทรายที่กว้างใหญ่ เสียงกีบเท้าดังลั่น เฟิงเย่เสวียนขี่ม้ามา แม้อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลัง เขา มาแล้ว!เฟิงเจิ้งหลีเลียมุมปากที่แห้งผาก นำเลือดที่ปลายนิ้วไปทาบนริมฝีปากบาง เขายิ้มอย่างชั่วร้าย“เหอะ!”มาได้พอดี!ระหว่างพวกเขา สักวันก็ต้องสู้กันเขารอวันนี้มานานมากแล้วพรุ่งนี้ ให้พวกเขารู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย!ฮ่าๆๆ!เฟิงเจิ้งหลีปีนขึ้นหลังม้า จับสายบังเหียน ก้มมองฉู่เชียนหลี กล่าวอย่างจองหอง “ฉู่เชียนหลี วันนี้ปล่อยเจ้าไปก่อน เจ้าอาบน้ำรอข้าได้เลย”“ไม่เกินสามวัน เจ้าจะเป็นคนของข้า!”“ชีวิตที่เหลือของเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าจากไปอีกแม้แต่ครึ่งก้าว!”ทิ้งคำพูดที่โอ้อวดถึงขีดสุดไว้ กวาดมองอ๋องเฉินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หันม้าจากไป
จวินลั่วยวนร้องไห้ฟูมฟาย เพราะโดนวางยา แก้มของนางแดงระรื่น หายใจถี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ถูกตัวเองดึงจนหลุดลุ่ย เผยให้เห็นเนินอกที่ขาวนวล ท่าทางเหมือนถูก ‘ล่วงละเมิด’เสียงตะโกนดึงดูดฝูงชน“ยวนเอ๋อร์!”จวินอี้หลินวิ่งเข้าไปถึบทหารสองคนที่บังอาจจนล้มด้วยสายตาเย็นชา ถอนเสื้อเพ้าชั้นนอก คลุมร่างกายของนางกล่าวด้วยความโกรธ“ไปก็ได้ ลากสองคนนี้ออกไปสับเลี้ยงสุนัข!”ฮองเฮาหนานยวน จวินชิงอวี่ จวินอวี้หยางและคนอื่นก็รีบมาเช่นกัน สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่ฉู่เชียนหลี“เจ้าอีกแล้ว!”จวินอี้หลินเป็นคนแรกที่หาเรื่องฉู่เชียนหลีเดินเข้าไปก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไปฉู่เชียนหลีถอยหลังสามก้าว หลบได้ สายตาอันเฉียบคมมองตรงไปที่จวินลั่วยวน “เจ้าทำอะไร รู้ดีอยู่แก่ใจ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว จวินลั่วยวน ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายเจ้า” จวินลั่วยวนดึงเสื้อผ้าบนร่างกาย สะอึกเบาๆ หลั่งน้ำตาลเงียบๆ“ฉู่เชียนหลี แม้ข้าชอบอ๋องเฉิน แต่ข้าเคารพเจ้ามาก และไม่มีเจตนาล่วงเกินเขา เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ข้าทำอะไรเจ้า?”ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ กล่าวด้วยความสงสัย“คนที่ชอบอ๋องเฉินมีเยอะแยะ ข้ากลับหาเรื
สิ้นเสียง กอดฉู่เชียนหลีเดินจากไปจวินลั่วยวนโกรธจนกัดฟันแน่น สายตาของนางแทบจะจ้องหลังของฉู่เชียนหลีเป็นรู“เสด็จแม่ เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่รอง เสด็จพี่สาม พวกท่านต้องเชื่อยวนเอ๋อร์นะ ฉู่เชียนหลีเลวมาก! ข้าเป็นเด็กผู้หญิงที่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย จะมียาเช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลีเป็นทักษะการแพทย์ นางมียามากมาย โดยเฉพาะยาพิษ”“นางเป็นคนวางยาข้า…”ทุกคนยืนอยู่ตรงที่เดิม มองหน้ากันแวบหนึ่ง สื่อสารกกันอย่างไร้เสียงค่ายทหารคืนนี้ สงบเป็นพิเศษ สายลมพัดพริ้วในอากาศ ใบไม้ร่วงปลิวไสว เป็นสัญญาณของความสงบครั้งสุดท้าย ก่อนสงครามจะปะทุขึ้นพายุฝนกำลังจะมาแล้วใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่างเงาสองสายนั่งติดกันฉู่เชียนหลีขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเฟิงเย่เสวียน พลางสูดดมกลิ่นกายของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ตอนนี้เว่ยซีกับจื่อเยี่ยน่าจะนอนแล้วกระมัง?”เขากุมมือที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้ในฝ่ามือ“ยังเช้าอยู่”“วันที่เจ้าไม่อยู่ พวกเขานอนดึกตลอด”ลูกโตแล้ว ไม่ได้เงียบเหมือนตอนเด็ก เดินไปเดินมาจะหาแม่ทั้งวันฉู่เชียนหลีนึกถึงลูกทั้งสองคน สายตาสับสนเล็กน้อย “เมื่อก่อนข้าไม่อยู่ พวกเขาก็สบายดีไม่ใช่หรือ?”
ฉู่เชียนหลีตื่นตัวทันที เลิกม่าน เดินออกไป เห็นทหารวิ่งไปมา เสียงตะโกนดังไปทั่ว บรรยากาศตึงเครียดผู้ได้มารับบาดเจ็บถูกหามกลับมาอย่างต่อเนื่องนางดึงทหารคนหนึ่งไว้ “รายงานสถานการณ์สงครามล่าสุดให้ข้าฟัง”ทหารตอบอย่างเร่งรีบ “พระชายา เมื่อสองเค่อก่อน ฮ่องเต้หลีบุกโจมตีกะทันหัน ท่านอ๋องนำทัพไปรับมือ กองทัพของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้กันอย่างสูสี ตอนนี้ยังไม่มีใครตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัดขอรับ”หลังจากนั้นหนึ่งเค่อทหารวิ่งมารายงานอีก“พระชายา สถานการณ์ไม่สู้ดี กองทัพของแคว้นซีอวี้เข้าร่วมการต่อสู้ สนับสนุนฮ่องเต้หลี ท่านอ๋องกำลังเสียเปรียบ”หลังจากนั้นหนึ่งเค่อทหารที่ใบหน้าเปื้อนเลือดคนหนึ่งวิ่งกลับมา“แย่แล้ว! แย่แล้ว! พระชายา! แคว้น…แคว้นหนานยวนผิดคำพูด! พวกเขาไม่ยอมส่งทหารออกไป!”ฉู่เชียนหลีตะลึงแคว้นหนานยวนไม่ยอมส่งทหารออกไป เท่ากับว่าเฟิงเย่เสวียนต้องสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเฟิงเจิ้งหลีและแคว้นซีอวี้เพียงลำพังเมื่อเทียบกันแล้ว ไม่มีโอกาสชนะเลย“เหตุใดพวกเขาไม่ส่งทหารออกไป?”“ไม่ ไม่ทราบขอรับ! พวกเขา…พวกเขายืนดูเฉยๆ…ท่านอ๋องถูกปิดล้อม…ไม่ไหว ไ
จวินลั่วยวนยิ้มอย่างเหยียดหยาม“เวลาที่เจ้าแสดงละคร ช่างงดงามจริงๆ”หันกลับไป ก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของจวินอี้หลิน กล่าวอย่างน่าเวทนา “เสด็จพี่รอง ข้าไม่ชอบนางเลย ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของนาง ก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน”“เมื่อวาน ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกท่านมาทันเวลา เกรงว่าข้าถูกล่วงละเมิดแล้ว”ดังนั้น แคว้นหนานยวนจะไม่ส่งทหารออกไปและเมื่อไม่ส่งทหารออกไป เฟิงเย่เสวียนก็จะตายสายตาที่เกลียดชังของฉู่เชียนหลีมองไปทางจวินลั่วยวน นางอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกหน้ากากที่จอมปลอมของนาง และตบแรงๆ สองสามทีเสียเดี๋ยวนี้“วันนี้ ถือว่าข้าได้รู้จักนิสัยของคนหนานยวนแล้ว!”ทุกคนเลิกคิ้วเหตุใดเหมือนเป็นพวกเขาที่ทำผิดต่อนาง?คนที่ควรจะรู้สึกผิดคือนางไม่ใช่หรือ?จวินอวี้หยางกล่าว “การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว กองทัพของแคว้นซีอวี้กับฮ่องเต้หลี ปิดล้อมอ๋องเฉินแล้ว อ๋องเฉินในเวลานี้ไม่มีทางให้ถอยแล้ว ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว ต่อจากนี้ก็อยู่แค่ว่าเขาจะทนได้อีกนานแค่ไหน”อ๋องเฉินแพ้แล้ว“ถ้าหากหนานยวนของเราส่งทหารออกไป ย่อมสามารถแก้ไขสถานการณ์ สนับสนุนอ๋องเฉิน ต่อกรกับฮ่องเต้หลี”“แต่ว่า…”เขาเงยหน้า สายตาที่เฉียบคมแ
ใบหน้าน้อยที่งดงามของนาง ปากมุ่ยเล็กน้อย กล่าวอย่างคับข้องใจ“เสด็จพี่รอง วันก่อนนางตบข้า ท่านดูหน้าของยวนเอ๋อร์สิ ตอนนี้ยังมีรอยอยู่เลย”จวินอี้หลินเข้าใจทันที เขาเดินเข้าไป ยกฝ่ามือขึ้น ก็เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของฉู่เชียนหลีเพียะ!เสียงดัง ชัดเจนฉู่เชียนหลีด้นตบจนปิ่นปักผมเอียง เส้นผมกระจัดกระจาย มีรอยฝ่ามือปรากฏขึ้นที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว เจ็บจนชาหูอื้อเล็กน้อยนางตั้งสติสิบกว่าวินาที จึงจะหันไปมองจวนลั่วยวนอย่างแข็งทื่อ“คืนก่อน ตอนถอนกำลัง เจ้ากรีดร้องอย่างสติแตก เสียงดึงดูดทหารตามมา เหตุใดข้าตบเจ้า ในใจเจ้ารู้ดี”จวินลั่วยวนไม่สนใจคำพูดของนางหันไปกล่าวกับจวินชิงอวี่“เสด็จพี่สาม ท่านเห็นแผลบนแขน บนคอ บนขา บนเอวของข้าหรือไม่? ฉู่เชียนหลีผลักข้าตบหน้าผา หน้าผาแห่งนั้นสูงชันถึงห้าหกสิบเมตร ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าดวงแขน คงตายไปนานแล้ว”บาดแผลบนร่างกายไม่โกหกสายตาของจวินชิงอวี่ผิดหวัง“ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”พลันเหวี่ยงฝ่ามือ ตบใส่ใบหน้าฉู่เชียนหลีฝ่ามือตบโดนหู ตบจนต่างหูของนางหลุด ตะขอที่แหลมคมเกี่ยวจนติ่งหูเป็นรูโดยตรง เลือดสดๆ ไหลลงไปข้างล่างฉู่เชียนหลีตั้งสติครู่หนึ
ฉู่เชียนหลีเรื่องนี้กะทันหัน รู้สึกตกใจ ตะลึง และประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าแคว้นหนานยวนที่อยู่เคียงข้างมานาน จะเป็นหมาป่าชั่วที่เฟิงเจิ้งหลีส่งมา!จวินอวี้หยางกล่าวโดยตรง“บอกตามตรง ข้าเป็นคนระเบิดสะพานบนแม่น้ำอูหลานเอง”“ข้าจงใจทำลายสะพาน ตัดทางถอยของอ๋องเฉิน แล้วล่ออ๋องเฉินข้ามแม่น้ำมาอยู่ในถิ่นของฮ่องเต้หลี เพื่อจับเต่าในไห”เขาเล่าความจริงออกมาอย่างเย็นชาและโหดร้าย“วันนี้ อ๋องเฉินต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”ไฟแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นในอกฉู่เชียนหลี แทบระเบิดออกมาแล้ว“อ๊ะ!”นางพุ่งเข้าไป กระชากคอเสื้อของจวินอวี้หยาง กล่าวด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! อ๊ะ! พวกเจ้าไม่รักษาคำพูด พวกเจ้าโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!”ที่แท้ นี่เป็นแผนลวงสุดท้าย โดนแคว้นหนานยวนกับเฟิงเจิ้งหลีปั่นจนหัวหมุนจวินอวี้หยางหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“ความโหดร้าย คือเนื้อแท้ของสงคราม”“ทหารไม่รังเกียจกลอุบาย”“ข้าคงพูดได้แค่ว่า เฟิงเย่เสวียนยังเกินไป”“อ๊ะ!”ฉู่เชียนหลีโกรธจนตาแดง ยกมือก็จะชกหมัดออกไป กลับถูกจวินอวี้หยางเตะจนลอยกระเด็นออกไปเจ็ดแปดเมตร ชนใส่ชั้นวางอาวุธ ล้มลงพื้น กระอักเลือดจวิน
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท