ชิงอินกับชิงเป่าขมวดคิ้วแน่น สามร้อยเหวินหรือ?ตระกูลลู่ยากจนขนาดนี้เชียว?“ข้าถามคือของเจ้า” ลู่เจาหลิงกลับไม่ได้เดินตามรอยของลู่เจาอวิ๋นเลยเจาลู่อวิ๋นแอบกัดฟันกรอดเหตุใดนังเด็กบ้านี่ถึงได้หลอกยากเช่นนี้?ลู่เจาหัวเป็นบุตรสาวอนุ ไม่ได้คลานออกมาจากครรภ์ของมารดานาง จะให้มากได้อย่างไร? “เพราะว่าข้ามักจะมีงานเลี้ยง ต้องพบปะเหล่าองค์หญิงกับบุตรสาวชนชั้นสูงอยู่บ่อย ๆ และยังเป็นตัวแทนหน้าตาของตระกูลลู่ ดังนั้นท่านแม่จึงให้ข้ามากขึ้นอีกนิดหน่อย”ลู่เจาหลิงยิ้ม “ดังนั้นเท่าใดเล่า?”ตอนนี้นางอารมณ์ดีจริง ๆ แค่หนึ่งเรื่องยังถามตั้งหลายรอบ หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน นางไม่เคยถามเป็นครั้งที่สอง “เดือนละหนึ่งตำลึง และเสื้อผ้าแปดชุดต่อปี” ลู่เจาอวิ๋นยังคงกัดฟันแล้วตอบนางเป็นบุตรสาวคนโตนะ!นางหมั้นหมายกับองค์ชายรอง!นางเป็นสหายที่ดีกับท่านหญิงฉางหนิง!และนางก็เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นแน่นอนว่านางจะเหมือนกับลู่เจาหัวไม่ได้“เช่นนั้น ข้าอยู่บ้านนอกมาสิบปี สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องชดเชยคืนให้ข้าใช่หรือไม่?”ลู่เจาหลิงหยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างชัดเจนม
ชิงอินกับชิงเป่ามองหน้ากัน ซึ่งต่างก็เห็นรอยยิ้มในดวงตาของอีกฝ่ายมีประสบการณ์ที่ท่านอ๋องถูกเรียกตัวออกจากวัง และแค่นั่งอยู่ในรถม้าครู่หนึ่งก็ถูกผลักออกมา เมื่อคุณหนูเอ่ยปาก มีความเป็นไปได้ว่าท่านอ๋องจะมาช่วยนางทวงหนี้โดยเฉพาะจริง ๆเมื่อเห็นความเสียใจที่ยากจะเห็นบนใบหน้าของลู่เจาอวิ๋น ลู่เจาหลิงจึงเอ่ยอย่างผ่อนคลายอีกประโยคหนึ่ง “หรือไม่ข้าก็สามารถให้จิ้นอ๋องเอ่ยต่อหน้าฮ่องเต้กับขุนนางได้ และในระหว่างการไว้ทุกข์ บางทีใต้เท้าลู่อาจจะมีชื่อเสียงเพราะเรื่องหยุมหยิมในบ้านเพียงเล็กน้อยนี้”“นี่เจ้าต้องการจะทำร้ายท่านพ่อรึ!”เวลานี้ใครก็ไม่กล้ามีเรื่องจนไปถึงเบื้องหน้าฮ่องเต้ และก่อกวนงานไว้ทุกข์ของไท่ซ่างหวงได้หรอก!แต่ได้ยินมาว่าไท่ซ่างหวงโปรดปรานจิ้นอ๋องราวกับแก้วตาดวงใจ และมีความเป็นไปได้ว่าจิ้นอ๋องจะกล้าขึ้นมาจริงๆ!เมื่อถึงเวลา คนที่ขายหน้ากับถูกตำหนิก็คือลู่หมิงแล้ว“ให้สามร้อยตำลึงก็ไม่มีปัญหาอันใดแล้ว” ลู่เจาหลิงยักคิ้วใส่นาง “รีบไปเสียสิ”แม้แต่จุดประสงค์ของลู่เจาอวิ๋นยังไม่มีโอกาสได้เอ่ยออกมา ก็ระงับความโมโหและออกไปจากหอทิงหน่วนเมื่อลู่ฮูหยินได้ยินคำพูดของนาง ก็แทบอยากจ
ยังไงเสีย เมื่อถึงเวลาก็ให้ลู่เจาหลิงเป็นตัวตลกเสียให้พอแล้วกัน“ได้ ข้าไป” ลู่เจาหลิงเห็นด้วย“จริงหรือ? ดีเลย ถึงเวลานั้นน้องหญิงรองก็นั่งรถม้าของข้าไปด้วยกัน”“แต่ว่าข้าจะไม่ไปจนกว่าเจ้าจะได้เงินสองร้อยตำลึงที่เหลือ” ลู่เจาหลิงเปลี่ยนเรื่องแล้วกลับคำพูดอีกครั้ง“…”ในที่สุดลู่ฮูหยินก็กัดฟันด้วยความเคียดแค้น ส่งเงินอีกสองร้อยตำลึงไปให้ลู่เจาหลิงอย่างเจ็บปวดใจนางแทบจะโกรธอัดอั้นตายแล้วเมื่อลู่หมิงกลับมาถึงในตอนค่ำ นางก็ฟ้องทันที“นังเด็กบ้านั่นช่างเป็นคนมองอะไรตื้นๆ พอกลับมาแทบรอไม่ไหวที่จะขูดรีดไถเงินทันที อย่างกับยากไร้ ยากจนข้นแค้น!”วันนี้ลู่หมิงถูกชิงฝูโหวดุต่อว่าอย่างหนักอีกแล้ว และชิงฝูโหวยังลั่นวาจากับเขาด้วยว่า พอหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระบรมศพของไท่ซ่างหวง จะต้องไปเรียกร้องความยุติธรรมที่ตระกูลลู่อย่างแน่นอนเขากลับมาด้วยความคับแค้นใจอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ได้มายินเรื่องนี้อีก รู้สึกโกรธมากจนหน้าเขียว“ให้แล้วก็ให้ไป! ตอนนี้ให้นางไป พอถึงเวลาก็ให้นางคายออกมาไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว! อย่างนาง เจ้าคิดว่านางไม่กล้าให้จิ้นอ๋องไปเอ่ยเรื่องนี้กับฝ่าบาทจริงๆ หรือ? เจ้าคงไม่รู
แน่นอนว่าลู่หมิงรู้ดีว่ามิอาจรอได้อีกไม่เพียงแต่อายุของลู่เจาอวิ๋นรอไม่ได้ ก็เป็นทางฝั่งฮ่องเต้ทรงได้หาพระชายาขององค์ชายรองที่เหมาะสมไว้แล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาได้คิดหาวิธีชะลอเรื่องนี้ในก่อนหน้านี้ องค์ชายรองก็คงจะอภิเษกมีชายาไปแล้ว“ต้องหาสัญญาหมั้นหมายให้พบ หากหาไม่พบล่ะก็ ซูเฟยจะต้องปฏิเสธแน่” ลู่หมิงตบโต๊ะ“พระสนมซูเฟยคือพอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง เมื่อปีนั้นนางเกือบจะถูกส่งไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว ในตอนนั้นนางรบเร้าขอร้องให้กำหนดงานมงคล ตอนนี้นางได้รับอำนาจแล้ว นางก็วางมาดแล้ว!” ลู่ฮูหยินส่งเสียงเย็นชาลู่หมิงพูดอย่างไม่อดทน "หุบปาก พระสนมซูเฟยคือผู้ที่ให้เจ้ามาแสดงความคิดเห็นตามอำเภอใจได้งั้นหรือ? ปากของเจ้าเนี่ยนะ จะสร้างปัญหามาในสักวัน!"เขาลุกขึ้นยืน "คืนนี้ข้าจะไปเรือนเหยาเซียง"พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป“นายท่าน! กลับมานะ!”ลู่ฮูหยินโกรธจนหน้าเขียวเหยาเซียงอี๋ช่างเป็นคนชั้นต่ำเสียจริง! ลูกสาวก็สิบสี่แล้ว ตัวนางเองก็เป็นหญิงที่มีอายุเลยวัยสาวแล้ว กลับยังสามารถให้ท่านายท่านไปเรือนของนางทุกสองสามวันเหยาเซียงอี๋เป็นภรรยารองของตระกูลลู่ เป็นแม่ของลู่เจาห
ลู่หมิงจะเป็นบ้าอยู่แล้วจิ้นอ๋องและรัชทายาทก็เดินมาจากด้านหน้าพอดีขุนนางต่างก็เงียบลงทันทีพวกเขาไม่คุ้นเคยกับจิ้นอ๋องที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่หลายคนในที่นี้มีความประทับใจต่อจิ้นอ๋องเมื่อครั้งยังวัยเยาว์อย่างมากนั่นคือนายที่อาศัยความโปรดปรานของไท่ซ่างหวง ข้ามหน้าข้ามตาไม่สนผู้ใดครั้งหนึ่ง หลานชายของอัครมหาเสนาบดีท่านหนึ่งช้อนปลาหลี่เล็กตัวหนึ่งของวัง และตกตายไปโดยตรง ในเวลานั้นไท่ซ่างหวงทรงตรัสแล้วว่า นั่นเพราะเป็นเด็กไม่ตั้งใจ ไม่ถือสาเอาความ แต่จิ้นอ๋องในวัยเยาว์ก็ยัดปลาหลี่น้อยตัวนั้นเข้าปากของเด็กผู้นั้นโดยตรงจนถึงทุกวันนี้เด็กผู้นั้นยังไม่กล้ากินปลาอีกเลยนอกจากนี้ยังมีเสนาบดีท่านหนึ่ง กล่าวว่าพระมารดาของจิ้นอ๋องเมื่อครั้งยังเยาว์วัยเคยประพฤติตนไม่สง่างามพอ จิ้นอ๋องไปนั่งในจวนของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งวัน จับตาดูว่าสมาชิกครอบครัวของพวกเขามีภูมิฐานเพียงใด เสนาบดีทำข้าวตกขณะกินข้าว ผายลมออกมาอย่างไม่ระวัง จิ้นอ๋องก็เกือบล้มล้างตระกูลของเขาแล้วสรุปก็คือปีศาจน้อยจอมวุ่นตนหนึ่งเรื่องราวประมาณเช่นนี้ยังมีอีกมาก ต่อมาจิ้นอ๋องออกจากเมืองหลวง มีคนไม่น้อยต่างพากันถอนหายใจด้วยความ
หลังจากเดินมาได้สักพัก รัชทายาทก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ“เสด็จอา นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านปกป้องผู้อื่นเช่นนี้”เขาอยากรู้เกี่ยวกับคุณหนูรองลู่ที่มาจากชนบทนี้จริงๆจิ้นอ๋องหยุดชั่วขณะคนที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ (และเคยช่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง) จะเป็นผู้อื่นได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีใจคอโหดเหี้ยมขนาดนั้นนอกจากนี้ ผู้หญิงคนนั้นยังน่าสนใจสำหรับเขามาก น่าสนใจมากกว่าสตรีที่มั่งคั่งสูงศักดิ์ที่ภายนอกดูจริงจังเหล่านั้นมากเมื่อรัชทายาทเห็นว่าเขาไม่ตอบ ก็ถามอีกครั้งว่า "คุณหนูรองลู่อาศัยอยู่ในชนบทมาเป็นสิบปีจริงๆ หรือ?"“อืม”“เช่นนั้นนางไม่กลัวเสด็จอาหรือ?”รัชทายาทอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก ไฉนถึงมีคนยินยอมหมั้นกับเสด็จอาทันทีที่พบหน้ากันได้?เป็นไปได้ไหมที่นางต้องตากับรูปโฉมของเสด็จอา?จิ้นอ๋องเหลือบมองเขาแล้วกล่าวว่า "ทำไม เจ้าคิดว่าข้าไม่เหมือนคนประเภทที่สามารถทำให้สตรีนับหมื่นตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ไม่แต่งกับผู้ใดนอกจากเจ้าหรือไง?"รัชทายาทอดไม่ได้ที่จะมองพิจารณเสด็จอาของตนทำไมดูไม่เหมือนล่ะ?“รูปลักษณ์ของเสด็จอานั้น แน่นอนว่าเหมือนแสงดาวและดว
บนตัวนางยังสวมเสื้อผ้าใหม่ ทั้งพอดีตัวและสง่างาม ต่างจากวันแรกที่นางกลับมาอย่างน่าสังเวชโดยสิ้นเชิงลู่หมิงต้องยอมรับว่า นางเกิดมาหน้าตาดี!นี่ถ้ายังดูแลบำรุงอีก ก็ยังไม่รู้ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างหน่ะเป็นไปได้ไหมที่จิ้นอ๋องเป็นคนเหลาะแหละ ถูกใจรูปโฉมของลู่เจาหลิง?“ใต้เท้าลู่ มีสิ่งใดจะมอบให้ข้างั้นหรือ?” ลู่เจาหลิงเลิกคิ้วและมองไปที่ลู่หมิงนางค้นพบว่าบนตัวของลู่หมิงมีมวลไออาญาสิทธิ์อยู่เดิมทีเขามีโชคร้ายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ในอกของเขามีมวลไออาญาสิทธิ์หนึ่งที่ค่อยๆ กำจัดโชคร้ายออกไป“วันก่อนเพิ่งให้เจ้าสามร้อยตำลึง!” ลู่หมิงโกรธนางขึ้นอีกครั้ง “เจ้าเป็นแค่สตรีและไม่ต้องทำอะไรเลย จะเอาเงินมากมายไว้ในมือทำไมกัน?”“ท่านจะยุ่งเรื่องข้าทำไม? ทำไม ให้ข้าแล้วยังอยากจะเอามันคืนหรือ?” ลู่เจาหลิงเดินออกมา ดวงตาของนางตกไปบนเชือกสีเขียวที่ห้อยไว้บนคอของเขาดูเหมือนว่า เขาได้ห้อยอะไรบางอย่างไว้ลู่หมิงหายใจเข้าลึกๆ และเปลี่ยนหัวข้อ“ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเจ้าได้พระราชทานสมรสกับจิ้นอ๋องแล้ว จากนี้ไป เมื่อเจ้าออกไปข้างนอก ผู้คนจะมองว่าเจ้าเป็นว่าที่พระชายาของจิ้นอ๋อง ดังนั้นเจ้าต้องจำไว้
ลู่เจาหลิงก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว แทบจะถึงเบื้องหน้าของลู่หมิงใบหน้าดังกล่าวเข้ามาใกล้เขามากขนาดนี้อย่างกระทันหัน ทำให้หัวใจของลู่หมิงกระสับกระส่าย ก้าวถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว“หรือเจ้ายังอยากตีข้าด้วย?”เมื่อจำได้ว่าลู่เจาหลิงเคยตบลู่เจาอวิ๋นมาก่อน ลู่หมิงรู้สึกว่าเป็นได้ที่นางอาจจะลงมือจริงๆตอนนี้เขาโทษท่านพ่อท่านแม่ของเขาเล็กน้อย ตอนอยู่ชนบททำไมถึงไม่อบรมสั่งสอนยัยเด็กบ้าคนนี้ให้ดีนะ?ลู่เจาหลิงคือเห็นว่าลู่หมิงแปลกเล็กน้อยแม้ว่านางจะไม่สามารถทำนายให้ตัวเองและญาตินัก แต่บนตัวของลู่หมิงก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของความคลุมเครือ ซึ่งไม่เลือนรางเท่ากับญาติทางสายเลือดโดยตรงเฉกเช่นคนประเภทลู่ฮูหยิน นางบอกได้โดยตรงว่านางไม่ใช่ญาติทางสายเลือดแต่ลู่หมิง...ลู่เจาหลิงมักรู้สึกว่า มีบางอย่างที่น่าสงสัยบนตัวลู่หมิงอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณของนางยังไม่ได้รวมเข้ากับร่างกายของนางอย่างสมบูรณ์ และเดิมก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว พลังวิญญาณได้สูญสลายหมดในเวลานั้น ตอนนี้หยิบยืมไอสีม่วงทองจิ้นอ๋องเพื่อเกิดใหม่ จึงยังห่างไกลที่จะฟื้นฟูความสามารถที่มีในช่วงรุ่งโรจน์รอนางฟื้นตัวได้บ้างแล้ว ค่อยมาด
ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี
เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า
เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่
พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส
ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร
ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล
นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู
ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ
เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท