เยี่ยหยางก้าวพลิกตัวหลบมือสาวงามทั้งหลายอย่างพลิ้วไหว ยืนมองสหายผู้โสดสนิทไร้สตรีคู่ครอง ว่าเจ้าตัวจะตอบสาวงามเช่นไร โดยไม่ช่วยเหลืออะไรกับกู้ซีเจ๋อที่มีลูกเล่นวิธีรับมือแพรวพราวไม่ต่างกัน
“กูเหนียงท่านนี้ ข้าต้องขออภัยท่านแล้ว ข้ากำลังเดินทางไปบ้านคู่หมั้นตัวน้อย ที่อยู่ข้างข้าเป็นพี่ชายนาง ข้าถูกพามาลองใจแล้ว ต้องเสียมารยาทกูเหนียงข้าขอตัวก่อน”
หวงฉีเจิ้งมึนด้วยกลิ่นหอมฉุน รีบบอกปัดปฏิเสธสาวด้วยสีหน้าคุณธรรมของบุรุษที่เปี่ยมล้นคุณธรรม ถอนตัวออกจากอุ้งมือแม่เล้า รีบจ้ำอ้าวเหมือนคนหนีเจ้าหนี้ ไม่สนเพื่อนร่วมเดินเที่ยวอีกสองคน เรียกเสียงหัวเราะดังของคนแกล้งเพื่อนไล่หลังไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...คุณชายหวง ๆ ต่อให้ข้าเหล่าหยางมีน้องสาว เจ้าอย่าหวังจะแอ้มน้องข้าเด็ดขาด”
เยี่ยหยางผู้ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นไม่เว้นเพื่อนฝูง เดินตามสหายซี้เที่ยวต่อ หารู้ไม่ว่าในภายภาคหน้าเขาจะถูกเอาคืน และยอมให้จำใจเอาคืนด้วยความเต็มใจ จนหวนกลับมาคิดถึงคำพูดวันนี้ ว่าตัวเองไม่น่าเดินมาโฉบแถวนี้ ไม่น่ากลั่นแกล้งสหายเช่นนี้
สามหนุ่มสามเอกลักษณ์เรียกสายตาของผู้ค
ซีเจ๋อรายงานข้อมูลที่ได้จากปากมือสังหาร เขาแอบไว้อาลัยให้นักฆ่าจากราชอาณาจักรซีเว่ยล่วงหน้า แล้วถอยหลังไปไกล ๆ ยืนดูอยู่ห่าง ๆสีหน้าของอาหยาง… ช่างน่ากลัวเกินไปแล้วชินอ๋องผู้ว่าจ้างฆ่าน้องชายสุดที่รัก ควงไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ ยิ้มเหี้ยมเกรียมให้กลุ่มมือสังหารจากราชอาณาจักรซีเว่ย สายตาลับคมปลาบดุจดั่งมีดดาบลับคมเตรียมพร้อมใช้งานอ่าห์…ดี ๆ ดีมากจริง ๆ เยี่ยมมากจริง ๆ…เยี่ยหยางสูดลมหายใจระงับอารมณ์หวงฉีเจิ้งส่ายหัวเบา ๆ แอบสมเพชเวทนานักฆ่าผู้ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง พวกมันต้องโดนสหายรักจัดหนัก จนเสียใจที่รับงานนี้แน่เยี่ยหยางหลับตาลง พยายามควบคุมเวทมนตร์ที่พลุ่งพล่านในร่างกาย เขาเป็นคนที่ถือว่ามีเมตตาปรานีในระดับหนึ่ง หากผู้ใดมาแตะเกล็ดย้อนของเขา ถือว่าพวกมันชิงตำแหน่งไปเยือนปรล่วงหน้าดีที่ครั้งนี้ เขาปกป้องน้องได้ไม่อย่างงั้น…ชาตินี้ภพนี้ แผ่นดินนี้คงมีจอมมารเพิ่มอีกหนึ่ง เขาจะจองล้างจองผลาญพวกมันทุกตัวไม่จบไม่สิ้นคนที่มาดูเรื่องสนุก รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกแล้ว ส่งกระแสจิตไปเตือนสต
อ่าห์…เกอไม่ได้เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น“แต่ดูเหมือนเจ้าจะได้ค่าจ้างไม่ครบนะ เยี่ยหยางเจ้าลืมให้เงินพิเศษพวกมันน่ะ”หวงฉีเจิ้งพูดกับพวกมือสังหาร ก่อนหันไปตบบ่าบอกเพื่อนที่กำลังคำนวณค่าตอบแทนพิเศษให้สี่มือสังหาร ที่ไม่รู้ว่าหายนะอยู่บนเงาหัวตัวเองแล้วเยี่ยหยางยืนตรงหน้าคนสี่คนอย่างใจเย็น มุมปากระบายยิ้มกว้าง“ข้ายังไม่ได้จ่ายรางวัลพิเศษให้พวกเจ้าเลย...”หน้ากากสีดำบนใบหน้าของประธานสมาคมเหวินชาถูกถอดออกโดยเจ้าตัวเอง เส้นผมสีเงินปลิวไปตามสายลมยามค่ำคืน ใบหน้าของชินอ๋องที่พวกมันแอบอ้างยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วมือสังหารจากราชอาณาจักรซีเว่ยย่อมจำได้แน่นอนว่าชินอ๋องหน้าตาเป็นเช่นไรในกลุ่มมือสังหารในวงการมืด ต่างรู้จักหน้าค่าตาของอ๋องกินเมืองผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะถูกนำมาเป็นเรื่องสนุกในวงเหล้าอยู่เสมอ และคนตรงหน้าพวกมันไม่ผิดตัวแน่ว่าเป็นชินอ๋องบัดซบผู้นั้นแต่ฝีมือกับข่าวลือที่ได้สัมผัส กลับไม่มีส่วนไหนตรงกันเลยคนไร้ค่าที่พวกมันดูถูกอย่างสนุกปากกลับเป็นถึงประธานสมาคมการค้าผู้ลึกลับ
เช้าวันรุ่งที่สดใสยามเฉิน[1]หลังมื้ออาหารเช้าที่ทานร่วมกันของคนในครอบครัวสกุลจู สองสามีภรรยาก็เตรียมตัวจะออกเดินทางรถม้า ข้าวของพร้อมเสร็จสรรพ รวมไปถึงหยูกยาสมุนไพรแปลกตา ที่บุตรชายคนโตจัดเตรียมไว้ให้หนึ่งคันรถท้ายขบวน และยังกระชับกับชางเหอบ่าวรับใช้คนสนิทหลายครั้ง ถึงคุณสมบัติและวิธีการใช้งานอย่างละเอียดเกือบครึ่งชั่วยามครอบครัวที่แตกแยกกระจัดกระจายได้เดินเที่ยวเล่นร่วมมื้ออาหารกันอย่างมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วงเป็นสามวันที่ผ่านมา รอยร้าวที่ห่างเหินของเยี่ยหยางและบิดาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ชีวิตก่อนดูเหมือนจะสมานกัน สนิทสนมยิ่งกว่าเก่าเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันจบลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะจูเหวินฟงต้องรีบกลับไปทำงานที่ตัวเองหนีลาพักร้อนมาไม่บอกกล่าวเจ้านายเจ้าเหนือหัว ถ้าเขาอยู่เที่ยวเล่นพักผ่อนนานกว่านี้ ฮ่องเต้ราชอาณาจักรเป่ยฉินที่เคารพคงยื่นฎีกาลาออกจากการเป็นโอรสสวรรค์จนหาตัวไม่พบ เช่นนั้นแล้วความซวยคงมาเยือนถึงหน้าจวนตระกูลจูเยี่ยหยางให้คนของเหวินชาติดตามบิดามารดาไปอย่างเปิดเผยเพียงสองสามคน แต่ให้กลุ่มกิเลนคลั่งหนึ่งหน่วยต
หลังจากส่งสองสามีภรรยากลับราชอาณาจักรเป่ยฉิน สองพี่น้องสกุลจูและหนึ่งสหายกลับเทียนถูหวู่ ดีที่ช่วงสัปดาห์นี้ไม่มีการเรียนการสอนเกิดขึ้น บรรดาอาจารย์ต่างให้ศิษย์เก็บตัวฝึกฝนด้วยตัวเอง คนสามคนหายเงียบไปจึงไม่มีผู้ใดสงสัยเยี่ยหยางแวะส่งเฉิงเยว่ที่หมู่ตึกไท่ตง ก่อนไปยังแนะนำการฝึกจอมเวทอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง“ตี้ตี เจ้าต้องฝึกทั้งปราณยุทธ และเวทมนตร์ มันอาจจะยากและเหนื่อย จำไว้ไม่ต้องรีบร้อน ขอแค่เสี่ยวเฉิงฝึกอย่างสม่ำเสมอก็เก่งขึ้นได้รู้มั้ย”พี่ชายใส่ใจคนเป็นน้องมาก ทั้งสอน แนะนำ เตือน และเอ่ยให้กำลังใจ“แล้วอย่าใช้เวทมนตร์ให้ใครเห็น ให้มันเป็นไพ่ลับของเจ้ายามคับขัน”“ขอรับพี่” คนเป็นน้องก็พยักหน้ารับคำ เชื่อฟังพี่ชายคนใหม่ผู้เก่งกาจของตัวเองหลายวันมานี้มีเรื่องราวเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น ทำให้เยี่ยหยางไม่ได้คิดทบทวนเงียบ ๆ อยู่คนเดียว สิ่งที่เขากังวลเป็นสิบ ๆ ปีตั้งแต่ที่มามิติใบนี้ คือ บิดามารดาเมื่อพบเจอพวกท่านแล้ว ก็เหมือนชีวิตได้เกิดใหม่จริง ๆ อีกครั้ง แถมเขายังได้น้องชายสำเร็จรูปมาอีกหนึ่
จู่ ๆ เยี่ยหยางก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกลางมื้ออาหารเที่ยง“เหล่าหยางจู่ ๆ คิดทำอะไรล่ะ” หวงฉีเจิ้งถามเพื่อนกลับ เพราะเขารู้ว่าคุณชายอยู่ที่นี่มานับสิบปี ไม่เห็นจะสนใจที่จะฝึกพลังของนี้ แต่อยู่ ๆ กลับคิดจะฝึกปราณยุทธเขารู้สึกว่าตัวเอง และเยี่ยหยางเริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่นี่ คำพูดคำจาก็เหมือนคนที่นี่เข้าทุกวัน เมื่อก่อนที่เขาตกอยู่ในฐานะทาส หวงฉีเจิ้งไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนเพราะฐานะที่ต่ำต้อย เขาเองก็อยากกลับระนาบมนตราแทบทุกเวลา แต่นั้นใช่ว่าจะน่าอยู่หากพวกเขาคิดจะอยู่ที่นี่ระยะยาวการฝึกปราณยุทธก็ไม่เสียหาย พลังมีมากขึ้น ก็ไม่น่ารังเกียจ“เฉิงเยว่ฝึกปราณยุทธ พร้อมกับพลังเวท ข้ากลัวน้องจะเกิดปัญหากับพลังที่ต่างกัน แล้วจะช่วยเหลือไม่ทัน”เยี่ยหยางครุ่นคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกเวทมนตร์ให้เฉิงเยว่ ตัวเขาเองเคยฝึกมันเมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะแก่นเวทเสียหาย ทำให้ร่างกายไม่อาจรับพลังที่ต่างกันได้ตอนนี้เขาสามารถฝึกปราณยุทธได้ แต่ไม่ใส่ใจที่จะฝึกฝนเอง เพื่อเฉิงเยว่แล้ว เขาก็พร้อมเดินเคียงข้างการเติบโตของน้อง
ในห้องทำงานใหญ่สาขาทำการหลักของสมาคมการค้าเหวินชา กู้ซีเจ๋อ รองประธานสมาคมการค้านั่งตรวจเอกสารมากมายก่ายกองจำนวนไม่น้อยไปกว่าฎีกาฮ่องเต้ฮัดเช้ย!“คุณชายซีเจ๋อไม่สบายหรือขอรับ?”“ไม่นะ คัดจมูกน่ะ” กู้ซีเจ๋อก้มหน้าอ่านบัญชีการเงินของสาขาย่อย “จี้ไหล ข่าวที่ให้ไปสืบได้เรื่องมาหรือยัง”“ยังเลยขอรับ” โจวจี้ไหลผู้ช่วยคนสนิทของรองประธานสมาคมการค้าเหวินชาตอบ “ตอนนี้สายข่าวกำลังรวบรวมข่าวจากจวนต่าง ๆ ในราชอาณาจักรเป่ยฉิน คาดว่าพรุ่งนี้คงมีความคืบหน้า”“ดี อาหยางรีบเร่งเรื่องนี้ เจ้าสั่งการให้คนของเราใส่ใจเร่งมือหน่อย” กู้ซีเจ๋อพยักหน้ารับรู้ “หากน้องข้าลงมือเอง ข้าไม่อยากจะคิด…”“พี่ไม่อยากจะคิดอะไรหรือ?” “เฮ้ย!” โจวจี้ไหลสะดุ้งตกใจตัวโยน จนโยนรายงานในมือทิ้ง&nb
“ชิ! งั้นข้าแทะโลมอีกคนก็ได้” หูลี่เซียนเองก็ไม่ได้อยากเป็นพี่สะใภ้สหายให้เหนื่อยยาก แค่ฐานะน้องสะใภ้ที่จองไว้ก็เพียงพอแล้ว “อืม? ทำไมเจ้าไม่หาคนที่แข็งแรงสมบุกสมบันกว่านี้มาช่วยงาน คุณชายผู้นี้ดูอ่อนปวกเปียกไปหน่อย” โจวจี้ไหลยิ้มค้างถึงเอ่ยอะไรไม่ออก เขาถูกแม่นางหูลวนลามทางสายตาส่องผ่านไปทั่วร่าง จนรู้สึกใจไม่ค่อยดี เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาธรรมดาออกจะผอมไปหน่อย แต่ก็ไม่ขี้ก้างอัปลักษณ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ตรง ๆ รู้สึกหดหู่ไม่น้อย จากที่หลงเสน่ห์จิ้งจอกเก้าหาง กลับถูกฝีปากของแม่นางหักล้างกับจนแทบหมดสิ้น คนงามไม่สามารถดูได้จากภายนอกนายท่านเป็นเช่นไร สหายท่านก็เป็นเช่นนั้นสินะขอรับ...&nbs
“ข้าขอสาบานด้วยชีวิตและวิญญาณ!!!”“ดี”สมาชิกเหวินชาตอบอย่างไม่ต้องคิดทบทวนสิ่งใด ทุกวันนี้พวกเขาก็ยึดมั่นในสิ่งที่นายท่านให้พวกเขาสาบานอยู่แล้ว มันไม่ได้เป็นคำขอที่ทำให้ลำบากใจแม้แต่น้อย ทุกคนยิ้มแก้มปริ “ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว พวกเจ้าไปจัดการงานให้เสร็จเรียบร้อย คืนนี้มาเจอกันที่ลานกว้าง หน้าบ้านเซ่อหลางละกัน” เยี่ยหยางไล่ลูกน้องมากมายก่ายกองที่อัดเข้ามาในห้องเล็ก ๆ นี้ “ขอรับ” ทุกคนตอบรับ เดินกระฉับกระเฉงออกจากห้องคุณชายซีเจ๋อด้วยสีหน้ายินดีปรีดา “อาหยาง คิดดีแล้วหรือ?” “พวกเขาซื่อสัตย์ภักดี ข้ามอบกำลังให้ ถือว่าเป็นก
“ที่เหลือวานท่านอาจารย์จ้าวด้วยขอรับ”“อืม”ผู้ชำนาญการลงโทษศิษย์รับคำผู้อาวุโสเจียงที่อยู่ดูแลหอลงทัณฑ์คนเดียว เพราะผู้ดูแลคนอื่นยังไม่กลับมาจากการดูการประลองยุทธจ้าวถิงเซียวเดินนำศิษย์บัดซบที่กระตุ้นต่อมโทสะเขา ไปที่เหมืองผลึกที่ว่า ก่อนจะเรียกกระบี่ออกมาด้านหน้า ใช้วิชากระบี่บินหอบหิ้วร่างตัวแทนไปที่เหมืองทันทีส่วนชินอ๋องตัวจริงที่รับรู้เรื่องราวจากจิตสำนึกที่ตัวเองส่งไปกับร่างตัวแทน เหมือนจะคาดเดาโทษทัณฑ์ที่เขาได้รับออกแล้ว ก็ยิ้มหวานสะกิดเรียกสหายให้ไปสนุกด้วยกัน“อาเจิ้ง ๆ ไปกับข้าเร็ว!”“ไปไหน?” หวงฉีเจิ้งที่นอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ ถูกเหล่าหยางสหายซี้ฉุดออกมาจากเตียงนอนถามอย่างงง ๆ“ไปรับทรัพย์” เยี่ยหยางตอบ ในใจกำลังคำนวณค่าตอบแทนผลประโยชน์ที่กำลังจะได้รับ“ไป ๆ ที่ไหน” คนยากจนที่กำลังตั้งตัวผลุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตกลงไปร่วมรับทรัพย์ที่สหายบอก อีกทั้งยังเร่งรีบกว่า ก็ใครให้เขาตอนนี้ยากจนยากไร้จนต้องพึ่งคลังสมบัติเพื่อนกินอยู่อย่างทุกวันนี้
สามวันถัดมาลานเทียนจงได้ถูกบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่เสร็จเรียบร้อย การประลองยุทธจึงได้จัดต่อ ผู้ที่ต้องประลองต่างมีทั้งแพ้ชนะ และก็ถึงรอบของหวงฉีเจิ้ง ผู้ไม่อยากออกแรงเสียเหงื่อให้เหนื่อยกาย เจ็บเนื้อเจ็บตัว ได้กอบโกยชัยชนะทั้งหมดด้วยการสะกดจิตคนทั้งลาน เพียงแค่ดีดนิ้วจากนั้นเขานั่งสบาย ๆ กินขนมจิบชาให้เยี่ยหยางหมั่นไส้ เพราะอีกฝ่ายต้องลงไปดวลเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องชายส่วนเฉิงเยว่น้องชายที่น่ารักก็อยากแสดงความสามารถให้พี่ชายได้ชื่นชม เขาจัดหนักกับการประลองอีกสามรอบที่เหลือ ทั้งพลังลมปราณ ทั้งพลังเวท ภายในเวลาไม่เกินจิบชา ก็กวาดคู่ต่อสู้นอนนิ่งเป็นปลาตายรักษาตัวนานนับเดือน ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์สายในที่เพิ่งเลื่อนระดับพอ ๆ กับพี่ชายตัวดีแน่นอนว่ามู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย และองครักษ์อย่างสือหลงโหยวผ่านได้สบาย ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง โดยเฉพาะลู่เฉินแม้จะยังออกแรงได้ไม่เต็มที่แต่หูลี่เซียนก็ออกไปเล่นสนุกช่วยลู่เฉินอย่างที่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ โดยขอยาพิษอ่อน ๆ จากเยี่ยหยางตั้งแต่หลายวันก่อนไปวางใส่คู่ประลองของลู่เฉิน เพื่อความเท่าเที
คนที่ชมการประลองรอบ ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกสั่นไหวเหมือนถูกเขย่าแผ่นดินสั่นสะเทือนมากผิดปกติเพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ลานประลองก็มีหมอกควันขาว ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบทั่วลานเทียงจง จนไม่เห็นสิ่งใดเมื่อควันจางลงสิ่งที่เห็นทำเอาทุกคนพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรดีเพราะลานเทียนจงที่เป็นลานประลองและลานอเนกประสงค์ของเทียนถูหวู่ ขอโบกมือลาตาย สิ้นอายุขัยหมดอายุการใช้งานไปเรียบร้อยพื้นลานแตกเป็นหลุมใหญ่ ก้นหลุมลึกประมาณความสูงกว่าหนึ่งช่วงคน เศษอิฐเศษหินแตกละเอียดเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยนอนอยู่ก้นหลุมโดยมีคู่ประลองยุทธรอบนี้ที่ไม่มีบาดแผลใด ๆ ยืนอยู่ขอบหลุม...ขอบลาน ชื่นชมผลงานออกรบรอบแรกของตัวเองอย่างเฉิงเยว่ และคุณชายสวีที่รับประทานคำใบ้อึ้งเต็มท้องไปแล้วคาถานี้...สุดยอด! ท่านพี่ข้าทำได้แล้ว!! ควบคุมพลังเวทได้ดีด้วย เฉิงเยว่มองไปทางพี่ชายด้วยสีหน้าน่ารักอย่างต้องการคำชื่นชมสหายจู...เจ้าจะให้สัญญาณข้าชัด ๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไงกัน ถ้าข้าสังเกตไม่ทัน หลบไม่ทัน ข้าไ
“ข้าได้ข่าวว่าคุณชายเพิ่งกลับมาจากราชอาณาจักรจินโจวเมื่อคืนวานนี่เอง” จูเฉิงเยว่ถามไถ่ทักทาย“ใช่ น่านน้ำทางใต้ปั่นป่วนเล็กน้อย ข้าแอบกลับบ้านไปครานี้ยังนึกเลยว่าจะกลับมาไม่ทัน” สวี่เหวินซื่อตอบอย่างไม่ปิดบัง แถมบ่นอุบอิบเล็กน้อย“เกิดเรื่องขึ้นหรือ? คุณชายถึงต้องกลับไปด้วยตัวเอง ทุกทีเห็นส่งสารคุยกัน” คุณชายจูขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะบุตรชายคนโตของสกุลสวี่ตั้งแต่มาเทียนถูหวู่เพิ่งกลับบ้านตัวเองแบบปุบปับครั้งแรก“ใช่ ฮ่องเต้ทรงเรียกคืนสัมปทานเหมืองทองจากพวกเรา ทำให้พ่อค้าในราชอาณาจักรจินโจวที่ถือสัมปทานวุ่นวายไม่น้อย”สวี่เหวินซื่อบอกเล่าเรื่องราวมีสีหน้าเบื่อหน่าย เขาต้องวิ่งวุ่นไปมาช่วยบิดาติดต่อผู้คนเพื่อแก้วิกฤตนี้ กำไรส่วนใหญ่ของตระกูลมาจากกิจการเหมืองแร่ที่ถูกเรียกคืน“แปลก น่าแปลกฮ่องเต้ราชอาณาจักรจินโจวทรงคิดวางแผนทำสิ่งใดอยู่แน่” เฉิงเยว่ที่ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉุกคิดถึงคำสั่งที่ไม่มีเหตุผลของฮ่องเต้ราชอาณาจักรจินโจว ก็พูดออกมาตามความรู้สึก“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ไ
“ท่านพี่!”น้องชายที่ไร้พี่ชายปกป้องมาโดยตลอด ทั้งเห็นการกระทำของพี่ ทั้งได้ยินคำพูดของพี่ หัวใจที่ด้านชาและโดดเดี่ยวก็เหมือนได้รับน้ำทิพย์ปลอบประโลมชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ“เสี่ยวเฉิง…”เยี่ยหยางยังไม่ทันได้พูดปลอบอะไร น้องตัวน้อยของเขาก็กระโจนใส่อ้อมกอดพี่ชายทันทีจูเฉิงเย่วรู้ว่าการประลองเมื่อครู่ พี่ชายเอาคืนไอ้กงซุนจ้านให้เขา ความทุกข์ที่เก็บกดมานานปีทะลักออกมา แม้ว่ามีท่านพ่อท่านแม่ปกป้อง แต่เขาก็ไม่อยากให้พวกท่านกังวล ไม่อยากให้พวกท่านลำบากใจ ตลอดมาได้แต่ปกป้องตัวเองสร้างเกราะที่ผู้คนรังเกียจ ไม่ให้พวกสารเลวกลั่นแกล้งได้เขาคิดมาตลอดหากเขามีพี่ชาย คนพวกนั้นยังคิดกล้ารังแกเขาอีกหรือไม่ ยังไม่ทันได้เล่าความลำบากใจเมื่ออยู่ที่บ้านเมืองตัวเองให้พี่ฟัง พี่ชายของเขาก็กระทืบตัวการสาเหตุของความทุกข์ทั้งมวลคาฝ่าเท้าทำเอาคนหยิ่งยโสที่ผู้อื่นเห็น อดกลั้นไม่ไหวปล่อยโฮปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นนานปีใส่พี่ชายเต็ม ๆ“ชู่ ๆ ไม่ต้องร้อง โอ๋…คนเก่งของพี่”
เหอะ ๆ อย่าให้รู้จะดีที่สุด ถ้าคนเห่อน้องรู้เรื่องนี้เข้าคนแซ่กงซุนจะมีเหลืออยู่บนแผ่นดินหรือไม่“เสี่ยวเฉิง เจ้าก็เรียนรู้ให้มาก ฝึกฝนให้มาก คนพวกนั้นจะได้รังแกเจ้าไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”ชายหนุ่มลูบหัวสอนจูเฉิงเยว่อย่างใจเย็น เขายังไม่อยากเห็นคนบัดซบคนที่สองหรอกนะ ทำได้แต่เพียงสั่งสอนสิ่งที่ถูกที่ควรให้น้องชายอีกฝ่ายมาก ๆ เข้าไว้จะได้ไม่มีความคิดผิดผู้ผิดคนเหมือนพี่ชายสติวิปลาส ก่อนจะหันกลับไปสนใจการประลองของเยี่ยหยางต่อ“พี่เจิ้งข้าอยากได้ยินว่ากงซุนจ้านพูดอะไรกับพี่ชาย พี่ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”จูเฉิงเยว่ไม่ชอบคนผู้นี้เอามาก ๆ เขาแค่อยากรู้ว่าคนผู้นี้จะพูดว่าร้ายเขาให้พี่ชายไม่ชอบเขาหรือเปล่า เขากลัวพี่ชายจะไม่รักเขา“เจ้าก็ทำได้ ทำแบบนี้สิ…”หวงฉีเจิ้งกระซิบสอนคาถาสอดแนมของถัดของเขาให้น้องชายเพื่อนที่พยักหน้ารับฟังและปฏิบัติตามอย่างน่าเอ็นดู ทำให้เขาและจูเฉิงเยว่เหมือนกำลังยืนอยู่ข้างเยี่ยหยางได้ยินทุกอย่างชัดเจนทุกคำทุกประโยค“ไม่เลว คุณชายใหญ่สกุลจูไม่ใช่สวะเหมือนคุณชายรอ
หลังจากปล่อยหมูยักษ์วิ่งอยู่ครึ่งชั่วยาม เหนื่อยหอบจนแทบไล่ตามภาพลวงตาไม่ได้อีก เยี่ยหยางก็คลายคาถา แล้วยื่นเรียวขางามอันแข็งแรงของเขาขัดลู่วิ่งหมู แถมด้วยฝ่าเท้างามตบท้ายถีบบั้นท้าย จนอีกฝ่ายล้มกลิ้งออกไปนอกลาน เป็นอันจบการประลองอย่างงดงาม“ผู้ชนะ คือ ข้า”เยี่ยหยางพูดอย่างภาคภูมิใจ ที่ไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียวลานเทียนจงเงียบกริบเงียบสงัด ไม่มีเสียงประกาศผู้ชนะของเมิ่งจวิ้นผิงและฟางเหวยซู ทุกคนยังตกตะลึงอึ้ง ไม่อยากเชื่อในสายตาของตัวเองนั่นมัน...ไม่อยากจะเชื่อ!ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎข้อบังคับในการประลองแต่คนผู้นี้กลับ...ชนะด้วยการเตะเบา ๆ นี่มัน ๆ…บ้าไปแล้ว!!!“ศิษย์พี่ ๆ ข้าลงจากลานประลองได้รึยัง?” เยี่ยหยางสะกิดเมิ่งจวิ้นผิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใสเป็นประกาย“เอ่อ...ได้ ๆ” เมิ่งจวิ้นผิงดึงสติกลับมาอย่างงุนงง “ผู้ชนะ คือ ท่านอ๋องจอมบัดซบ...เอ๊ย! มู่หรงเยี่ยหยาง”ผู้ได้รับชัยเดินกลับไปยังที่นั่งในกลุ่มผู้คนอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่มองมา เอ่ยทักทายหวงฉีเจ
ม่านสงเห็นหน้าคู่ประลองที่เป็นถึงท่านอ๋องเลื่องชื่อผู้โด่งดังถึงกับดีใจออกนอกหน้า ที่เขาประมือกับคู่ต่อสู้ลมปราณพิกลพิการ เขาจ้องมองอีกฝ่ายกำลังเดินขึ้นลานเทียนจงตรงข้ามกับเขาอย่างไม่รีบร้อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคู่แข่งของเขาเล่นเป็นหมูป่วยกินเสือสายตาของเด็กหนุ่มสำรวจรูปร่างของคนเป็นอ๋อง มีลักษณะคุณชายเจ้าสำราญขนานแท้ ทรวดทรงองเอวอ้อนแอ้นไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ หน้าตาเด้งขาวใสเหมือนสตรี ดูแล้วคงไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่กระมั้ง แต่เมื่อจบการประลองครั้งนี้กลับกลายเป็นเรื่องฝังใจเขาว่า ไม่ควรดูถูกผู้อื่นจากรูปร่างภายนอกอีกด้วยน้ำตานองหน้าการประลองรอบนี้ม่านสงคิดว่าท่านอ๋องไร้ค่าผู้นี้เหมือนหมูในอวยของตนแล้วสวรรค์ช่างเข้าข้างเขาจริงเชียวที่ส่งท่านอ๋องผู้นี้มาให้เขา ในเมื่อสวรรค์เมตตาเขา เขาก็จะเมตตาท่านอ๋องผู้นี้ ลงมือเบา ๆ ไม่ให้ฟกช้ำดำเขียว ไม่ให้เจ็บมากละกัน ม่านสงคิดรูปร่างของม่านสงสูงราวเจ็ดฉื่อ[1] ล่ำสันใหญ่เป็นมัดกล้ามดำคล้ำดูน่ากลัว เขามีพื้นฐานครอบครัวมาจากสำนักคุ้มภัยทางใต้ของราชอาณาจักรซีเว่ย ตนเองเริ่มฝึกยุทธตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทำให้ตอนนี้เข
สถานการณ์ในการประลองเปลี่ยนไป เมื่อหวงฉีตงจู่ ๆ ก็เพิ่มพลังระดับปราณยุทธฉับพลัน จากปราณยุทธระดับปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่เป็นระดับอัคราจาร์ยยุทธขั้นสี่ เพิ่มขั้นมาหนึ่งระดับขั้นไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเล่นแง่ ใช้โอสถเพิ่มลมปราณให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อห้าม แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกัน เพราะมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองหวงฉีตงไม่ได้ใช้โอสถกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันกลับใช้ยาพิษผงโปรยใส่เสิ่นเยี่ยนในตอนที่ประชิดตัว เพื่อหวังบั่นทอนพละกำลังและสกัดกั้นลมปราณของอีกฝ่ายอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วขว้างมีดบินใส่ทีเผลอ ทั้งยังแทงทวนพุ่งโจมตี บ่งบอกนิสัยเลวทรามของตัวเองเสิ่นเยี่ยนรู้ว่าตัวเองถูกพิษ กล้ำกลืนเลือดพิษในลำคอลงท้องหึ...เขาคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะใช้พิษที่รุนแรงและหายากหลายชนิดเช่นนี้หนึ่งในนั้นเป็นพิษโลกันตร์แผดเผา พิษที่จะตรวจหาก็ไม่พบ เหยื่อจะถูกทำลายจากภายในเหมือนถูกเผาทั้งเป็นจนกว่าจะตาย ที่เขารู้ก็เพราะบิดาเขาก็ตายด้วยพิษนี้ มันจะค่อย ๆ กัดกินร่างกายร้อนผ่าวในบางช่วงเวลา ตอนนี้เขาแสบร