จู่ ๆ เยี่ยหยางก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกลางมื้ออาหารเที่ยง
“เหล่าหยางจู่ ๆ คิดทำอะไรล่ะ” หวงฉีเจิ้งถามเพื่อนกลับ เพราะเขารู้ว่าคุณชายอยู่ที่นี่มานับสิบปี ไม่เห็นจะสนใจที่จะฝึกพลังของนี้ แต่อยู่ ๆ กลับคิดจะฝึกปราณยุทธ
เขารู้สึกว่าตัวเอง และเยี่ยหยางเริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่นี่ คำพูดคำจาก็เหมือนคนที่นี่เข้าทุกวัน เมื่อก่อนที่เขาตกอยู่ในฐานะทาส หวงฉีเจิ้งไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนเพราะฐานะที่ต่ำต้อย เขาเองก็อยากกลับระนาบมนตราแทบทุกเวลา แต่นั้นใช่ว่าจะน่าอยู่
หากพวกเขาคิดจะอยู่ที่นี่ระยะยาวการฝึกปราณยุทธก็ไม่เสียหาย พลังมีมากขึ้น ก็ไม่น่ารังเกียจ
“เฉิงเยว่ฝึกปราณยุทธ พร้อมกับพลังเวท ข้ากลัวน้องจะเกิดปัญหากับพลังที่ต่างกัน แล้วจะช่วยเหลือไม่ทัน”
เยี่ยหยางครุ่นคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกเวทมนตร์ให้เฉิงเยว่ ตัวเขาเองเคยฝึกมันเมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะแก่นเวทเสียหาย ทำให้ร่างกายไม่อาจรับพลังที่ต่างกันได้
ตอนนี้เขาสามารถฝึกปราณยุทธได้ แต่ไม่ใส่ใจที่จะฝึกฝนเอง เพื่อเฉิงเยว่แล้ว เขาก็พร้อมเดินเคียงข้างการเติบโตของน้อง
<ในห้องทำงานใหญ่สาขาทำการหลักของสมาคมการค้าเหวินชา กู้ซีเจ๋อ รองประธานสมาคมการค้านั่งตรวจเอกสารมากมายก่ายกองจำนวนไม่น้อยไปกว่าฎีกาฮ่องเต้ฮัดเช้ย!“คุณชายซีเจ๋อไม่สบายหรือขอรับ?”“ไม่นะ คัดจมูกน่ะ” กู้ซีเจ๋อก้มหน้าอ่านบัญชีการเงินของสาขาย่อย “จี้ไหล ข่าวที่ให้ไปสืบได้เรื่องมาหรือยัง”“ยังเลยขอรับ” โจวจี้ไหลผู้ช่วยคนสนิทของรองประธานสมาคมการค้าเหวินชาตอบ “ตอนนี้สายข่าวกำลังรวบรวมข่าวจากจวนต่าง ๆ ในราชอาณาจักรเป่ยฉิน คาดว่าพรุ่งนี้คงมีความคืบหน้า”“ดี อาหยางรีบเร่งเรื่องนี้ เจ้าสั่งการให้คนของเราใส่ใจเร่งมือหน่อย” กู้ซีเจ๋อพยักหน้ารับรู้ “หากน้องข้าลงมือเอง ข้าไม่อยากจะคิด…”“พี่ไม่อยากจะคิดอะไรหรือ?” “เฮ้ย!” โจวจี้ไหลสะดุ้งตกใจตัวโยน จนโยนรายงานในมือทิ้ง&nb
“ชิ! งั้นข้าแทะโลมอีกคนก็ได้” หูลี่เซียนเองก็ไม่ได้อยากเป็นพี่สะใภ้สหายให้เหนื่อยยาก แค่ฐานะน้องสะใภ้ที่จองไว้ก็เพียงพอแล้ว “อืม? ทำไมเจ้าไม่หาคนที่แข็งแรงสมบุกสมบันกว่านี้มาช่วยงาน คุณชายผู้นี้ดูอ่อนปวกเปียกไปหน่อย” โจวจี้ไหลยิ้มค้างถึงเอ่ยอะไรไม่ออก เขาถูกแม่นางหูลวนลามทางสายตาส่องผ่านไปทั่วร่าง จนรู้สึกใจไม่ค่อยดี เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาธรรมดาออกจะผอมไปหน่อย แต่ก็ไม่ขี้ก้างอัปลักษณ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ตรง ๆ รู้สึกหดหู่ไม่น้อย จากที่หลงเสน่ห์จิ้งจอกเก้าหาง กลับถูกฝีปากของแม่นางหักล้างกับจนแทบหมดสิ้น คนงามไม่สามารถดูได้จากภายนอกนายท่านเป็นเช่นไร สหายท่านก็เป็นเช่นนั้นสินะขอรับ...&nbs
“ข้าขอสาบานด้วยชีวิตและวิญญาณ!!!”“ดี”สมาชิกเหวินชาตอบอย่างไม่ต้องคิดทบทวนสิ่งใด ทุกวันนี้พวกเขาก็ยึดมั่นในสิ่งที่นายท่านให้พวกเขาสาบานอยู่แล้ว มันไม่ได้เป็นคำขอที่ทำให้ลำบากใจแม้แต่น้อย ทุกคนยิ้มแก้มปริ “ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว พวกเจ้าไปจัดการงานให้เสร็จเรียบร้อย คืนนี้มาเจอกันที่ลานกว้าง หน้าบ้านเซ่อหลางละกัน” เยี่ยหยางไล่ลูกน้องมากมายก่ายกองที่อัดเข้ามาในห้องเล็ก ๆ นี้ “ขอรับ” ทุกคนตอบรับ เดินกระฉับกระเฉงออกจากห้องคุณชายซีเจ๋อด้วยสีหน้ายินดีปรีดา “อาหยาง คิดดีแล้วหรือ?” “พวกเขาซื่อสัตย์ภักดี ข้ามอบกำลังให้ ถือว่าเป็นก
เยี่ยหยางมองฉีเจิ้งที่หันซ้ายหันขวามองหารูปธรรมปราณยุทธของตัวเองว่าเป็นอะไร คนที่จ้องสหายยกสองมือขึ้นปิดปาก กลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองดวงตาสามดวงกะพริบปริบ ๆ แลซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าปราณยุทธของตัวเอง ท่าทางดูน่าขันจนสหายต้องหันหลังให้ เพราะกลัวกลั้นใจไม่ไหวหัวเราะก๊ากออกมา จนหวงฉีเจิ้งรู้สึกขายหน้าในขณะที่โจวจี้ไหลกลัวว่าถ้าตัวเองหลุดเสียงออกไปจะโดนหวงฉีเจิ้งรังแกตัวเองคืนเพราะปราณยุทธของหวงฉีเจิ้งไม่ได้ดูน่ากลัวขู่ขวัญเลย…ปราณยุทธของเขา กำลังกะพริบตาปริบ ๆ ดูงง ๆ อย่างน่าเอ็นดู“เอ่อ…ปราณยุทธของข้าอยู่ไหนอ่ะ?”อุ๊บ!“โอ๊ย…ข้าไม่ไหวแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เยี่ยหยางกลั้นเสียงขำจนแก้มแทบปริ ตบหลังโจวจี้ไหลเสียงดังตุบ ๆ จนคนถูกตบแทบทรุดโจวจี้ไหล “…”หูลี่เซียนปิดปากแน่น แต่แววตาเป็นประกายระยิบระยับ นางโบกมือเรียกคันฉ่องบานใหญ่ตั้งหน้าหวงฉีเจิ้ง ให้สหายได้เห็นปราณยุทธด้วยตัวเองหวงฉีเจิ้งกะพริบตาปริบ ๆ กะพริบตาทั้งสามดวงเฮ้ย!คนเพิ่
“อ่ะแฮ่ม! ฉีเจิ้ง เจ้ามีแรงเหลือเฟือทะลวงจิตคิดคำนึงสินะ?” เยี่ยหยางเลิกคิ้วถามเพื่อนรัก ที่ไม่รู้คิดอุตริแทรกเข้ามาในทะเลห้วงจิตของเขา“ไม่สำเร็จอีกแล้ว เซ็ง!” ฉีเจิ้งแค่คิดทดสอบฝีมือ เยี่ยหยางถือเป็นจอมเวทที่มีกำแพงทะเลห้วงจิตที่แข็งแกร่งมากแข็งแกร่งขณะไหน?แข็งแกร่งขณะที่คุณชายสามารถปกปิดและอำพรางความคิดของตัวเองจากอดีตจอมมารซิลแวนได้ จนเข้าไปรับใช้เป็นคนสนิท และมีชีวิตรอดหลังจากจบสงครามแบบสบาย ๆ“ไม่ต้องคิดทะลวงทะเลจิตของเพื่อนฝูง” หูลี่เซียนโบกศีรษะคนคิดพิเรนทร์ ลูกตบนี้เตือนสติคนบ้าอย่างมีความหมาย “ถอยไปเลย ข้าจะได้ปลุกวิถียุทธบ้าง ท่ามากอย่างกับสตรีในห้องหอ”หวงฉีเจิ้งลูบศีรษะที่ถูกตบป้อย ๆ ตบมาได้ ตบซักเต็มแรงเลย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะพวกเขาสามคนเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก ๆเพื่อนสาวเขาก็เถื่อนแบบนี้แหละ จะมีใครขอไปเป็นภรรยาบ้างเนี่ย? อยู่โสดมาจะครึ่งร้อยอยู่แล้วยังไม่มีหมามีแมวมามองเลยหูลี่เซียนเดินไปยืนแทนที่หวงฉีเจิ้ง ดีที่นางไม่ได้ยินความคิดเขา ไม่เช่นนั้นวันนี้คงมีใครที่เจ
พังพอนเหลือง มู่หรงหย่งสือ ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ย เสด็จอาที่น่ารักน่าเคารพของเขาไอ้หย๋า…เปิ่นหวางปวดหัวอยู่ในกรงมังกรอยู่ดีไม่ว่าดี หนีออกจากกรงมาถึงหัวเมืองชายแดน ดูท่าเสด็จอาจะโดดราชกิจหนีเฉียนฮองเฮามาอีกแล้ว ข้าควรจะจับส่งพัสดุด่วนคืนถึงอุ้งมือนางดีหรือไม่?เยี่ยหยางนวดขมับตัวเอง ก่อนจะส่งรอยยิ้มการค้าไปให้ฮ่องเต้โดดงานบ้านงานเมืองมาล่อตีนมือสังหาร“ข้าปลอดภัยดี” มู่หรงหย่งสือตอบคุณชายหนุ่มที่ยื่นมือช่วยเหลือ เขารู้ตัวว่าถูกสะกดรอยมาสักพักแล้ว เมื่อถึงตี้ตูจึงตัดสินใจยืมมือสมาคมเหวินชาสลัดหมาบ้าเหล่านี้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยมองคุณชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์แปลกตาพิสดาร เขาจ้องอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด มองรูปลักษณ์ที่ตรงกับคำบอกเล่าของเจียงกงกงหรือว่าเขาคือ…“เชิญท่านด้านในก่อน” เยี่ยหยางจำใจต้องอารักขาความปลอดภัยให้เสด็จอาของตัวเอง รีบเชิญนายท่านที่ติดไพ่อัญเชิญดึงดูดนักฆ่าเข้าเหลาอาหารที่ดูจะปลอดภัยกว่าด้านนอกหากพังพอนเหลืองล้มป่วยบาดเจ็บขึ้นมา สิ่งที่เขาหลีกหนีเลี่ยงมาตลอดอาจจะ
อาหารรสชาติดีปริมาณไม่น้อยลดลงด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ทุกคนสนทนาไปขยับตะเกียบไปไม่หยุดปากหยุดมือ “นายท่านหย่งสือ มือลอบสังหารที่หน้าเหลาอาหารท่านต้องการจัดการเช่นไร?” หวงฉีเจิ้งถามโอรสสวรรค์ราชอาณาจักรซีเว่ย “ตอนนี้พวกมันถูกปราณยุทธของข้าควบคุมอยู่” “ข้าขออนุญาตบอกท่าน ปราณยุทธของคุณชายหวงเป็นปราณยุทธเกี่ยวกับทะเลห้วงจิต ท่านสามารถยืมมือเขาได้” เยี่ยหยางช่วยฉีเจิ้งสร้างอำนาจโดยยืมมือพังพอนเหลืองอาของตัวเอง “ข้า เยี่ยหยาง และเหวินชาไว้ใจคุณชายหวง หอข่าวของคุณชายหวงแม่นยำที่สุดในสี่ทะเลแปดดินแดนแล้ว” “หอข่าว?” “หอข่าวสารซินเห
เยี่ยหยางอยู่คนเดียวในเรือนส่วนตัวที่สมาคมเหวินชา เขาตรวจดูสภาพร่างกายและพลังเวทว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม ก่อนจะปลดผนึกปราณยุทธของตัวเองผนึกนี้ถูกกักขังด้วยเวทมนตร์และถอนด้วยเวทมนตร์เท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาตัดสินใจผนึกมัน เพราะร่างกายเขาใช้พลังเวทสนับสนุนเป็นหลักเนื่องจากแก่นเวทที่เสียหายทำให้พลังทั้งสองไม่สมดุลขัดแย้งกันเองในร่าง จึงเลือกได้เพียงหนึ่ง มาตอนนี้แก่นเวทมนตร์ของเขาสมบูรณ์มากกว่าตอนอยู่ระนาบมนตราเสียอีก หากจะปลดผนึกปราณยุทธไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเยี่ยหยางหยิบผลึกปราณออกมากองข้างกายตัวเองกองใหญ่ พวกมันถูกเก็บสะสมทีละเล็กทีน้อยมาหลายปี แม้ส่วนใหญ่จะกลายเป็นขนมขบเคี้ยวของฉงหยิ๋น แต่จำนวนผลึกปราณยุทธและคุณภาพของมันที่เขามีก็มากพอที่จะใช้ยกระดับปราณยุทธถึงขั้นราชันยุทธเมื่อทุกอย่างพร้อม คนที่ลงมือผนึกพลังปราณตัวเองก็ส่งพลังเวทเข้าไปที่ผนึก โคจรเวทค่อย ๆ เจาะกำแพงผนึกที่ตันเถียนเข้าที่จุดที่เปราะบางที่สุดซ้ำ ๆ อย่างละเอียดอ่อนและใจเย็นพลังเวทปะทะกำแพงที่กั้นที่จุดจุดเดียวจนเกิดรอยร้าวเล็ก ๆ ค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดจุดเปราะบางข
“ที่เหลือวานท่านอาจารย์จ้าวด้วยขอรับ”“อืม”ผู้ชำนาญการลงโทษศิษย์รับคำผู้อาวุโสเจียงที่อยู่ดูแลหอลงทัณฑ์คนเดียว เพราะผู้ดูแลคนอื่นยังไม่กลับมาจากการดูการประลองยุทธจ้าวถิงเซียวเดินนำศิษย์บัดซบที่กระตุ้นต่อมโทสะเขา ไปที่เหมืองผลึกที่ว่า ก่อนจะเรียกกระบี่ออกมาด้านหน้า ใช้วิชากระบี่บินหอบหิ้วร่างตัวแทนไปที่เหมืองทันทีส่วนชินอ๋องตัวจริงที่รับรู้เรื่องราวจากจิตสำนึกที่ตัวเองส่งไปกับร่างตัวแทน เหมือนจะคาดเดาโทษทัณฑ์ที่เขาได้รับออกแล้ว ก็ยิ้มหวานสะกิดเรียกสหายให้ไปสนุกด้วยกัน“อาเจิ้ง ๆ ไปกับข้าเร็ว!”“ไปไหน?” หวงฉีเจิ้งที่นอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ ถูกเหล่าหยางสหายซี้ฉุดออกมาจากเตียงนอนถามอย่างงง ๆ“ไปรับทรัพย์” เยี่ยหยางตอบ ในใจกำลังคำนวณค่าตอบแทนผลประโยชน์ที่กำลังจะได้รับ“ไป ๆ ที่ไหน” คนยากจนที่กำลังตั้งตัวผลุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตกลงไปร่วมรับทรัพย์ที่สหายบอก อีกทั้งยังเร่งรีบกว่า ก็ใครให้เขาตอนนี้ยากจนยากไร้จนต้องพึ่งคลังสมบัติเพื่อนกินอยู่อย่างทุกวันนี้
สามวันถัดมาลานเทียนจงได้ถูกบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่เสร็จเรียบร้อย การประลองยุทธจึงได้จัดต่อ ผู้ที่ต้องประลองต่างมีทั้งแพ้ชนะ และก็ถึงรอบของหวงฉีเจิ้ง ผู้ไม่อยากออกแรงเสียเหงื่อให้เหนื่อยกาย เจ็บเนื้อเจ็บตัว ได้กอบโกยชัยชนะทั้งหมดด้วยการสะกดจิตคนทั้งลาน เพียงแค่ดีดนิ้วจากนั้นเขานั่งสบาย ๆ กินขนมจิบชาให้เยี่ยหยางหมั่นไส้ เพราะอีกฝ่ายต้องลงไปดวลเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องชายส่วนเฉิงเยว่น้องชายที่น่ารักก็อยากแสดงความสามารถให้พี่ชายได้ชื่นชม เขาจัดหนักกับการประลองอีกสามรอบที่เหลือ ทั้งพลังลมปราณ ทั้งพลังเวท ภายในเวลาไม่เกินจิบชา ก็กวาดคู่ต่อสู้นอนนิ่งเป็นปลาตายรักษาตัวนานนับเดือน ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์สายในที่เพิ่งเลื่อนระดับพอ ๆ กับพี่ชายตัวดีแน่นอนว่ามู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย และองครักษ์อย่างสือหลงโหยวผ่านได้สบาย ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง โดยเฉพาะลู่เฉินแม้จะยังออกแรงได้ไม่เต็มที่แต่หูลี่เซียนก็ออกไปเล่นสนุกช่วยลู่เฉินอย่างที่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ โดยขอยาพิษอ่อน ๆ จากเยี่ยหยางตั้งแต่หลายวันก่อนไปวางใส่คู่ประลองของลู่เฉิน เพื่อความเท่าเที
คนที่ชมการประลองรอบ ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกสั่นไหวเหมือนถูกเขย่าแผ่นดินสั่นสะเทือนมากผิดปกติเพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ลานประลองก็มีหมอกควันขาว ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบทั่วลานเทียงจง จนไม่เห็นสิ่งใดเมื่อควันจางลงสิ่งที่เห็นทำเอาทุกคนพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรดีเพราะลานเทียนจงที่เป็นลานประลองและลานอเนกประสงค์ของเทียนถูหวู่ ขอโบกมือลาตาย สิ้นอายุขัยหมดอายุการใช้งานไปเรียบร้อยพื้นลานแตกเป็นหลุมใหญ่ ก้นหลุมลึกประมาณความสูงกว่าหนึ่งช่วงคน เศษอิฐเศษหินแตกละเอียดเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยนอนอยู่ก้นหลุมโดยมีคู่ประลองยุทธรอบนี้ที่ไม่มีบาดแผลใด ๆ ยืนอยู่ขอบหลุม...ขอบลาน ชื่นชมผลงานออกรบรอบแรกของตัวเองอย่างเฉิงเยว่ และคุณชายสวีที่รับประทานคำใบ้อึ้งเต็มท้องไปแล้วคาถานี้...สุดยอด! ท่านพี่ข้าทำได้แล้ว!! ควบคุมพลังเวทได้ดีด้วย เฉิงเยว่มองไปทางพี่ชายด้วยสีหน้าน่ารักอย่างต้องการคำชื่นชมสหายจู...เจ้าจะให้สัญญาณข้าชัด ๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไงกัน ถ้าข้าสังเกตไม่ทัน หลบไม่ทัน ข้าไ
“ข้าได้ข่าวว่าคุณชายเพิ่งกลับมาจากราชอาณาจักรจินโจวเมื่อคืนวานนี่เอง” จูเฉิงเยว่ถามไถ่ทักทาย“ใช่ น่านน้ำทางใต้ปั่นป่วนเล็กน้อย ข้าแอบกลับบ้านไปครานี้ยังนึกเลยว่าจะกลับมาไม่ทัน” สวี่เหวินซื่อตอบอย่างไม่ปิดบัง แถมบ่นอุบอิบเล็กน้อย“เกิดเรื่องขึ้นหรือ? คุณชายถึงต้องกลับไปด้วยตัวเอง ทุกทีเห็นส่งสารคุยกัน” คุณชายจูขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะบุตรชายคนโตของสกุลสวี่ตั้งแต่มาเทียนถูหวู่เพิ่งกลับบ้านตัวเองแบบปุบปับครั้งแรก“ใช่ ฮ่องเต้ทรงเรียกคืนสัมปทานเหมืองทองจากพวกเรา ทำให้พ่อค้าในราชอาณาจักรจินโจวที่ถือสัมปทานวุ่นวายไม่น้อย”สวี่เหวินซื่อบอกเล่าเรื่องราวมีสีหน้าเบื่อหน่าย เขาต้องวิ่งวุ่นไปมาช่วยบิดาติดต่อผู้คนเพื่อแก้วิกฤตนี้ กำไรส่วนใหญ่ของตระกูลมาจากกิจการเหมืองแร่ที่ถูกเรียกคืน“แปลก น่าแปลกฮ่องเต้ราชอาณาจักรจินโจวทรงคิดวางแผนทำสิ่งใดอยู่แน่” เฉิงเยว่ที่ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉุกคิดถึงคำสั่งที่ไม่มีเหตุผลของฮ่องเต้ราชอาณาจักรจินโจว ก็พูดออกมาตามความรู้สึก“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ไ
“ท่านพี่!”น้องชายที่ไร้พี่ชายปกป้องมาโดยตลอด ทั้งเห็นการกระทำของพี่ ทั้งได้ยินคำพูดของพี่ หัวใจที่ด้านชาและโดดเดี่ยวก็เหมือนได้รับน้ำทิพย์ปลอบประโลมชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ“เสี่ยวเฉิง…”เยี่ยหยางยังไม่ทันได้พูดปลอบอะไร น้องตัวน้อยของเขาก็กระโจนใส่อ้อมกอดพี่ชายทันทีจูเฉิงเย่วรู้ว่าการประลองเมื่อครู่ พี่ชายเอาคืนไอ้กงซุนจ้านให้เขา ความทุกข์ที่เก็บกดมานานปีทะลักออกมา แม้ว่ามีท่านพ่อท่านแม่ปกป้อง แต่เขาก็ไม่อยากให้พวกท่านกังวล ไม่อยากให้พวกท่านลำบากใจ ตลอดมาได้แต่ปกป้องตัวเองสร้างเกราะที่ผู้คนรังเกียจ ไม่ให้พวกสารเลวกลั่นแกล้งได้เขาคิดมาตลอดหากเขามีพี่ชาย คนพวกนั้นยังคิดกล้ารังแกเขาอีกหรือไม่ ยังไม่ทันได้เล่าความลำบากใจเมื่ออยู่ที่บ้านเมืองตัวเองให้พี่ฟัง พี่ชายของเขาก็กระทืบตัวการสาเหตุของความทุกข์ทั้งมวลคาฝ่าเท้าทำเอาคนหยิ่งยโสที่ผู้อื่นเห็น อดกลั้นไม่ไหวปล่อยโฮปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นนานปีใส่พี่ชายเต็ม ๆ“ชู่ ๆ ไม่ต้องร้อง โอ๋…คนเก่งของพี่”
เหอะ ๆ อย่าให้รู้จะดีที่สุด ถ้าคนเห่อน้องรู้เรื่องนี้เข้าคนแซ่กงซุนจะมีเหลืออยู่บนแผ่นดินหรือไม่“เสี่ยวเฉิง เจ้าก็เรียนรู้ให้มาก ฝึกฝนให้มาก คนพวกนั้นจะได้รังแกเจ้าไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”ชายหนุ่มลูบหัวสอนจูเฉิงเยว่อย่างใจเย็น เขายังไม่อยากเห็นคนบัดซบคนที่สองหรอกนะ ทำได้แต่เพียงสั่งสอนสิ่งที่ถูกที่ควรให้น้องชายอีกฝ่ายมาก ๆ เข้าไว้จะได้ไม่มีความคิดผิดผู้ผิดคนเหมือนพี่ชายสติวิปลาส ก่อนจะหันกลับไปสนใจการประลองของเยี่ยหยางต่อ“พี่เจิ้งข้าอยากได้ยินว่ากงซุนจ้านพูดอะไรกับพี่ชาย พี่ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”จูเฉิงเยว่ไม่ชอบคนผู้นี้เอามาก ๆ เขาแค่อยากรู้ว่าคนผู้นี้จะพูดว่าร้ายเขาให้พี่ชายไม่ชอบเขาหรือเปล่า เขากลัวพี่ชายจะไม่รักเขา“เจ้าก็ทำได้ ทำแบบนี้สิ…”หวงฉีเจิ้งกระซิบสอนคาถาสอดแนมของถัดของเขาให้น้องชายเพื่อนที่พยักหน้ารับฟังและปฏิบัติตามอย่างน่าเอ็นดู ทำให้เขาและจูเฉิงเยว่เหมือนกำลังยืนอยู่ข้างเยี่ยหยางได้ยินทุกอย่างชัดเจนทุกคำทุกประโยค“ไม่เลว คุณชายใหญ่สกุลจูไม่ใช่สวะเหมือนคุณชายรอ
หลังจากปล่อยหมูยักษ์วิ่งอยู่ครึ่งชั่วยาม เหนื่อยหอบจนแทบไล่ตามภาพลวงตาไม่ได้อีก เยี่ยหยางก็คลายคาถา แล้วยื่นเรียวขางามอันแข็งแรงของเขาขัดลู่วิ่งหมู แถมด้วยฝ่าเท้างามตบท้ายถีบบั้นท้าย จนอีกฝ่ายล้มกลิ้งออกไปนอกลาน เป็นอันจบการประลองอย่างงดงาม“ผู้ชนะ คือ ข้า”เยี่ยหยางพูดอย่างภาคภูมิใจ ที่ไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียวลานเทียนจงเงียบกริบเงียบสงัด ไม่มีเสียงประกาศผู้ชนะของเมิ่งจวิ้นผิงและฟางเหวยซู ทุกคนยังตกตะลึงอึ้ง ไม่อยากเชื่อในสายตาของตัวเองนั่นมัน...ไม่อยากจะเชื่อ!ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎข้อบังคับในการประลองแต่คนผู้นี้กลับ...ชนะด้วยการเตะเบา ๆ นี่มัน ๆ…บ้าไปแล้ว!!!“ศิษย์พี่ ๆ ข้าลงจากลานประลองได้รึยัง?” เยี่ยหยางสะกิดเมิ่งจวิ้นผิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใสเป็นประกาย“เอ่อ...ได้ ๆ” เมิ่งจวิ้นผิงดึงสติกลับมาอย่างงุนงง “ผู้ชนะ คือ ท่านอ๋องจอมบัดซบ...เอ๊ย! มู่หรงเยี่ยหยาง”ผู้ได้รับชัยเดินกลับไปยังที่นั่งในกลุ่มผู้คนอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่มองมา เอ่ยทักทายหวงฉีเจ
ม่านสงเห็นหน้าคู่ประลองที่เป็นถึงท่านอ๋องเลื่องชื่อผู้โด่งดังถึงกับดีใจออกนอกหน้า ที่เขาประมือกับคู่ต่อสู้ลมปราณพิกลพิการ เขาจ้องมองอีกฝ่ายกำลังเดินขึ้นลานเทียนจงตรงข้ามกับเขาอย่างไม่รีบร้อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคู่แข่งของเขาเล่นเป็นหมูป่วยกินเสือสายตาของเด็กหนุ่มสำรวจรูปร่างของคนเป็นอ๋อง มีลักษณะคุณชายเจ้าสำราญขนานแท้ ทรวดทรงองเอวอ้อนแอ้นไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ หน้าตาเด้งขาวใสเหมือนสตรี ดูแล้วคงไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่กระมั้ง แต่เมื่อจบการประลองครั้งนี้กลับกลายเป็นเรื่องฝังใจเขาว่า ไม่ควรดูถูกผู้อื่นจากรูปร่างภายนอกอีกด้วยน้ำตานองหน้าการประลองรอบนี้ม่านสงคิดว่าท่านอ๋องไร้ค่าผู้นี้เหมือนหมูในอวยของตนแล้วสวรรค์ช่างเข้าข้างเขาจริงเชียวที่ส่งท่านอ๋องผู้นี้มาให้เขา ในเมื่อสวรรค์เมตตาเขา เขาก็จะเมตตาท่านอ๋องผู้นี้ ลงมือเบา ๆ ไม่ให้ฟกช้ำดำเขียว ไม่ให้เจ็บมากละกัน ม่านสงคิดรูปร่างของม่านสงสูงราวเจ็ดฉื่อ[1] ล่ำสันใหญ่เป็นมัดกล้ามดำคล้ำดูน่ากลัว เขามีพื้นฐานครอบครัวมาจากสำนักคุ้มภัยทางใต้ของราชอาณาจักรซีเว่ย ตนเองเริ่มฝึกยุทธตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทำให้ตอนนี้เข
สถานการณ์ในการประลองเปลี่ยนไป เมื่อหวงฉีตงจู่ ๆ ก็เพิ่มพลังระดับปราณยุทธฉับพลัน จากปราณยุทธระดับปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่เป็นระดับอัคราจาร์ยยุทธขั้นสี่ เพิ่มขั้นมาหนึ่งระดับขั้นไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเล่นแง่ ใช้โอสถเพิ่มลมปราณให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อห้าม แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกัน เพราะมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองหวงฉีตงไม่ได้ใช้โอสถกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันกลับใช้ยาพิษผงโปรยใส่เสิ่นเยี่ยนในตอนที่ประชิดตัว เพื่อหวังบั่นทอนพละกำลังและสกัดกั้นลมปราณของอีกฝ่ายอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วขว้างมีดบินใส่ทีเผลอ ทั้งยังแทงทวนพุ่งโจมตี บ่งบอกนิสัยเลวทรามของตัวเองเสิ่นเยี่ยนรู้ว่าตัวเองถูกพิษ กล้ำกลืนเลือดพิษในลำคอลงท้องหึ...เขาคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะใช้พิษที่รุนแรงและหายากหลายชนิดเช่นนี้หนึ่งในนั้นเป็นพิษโลกันตร์แผดเผา พิษที่จะตรวจหาก็ไม่พบ เหยื่อจะถูกทำลายจากภายในเหมือนถูกเผาทั้งเป็นจนกว่าจะตาย ที่เขารู้ก็เพราะบิดาเขาก็ตายด้วยพิษนี้ มันจะค่อย ๆ กัดกินร่างกายร้อนผ่าวในบางช่วงเวลา ตอนนี้เขาแสบร