เช้าวันใหม่ที่แสนวุ่นวาย ผู้คนมากมายต่างออเข้ามาในโรงเตี๊ยมเซียนสวรรค์ เพื่อลิ้มรสอาหารที่ประกาศลดราคาลงครึ่ง ๆ เพราะผู้ดูแลแจ้งว่านายท่านใหญ่มาเยี่ยมโรงเตี๊ยม นายท่านใหญ่ที่ว่า? คือ ผู้ใดไม่ได้นอกจาก เส้าหยางจวิน ประธานสมาคมเหวินชาที่ลึกลับยากจะพบเห็นแม้แต่ฮ่องเต้ครองแคว้นแต่ตอนนี้…“คุณชายเส้าหยาง...”“คุณชาย”บรื๋อ!!! ขนลุกเป็นบ้าใช่แล้ว…คุณชายเส้าหยางรูปโฉมสง่างามลึกลับ กำลังขนลุกขนพองไปทั้งตัว ด้วยสายตาจาบจ้วงล้วงลึกและเสียงร้องเรียกแหลม ๆ บาดหูคนฟังของสาวน้อยสาวใหญ่ และไม่ใช่สาวกลางเหลาอาหารของโรงเตี๊ยม พร้อมกับสายตาขู่ฟ่อของจูเฉิงเยว่น้องชายของคุณชายเส้าหยาง ที่ส่งดวงตาพิฆาตให้บรรดาสาวที่จะกลืนกินพี่ชายของตัวเอง และ สายตาเห็นใจให้กับฉีเจิ้งของฉงหยิ๋นที่เคยตกเป็นเหยื่อน่ารัก ๆ ของเยี่ยหยางเหมือนกันหวงฉีเจิ้งผู้ถูกรุมทึ้งด้วยสายตา เหมือนถูกเปลือยกายเปลื้องผ้ากลางตลาดสด ส่งรังสีอำมหิตให้ตัวต้นเหตุที่นั่งยิ้มไม่รู้สึกรู้สาอย่างเยี่ยหยาง ซึ่งกำลังร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวอย่างสุขกายสบายใจผู้ถูกสวรรค์กลั่นแกล้งอยู่เสมอ ได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจหาทางระบายไม่ออก ที่เก
นาน ๆ ครั้งเขาจะเรียกใช้พวกเขาอย่างเป็นการเป็นงาน ทำให้เหล่ากิเลนกระเหี้ยนกระหือรือเตรียมพร้อมกันทุกคน ฉีหลินอี้กิเลนหนึ่งผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มปรากฏตัวเบื้องหน้าชินอ๋องท่ามกลางผู้คน สิบปีก่อนมันเป็นแค่องครักษ์ปลายแถวที่ได้แต่มองพี่น้องพวกพ้องถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ทำให้มันตั้งประณิธานไว้ว่า จะปกป้องพี่น้องและชินอ๋องตลอดชีวิต กิเลนคลั่งที่เหลือรอดจากเหตุการณ์สังหารครั้งนั้นได้รวมกลุ่มขึ้นใหม่ และพวกมันนี่แหละที่เป็นผู้พบตัวท่านอ๋องในวัยเยาว์ “ท่านอ๋อง ชือจิ่วกับชือชีอยากแข่งขันกันขอรับ พวกเขาจึงอยากขออนุญาต”“เจ้าสิบเก้ากับเจ้าสิบเจ็ดจะแข่งอะไรกันอีกล่ะ?” เยี่ยหยางส่ายหัวกับองครักษ์ตัวเอง รักกันเหมือนพี่น้องก็จริง ก็ชอบแข่งขันกันเองเป็นเรื่องสนุก ๆ กันในกลุ่ม หาใช่ความขัดแย้งมีโอกาสทีไรก็รีบคว้าไว้ทันที แต่ไม่มีใครยอมซ้อมมือกับพวกเขาสักเท่าไหร่ แม้แต่พวกเขาด้วยกันเอง จึงต้องเปลี่ยนเป็นซ้อมมือกับคนนอก และแข่งนับผลว่าใครเหนือกว่า“เรียนท่านอ๋อง ข้ากับพี่สิบเจ็ดจะแข่งว่าใครลงมือได้มากกว่ากัน และ ใครลงมือได้หนักกว่าขอรับ” ชือจิ่วหรือกิเลนสิบเก้าน้องเล็กสุดของกลุ่มยิ้มหวานถูมือถูไม้รอฟังคำขอ
ขบวนของชินอ๋องได้เคลื่อนตัวออกจากโรงเตี๊ยมเซียนสวรรค์แห่งเจียงตง เมื่อวานเขาสั่งตงซุนเตรียมไว้ทั้งหมดสี่ตัวแล้ว เยี่ยหยางขี่ม้าเคียงข้างบิดาในฐานะชินอ๋องราชอาณาจักรซีเว่ยกับอัครเสนาบดีราชอาณาจักรเป่ยฉิน ด้านหลังตามด้วยคุณชายใหญ่จูเส้าหยางที่ไส้ในเป็นหวงฉีเจิ้งและคุณชายรองจูเฉิงเยว่ นำหน้าเจ้าสามองครักษ์ชินอ๋องที่บังคับรถม้า มีมารดากับฉงหยิ๋นเด็กชายตัวอ้วนป้อม และซูผิงสาวใช้คนสนิทถัดไปเป็นขบวนของกู้ซีเจ๋อ ตงซุน และเหล่ากิเลนที่ท่านอ๋องเรียกมาเรียนรู้ดูเรื่องสนุกที่พวกเขาไม่ยอมพลาดเด็ดขาดเหล่าชาวบ้านที่วันนี้มารวมตัวอยู่โรงเตี๊ยมมากเป็นพิเศษ ต่างติดตามไปชมการตัดสินที่ไม่รู้จะลงเอยเช่นไร ชวนกันพูดคุยกระซิบกระซาบออกความเห็นต่าง ๆ นานาขบวนรถม้าผ่านถนนหนทางรอบเมืองไปหนึ่งรอบ แล้วค่อยมุ่งหน้าไปศาลแห่งเจียงตง กวาดผู้คน
กิเลนห้าผู้เป็นเหมือนพ่อบ้านของกลุ่มองครักษ์รีบจัดการให้น้อง ๆ ยกชุดเก้าอี้บุผ้ารองอย่างดีตามจำนวนคน แม้แต่บ่าวรับใช้และสาวใช้ข้างกายฮูหยินสกุลจูยังมี พร้อมตั่งโต๊ะยกเข้ามาในศาลอย่างรวดเร็ว“บังอาจ!!! ที่นี่คือศาลไม่ใช่โรงงิ้ว” หลี่ไท้หยวนที่นั่งเป็นประธานผู้ตัดสินถูกเมินหน้าแดงโกรธจนหนวดเครากระตุก“เชิญกว๋อกง เชิญท่านน้านั่ง” เยี่ยหยางเอ่ยชวนท่านพ่อท่านแม่ตนอย่างเป็นทางการในฐานะชินอ๋องนั่งลงที่เก้าอี้รอชมเรื่องสนุก “สิบสี่...เม็ดแตง”กิเลนสิบสี่หิ้วปิ่นโตเถาใหญ่จัดเรียงเม็ดแตง เม็ดถั่ว และของว่างกินเล่นมากมาย แน่นอนว่าไม่ซ้ำกับที่ทานไปที่โรงเตี๊ยม พร้อมน้ำชาอุ่นร้อนกลั้วคอ หากนี่ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเพิ่มตื่นบรรทม เจ้าสิบสี่คงเตรียมสุรารสเลิศแทนน้ำชาขมแล้วชาวบ้านต่างเรียนรู้ความกล้าของท่านอ๋องอย่างใส่ใจ และคิดเก็บท่วงท่าไว้เลียนแบบ
“เผิงเหล่ย เจ้าเล่าเหตุการณ์พยายามฆ่าหลี่อี๋ไม่สำเร็จให้ข้าฟัง” หลี่ไท้หยวนยัดเยียดข้อหาอย่างไม่ดูสถานการณ์“เรียนท่านอ๋อง เรียนใต้เท้า เมื่อวานยามเซินข้าและลูกน้องขายสมุนไพรตามปกติ ที่หน้าร้านของข้าน้อยมีแม่นางจางขอหยิบยืมพื้นที่ เช่าเปิดร้านแผงลอยขายซาลาเปานึ่ง”“จู่ ๆ คุณชายหลี่อี๋ขาพิการไม่เจียมสภาพที่บ่าวไพร่บ้านตระกูลหลี่แบกอยู่บนเกี้ยว เห็นแม่นางน้อยผู้นี้แล้วเกิดความชอบใจใคร่พิศวาส ทนความร้อนลุ่มไม่ไหว จึงเกี้ยวพาราสี ใช้พวกมากใช้กำลังข่มเหงแม่นาง หวังฉุดไปย่ำยีขืนใจให้เป็นเมียกลางท้องถนน ตามพฤติกรรมที่ผู้คนในเมืองเจียงตงต่างรู้ดี”แม่นางน้อยที่ยืนข้างเผิงเหล่ยเล่าเหตุการณ์ ถึงกลับจ้องมองถลนตาใส่ เมื่อได้ยินคำพูดว่าคนพิการแซ่หลี่ชอบนาง หวังข่มเหงให้นางมีราคี...เถ้าแก่เผิงเห็นทีท่านจะมีปัญหากับข้าเล็กน้อย ถ้าเกิดท่านเซีย
หลี่ไท้หยวนยังคงงงงวยมึนงง กว๋อกงผู้เจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกพันปีของราชอาณาจักรเป่ยฉิน กับ ประธานสมาคมการค้าเหวินชาผู้ลึกลับโหดเหี้ยมลงมือไม่กะพริบตาสีหน้าไม่เปลี่ยนทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ไม่จริง...นี่ไม่ใช่เรื่องจริงถ้าเป็นคนสองคนที่น่าหวาดกลัวเช่นทั้งคู่มาที่เจียงตง เจ้าเมืองอย่างเขาคงต้องได้ยินข่าวคราวมาบ้าง“เจ้าหน้าที่!!! โบยผู้ต้องหาในข้อหาแอบอ้างเป็นผู้อื่นหนึ่งร้อยไม้” เจ้าเมืองมือสกปรกตั้งลำใหม่ แสดงความโง่ต่ออย่างไม่ยอมรับความจริงใด ๆเยี่ยหยางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีเขาต้องเก็บกวาดทั้งเช็ดทั้งถูเมืองเจียงตง จนขึ้นเงาแน่ เขาโบกมือให้สัญญาณเพียงครู่เดียวกลุ่มกิเลนคลั่งทยอยแบกหามมือปราบที่ถูกมัดเป็นหมูถูกเชือด ใบหน้าบวมฉึ่งอืดฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อยเรียงเข้ามาเหมือนเนื้อรอแบ่งขาย“อ่าห์...เปิ่นหวางลืมถามเลย คนพวกนี้ใช่มือปราบที่ไม่รู้จักกาลเทศะหรือไม่ พวกมันมาวุ่นวายเวลาอาหารเช้าของเปิ่นหวาง ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”“หากเจ้าไม่กวดขันลูกน้องของเจ้า ศาลที่ตัดสินความยุติธรรมคงไม่มีความน่าเชื่อถื
บทที่ 132 โอ๋… เจ้าจะโบยเปิ่นหวางหรือ? 2เยี่ยหยางที่เรียกสติกลับมาบางส่วนบอกบิดา พร้อมถ่ายพลังเวทไปให้ส่วนหนึ่ง จากนั้นก้าวมาหาผู้ที่บังอาจหาญกล้าคิดลงมือกับท่านแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าจูเหวินฟงเห็นว่าภรรยายังปลอดภัยดี ก็ให้คนมีอำนาจในราชอาณาจักรซีเว่ยอย่างชินอ๋องสะสางเรื่องราวด้วยตนเองส่วนหานเฟยมองไปที่คนแซ่หลี่อย่างสมเพชไม่เข้าไปห้ามเหตุการณ์ใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นเส้นอารมณ์ของสามีคงฉุดไม่อยู่ นางไม่ห้ามใครอีกต่อไป ที่จะลงทัณฑ์คนไร้จิตสำนึกชั่วดี“หึหึหึ…ความจริงประจักษ์อยู่ในใจ เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน เจ้ากล้าสาบานกับฟ้าดินหรือไม่ ว่าการกระทำของเจ้าไม่เคยทำร้ายผู้อื่น และพูดแต่ความจริง ถ้าเจ้ากล่าวเท็จจะสาบานขอเป็นสุนัขทั้งชาติ”เยี่ยหยางมองมนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขอย่างแท้จริง แม้ใจจะอยากสาปคนผู้นี้นับร้อยครั้งพันครั้ง แต่มโนธรรมหลักการในใจก็ยังฉุดไว้อยู่ เขาไม่ล้อเล่นสร้างเรื่องสนุก แล้วตัดสินใจลงดาบก่อนรายงานทีหลังอย่างเด็ดขาด“แ..แก...แก ไอ้..ไอ้สวะ!”&ldqu
ถ้อยคำน้ำเสียงที่ค่อย ๆ เผยความจริงช่างเย็นยะเยือกดั่งความตาย เยี่ยหยางแสยะยิ้มพูดกับหลี่ไท้หยวนผู้ที่จะรู้ทุกสิ่งแต่ไม่อาจเผยทุกอย่างได้“ชินอ๋องและเส้าหยาง คือ ข้า ชายคนนั้นคือพระบิดาของข้า เป็นพระเชษฐาของฮ่องเต้ หญิงคนนั้นคือพระมารดาของข้า ทั้งสองคนที่เจ้าและญาติผู้น้องของเจ้าล่วงเกิน คือเชื้อพระวงศ์ตระกูลมู่หรงแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ความผิดสถานใดเจ้าคงแจ้งแก่ใจดี ที่ข้ายังเมตตาไว้ชีวิตเจ้าก็มากเกินพอแล้ว ยังไม่รวมความผิดที่พวกเจ้าตระกูลหลี่ทำไว้กับผู้อื่นอีก ชีวิตที่เหลืออยู่ก็จงสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำซะเถอะ”ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยหยางและเจ้าตัวผละออกมา อดีตเจ้าเมืองกุมคอดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น ภายในลำคอของหลี่ไท้หยวนเจ็บปวดราวกับถูกของมีคมกรีดซ้ำหลาย ๆ ที แต่ก็ไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมาเยี่ยหยางขอยืมกระบี่จากเจ้าเจ็ดที่รั้งอยู่ด้วย ตวัดข้อมือลงอย่างรวดเร็ว ขาสองข้างจนถึงสะโพกถูกเฉือนออก รอยตัดเรียบเนียน แม้แต่กระดูกก็ตัดขาดจากกัน โลหิตไหลพุ่ง ร่างกายที่ด้วนไร้ขาล้มกลิ้งอยู่ที่พื้นเปรอะเปื้อนเลือดของมันเอง“รู้หรือไม่ว่า ทำไม
เยี่ยหยางเบิกตากว้าง ขนลุกซู่จนอยากอ้วกออกมา เขาไม่คิดว่าจะมีคนอั้นไม่อยู่จน...เป็นแบบนี้ ฝีมือเขาช่างสูงส่งยิ่งนักอาจารย์จ้าวผู้เยือกเย็นเบือนหน้าหนีภาพทุเรศลูกตา อยากเอามือกุมขมับ ไม่รู้จะสงสารศิษย์ผู้โชคร้ายผู้นี้อย่างไรดีเขาไม่สามารถจัดการกับลูกศิษย์บัดซบคนนี้ได้ เมื่ออีกฝ่ายไม่เหลือหลักฐานใด ๆ หลงเหลือ ทุกอย่างที่เห็นเหมือนกับเป็นแค่อุบัติเหตุแต่สัญชาตญาณตรวจจับชี้ตัวก่อเหตุเป็นลูกศิษย์ยศอ๋องของเขา จึงได้แต่คาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจรอวันชำระโทษคืนวันหลัง แล้วปิดจมูกสั่งการเก็บกวาดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแต่ผู้โดนฤทธิ์เดชท่านอ๋องมีไม่น้อย และฤทธิ์ยาก็ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ต่างพุ่งออกไปโดยไม่สนใจใครไม่ขออนุญาตคนเป็นอาจารย์อย่างจ้าวถิงเซียวแม้แต่นิดเดียวต่างมุ่งหน้ามุ่งมั่นไปแย่งชิงสถานที่ปลดปล่อยที่มีอยู่ในตำหนักแห่งนี้ที่มีอย่างจำกัดจำนวนแน่นอนว่าสถานที่แบบนั้นมีไม่เพียงพอกับความต้องการในการใช้งานขณะนี้ส่วนผู้ที่ตบตีแย่งชิงโถปลดทุกข์ไม่ได้ก็ยิ่งทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องแบกสังขารหูรูดของร่างกายที่ทรยศ ไปหาโถปลดที่พวกเขาต้องการเ
“ใคร!!!”สีหน้าของอาจารย์สอนปรุงโอสถมืดครึ้มแทบคั้นเป็นน้ำหมึก กวาดสายตาเหี้ยมโหดพร้อมรังสีสังหารกระทืบคน ครั้งนี้เขาโดนลูบคมอย่างแรง ไม่เคยมีใครยั่วโทสะเขาได้มากเท่านี้ผู้ร่วมเหตุการณ์ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำตัวสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยม ต่างกลับท่านอ๋องบัดซบกลับหันซ้ายหันขวาเหมือนกับจะช่วยหาตัวคนร้ายอย่างไรอย่างงั้น แต่ทุกคนแทบจะปิดหน้ายกมือชี้มาที่เจ้าตัวอย่างระบุตัวเฉพาะเจาะจง“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ทำสักนิดเดียว” ผู้ถูกชี้ตัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธความผิดด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น สีหน้าช่างชวนประทับฝ่าเท้าประดับไว้ไม่น้อย…เหอะ ๆ เยี่ยหยาง เจ้าไม่ได้ทำเรื่องเล็กสักนิดเดียว แต่เจ้าก่อเรื่องวินาศสันตะโรใหญ่โตสุด ๆ ไปเลย ฉีเจิ้งสั่นหัวกับการกลั่นแกล้งผู้คนของเพื่อนรัก“มู่หรงเยี่ยหยาง!!!”“ขอรับอาจารย์จ้าว” เยี่ยหยางเสียวสันหลังวูบด้วยเสียงเรียกและสายตาที่แช่แข็งคนได้ของจ้าวถิงเซียวข้าก่อเรื่องเ
เตาปรุงโอสถเตาใหม่ที่ตั้งใจปรุงขึ้นอย่างดีด้วยเจตนาแอบแฝงถูกจุดด้วยปราณยุทธของกิเลนเทวะ ความร้อนค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นในเวลาไม่กี่ลมหายใจด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าระดับศิษย์นอกทั่วไปเมื่อขั้นตอนอุ่นเตาโอสถเสร็จสมบูรณ์ สมุนไพรหลายชนิดถูกใส่ตามลำดับขั้นตอนที่ถูกแก้ไขให้ฤทธิ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเหมือนกำลังละเลงศิลปะที่งดงาม สีหน้าคนอยู่หน้าเตาโอสถแววตาวิบวับเป็นประกาย มือกวนโอสถในหม้อ แต่สายตากะคำนวณระยะของระเบิดสมุนไพรชีวภาพ...หึหึหึสายตาเจ้าเล่ห์เหลือบไปเห็นในกองสมุนไพรที่จัดเตรียมไว้ให้บรรดาศิษย์ทดสอบโอ้ ใส่หญ้าหอมร้อยลี้เพิ่มหน่อยดีกว่าฤทธิ์สมุนไพรที่ส่งกลิ่นหอมที่เหล่าสตรีชมชอบถูกความคิดพิเรนทร์ของเยี่ยหยางดัดแปลงพลิกคุณสมบัติกลับตาลปัตร กลายเป็นเหม็นร้อยลี้แทน เพิ่มฤทธิ์เดชโอสถบัดซบให้ขจรไกลยิ่งกว่าเดิมลู่เฉินที่รู้นิสัยของญาติผู้พี่เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่เขาปรุงโอสถก็คอยลอบมองชินอ๋องราชอาณาจักรซีเว่ยผู้นี้เป็นระยะ ๆ ว่าจะสร้างเรื่องอะไรหรือไม่เพราะเจ้าตัวไม่ได้ก่อเรื่องมานานเกิน ไม่รู้ว่าจะอดกลั้นอดใจได้ถึงเมื่อไหร่
เมื่อเตรียมสมุนไพรเสร็จ ก็เริ่มตั้งไฟตั้งเตายาที่อาจารย์เตรียมไว้ให้เพื่อความเท่าเทียมกันในเรื่องวัตถุดิบและอุปกรณ์ไฟสีส้มแดงธรรมดาเหมือนไฟหุงหาอาหารทั่วไปค่อยเปลี่ยนเป็นไฟสีน้ำเงินพลิ้วไหวราวกับสีของอัญมณีแทนซาไนท์[1]กำลังเต้นระบำด้วยพลังเวทของเยี่ยหยาง ออร่าประกายเวทแผ่ออกมาจากร่างเป็นแสงสีฟ้าน้ำเงินเรืองรองปกคลุมรอบเตายาปลายนิ้วหยิบใส่สมุนไพรลงในหม้อที่อุ่นด้วยเวทมนตร์อย่างแผ่วเบาราวกับบรรเลงพิณทีละอย่างตามลำดับ ต้มรวมกับหยาดเหงื่อของยูนิคอร์น และหยดน้ำตาของนกฟีนิกซ์เพลิงที่เขาเปิดกุคลังวัตถุดิบส่วนตัวแทนน้ำอมฤตจากสวรรค์ชั้นฟ้าสาเหตุส่วนหนึ่งที่โอสถนิพพานหวนคืนเป็นโอสถหายาก และไม่มีผู้ใดคิดที่จะปรุงมันขึ้นมา เพราะน้ำอมฤตจากสวรรค์ชั้นฟ้าเป็นส่วนผสมสำคัญที่มนุษย์ธรรมดาเดินดินที่ไม่ใช่เทพเซียนจะหามาได้ส่วนผสมทั้งหมดเคี่ยวกลั่นในเตายาที่ธรรมดาสามัญ ผสานกับพลังเวทและ…‘ฉงฉง เจ้าทำอะไรอยู่’ เยี่ยหยางส่งกระแสจิตผ่านพันธะเวทไปหาฉงหยิ๋น‘กินขนมเป็นเพื่อนท่านแม่’ กิเลนตะกละตอบกลับมา‘ข้าขอย
เสียงสัญญาณให้เข้าเตรียมทดสอบความรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับสมุนไพรและการปรุงโอสถได้เริ่มขึ้น สถานที่ทดสอบเป็นห้องกว้างขวางที่บรรจุศิษย์ได้หลายร้อยคนศิษย์ที่ต้องทำการทดสอบต่างเดินเข้ามาประจำที่ของตัวเอง การทดสอบนี้จะต่างกับวิชาภาคทฤษฎีวิชาอื่นเล็กร้อยตรงที่วิชาอื่นจะเป็นโต๊ะเก้าอี้แคบที่พอสำหรับนั่งเขียนเท่านนั้นแต่สำหรับวิชาปรุงโอสถกลับเป็นโต๊ะยาวที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยตัวอย่างสมุนไพรมากมายที่วางอยู่รวมกันพร้อมชุดคำถามสำหรับทดสอบเยี่ยหยางกระดิกนิ้วสั่งให้คราบร่างของตัวเองเดินตามมา เพราะเขาใช้คาถาเล็กน้อยจัดการให้ตำแหน่งที่นั่งของชินอ๋องและเส้าหยางอยู่ใกล้กันที่สุด เพื่อความสะดวกสำหรับการทำข้อสองชุดเหมือนวิชาอื่น ๆ ก่อนหน้าผู้ที่ต้องเหนื่อยกว่าใครสองเท่าเริ่มลงมือทำแบบทดสอบในนามของชินอ๋องก่อน และสั่งให้คราบร่างของเขาแสดงท่าทางเหมือนกำลังทดสอบ ข้อเสียของพวกโฮมุนครูสคือไร้ปัญญาสมบูรณ์แบบ เขาต้องสั่งและควบคุมมันสมุนไพรของศิษย์แต่ละคนได้รับต่างกันไป และ แบบทดสอบสองชุดของเขาไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย เยี่ยหยางหยิบรากไม้ดำขึ้นมาดม แยกสมุนไพรออกเป็นแต่ละประเภทตามความเ
ส่วนสหายหญิงที่เมินเพื่อนหนุ่มตัวเหม็นอยู่ในร่างจิ้งจอกน้อยล่อลวงญาติผู้น้องของสหายที่ริมทะเลสาบยามอัสดงอันเงียบสงบเงาร่างผ่าเผยนั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่กับจิ้งจอกขนแดงที่นอนอยู่บนตัก คือ รัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยที่อ่านตำราทวนซ้ำ(อีกรอบ)อย่างตั้งใจแม้มู่หรงลู่เฉินยังใช้ลมปราณได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากพิษของเทาเทีย ทำให้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านตำรา แต่ก็ยังไม่ทิ้งการฝึกยุทธ เพียงแต่ฝึกโดยไม่ใช้ลมปราณในตอนเช้าของทุกวันอย่างขยันขันแข็งมือเรียวข้อนิ้วเด่นชัดเปิดพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือ อีกมือลูบไล้ขนนุ่มนิ่มจิ้งจอกของเขาอย่างเอ็นดูหูลี่เซียนนอนรับลมเย็น ๆ อย่างพึงพอใจยิ่ง นางไม่รู้สึกสงบใจเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วกาลก่อนที่ถูกสาปเพียงเพราะต้องเอาตัวรอด ไม่เคยได้อยู่เป็นสุขสักวัน ตอนนี้มีทั้งลู่เฉิน มีทั้งเยี่ยหยาง ฉีเจิ้งเพื่อนนางอยู่พร้อมก็ดีไม่น้อยแล้วนางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ลู่เฉิน แต่มันคงไม่ใช่ความรู้สึกรักลึกซึ้งเชิงชู้สาว รักเป็นเช่นไรนางคงบอกไม่ได้อุ้งเท้าหน้าของจิ้งจอกแดงสะกิดเรียกเด็กหนุ่ม ที่ทวนตำราจนลืมเวลานาง
“เอาล่ะ พวกเรามาเดินสู่ประตูมังกรโชติช่วงชัชวาลกันต่อ มีกี่คนที่เลือกเปิ่นหวางบ้าง?”เยี่ยหยางมองว่าที่ลูกศิษย์ยืนเรียงหน้ากระดานอย่างเป็นระเบียบล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่ในสำนักงานใหญ่สมาคมเหวินชาทั้งเก้าคนส่วนบรรดาเหล่าหัวหน้าสาขาคนอื่นผู้ที่เป็นสตรีก็กระจายตัวไปหาหวงฉีเจิ้งและผู้ที่เป็นบุรุษก็เดินไปหาหูลี่เซียน ช่างแสดงความต้องการอย่างชัดเจนไม่ปกปิดใดใดนายท่านใหญ่เห็นภาพนี้ได้แต่หัวเราะปกปิดอยู่ในใจ พวกสาว ๆ ที่คิดร่ำเรียนกับหวงฉีเจิ้งไม่เท่าไหร่ เพราะพี่ท่านยังเป็นบุรุษถนอมบุปผาอยู่บ้างแต่เหล่าบุรุษที่เลือกแม่นางจิ้งจอกอีกไม่นานคงเรียนรู้สัจธรรมของ ว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้เบาะบางดั่งบุปผางาม แต่นางเป็นต้นตะบองเพชรที่ไร้ดอกแถมหนาม ไม่ได้สวยงามดั่งรูปลักษณ์ที่เห็นแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างงั้นจะครอบครองตำแหน่งจอมเวทสาวกุหลาบทมิฬมาหลายปีหรอกหรือจอมเวทในของปราณยุทธถือกำเนิดขึ้นร่วมสามสิบกว่าคนในคืนเดียว หากผู้คนภายนอกรู้คงสร้างความแตกตื่นได้ไม่น้อย ในที่ความแข็งแกร่งคืออำนาจ เวทมนตร์ก็เป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง
หนูทดลองอย่างคุณชายซีเจ๋อแห่งเหวินชาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เกียรติเป็นคนแรกที่จะได้มีโอกาสเรียนรู้ศาสตร์ทักษะของชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ยเขากลืนน้ำยาสีเงินเข้มคลักไม่น่าเทเข้าปาก แต่รสชาติหอมสดชื่นเหมือนน้ำค้างแรกเริ่มในยามเช้า สักพักก็เปลี่ยนเป็นรสสารพัดพืชผักตั้งแต่รสอ่อนจนเหม็นเขียวขมคอ กู้ซีเจ๋อรู้ว่าเขาไม่ควรคาดหวังกับรสชาติ แต่คงกินอะไรไม่ลงอีกพักใหญ่สามจอมเวทช่วยกันดูการเปลี่ยนแปลงที่ฝืนชะตากฏเวทมนตร์อย่างใกล้ชิด ทั้งจ้องมองสภาพร่างกายของกู้ซีเจ๋อ และสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพราะน้ำยานี้เป็นสิ่งที่ปลุกกระตุ้นการตื่นของเวทมนตร์คล้ายกับการปลุกวิถียุทธ แต่การตื่นของเวทมนตร์ของพ่อมดแม่มดมักเป็นเป็นสิ่งเร้นลับ อาจเกิดอุบัติที่เหตุวอดวายหรือโชคดีดั่งสวรรค์ประทานพรและแล้วสภาพแวดล้อมรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป กิ่งไม้ใบหญ้ารอบตัวถูกเฉือนดุจดั่งของมีคมฟัน พื้นที่โดยรอบผันผวน เสาเรือนมีรอยฟันรอยใหญ่ดูน่ากลัว เยี่ยหยางกระตุ้นเขตอาคมค่ายกลของสมาคมที่เขาวางไว้ทันทีค่ายกลทำงานอย่างรวดเร็วป้องกันไม่ให้คนภายนอกรู้ว่าด้านในมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ตอนนี้ภายในเขตอาคมม
หวงฉีเจิ้งที่รู้ระดับปราณยุทธของเพื่อนรัก หันหลังกลับไปนั่งคุ้ดคู้ในมุมมืดสาปแช่งสวรรค์อวยพรนรกเขาคิดว่าจะแข่งกันฝึกยกระดับพลังกับเยี่ยหยางสักหน่อย ตอนนี้ยังไม่ทันชวนก็แพ้หลุดลุ่ย ไม่ต้องเอ่ยถึงแม่นางครึ่งเซียนครึ่งหมา เขาไม่คิดจะแข่งกับนางอยู่แล้วทำไมสวรรค์ชอบรังแกคนตัวเล็ก ๆ อย่างเขาอยู่เรื่อยเลย หากโจวจี้ไหลได้ยินความคิดของหวงฉีเจิ้งคงทุกข์ระทมกว่าเป็นแน่ส่วนชินอ๋องที่ผู้คนนินทาก็ยิ้มแฉ่งหน้าบานเป็นฝาชี กระโดดโลดเต้นเข้ากอดหมับใส่เกอเกอจนกระดูกดังกร๊อบไปทั้งตัว เขาไม่คิดว่าแค่ปลดผนึกปราณยุทธ ระดับลมปราณจะพุ่งพรวดขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ สูงกว่าลู่เฉินต้องหลายระดับ จากนี้ไปเขาจะตบหน้าพวกสุนัขขี้นินทาทั้งหลายได้แล้ว“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างมีความสุขจริง ๆ ข้ามันเจ๋ง เปิ่นหวางคือสุดยอดอัจฉริยะ”โจวจี้ไหล “…”“เสี่ยวจี้ไหล ยามซวี[1]วันพรุ่งนี้เรียกพี่น้องที่อยากเรียนเวทมนตร์มาที่ลานฝึกด้านหลัง เปิ่นหวางอารมณ์ดี จะเริ่มสอนพื้นฐานพวกเจ้าพรุ่งนี้เลยละกัน”“ขอรับนายท่าน&rdq