ให้เป็นท่านอ๋อง ข้าก็อยากเป็นอยู่ แต่ถ้าให้เป็นท่านอ๋องบัดซบ ข้าไม่เอา!!!จูเส้าหยางเดินสบาย ๆ ราวกับสวนหลังบ้านของตัวเอง เดินชมห้องขังที่ขังผู้ต้องโทษหลายร้อยคน ต่างมองเขาอย่างขอความช่วยเหลือระคนหวาดกลัว อืม...ดูท่าข้าต้องทำงานให้พังพอนเหลือง ตอบแทนค่ากินค่าอยู่เลี้ยงดูปูเสื่อมาหลายปีเล็ก ๆ น้อย เฮ้อ! งานเยอะจริง ๆ“พี่หยาง!”“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”“อืม เป็นอย่างไร...ฮ่องเต้เว่ยช่างเลี้ยงดูขุนนางดีเหลือเกิน” จูเหวินฟงมองเพียงแค่แวบแรก ก็รู้แล้วว่าเมืองนี้เป็นของคนแซ่หลี่ไม่ใช่มู่หรงอย่างฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ย“ขอรับท่านพ่อ”“ข้าเห็นแล้วคันไม้คันมือเกะกะลูกตา อยากกวาดพวกมันทิ้งจริง ๆ ดีที่เมืองนี้ไม่ใช่ราชอาณาจักรเป่ยฉิน ไม่เช่นนั้นข้าจะลงทัณฑ์พวกมันให้หลาบจำ” ท่านพ่อ ท่านจะพูดเฉย ๆ ไม่ได้ ถ้าท่านอยากเก็บกวาด ข้ายกหน้าที่ตำแหน่งพิเศษแต่งตั้งพร้อมตราประทับ ยกให้ทันทีได้เลย เยี่ยหยางได้แต่คร่ำครวญในใจ เพราะต้องลงมือด้วยตัวเองไม่มีคนช่วย ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพังพอนเหลืองที่น่ารักของเขาเล็กน้อย“ท่านพี่ น้องว่าเราออกไปทานข้าวเย็นฝีมือเสี่ยวฉงกันดีกว่า ป่านนี้คงเตรียมทุ
“พวกท่านก็ร่วมโต๊ะกับครอบครัวข้าด้วยสิ” สามเหยื่อภายใต้การจับจ้องของมหาเสนาบดีราชอาณาจักรเป่ยฉินถึงกลับร้อน ๆ หนาว ๆ“เอ่อ…”“ไม่ต้องเกรงใจ” ...พวกข้าเกร็งใจ และเกร็งไปทั้งตัวแล้วต่างหาก สายตาสามคู่โต้ตอบกันไปมาผลักให้ใครสักคนตอบปฏิเสธ ในที่สุดดวงตาดุดันแฝงการบังคับ ก็แผ่รัศมีห้ามปฏิเสธจากตัวเสนาบดีใหญ่พวกเขาได้แต่พยักหน้าตกลงอย่างหารอดให้กับตัวเอง ตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้ “ขอรับ”จูเหวินฟงต้องการจับข้อพิรุธ จึงชวนคนร่วมโต๊ะอาหารเพิ่ม เขาเห็นว่าได้เวลาแล้ว จึงให้ทุกคนลงมือ “ทานกันเถอะเฟยเฟย”“ค่ะท่านพี่”“คุณชายซีเจ๋อ บุตรชายข้าเส้าหยางที่ผ่านมาคงรบกวนท่านไม่น้อย” ท่านอัครเสนาบดีเริ่มกระบวนการซักฟอกบนโต๊ะอาหาร“ไม่ ๆ ไม่รบกวนเลย คุณชายใหญ่เส้าหยางเป็นคนสำคัญของสมาคมเหวินชา และเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่งของข้า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องรบกวนอันใด” กู้ซีเจ๋อเงยหน้าขึ้นมาคีบเนื้อไก่ผัดพริก ก็ตกเป็นเป้าหมายในการสนทนาร่วมโต๊ะอาหาร กลืนน้ำลายดังกึก รีบตอบกลับไป เขาเริ่มรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้รสชาติเผ็ดร้อนเกินไปแล้ว เขารู้ว่าอดีตชินอ๋องแห่งซีเว่ยถูกกบฏลอบโจมตีจนหายสาบสูญไม่ทราบเป็นตาย คนผู้นี
“ขอรับเกอ” เฉิงเยว่ตอบ เขาเดินตามพี่ชายมาอย่างเบลอ ๆ นั่งฟังพี่ชายสั่งการอย่างมึน ๆ แล้วเดินกลับไปนอนอย่างงง ๆ เขาครุ่นคิดแล้วคิดอีกเหมือนพี่ชายจะชอบเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ชอบความโกลาหลมาก เล่นได้อย่างสนุกมาก รับมือได้อย่างหมดจนมาก แต่เขาเห็นตรงไหนที่ผิดปกติกันนะ?เยี่ยหยางส่งน้องชายที่น่ารักเข้านอนเรียบร้อย ก็ไปตามคนมาเพิ่ม ตามคนมาเล่นอีกคนด้วย ตัวบัดซบแห่งราชอาณาจักรซีเว่ยร่ายเวทหายตัว ไปปรากฏตัวที่ห้องพักเทียนถูหวู่ของตัวเอง“กลับมาหาเพื่อนได้แล้วหรือท่านอ๋องรูปงาม?” หวงฉีเจิ้งที่กำลังทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยการขายข่าวในเทียนถูหวู่ เห็นเพื่อนที่หายหน้าหายตาไปสองวันปรากฏตัวตรงหน้า เขาถอนจิตที่ไปสืบส่องหาข่าว จากห้องพักห้องหนึ่งกลับมาทันทีที่รู้สึกว่าท่านอ๋องคนดังกลับมาแล้ว“เจ้ามันโรคจิตฉีเจิ้ง ชอบส่องชาวบ้านชาวช่องอยู่ได้” เยี่ยหยางเหน็บเพื่อนที่ชอบแอบไปดูพฤติกรรมผู้คน ไปขายเป็นข่าว ยิ่งใกล้วันงานประลองลูกค้ายิ่งชุกชุม เพราะศิษย์แต่ละคนต้องการจะล้วงลึกรู้จริงว่าคู่แข่งมีพัฒนาการใดเพิ่มขึ้นบ้าง ดังนั้นช่วงนี้เลยมีงานให้พ่อคุณรับเงินรับทองไม่ขาดสาย“ทำไงได้ ข้ามันคนจนต้องห
“ตกลง ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้ว ไปกันเลย” หวงฉีเจิ้งฟังเรื่องราวคร่าว ๆ ที่กว่าจะรู้เรื่องโดยเยี่ยหยางผู้เล่าเรื่องห่วย แต่เขาก็พอเข้าใจมันได้“เดี๋ยวสิ!!! เจ้าจะเล่นบทไหน”“ข้าไม่อยากเลือกเลย” ฉีเจิ้งคร่ำครวญ ลองคิดดูสิให้เขาทำตัวเป็นเส้าหยางจวินผู้เย่อหยิ่งก็แย่ เป็นชินอ๋องบัดซบยิ่งแย่กว่า นี่เพื่อนเขาจะใช้ชีวิตเป็นผู้เป็นคนดี ๆ กับใครเขาบ้างไม่ได้หรือ พฤติกรรมตัวตนแต่ละอย่าง แค่คิดว่าต้องสวมหน้ากากเป็นเพื่อนรักก็ละเหี่ยใจแล้ว ตัวเลือก...ยากมาก เพราะเขาหนังหน้าหนาไม่เท่าสหายรัก งั้นเลือก “เส้าหยาง” ...ดีกว่า“เจ้าไม่อยากลองเป็นท่านอ๋องบ้างหรือ?” เยี่ยหยางกล่อม เขาขี้เกียจอาบน้ำประแป้งแต่งตัวเพื่อนรักเยอะแยะ“ไม่” หวงฉีเจิ้งปฏิเสธเสียงแข็ง ...ท่านอ๋องข้าก็อยากเป็นอยู่ แต่ถ้าให้เป็นท่านอ๋องบัดซบ ข้าไม่เอา!!! “ก็ได้ ๆ เปลืองน้ำยาชะมัด แถมสีผมที่ได้ ทำภาพลักษณ์ข้าตกต่ำไปมาก” เยี่ยหยางบ่น เขาต้องใช้น้ำยาเปลี่ยนสีผมทั้งน้ำยาเปลี่ยนรูปเปลืองชะมัด แถมสีผมที่ได้ยังไม่เงาเหมือนสีผมของเขาอีก ต้นฉบับเจ้าของใบหน้าเส้าหยางตัวจริง จัดการแปลงโฉมให้หวงฉีเจิ้งผู้อยากลองประสบการณ์แปลกใหม่เส
เช้าวันใหม่ที่แสนวุ่นวาย ผู้คนมากมายต่างออเข้ามาในโรงเตี๊ยมเซียนสวรรค์ เพื่อลิ้มรสอาหารที่ประกาศลดราคาลงครึ่ง ๆ เพราะผู้ดูแลแจ้งว่านายท่านใหญ่มาเยี่ยมโรงเตี๊ยม นายท่านใหญ่ที่ว่า? คือ ผู้ใดไม่ได้นอกจาก เส้าหยางจวิน ประธานสมาคมเหวินชาที่ลึกลับยากจะพบเห็นแม้แต่ฮ่องเต้ครองแคว้นแต่ตอนนี้…“คุณชายเส้าหยาง...”“คุณชาย”บรื๋อ!!! ขนลุกเป็นบ้าใช่แล้ว…คุณชายเส้าหยางรูปโฉมสง่างามลึกลับ กำลังขนลุกขนพองไปทั้งตัว ด้วยสายตาจาบจ้วงล้วงลึกและเสียงร้องเรียกแหลม ๆ บาดหูคนฟังของสาวน้อยสาวใหญ่ และไม่ใช่สาวกลางเหลาอาหารของโรงเตี๊ยม พร้อมกับสายตาขู่ฟ่อของจูเฉิงเยว่น้องชายของคุณชายเส้าหยาง ที่ส่งดวงตาพิฆาตให้บรรดาสาวที่จะกลืนกินพี่ชายของตัวเอง และ สายตาเห็นใจให้กับฉีเจิ้งของฉงหยิ๋นที่เคยตกเป็นเหยื่อน่ารัก ๆ ของเยี่ยหยางเหมือนกันหวงฉีเจิ้งผู้ถูกรุมทึ้งด้วยสายตา เหมือนถูกเปลือยกายเปลื้องผ้ากลางตลาดสด ส่งรังสีอำมหิตให้ตัวต้นเหตุที่นั่งยิ้มไม่รู้สึกรู้สาอย่างเยี่ยหยาง ซึ่งกำลังร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวอย่างสุขกายสบายใจผู้ถูกสวรรค์กลั่นแกล้งอยู่เสมอ ได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจหาทางระบายไม่ออก ที่เก
นาน ๆ ครั้งเขาจะเรียกใช้พวกเขาอย่างเป็นการเป็นงาน ทำให้เหล่ากิเลนกระเหี้ยนกระหือรือเตรียมพร้อมกันทุกคน ฉีหลินอี้กิเลนหนึ่งผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มปรากฏตัวเบื้องหน้าชินอ๋องท่ามกลางผู้คน สิบปีก่อนมันเป็นแค่องครักษ์ปลายแถวที่ได้แต่มองพี่น้องพวกพ้องถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ทำให้มันตั้งประณิธานไว้ว่า จะปกป้องพี่น้องและชินอ๋องตลอดชีวิต กิเลนคลั่งที่เหลือรอดจากเหตุการณ์สังหารครั้งนั้นได้รวมกลุ่มขึ้นใหม่ และพวกมันนี่แหละที่เป็นผู้พบตัวท่านอ๋องในวัยเยาว์ “ท่านอ๋อง ชือจิ่วกับชือชีอยากแข่งขันกันขอรับ พวกเขาจึงอยากขออนุญาต”“เจ้าสิบเก้ากับเจ้าสิบเจ็ดจะแข่งอะไรกันอีกล่ะ?” เยี่ยหยางส่ายหัวกับองครักษ์ตัวเอง รักกันเหมือนพี่น้องก็จริง ก็ชอบแข่งขันกันเองเป็นเรื่องสนุก ๆ กันในกลุ่ม หาใช่ความขัดแย้งมีโอกาสทีไรก็รีบคว้าไว้ทันที แต่ไม่มีใครยอมซ้อมมือกับพวกเขาสักเท่าไหร่ แม้แต่พวกเขาด้วยกันเอง จึงต้องเปลี่ยนเป็นซ้อมมือกับคนนอก และแข่งนับผลว่าใครเหนือกว่า“เรียนท่านอ๋อง ข้ากับพี่สิบเจ็ดจะแข่งว่าใครลงมือได้มากกว่ากัน และ ใครลงมือได้หนักกว่าขอรับ” ชือจิ่วหรือกิเลนสิบเก้าน้องเล็กสุดของกลุ่มยิ้มหวานถูมือถูไม้รอฟังคำขอ
ขบวนของชินอ๋องได้เคลื่อนตัวออกจากโรงเตี๊ยมเซียนสวรรค์แห่งเจียงตง เมื่อวานเขาสั่งตงซุนเตรียมไว้ทั้งหมดสี่ตัวแล้ว เยี่ยหยางขี่ม้าเคียงข้างบิดาในฐานะชินอ๋องราชอาณาจักรซีเว่ยกับอัครเสนาบดีราชอาณาจักรเป่ยฉิน ด้านหลังตามด้วยคุณชายใหญ่จูเส้าหยางที่ไส้ในเป็นหวงฉีเจิ้งและคุณชายรองจูเฉิงเยว่ นำหน้าเจ้าสามองครักษ์ชินอ๋องที่บังคับรถม้า มีมารดากับฉงหยิ๋นเด็กชายตัวอ้วนป้อม และซูผิงสาวใช้คนสนิทถัดไปเป็นขบวนของกู้ซีเจ๋อ ตงซุน และเหล่ากิเลนที่ท่านอ๋องเรียกมาเรียนรู้ดูเรื่องสนุกที่พวกเขาไม่ยอมพลาดเด็ดขาดเหล่าชาวบ้านที่วันนี้มารวมตัวอยู่โรงเตี๊ยมมากเป็นพิเศษ ต่างติดตามไปชมการตัดสินที่ไม่รู้จะลงเอยเช่นไร ชวนกันพูดคุยกระซิบกระซาบออกความเห็นต่าง ๆ นานาขบวนรถม้าผ่านถนนหนทางรอบเมืองไปหนึ่งรอบ แล้วค่อยมุ่งหน้าไปศาลแห่งเจียงตง กวาดผู้คน
กิเลนห้าผู้เป็นเหมือนพ่อบ้านของกลุ่มองครักษ์รีบจัดการให้น้อง ๆ ยกชุดเก้าอี้บุผ้ารองอย่างดีตามจำนวนคน แม้แต่บ่าวรับใช้และสาวใช้ข้างกายฮูหยินสกุลจูยังมี พร้อมตั่งโต๊ะยกเข้ามาในศาลอย่างรวดเร็ว“บังอาจ!!! ที่นี่คือศาลไม่ใช่โรงงิ้ว” หลี่ไท้หยวนที่นั่งเป็นประธานผู้ตัดสินถูกเมินหน้าแดงโกรธจนหนวดเครากระตุก“เชิญกว๋อกง เชิญท่านน้านั่ง” เยี่ยหยางเอ่ยชวนท่านพ่อท่านแม่ตนอย่างเป็นทางการในฐานะชินอ๋องนั่งลงที่เก้าอี้รอชมเรื่องสนุก “สิบสี่...เม็ดแตง”กิเลนสิบสี่หิ้วปิ่นโตเถาใหญ่จัดเรียงเม็ดแตง เม็ดถั่ว และของว่างกินเล่นมากมาย แน่นอนว่าไม่ซ้ำกับที่ทานไปที่โรงเตี๊ยม พร้อมน้ำชาอุ่นร้อนกลั้วคอ หากนี่ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเพิ่มตื่นบรรทม เจ้าสิบสี่คงเตรียมสุรารสเลิศแทนน้ำชาขมแล้วชาวบ้านต่างเรียนรู้ความกล้าของท่านอ๋องอย่างใส่ใจ และคิดเก็บท่วงท่าไว้เลียนแบบ
“ท่านพี่!”น้องชายที่ไร้พี่ชายปกป้องมาโดยตลอด ทั้งเห็นการกระทำของพี่ ทั้งได้ยินคำพูดของพี่ หัวใจที่ด้านชาและโดดเดี่ยวก็เหมือนได้รับน้ำทิพย์ปลอบประโลมชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ“เสี่ยวเฉิง…”เยี่ยหยางยังไม่ทันได้พูดปลอบอะไร น้องตัวน้อยของเขาก็กระโจนใส่อ้อมกอดพี่ชายทันทีจูเฉิงเย่วรู้ว่าการประลองเมื่อครู่ พี่ชายเอาคืนไอ้กงซุนจ้านให้เขา ความทุกข์ที่เก็บกดมานานปีทะลักออกมา แม้ว่ามีท่านพ่อท่านแม่ปกป้อง แต่เขาก็ไม่อยากให้พวกท่านกังวล ไม่อยากให้พวกท่านลำบากใจ ตลอดมาได้แต่ปกป้องตัวเองสร้างเกราะที่ผู้คนรังเกียจ ไม่ให้พวกสารเลวกลั่นแกล้งได้เขาคิดมาตลอดหากเขามีพี่ชาย คนพวกนั้นยังคิดกล้ารังแกเขาอีกหรือไม่ ยังไม่ทันได้เล่าความลำบากใจเมื่ออยู่ที่บ้านเมืองตัวเองให้พี่ฟัง พี่ชายของเขาก็กระทืบตัวการสาเหตุของความทุกข์ทั้งมวลคาฝ่าเท้าทำเอาคนหยิ่งยโสที่ผู้อื่นเห็น อดกลั้นไม่ไหวปล่อยโฮปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นนานปีใส่พี่ชายเต็ม ๆ“ชู่ ๆ ไม่ต้องร้อง โอ๋…คนเก่งของพี่”
เหอะ ๆ อย่าให้รู้จะดีที่สุด ถ้าคนเห่อน้องรู้เรื่องนี้เข้าคนแซ่กงซุนจะมีเหลืออยู่บนแผ่นดินหรือไม่“เสี่ยวเฉิง เจ้าก็เรียนรู้ให้มาก ฝึกฝนให้มาก คนพวกนั้นจะได้รังแกเจ้าไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”ชายหนุ่มลูบหัวสอนจูเฉิงเยว่อย่างใจเย็น เขายังไม่อยากเห็นคนบัดซบคนที่สองหรอกนะ ทำได้แต่เพียงสั่งสอนสิ่งที่ถูกที่ควรให้น้องชายอีกฝ่ายมาก ๆ เข้าไว้จะได้ไม่มีความคิดผิดผู้ผิดคนเหมือนพี่ชายสติวิปลาส ก่อนจะหันกลับไปสนใจการประลองของเยี่ยหยางต่อ“พี่เจิ้งข้าอยากได้ยินว่ากงซุนจ้านพูดอะไรกับพี่ชาย พี่ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”จูเฉิงเยว่ไม่ชอบคนผู้นี้เอามาก ๆ เขาแค่อยากรู้ว่าคนผู้นี้จะพูดว่าร้ายเขาให้พี่ชายไม่ชอบเขาหรือเปล่า เขากลัวพี่ชายจะไม่รักเขา“เจ้าก็ทำได้ ทำแบบนี้สิ…”หวงฉีเจิ้งกระซิบสอนคาถาสอดแนมของถัดของเขาให้น้องชายเพื่อนที่พยักหน้ารับฟังและปฏิบัติตามอย่างน่าเอ็นดู ทำให้เขาและจูเฉิงเยว่เหมือนกำลังยืนอยู่ข้างเยี่ยหยางได้ยินทุกอย่างชัดเจนทุกคำทุกประโยค“ไม่เลว คุณชายใหญ่สกุลจูไม่ใช่สวะเหมือนคุณชายรอ
หลังจากปล่อยหมูยักษ์วิ่งอยู่ครึ่งชั่วยาม เหนื่อยหอบจนแทบไล่ตามภาพลวงตาไม่ได้อีก เยี่ยหยางก็คลายคาถา แล้วยื่นเรียวขางามอันแข็งแรงของเขาขัดลู่วิ่งหมู แถมด้วยฝ่าเท้างามตบท้ายถีบบั้นท้าย จนอีกฝ่ายล้มกลิ้งออกไปนอกลาน เป็นอันจบการประลองอย่างงดงาม“ผู้ชนะ คือ ข้า”เยี่ยหยางพูดอย่างภาคภูมิใจ ที่ไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียวลานเทียนจงเงียบกริบเงียบสงัด ไม่มีเสียงประกาศผู้ชนะของเมิ่งจวิ้นผิงและฟางเหวยซู ทุกคนยังตกตะลึงอึ้ง ไม่อยากเชื่อในสายตาของตัวเองนั่นมัน...ไม่อยากจะเชื่อ!ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎข้อบังคับในการประลองแต่คนผู้นี้กลับ...ชนะด้วยการเตะเบา ๆ นี่มัน ๆ…บ้าไปแล้ว!!!“ศิษย์พี่ ๆ ข้าลงจากลานประลองได้รึยัง?” เยี่ยหยางสะกิดเมิ่งจวิ้นผิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใสเป็นประกาย“เอ่อ...ได้ ๆ” เมิ่งจวิ้นผิงดึงสติกลับมาอย่างงุนงง “ผู้ชนะ คือ ท่านอ๋องจอมบัดซบ...เอ๊ย! มู่หรงเยี่ยหยาง”ผู้ได้รับชัยเดินกลับไปยังที่นั่งในกลุ่มผู้คนอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่มองมา เอ่ยทักทายหวงฉีเจ
ม่านสงเห็นหน้าคู่ประลองที่เป็นถึงท่านอ๋องเลื่องชื่อผู้โด่งดังถึงกับดีใจออกนอกหน้า ที่เขาประมือกับคู่ต่อสู้ลมปราณพิกลพิการ เขาจ้องมองอีกฝ่ายกำลังเดินขึ้นลานเทียนจงตรงข้ามกับเขาอย่างไม่รีบร้อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคู่แข่งของเขาเล่นเป็นหมูป่วยกินเสือสายตาของเด็กหนุ่มสำรวจรูปร่างของคนเป็นอ๋อง มีลักษณะคุณชายเจ้าสำราญขนานแท้ ทรวดทรงองเอวอ้อนแอ้นไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ หน้าตาเด้งขาวใสเหมือนสตรี ดูแล้วคงไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่กระมั้ง แต่เมื่อจบการประลองครั้งนี้กลับกลายเป็นเรื่องฝังใจเขาว่า ไม่ควรดูถูกผู้อื่นจากรูปร่างภายนอกอีกด้วยน้ำตานองหน้าการประลองรอบนี้ม่านสงคิดว่าท่านอ๋องไร้ค่าผู้นี้เหมือนหมูในอวยของตนแล้วสวรรค์ช่างเข้าข้างเขาจริงเชียวที่ส่งท่านอ๋องผู้นี้มาให้เขา ในเมื่อสวรรค์เมตตาเขา เขาก็จะเมตตาท่านอ๋องผู้นี้ ลงมือเบา ๆ ไม่ให้ฟกช้ำดำเขียว ไม่ให้เจ็บมากละกัน ม่านสงคิดรูปร่างของม่านสงสูงราวเจ็ดฉื่อ[1] ล่ำสันใหญ่เป็นมัดกล้ามดำคล้ำดูน่ากลัว เขามีพื้นฐานครอบครัวมาจากสำนักคุ้มภัยทางใต้ของราชอาณาจักรซีเว่ย ตนเองเริ่มฝึกยุทธตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทำให้ตอนนี้เข
สถานการณ์ในการประลองเปลี่ยนไป เมื่อหวงฉีตงจู่ ๆ ก็เพิ่มพลังระดับปราณยุทธฉับพลัน จากปราณยุทธระดับปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่เป็นระดับอัคราจาร์ยยุทธขั้นสี่ เพิ่มขั้นมาหนึ่งระดับขั้นไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเล่นแง่ ใช้โอสถเพิ่มลมปราณให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อห้าม แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกัน เพราะมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองหวงฉีตงไม่ได้ใช้โอสถกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันกลับใช้ยาพิษผงโปรยใส่เสิ่นเยี่ยนในตอนที่ประชิดตัว เพื่อหวังบั่นทอนพละกำลังและสกัดกั้นลมปราณของอีกฝ่ายอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วขว้างมีดบินใส่ทีเผลอ ทั้งยังแทงทวนพุ่งโจมตี บ่งบอกนิสัยเลวทรามของตัวเองเสิ่นเยี่ยนรู้ว่าตัวเองถูกพิษ กล้ำกลืนเลือดพิษในลำคอลงท้องหึ...เขาคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะใช้พิษที่รุนแรงและหายากหลายชนิดเช่นนี้หนึ่งในนั้นเป็นพิษโลกันตร์แผดเผา พิษที่จะตรวจหาก็ไม่พบ เหยื่อจะถูกทำลายจากภายในเหมือนถูกเผาทั้งเป็นจนกว่าจะตาย ที่เขารู้ก็เพราะบิดาเขาก็ตายด้วยพิษนี้ มันจะค่อย ๆ กัดกินร่างกายร้อนผ่าวในบางช่วงเวลา ตอนนี้เขาแสบร
“บ้า! ข้าจะไปมีญาติได้ไง แซ่สกุลของข้าตั้งมั่ว ๆ ขึ้นมา เจ้ารู้ดียังมีหน้ามาแขวะข้าอีก” หวงฉีเจิ้งเบ้ปากใส่ท่านอ๋อง ที่รู้ความจริงอยู่แล้ว ยังพูดไร้สาระกวนประสาทเขาอีก“เฮอะ...ถ้าข้าเป็นญาติคนผู้นั้น ป่านนี้ข้าคงเป็นลูกหลานตระกูลแม่ทัพอาณาจักรเหลียงฟู่ นอนตีพุงอยู่กินสุขสบายไปแล้ว ไม่ต้องมารีดไถเงินทองของเจ้าเหมือนขอทานหรอก!!! หึ...” คุณชายแซ่หวงโต้กลับ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เจ้าอย่าจิตใจคับแคบนักเลย คิดเล็กคิดน้อยเป็นสตรีสูงวัยไปได้” เยี่ยหยางหัวเราะอย่างไม่รักษาภาพพจน์ วันนี้เขาได้แขวะหวงฉีเจิ้งแล้ว คืนนี้คงหลับสบายสองสหายซี้พูดคุยกันไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าตัวเองก็ต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง“เจ้าว่าใครจะชนะ?” เยี่ยหยางถามขึ้นอย่างคนไม่มีอะไรให้ทำ“ข้าว่าสูสี แต่สุดท้ายเสิ่นเยี่ยนจะได้ชัยมาครอง”หวงฉีเจิ้งมองแวบเดียวก็ประเมินคู่ต่อสู้บนสนามประลองได้อย่างเฉียบขาด ตอบท่านอ๋องที่กำลังใส่ใจภาพลักษณ์คนบัดซบจนรู้สึกว่าหนังหน้าตัวเองบางเกินไปแล้ว ตอนนี้รอบด้านไม่มีใครกล้านั่งข
ในที่สุดก็ถึงการทดสอบที่สำคัญที่สุดที่ศิษย์เทียนถูหวู่ต่างรอคอย ก็มาถึง เป็นการทดสอบยุทธโดยการประลองฝีมือที่ชี้ชัดให้เห็นถึงความสามารถความแข็งแกร่งที่แจ้งจริงการทดสอบที่แล้วมาไม่สำคัญเท่าการประลองนี้ได้ เพราะเหล่าศิษย์ต้องใช้ทักษะ ความรู้ และไหวพริบทั้งหมดที่มีในการดวลวัดฝีมือกับฝ่ายตรงข้ามโดยตรงการดวลประลองจะจับคู่สู้ในศิษย์ระดับเดียวกันแบบสุ่ม เช่นศิษย์สายนอกก็จะแข่งกับศิษย์สายนอกเท่านั้น และยากที่เห็นการประลองข้ามระดับ ถ้าคนผู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งจริง ๆ โดยรายชื่อของคู่ประลองจะติดประกาศอยู่กลางลานกว้างของเทียนถูหวู่ที่เคยจัดงานเลี้ยงต้อนรับตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างเบียดเสียดกัน เพื่อมาดูชื่อของคู่แข่งในสนามของตัวเองเยี่ยหยางที่เพิ่งทดสอบการปรุงโอสถเสร็จสิ้นเมื่อวานรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย หากใครหลายคนได้ยินคำบ่นนี้เข้า คงยกมือยกเท้ามาทักทายให้รู้ผลกันไปข้าง เพราะพวกเขาเหนื่อยมาก แทบจะถ่ายตับไตไส้พุงออกมาอยู่แล้วผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของท่านอ๋องต่างมีแรงลากสังขารไปดูรายชื่อของตัวเอง หลังจากเดินหน้าซีดอ่อนเปี้ยเดินดาหน้าไปรับยากับอาจารย์จ้าวถิงเซียว
เยี่ยหยางเบิกตากว้าง ขนลุกซู่จนอยากอ้วกออกมา เขาไม่คิดว่าจะมีคนอั้นไม่อยู่จน...เป็นแบบนี้ ฝีมือเขาช่างสูงส่งยิ่งนักอาจารย์จ้าวผู้เยือกเย็นเบือนหน้าหนีภาพทุเรศลูกตา อยากเอามือกุมขมับ ไม่รู้จะสงสารศิษย์ผู้โชคร้ายผู้นี้อย่างไรดีเขาไม่สามารถจัดการกับลูกศิษย์บัดซบคนนี้ได้ เมื่ออีกฝ่ายไม่เหลือหลักฐานใด ๆ หลงเหลือ ทุกอย่างที่เห็นเหมือนกับเป็นแค่อุบัติเหตุแต่สัญชาตญาณตรวจจับชี้ตัวก่อเหตุเป็นลูกศิษย์ยศอ๋องของเขา จึงได้แต่คาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจรอวันชำระโทษคืนวันหลัง แล้วปิดจมูกสั่งการเก็บกวาดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแต่ผู้โดนฤทธิ์เดชท่านอ๋องมีไม่น้อย และฤทธิ์ยาก็ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ต่างพุ่งออกไปโดยไม่สนใจใครไม่ขออนุญาตคนเป็นอาจารย์อย่างจ้าวถิงเซียวแม้แต่นิดเดียวต่างมุ่งหน้ามุ่งมั่นไปแย่งชิงสถานที่ปลดปล่อยที่มีอยู่ในตำหนักแห่งนี้ที่มีอย่างจำกัดจำนวนแน่นอนว่าสถานที่แบบนั้นมีไม่เพียงพอกับความต้องการในการใช้งานขณะนี้ส่วนผู้ที่ตบตีแย่งชิงโถปลดทุกข์ไม่ได้ก็ยิ่งทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องแบกสังขารหูรูดของร่างกายที่ทรยศ ไปหาโถปลดที่พวกเขาต้องการเ
“ใคร!!!”สีหน้าของอาจารย์สอนปรุงโอสถมืดครึ้มแทบคั้นเป็นน้ำหมึก กวาดสายตาเหี้ยมโหดพร้อมรังสีสังหารกระทืบคน ครั้งนี้เขาโดนลูบคมอย่างแรง ไม่เคยมีใครยั่วโทสะเขาได้มากเท่านี้ผู้ร่วมเหตุการณ์ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำตัวสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยม ต่างกลับท่านอ๋องบัดซบกลับหันซ้ายหันขวาเหมือนกับจะช่วยหาตัวคนร้ายอย่างไรอย่างงั้น แต่ทุกคนแทบจะปิดหน้ายกมือชี้มาที่เจ้าตัวอย่างระบุตัวเฉพาะเจาะจง“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ทำสักนิดเดียว” ผู้ถูกชี้ตัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธความผิดด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น สีหน้าช่างชวนประทับฝ่าเท้าประดับไว้ไม่น้อย…เหอะ ๆ เยี่ยหยาง เจ้าไม่ได้ทำเรื่องเล็กสักนิดเดียว แต่เจ้าก่อเรื่องวินาศสันตะโรใหญ่โตสุด ๆ ไปเลย ฉีเจิ้งสั่นหัวกับการกลั่นแกล้งผู้คนของเพื่อนรัก“มู่หรงเยี่ยหยาง!!!”“ขอรับอาจารย์จ้าว” เยี่ยหยางเสียวสันหลังวูบด้วยเสียงเรียกและสายตาที่แช่แข็งคนได้ของจ้าวถิงเซียวข้าก่อเรื่องเ