ทันใดนั้นเองมือข้างหนึ่งก็ยื่นมาจากด้านข้าง ออกแรงดึงฟางอวี่ไว้“อาอวี่ เจ้าเด็กนี่อย่างกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”ฟางอวี่เงยหน้า ยิ้มขอบคุณชายวัยกลางคนตรงหน้า และกล่าวว่า “ลุงหลี่ ข้าไม่เป็นไร”ลุงหลี่กับฟางอวี่รู้จักกันบนเกาะหมัวกุ่ย ไม่กี่ปีมานี้ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากก่อนหน้านี้ยามที่เกิดความวุ่นวายบนเกาะ ฟางอวี่ฉวยโอกาสหลบหนีออกไป ลุงหลี่ไม่รู้ว่าเขาหนีออกไปสำเร็จจริง ๆ หรือถูกฝังร่างอยู่ในทะเลไปแล้ว จึงเป็นห่วงเขามาโดยตลอดดังนั้นยามที่เห็นฟางอวี่กลับมาเกาะหมัวกุ่ยอีกครั้ง ในใจลุงหลี่ก็ทั้งดีใจทั้งกังวลเพียงแต่ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก และฟางอวี่ยังติดตามขุนนางมาที่เกาะ ที่ผ่านมาลุงหลี่จึงหาโอกาสคุยกับฟางอวี่ไม่ได้ตอนนี้เมื่อได้พบหน้ากัน ลุงหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนแรกเจ้าหนีออกไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลับมาที่เกาะหมัวกุ่ยกับคนพวกนั้นอีกเล่า?”ฟางอวี่เล่าเรื่องที่ตัวเองประสบหลังหลบหนีออกไปจากเกาะหมัวกุ่ยยามนั้นเขาพบกระแสน้ำวนในทะเล สหายที่หลบหนีออกจากเกาะหมัวกุ่ยด้วยกันล้วนถูกฝังอยู่ในทะเล มีเพียงเขาที่แม้จะเกือบเอาช
เขารู้ว่าพวกสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในใจก็วิตกกังวลเหมือนเขาดังนั้นทันทีที่ลุงหลี่หลับมาถึงกระท่อม ก็มีสหายตรงเข้ามาหาการพูดคุยของลุงหลี่กับฟางอวี่เมื่อครู่ มีคนเห็นไม่น้อยดังนั้นยามนี้จึงมีคนเข้ามาสอบถามข่าวคราวคนที่เข้ามา หลังจากลุงหลี่กระซิบไปไม่กี่ประโยค ก็จากไปอย่างพึงพอใจแทบทุกคนที่เข้ามาถามไถ่ ล้วนเริ่มด้วยคำว่า “ข้าจะบอกเจ้า แต่เจ้าอย่าเอาไปบอกคนอื่นเชียว” ก่อนจะปิดท้ายอีกครั้งว่า “เรื่องนี้ข้าจะไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด”อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นความลับยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หากพูดออกไปแล้ว ก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปดังนั้นเรื่องที่มีอ๋องท่านหนึ่งอยู่บนเกาะหมัวกุ่ย จึงแพร่กระจายจากหนึ่งไปสิบ จากสิบไปร้อย ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ จนแพร่ไปสู่กลุ่มคนงานทุกคนทว่าทุกคนต่างก็แอบแพร่กระจายข่าวอย่างลับ ๆ ไม่มีผู้ใดทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตแม้จะเป็นเช่นนี้ สถานะท่านอ๋องของเซียวจิ่งอี้ กลับทำให้คนเหล่านี้รู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทำให้ความเชื่อใจที่พวกเขามีต่อเซียวจิ่งอี้เพิ่มสูงขึ้นมากนี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงอยากเห็นตราบใดที่คนเหล่านี้มีความเชื่อใจต่อเซ
อวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนความคิด และถามว่า “เช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางเมื่อไร?”ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ“ข้ามาเพราะมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้า หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว พวกเราจะออกจากเกาะหมัวกุ่ย”อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ส่งเสียง และรอให้เซียวจิ่งอี้พูดต่อเซียวจิ่งอี้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนบนเกาะเริ่มเพิ่มจำนวนการผลิตขี้ผึ้งเทพเซียนมากขึ้น ขี้ผึ้งเทพเซียนที่ผลิตครั้งนี้ เป็นปริมาณการซื้อขายที่มากกว่าครั้งก่อนสามเท่า”“ข้ากับจั่วเยี่ยนไต่สวนพวกผู้นำแล้ว จากที่พวกเขาสารภาพ ราชครูผู้นั้นเป็นคนส่งข่าวมาว่า ให้พวกเขาทำเช่นนี้”“หากขี้ผึ้งเทพเซียนจำนวนมากขนาดนี้ แพร่กระจายเข้าสู่ตลาด ผลที่ตามมาย่อมอันตรายอย่างยิ่งยวด”“พรุ่งนี้เป็นวันที่พ่อค้าชาวญี่ปุ่นที่พวกเขาร่วมมือด้วยจะมารับสินค้า”“ข้ากับจั่วเยี่ยนหารือกันแล้ว จึงวางแผนจะหลอกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นให้ขึ้นมาบนเกาะก่อน จากนั้นฉวยจังหวะที่พวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว จัดการพวกเขาในคราวเดียว!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็เข้าใจแผนของเซียวจิ่งอี้นางปรบมือพลางกล่าวว่า “ท่านจะใช้กลยุท
ถึงอย่างไรเหมืองทอง เหมืองเงิน เหมืองทองแดง และเหมืองเหล็กที่นางเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีค่ามากยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังเก็บหินกำมะถันพวกนี้มาด้วย ราวกับของล้ำค่ายิ่ง สิ่งนี้ต้องมีค่ามากเป็นแน่ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นประกาย “พระชายา ข้าจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”อวิ๋นฝูหลิงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เหยากวงไม่ต้องรีบร้อนนางมองไปทางเซียวจิ่งอี้ และถามว่า “หากบนเกาะมีเหมืองกำมะถันอยู่จริง ข้าสามารถขุดได้ตามใจหรือไม่? หินกำมะถันที่ขุดออกมาทั้งหมดจะเป็นของข้าหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เขตทะเลทั้งหมดที่เกาะหมัวกุ่ยไม่มีเจ้าของ ตราบใดที่มีความสามารถในเอาไปได้ มันย่อมเป็นของคนที่พบเจอ!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน จิตใจก็สงบลงโดยพลัน“ครั้งนี้เจอสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำเงินได้มากทีเดียว!”เซียวจิ่งอี้รู้ว่ากำมะถันสามารถใช้เป็นยาและทำยาลูกกลอนได้ทว่าฮ่องเต้ในอดีตของแคว้นต้าฉี ต่างไม่ชื่นชอบยาลูกกลอน ดังนั้นการกินยาลูกกลอนจึงไม่เป็นที่นิยม กำมะถันในท้องตลาดส่วนมากก็ไหลเวียนผ่านร้านขายยาเซียวจิ่งอี้คิดว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการกำมะถัน เพื่อใช้ในการเป็นวัตถุ
ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงพาคนบนเกาะหมัวกุ่ยไปหากำมะถัน ทางฝั่งเซียวจิ่งอี้พาคนไปซุ่มโจมตีตรงทางเข้าเกาะ หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดบนท้องทะเลก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเรือใหญ่สองลำค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ บนทะเล มุ่งตรงใกล้มาทางเกาะหมัวกุ่ยเรื่อย ๆพานชางอี้ลอบกลืนน้ำลาย ถูมือ ข่มกลั้นความตึงเครียดและความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจความรู้สึกราวกับถูกแมลงนับพันกัดแทะหัวใจยามที่ยาพิษออกฤทธิ์เมื่อคืน ความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตาย เขาไม่อยากประสบอีกครั้งแล้วขอเพียงทำตามที่คนผู้นั้นบอก หลอกพวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นไปบนเกาะได้ หน้าที่ของเขาก็เสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นก็จะได้รับยาถอนพิษเมื่อก่อนเรื่องการต้อนรับเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ก็เป็นหน้าที่ของเขาวันนี้ตราบใดที่เขาทำเหมือนปกติ ไม่หลุดพิรุธ ทำให้เหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นเกาะโดยไม่สงสัย ก็นับว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วคิดมาถึงตรงนี้ พานชางอี้ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ จึงสงบใจลงได้หลายส่วนเมื่อเห็นเรือใหญ่ทอดสมอตรงชายฝั่ง พานชางอี้ก็สบตากับคนทางด้านซ้ายด้านขวา และพาคนไปต้อนรับทันทีคนเหล่านี้ล้วนกินยาพิษเข้าไปเมื่อคืนหลังผ่านความทรมานยามที่ยาพิษออกฤทธิ์ ยาม
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในใจทั้งรู้สึกแปลกใจทั้งสงสัยอย่างไรก็ตามไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็มีคนของหน่วยกระบี่เงามาปิดปากเขา และพาตัวไปไต่สวนคนที่ขึ้นเกาะมากับโยชิดะ ล้วนถูกเซียวจิ่งอี้พาตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนคนอื่นที่คอยคุ้มกันเรืออยู่ ก็ถูกจั่วเยี่ยนพาคนขึ้นเรือไปจับตัวไว้ทั้งหมดเมื่อจั่วเยี่ยนส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคนญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คนเดียว ถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกพานชางอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างใจกล้า กล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านสั่งพวกข้าน้อยล้วนทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ยามนี้เหล่าคนญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้หมดแล้ว เรื่องยาถอนพิษที่ท่านรับปากไว้ก่อนหน้านี้...”เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ไม่คิดจะผิดคำพูดเรื่องนี้อยู่แล้วหากเขาคิดจะลงโทษคนพวกนี้ ก็มีวิธีอีกมากยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยคนเหล่านี้ไว้ บางทีอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเขาให้ยาถอนพิษพานชางอี้โดยไม่พูดอะไรพานชางอี้เห็นเซียวจิ่งอี้รักษาคำพูด ก็ถือยาถอนพิษไว้ ด้วยสีหน้าร
หลังจากจ้าวเสวียซือได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวจิ่งอี้ ก็เข้าใจโดยพลัน“คนแคว้นเยว่เจ้าเล่ห์จริงๆ!”ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาสืบสวนคดีขี้ผึ้งทอง ก็สืบพบว่าขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นจินโจว เกือบครึ่งล้วนยุ่งเกี่ยวกับขี้ผึ้งทองแม้แต่ทางด้านกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว ก็ยังมีผู้นำทัพที่ดูดขี้ผึ้งทองเช่นกันยามนั้นพวกเขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เซียวจิ่งอี้ก็หายตัวไปขณะที่สะกดรอยตามพ่อค้าชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุนี้ความสนใจหลังจากนั้นของพวกเขา จึงหันเหมาอยู่ที่การค้นหาร่องรอยของเซียวจิ่งอี้ทั้งหมดยามนี้เมื่อจ้าวเสวียซือหวนนึกขึ้นมาได้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกยามนี้ก็จินโจว เริ่มจากเมืองสู่แคว้น หากขุนนางระดับสูงล้วนติดสารเสพติดอย่างขี้ผึ้งทอง เมื่อการเสพติดออกฤทธิ์แล้ว คนแคว้นเยว่ที่ครอบครองขี้ผึ้งทอง ย่อมมีตัวตนราวกับเป็นเทพถึงครานั้นไม่ว่าคนแคว้นเยว่ต้องการทำอันใด ผู้ที่ติดสารเสพติดย่อมล้วนทำตามโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นหากชาวแคว้นเยว่คิดจะโค่นล้มแคว้นต้าฉี และก่อตั้งแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือ?จ้าวเสวียซือรู้ว่าอาการยามที่ติดยาเสพติดเป็นอย่างไร ยามนั้
พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมากอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตกอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับพวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมากลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดินเมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้วเขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิงเขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้องอวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ
ทว่าไฟดวงหนึ่งในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลห่างจากคนตระกูลเวินพวกนี้นักสั่นไหวอยู่ท่ามกลางท้องนภาเล็กน้อย ราวกับกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเซียวจิ่งอี้เห็นไฟดวงนั้นแล้ว มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูท่าเรื่องที่เขามอบหมายแก่เทียนเฉวียน จะจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วในเมื่อเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาลงมือสะสางเสียทีเซียวจิ่งอี้พยักหน้าให้จ้าวเสวียซือทันทีจ้าวเสวียซือเข้าใจความนัย รีบพาคนลงไปเตรียมพร้อมคนงานขนย้ายของขึ้นไปบนเรือทีละคน ๆ ทุกครั้งที่มาทำการค้า คนญี่ปุ่นพวกนั้นไม่มีใครอยากทำเรื่องเหน็ดเหนื่อยอย่างการขนย้ายของพวกนี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังไม่อยากเปลืองเงินทองจ้างคนดังนั้นงานหนักอย่างการขนย้ายของเหล่านี้ ล้วนเป็นฝั่งตระกูลเวินที่รับผิดชอบคนงานบนเรือทำตามคำสั่ง เข้าไปขนย้ายสินค้าที่ใต้ท้องเรือทว่าทันทีที่เข้าใต้ท้องเรือ ก็ถูกจ้าวเสวียซือนำคนเข้าปราบปรามในทันทีคนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนที่ใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตระกูลเวิน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวจิ่งอี้กลุ่มนั้นได้บนเรือเพิ่งลงมือได
ครั้นเหล่าโจรกบฏเผ่าเยว่พวกนั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง ไหนเลยยังจะกล้าคิดหนีขึ้นมาอีกนับแต่ถูกจับ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนได้สัมผัสกับความร้ายกาจของยาพิษพวกนั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาแล้วทั้งสิ้นกระทั่งเฉาเหล่าต้ากับพรรคพวกสองสามคนที่เป็นถึงหัวหน้าก็ถูกยาพิษของอวิ๋นฝูหลิงทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย ท้ายที่สุดพอถามอะไรมา ล้วนสารภาพออกไปเสียสิ้นสภาพร่างกายของพวกเขาในยามนี้ยังคงตกอยู่ในฤทธิ์ยาของอวิ๋นฝูหลิง แต่ละคนล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกายบัดนี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบผงพิษที่ทำให้ผิวคนเน่าเปื่อยจนสิ้นลมได้ออกมาอีก ทุกคนจึงอดก่นด่าอวิ๋นฝูหลิงอยู่ในใจไม่ได้แม่นางผู้นี้รูปโฉมก็งดงามอยู่หรอก แต่ทำไมจิตใจถึงได้อำมหิตเช่นนี้!ไม่ว่าในใจพวกเขาจะด่าทอเช่นไร ทว่ากลับไม่กล้าเผยออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ละคนล้วนว่าง่ายราวกับแมวเชื่องหวั่นกลัวก็แต่ว่าตนเองจะเผลอทำอะไรไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะถูกเข้าใจผิด นำไปสู่หายนะที่เป็นการพาตนเองไปสู่ความตายหลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงตามไปรวมกับเซียวจิ่งอี้ นั่งเรือพ่อค้าญี่ปุ่นออกไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ถึงได้เอ่ยถาม “ขวดยาไม่กี่ขวดที
ช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเมืองหลวงจะเป็นเช่นไรบ้างพวกท่านลุงหลินกับท่านปู่โอวหยาง จะศึกษาเทียบยาที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมออกมาได้ไหม?อวิ๋นฝูหลิงลองนับวันดูแล้ว เกรงว่าคงจะควบคุมเรือนเสินเซียนในเมืองหลวงไม่อยู่เสียแล้วเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียน เกินกว่าครึ่งล้วนปิดบังไม่มิด ในเมืองหลวงใกล้จะปะทุออกมาแล้วครั้นนึกถึงเรื่องพวกนี้ อวิ๋นฝูหลิงถึงกับลอบถอนหายใจโชคดีที่ในเมืองหลวงมีฮ่องเต้จิ่งผิงคอยดูแลความสงบด้วยองค์เองอยู่ มาตรแม้นว่าจะเกิดความวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็มิได้เกิดเรื่องใหญ่โตอันใดยิ่งไปกว่านั้น ทางเมืองหลวงก็พบเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียนค่อนข้างเร็ว มีเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้สองสามเทียบอยู่ โอวหยางหมิงกับหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงก็คงจะได้เรื่องได้ราวอะไรบ้างยังพอควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในขอบเขตได้อยู่ส่วนที่อวิ๋นฝูหลิงเป็นห่วงมากกว่าก็คือที่จินโจวจินโจวเป็นสถานที่ที่มีขี้ผึ้งทองปรากฏโฉมเร็วที่สุด แน่นอนว่าคนที่ได้รับพิษของขี้ผึ้งทองนั้นก็มีมากที่สุดและอาการหนักที่สุดด้วยหากจัดการไม่ดี เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ในฐานะที่อวิ๋นฝูหลิงเป็น
เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถันในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ยอวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อยมีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมดไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งวันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีกหลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่
พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมากอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตกอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับพวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมากลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดินเมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้วเขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิงเขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้องอวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ
หลังจากจ้าวเสวียซือได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวจิ่งอี้ ก็เข้าใจโดยพลัน“คนแคว้นเยว่เจ้าเล่ห์จริงๆ!”ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาสืบสวนคดีขี้ผึ้งทอง ก็สืบพบว่าขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นจินโจว เกือบครึ่งล้วนยุ่งเกี่ยวกับขี้ผึ้งทองแม้แต่ทางด้านกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว ก็ยังมีผู้นำทัพที่ดูดขี้ผึ้งทองเช่นกันยามนั้นพวกเขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เซียวจิ่งอี้ก็หายตัวไปขณะที่สะกดรอยตามพ่อค้าชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุนี้ความสนใจหลังจากนั้นของพวกเขา จึงหันเหมาอยู่ที่การค้นหาร่องรอยของเซียวจิ่งอี้ทั้งหมดยามนี้เมื่อจ้าวเสวียซือหวนนึกขึ้นมาได้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกยามนี้ก็จินโจว เริ่มจากเมืองสู่แคว้น หากขุนนางระดับสูงล้วนติดสารเสพติดอย่างขี้ผึ้งทอง เมื่อการเสพติดออกฤทธิ์แล้ว คนแคว้นเยว่ที่ครอบครองขี้ผึ้งทอง ย่อมมีตัวตนราวกับเป็นเทพถึงครานั้นไม่ว่าคนแคว้นเยว่ต้องการทำอันใด ผู้ที่ติดสารเสพติดย่อมล้วนทำตามโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นหากชาวแคว้นเยว่คิดจะโค่นล้มแคว้นต้าฉี และก่อตั้งแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือ?จ้าวเสวียซือรู้ว่าอาการยามที่ติดยาเสพติดเป็นอย่างไร ยามนั้
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในใจทั้งรู้สึกแปลกใจทั้งสงสัยอย่างไรก็ตามไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็มีคนของหน่วยกระบี่เงามาปิดปากเขา และพาตัวไปไต่สวนคนที่ขึ้นเกาะมากับโยชิดะ ล้วนถูกเซียวจิ่งอี้พาตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนคนอื่นที่คอยคุ้มกันเรืออยู่ ก็ถูกจั่วเยี่ยนพาคนขึ้นเรือไปจับตัวไว้ทั้งหมดเมื่อจั่วเยี่ยนส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคนญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คนเดียว ถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกพานชางอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างใจกล้า กล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านสั่งพวกข้าน้อยล้วนทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ยามนี้เหล่าคนญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้หมดแล้ว เรื่องยาถอนพิษที่ท่านรับปากไว้ก่อนหน้านี้...”เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ไม่คิดจะผิดคำพูดเรื่องนี้อยู่แล้วหากเขาคิดจะลงโทษคนพวกนี้ ก็มีวิธีอีกมากยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยคนเหล่านี้ไว้ บางทีอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเขาให้ยาถอนพิษพานชางอี้โดยไม่พูดอะไรพานชางอี้เห็นเซียวจิ่งอี้รักษาคำพูด ก็ถือยาถอนพิษไว้ ด้วยสีหน้าร
ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงพาคนบนเกาะหมัวกุ่ยไปหากำมะถัน ทางฝั่งเซียวจิ่งอี้พาคนไปซุ่มโจมตีตรงทางเข้าเกาะ หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดบนท้องทะเลก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเรือใหญ่สองลำค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ บนทะเล มุ่งตรงใกล้มาทางเกาะหมัวกุ่ยเรื่อย ๆพานชางอี้ลอบกลืนน้ำลาย ถูมือ ข่มกลั้นความตึงเครียดและความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจความรู้สึกราวกับถูกแมลงนับพันกัดแทะหัวใจยามที่ยาพิษออกฤทธิ์เมื่อคืน ความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตาย เขาไม่อยากประสบอีกครั้งแล้วขอเพียงทำตามที่คนผู้นั้นบอก หลอกพวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นไปบนเกาะได้ หน้าที่ของเขาก็เสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นก็จะได้รับยาถอนพิษเมื่อก่อนเรื่องการต้อนรับเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ก็เป็นหน้าที่ของเขาวันนี้ตราบใดที่เขาทำเหมือนปกติ ไม่หลุดพิรุธ ทำให้เหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นเกาะโดยไม่สงสัย ก็นับว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วคิดมาถึงตรงนี้ พานชางอี้ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ จึงสงบใจลงได้หลายส่วนเมื่อเห็นเรือใหญ่ทอดสมอตรงชายฝั่ง พานชางอี้ก็สบตากับคนทางด้านซ้ายด้านขวา และพาคนไปต้อนรับทันทีคนเหล่านี้ล้วนกินยาพิษเข้าไปเมื่อคืนหลังผ่านความทรมานยามที่ยาพิษออกฤทธิ์ ยาม
ถึงอย่างไรเหมืองทอง เหมืองเงิน เหมืองทองแดง และเหมืองเหล็กที่นางเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีค่ามากยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังเก็บหินกำมะถันพวกนี้มาด้วย ราวกับของล้ำค่ายิ่ง สิ่งนี้ต้องมีค่ามากเป็นแน่ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นประกาย “พระชายา ข้าจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”อวิ๋นฝูหลิงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เหยากวงไม่ต้องรีบร้อนนางมองไปทางเซียวจิ่งอี้ และถามว่า “หากบนเกาะมีเหมืองกำมะถันอยู่จริง ข้าสามารถขุดได้ตามใจหรือไม่? หินกำมะถันที่ขุดออกมาทั้งหมดจะเป็นของข้าหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เขตทะเลทั้งหมดที่เกาะหมัวกุ่ยไม่มีเจ้าของ ตราบใดที่มีความสามารถในเอาไปได้ มันย่อมเป็นของคนที่พบเจอ!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน จิตใจก็สงบลงโดยพลัน“ครั้งนี้เจอสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำเงินได้มากทีเดียว!”เซียวจิ่งอี้รู้ว่ากำมะถันสามารถใช้เป็นยาและทำยาลูกกลอนได้ทว่าฮ่องเต้ในอดีตของแคว้นต้าฉี ต่างไม่ชื่นชอบยาลูกกลอน ดังนั้นการกินยาลูกกลอนจึงไม่เป็นที่นิยม กำมะถันในท้องตลาดส่วนมากก็ไหลเวียนผ่านร้านขายยาเซียวจิ่งอี้คิดว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการกำมะถัน เพื่อใช้ในการเป็นวัตถุ