Share

บทที่ 560

Author: หลันซานอวี่
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าจะไปอย่างไร!”

เทียนเฉวียนเห็นดังนี้ จึงจะปล่อยมือ

ฟางอวี่เจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว เขาพลางนวดไหล่ที่เจ็บ พลางขดตัวเข้าไปซ่อนที่มุม

ทำให้ดูน่าสงสาร อ่อนแอ และทำอะไรไม่ได้

อวิ๋นฝูหลิงมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาเล่นตุกติกกับข้า!”

“ถ้าหากเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ข้ามีเป็นร้อยวิธีที่สามารถทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย”

“คนโบราณว่าไว้ บุญคุณต้องตอบแทน ข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจากทะเล นี่ก็คือบุญคุณช่วยชีวิต เจ้าควรจะตอบแทนหน่อยกระมัง?”

ฟางอวี่พยักหน้ารัวๆ กล่าวอย่างมีชั้นเชิง “ข้าจะกล้าเล่นตุกติกกับท่านได้อย่างไร? ต่อไปผู้มีพระคุณให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำอะไร!”

บนใบหน้าอวิ๋นฝูหลิงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ

“ดีมาก พาพวกเราไปเกาะหมัวกุ่ย ขอแค่เจ้าสามารถช่วยพวกเราตามหาคนในภาพเหมือนเจอ ไม่เพียงบุญคุณที่ช่วยเจ้าก่อนหน้านี้หายกัน อีกทั้งข้ายังจะส่งเจ้ากลับต้าฉีด้วย แล้วให้เงินเจ้าหนึ่งก้อน เพียงพอที่จะให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชีวิต”

“ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!”

แม้ฟางอวี่รู้สึกกลัว แต่คำสัญญาของอวิ๋นฝูหลิงทำให้เขาหวั่นไหวแล้ว

เขาพยักหน้าทันที “ข้าฟังผู้มีพระคุณท
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 561

    อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้เกาเทียนหย่วนเล็กน้อย และกล่าวว่า “หัวหน้าเกา พวกเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปเกาะหมัวกุ่ย”“ความสามารถในการแยกแยะทิศทางในทะเล บนเรือนี้ไม่มีผู้ใดมีความสามารถเท่าท่านดังนั้นถึงได้เรียกท่านมาที่นี่ ท่านช่วยรับฟังคำขอนี้ด้วย”“พวกท่านจะไปที่เกาะหมัวกุ่ยหรือ!” สีหน้าเกาเทียนหย่วนเปลี่ยนไปทันที และเผยความลังเลออกมาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็ถามว่า “ท่านรู้จักเกาะหมัวกุ่ยหรือ?”เกาเทียนหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกทุกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกไป“เกาะหมัวกุ่ยเป็นสถานที่ต้องห้ามในทะเล แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครที่ทำการค้าทางทะเลกล้าเข้าใกล้ที่นั่น”“ได้ยินว่าบนเกาะหมัวกุ่ยไม่เพียงแต่มีกลุ่มโจรสลัดโฉดชั่ว แถวนั้นยังมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากและปลากินคน อันตรายเป็นอย่างยิ่ง”“ไม่มีผู้ใดกล้าไปที่นั่น ข้าก็ไม่เคยไปเช่นกัน”“ดังนั้นข้าจึงรู้เพียงทิศทางคร่าว ๆ ว่าเกาะหมัวกุ่ยตั้งอยู่ที่ใด เพราะทุกครั้งที่ออกเรือก็มักจะหลีกเลี่ยงทิศทางนั้นเสมอ”เกาเทียนหย่วนพูดมาถึงตอนนี้ ก็มองไปทางอวิ๋นฝูหลิง และกล่าวยืนยัน “คุณชายหาง ท่านแน่ใจหรือว่าจะไปที่เกาะหมัวกุ่ยจริงๆ?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ามีเหต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 562

    ขนส่งสินค้าผิดกฎหมายแน่นอน!หลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนหารือกัน ก็ตัดสินใจอยู่บนเรือต่อ เพื่อฉวยโอกาสตรวจสอบภูมิหลังของคนญี่ปุ่นคนนั้นเดิมทีทั้งสองคนยังกังวลว่าจะถูกคนจับได้ระหว่างทางคาดไม่ถึงว่าเมื่อออกเรือ กลับพบว่าชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นที่ขนของกับพวกเขาก็ต่างขึ้นเรือมาด้วยเช่นกันเขาสอบถาม จึงได้ทราบว่าคนงานบนเรือไม่พอ ดังนั้นชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นจึงได้ขึ้นมาช่วยงานบนเรือ หลังเสร็จงานก็จะได้เงินตอบแทนเป็นจำนวนมากในยามนั้นเซียวจิ่งอี้ยังไม่ทันสังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ กลับยังโล่งใจที่พวกเขาสามารถอยู่บนเรือต่อได้อย่างเปิดเผย จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเจอตัวหรือต้องคอยหลบซ่อนคาดไม่ถึงว่าหลังจากเดินทางมาห้าวัน พวกเขากลับถูกส่งมายังเกาะหมัวกุ่ย และได้เริ่มถูกใช้แรงงานอย่างหนักเซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นทั้งหมดล้วนถูกหลอกขึ้นเรือ เพื่อเอาพวกเขาส่งมาเป็นแรงงานบนเกาะหมัวกุ่ยค่าตอบแทนสูงลิ่วที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเพียงคำพูดหลอกลวงของพวกเขาคนงานบนเกาะหมัวกุ่ย แทบจะทั้งหมดล้วนถูกลักพาตัวหรือถูกหลอก เพื่อส่งมาที่นี่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 563

    “เจ้ากล้าขวางข้า คิดจะก่อกบฏหรือ?”ดวงตาคนคุมงาน จ้องมองมาที่เซียวจิ่งอี้อย่างโกรธเกรี้ยวเซียวจิ่งอี้ได้ยินคำว่า ‘กบฏ’ สองพยางค์นี้ แววตาก็เย็นชาขึ้นมาโดยพลันคิดว่าเป็นใครกัน เขาถึงได้กล้าพูดสองพยางค์นี้ออกมา!คนคุมงานเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับ อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าก็โหดเหี้ยมมากขึ้นเขาคิดจะดึงมือออก และฟาดแส้ใส่เซียวจิ่งอี้สักสองครั้ง คาดไม่ถึงว่ามือของเซียวจิ่งอี้ราวกับคีมเหล็ก ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดออกมาได้คนคุมงานตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน และรู้สึกหวาดกลัวอย่างยากจะอธิบายแต่ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะแสดงความหวาดกลัวได้อย่างไร แม้จิตใจจะขี้ขลาดแต่ก็พูดออกมาอย่างดุร้ายว่า “ข้าขอเตือนเจ้า ปล่อยข้าเสีย ไม่อย่างนั้นข้า...”เขายังพูดไม่ทันจบ เซียวจิ่งอี้ก็ปล่อยมืออย่างกะทันหันคนคุมงานไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเซไปข้างหลังเพราะแรงเฉื่อยทันทีเดิมทีเขาคิดว่าจะล้มหัวทิ่ม คาดไม่ถึงว่าล้มไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อไว้อย่างกะทันหัน และออกแรงดึงเขาขึ้นมาคนคุมงานเงยหน้ามอง ก็พบว่าคนที่ดึงเขาไว้คือเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วยิ้มให้เขา “นายท่าน ท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 564

    ชายชราผู้นั้นกล่าวขอบคุณเซียวจิ่งอี้วันนี้หากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้ขวางไว้ เกรงว่าชายชราผู้นั้นคงถูกตีจนตายไปแล้วหลังจากพูดคุยกันไม่กี่ประโยค เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งรู้ว่าชายชราผู้นี้ชื่อว่าโจวไห่เซิง ซึ่งเดิมทีเป็นชาวประมงแม้จะเรียกว่าชายชรา ทว่าความจริงปีนี้เขายังอายุไม่ถึงสี่สิบปีเสียด้วยซ้ำเพียงแต่เพราะเผชิญลมแดดบนทะเล กอปรกับหลังมาถึงเกาะหมัวกุ่ยก็ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี ทั้งยังถูกคนทุบตีด่าทอเสมอ จึงทำให้ดูแก่กว่าวัยมากขึ้นเรื่อย ๆหลังจากเซียวจิ่งอี้ได้ยินเรื่องที่ชายชราต้องเผชิญ ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์คนเหล่านี้เดิมทีล้วนเป็นประชาชนของแคว้นต้าฉี ซึ่งอยู่ในแผ่นดินต้าฉีอย่างสงบสุขและมีความสุขทว่ากลับถูกคนลักพาตัวหรือหลอกมาที่เกาะแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องทำงานหนักโดยไม่ได้ค่าตอบแทน อีกทั้งยังกินอาหารไม่อิ่มท้อง และถูกทุบตีด่าทอเสมอเกาะที่ปลูกดอกอิงซู่แห่งนี้ เกรงว่าเป็นเพียงห่วงโซ่หนึ่งที่เชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของขี้ผึ้งทองเท่านั้นเซียวจิ่งอี้แอบกัดฟัน เขาตั้งมั่นว่าจะต้องถอนรากถอนโคนกองกำลังทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หลังจากนั้นจะต้องช่วยประชาชนทุกคนออกไปจา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 565

    เซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนหลบเลี่ยงป้อมยามชั้นแรกไปได้อย่างง่ายดาย และตรงไปยังใจกลางเกาะยิ่งเข้าใกล้ใจกลางเกาะ แสงเทียนก็ยิ่งสว่าง ของประดับตกแต่งก็ยิ่งหรูหรา การเฝ้ายามก็ยิ่งเข้มงวดเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนต่างมีวรยุทธ์แกร่งกล้า การหลบเลี่ยงทหารยามเข้าไปเงียบ ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใดโดยเฉพาะจั่วเยี่ยน เขาสามารถรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยเงากระบี่ไว้ได้อย่างมั่นคง วรยุทธ์ของตัวเขายอดเยี่ยมเป็นที่สุด บนโลกนี้คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ก็มีไม่มากหลังจากมาถึงเกาะหมัวกุ่ย เขาป่วยหนักอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุบนเกาะหมัวกุ่ยไม่เลี้ยงดูคนที่ทำงานไม่ได้ หากป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ จนไม่อาจทำงานได้ ก็จะถูกโยนลงทะเลไปเป็นอาการปลา เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองอาหารยามนั้นจั่วเยี่ยนคิดว่าตัวเองกำลังจะตายเสียแล้วหากไม่ป่วยตาย ก็คงถูกโยนลงทะเลไปตามยถากรรมโชคดีที่ได้เซียวจิ่งอี้ปกป้องไว้ต่อมาเซียวจิ่งอี้ป้อนน้ำยาหยดหนึ่งให้เขาน้ำยาหยดนั้นไม่เพียงแต่รักษาอาการป่วยของเขา อีกทั้งเขายังพบว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเองเฉียบคมยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แม้แต่กำลังภายในก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกันของศ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 566

    เมื่อนึกถึงอวิ๋นฝูหลิง ก้นบึ้งในดวงตาของเซียวจิ่งอี้ก็เผยประกายอ่อนโยนขึ้นมาสายหนึ่งเขาแตะที่หน้าอกโดยไม่รู้ตัว ตรงหน้าอกกลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยของน้ำเต้าหยกนานแล้วเซียวจิ่งอี้นึกถึงน้ำเต้าหยกที่เขาทำหายไป ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่งตอนแรกที่เพิ่งมาถึงเกาะหมัวกุ่ย จั่วเยี่ยนป่วยหนักกะทันหันบนเกาะหมัวกุ่ยไม่มีหมอ คนบนเกาะก็ไม่เอาสมุนไพรมาให้แรงงานที่ถูกจับมาอย่างพวกเขาเมื่อเห็นชีวิตจั่วเยี่ยนกำลังตกอยู่ในอันตราย เซียวจิ่งอี้ก็ทำได้เพียงป้อนน้ำยาในน้ำเต้าหยกนั้นให้เขาน้ำยาที่อวิ๋นฝูหลิงให้มาประสิทธิภาพยอดเยี่ยม หลังจากจั่วเยี่ยนดื่มไปไม่นาน ทั้งร่างก็กลับมามีชีวิตชีวา วันรุ่งขึ้นก็มีเรี่ยวแรงแล้วน้ำเต้าหยกเปล่านั้นเดิมทีเซียวจิ่งอี้เก็บไว้อย่างดี ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นของที่อวิ๋นฝูหลิงให้ เขาจึงหวงแหนมากแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากนั้นหนึ่งวันมันก็หายไปเซียวจิ่งอี้หาอยู่นานมาก ก็หาไม่เจอคิดมาถึงตรงนี้ เซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจเล็กน้อยน้ำเต้าหยดนั้นเป็นสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้ เขาจะทำหายได้อย่างไร?ช่างเถิด รอให้เขาควบคุมเกาะหมัวกุ่ยได้แล้ว และค้นหา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 567

    เซียวจิ่งอี้ไม่รู้ว่าราชครูในจดหมายคือผู้ใดแต่จดหมายฉบับนี้ค้นเจอจากตัวของผู้นำคนนั้น คิดว่า ‘แม่ทัพใหญ่เฉา’ ที่กล่าวถึงบนจดหมาย น่าจะเป็นผู้นำของเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้หลังจากเซียวจิ่งอี้มาถึงเกาะแห่งนี้ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านั้นบนเกาะ ไม่ว่าจะอิริยาบถใด ก็ล้วนเหมือนคนในกองทัพที่แท้ความรู้สึกของเขาก็ถูกต้อง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในกองทัพจริง ๆคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้นำกลุ่มโจรสลัดชื่อเสียงฉาวโฉ่ผู้หนึ่ง จะเป็นแม่ทัพใหญ่แคว้นเยว่ทว่าแคว้นเยว่ล่มสลายไปหลายปีแล้ว แม่ทัพใหญ่ที่เคยองอาจสง่างาม ยามนี้กลับกลายเป็นโจรสลัดยิ่งไปกว่านั้นยังยึดครองเกาะหมัวกุ่ย แอบปลูกดอกอิงซู่บนเกาะ และผลิตขี้ผึ้งทองมาทำร้ายคน!ดูท่าผู้ที่ยังภักดีต่อแคว้นเยว่เหล่านั้นจะมีความทะเยอทะยานไม่น้อยเกรงว่าพวกเขาคงไม่ได้วางแผนแค่จะฟื้นฟูแคว้น!เซียวจิ่งอี้เชื่อมโยงเรื่องราวก่อนหลังทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็คาดเดาได้ว่าราชครูผู้นั้น เกรงว่าคงคิดจะใช้ขี้ผึ้งทองพิชิตทั้งแคว้นต้าฉีสร้างแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ บนแผ่นดินแคว้นต้าฉีถึงครานั้นแคว้นต้าฉีจะล่มสลาย และแคว้นเยว่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ยังภักดีต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 568

    หน้าผาสูงชันแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไกล จึงมีคนผ่านมาน้อยมากมีเพียงหน่วยลาดตระเวนบนเกาะ ที่จะมาเป็นระยะ เพื่อลาดตระเวนแถวนี้สักคราดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่พูดคุยอันยอดเยี่ยมหลังเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนมาถึงตรงหน้าผา ทั้งสองคนก็เริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลจั่วเยี่ยนพูดก่อนว่า “หลังจากท่านไป กลุ่มคนในห้องก็ดื่มเหล้ากัน จู่ ๆ สองคนในบรรดานั้นมีปากเสียงกันเรื่องผู้หญิง จากนั้นก็ตัดสินใจจะสู้กัน ใครชนะ คืนนี้จะได้พาผู้หญิงคนนั้นกลับไป”เมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้ขมวดคิ้ว จั่วเยี่ยนก็เร่งความเร็วในการพูดทันที“ท่านโปรดทนฟังข้าพูดต่อไปก่อน คำพูดนี้ของข้ามิได้เหลวไหล”“ระหว่างที่สองคนนั้นต่อสู้กันก็กระชากเสื้อของอีกฝ่าย ซึ่งข้าเห็นสัญลักษณ์รูปพระจันทร์สักอยู่บนร่างของพวกเขา”“ข้าสงสัยว่าคนเหล่านี้บนเกาะ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนของแคว้นเยว่!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “ไม่ใช่มีความเป็นไปได้ แต่พวกเขาเป็นคนของแคว้นเยว่!”พูดจบ เซียวจิ่งอี้ก็หยิบจดหมายที่ซ่อนไว้กับตัวออกมา“นี่คือสิ่งที่ข้าค้นเจอบนตัวของผู้นำคนนั้น ทั้งยังมีของเหล่านี้ที่หาเจอในช่องลับในห้องของเขาด้วย”“จดหมายนี้เขียนโดยราชครูขอ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status