แม้ว่าเวินเจาจะมั่นใจว่าหมอธรรมดา ไม่อาจมองปัญหาบนร่างของเวินจือเหิงออกตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย ก็ได้เชิญหมอมาไม่รู้ตั้งกี่คน หมอชื่อดังใกล้จินโจวก็เชิญมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีหนทางทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเมื่อครู่เขาได้ยินหมอจ้าวบอกแล้ว ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนั้นในมือของอวิ๋นฝูหลิงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งมีเพียงทายาทสายตรงหรือศิษย์สายตรงของสกุลหางเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้พกติดตัวทักษะแพทย์ของสกุลหางได้รับสืบทอดมาจากผู้อาวุโสอวิ๋นจี้ชุนโหวทักษะแพทย์ของคนผู้นั้นไม่เป็นสองรองใคร เป็นผู้ที่ได้บรรดาศักดิ์โดยอาศัยแค่ทักษะแพทย์คนเช่นนี้ คาดว่าในปัจจุบันมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น!หมอคนอื่นมองลับลมคมในบนร่างของเวินจือเหิงไม่ออก แต่คนของสกุลหาง อาศัยทักษะแพทย์ของพวกเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออกดังนั้นตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย เวินเจาก็หลีกเลี่ยงการเชิญหมอจากสำนักผิงอันมาตรวจอาการมาโดยตลอดแม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาหมอที่มีทักษะแพทย์ธรรมดาจากสำนักผิงอันมาหมอเหล่านั้นที่เป็นสายตรงของสกุลหาง เขาล้วนไม่กล้าพามาทุกอย่างตั้
อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วนความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนางนางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกามและยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค
ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันทีด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิดส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยเวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้วน้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมากคนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตาเวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพเพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชามแต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้วนางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันทีกระแสอุ่นสายหน
น้ำท่วมที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนและไร่นาในพริบตาบ้านเรือนต้านแรงซัดของกระแสน้ำไม่ไหว ถูกซัดจนพังทลาย กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้น ก็ถูกน้ำท่วมม้วนเข้าไปในพริบตาคนเหล่านี้ไม่ทันได้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ หลังจากลอยคออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง ก็ถูกน้ำท่วมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านคนอื่นเห็นสถานการณ์ อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด ตอนนี้แทบจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นยอดเขาอย่างสุดชีวิตโดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่อยู่ท้ายขบวน พวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาถูกน้ำท่วมกลืนกินต่อหน้าต่อตาอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาก็เกือบจะถูกฝังท่ามกลางน้ำท่วมแล้ว!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจสัมภาระที่หนักอึ้งบนแผ่นหลังแล้ว โยนของทิ้งก็ปีนขึ้นเขาอย่างสุดชีวิตในเวลาเช่นนี้ สิ่งของจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร!อวิ๋นฝูหลิงกุมศีรษะปีนขึ้นเขา ระหว่างนั้นหันกลับมาดูสถานการณ์ของน้ำท่วมแวบหนึ่งน้ำท่วมที่อยู่ใต้เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่บ้านจมไปแล้ว อีกทั้งปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าจะท่วมสูงถึงไหล่เขาอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเวลานี้เอง หญิงสาวคนห
อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายแตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันทีนางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่าอวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อนางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่งถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอนขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้
โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง
โหวซานได้ยินดังนั้นก็นึกว่านี่เป็นแผนการที่ลูกพี่อู๋คิดขึ้นเพื่อกำราบอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยอีกอย่างอวิ๋นฝูหลิงรูปงาม ลูกพี่อู๋อยากจะลองลิ้มรสชาติของนางก่อนก็เป็นเรื่องปกติโหวซานนึกว่าเดาใจลูกพี่อู๋ถูก จึงหัวเราะแล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ลูกพี่อู๋ จากนั้นเอ่ยขึ้น“หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ หากฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่ ไม่สู้ให้นางได้เล่นสนุกกับลูกพี่อู๋ก่อน รอให้พี่น้องทุกคนสนุกกันเต็มที่แล้ว ข้าค่อยสังหารนาง เพื่อแก้แค้นให้พี่ใหญ่ก็ยังไม่สาย”ลูกพี่อู๋ได้ยินดังนั้น แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม ทว่าในดวงตากลับเหี้ยมเกรียมขึ้นทันใดเขาอยากจะตบแต่งอวิ๋นฝูหลิงด้วยใจจริง ย่อมทนฟังโหวซานเหยียดหยามนางด้วยคำพูดเช่นนี้ไม่ได้ชายจมูกงุ้มหลายคนเห็นสีหน้าของลูกพี่ พลันรู้ได้ทันทีว่าเขาโมโหแล้วแต่โหวซานยังไม่รู้ตัว ยังคงพูดจาหยาบโลนต่อไปไม่หยุดดวงตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “ได้สิ งั้นข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าก่อน”พอดีกับยามนี้ที่มีสายลมพัดผ่านไปยังทิศทางของพวกลูกพี่อู๋อวิ๋นฝูหลิงฉวยโอกาสตอนทุกคนเผลอ โปรยผงยาหนึ่งห่อผงยาโชยไปตามลมใส่หน้าพวกลูกพี่อู๋ จากนั้นถูกพวกเขา
สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้นใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาอวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึกภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมากสายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวงชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้ ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมากอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีกนางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขว
แม้ว่าเวินเจาจะมั่นใจว่าหมอธรรมดา ไม่อาจมองปัญหาบนร่างของเวินจือเหิงออกตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย ก็ได้เชิญหมอมาไม่รู้ตั้งกี่คน หมอชื่อดังใกล้จินโจวก็เชิญมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีหนทางทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเมื่อครู่เขาได้ยินหมอจ้าวบอกแล้ว ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนั้นในมือของอวิ๋นฝูหลิงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งมีเพียงทายาทสายตรงหรือศิษย์สายตรงของสกุลหางเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้พกติดตัวทักษะแพทย์ของสกุลหางได้รับสืบทอดมาจากผู้อาวุโสอวิ๋นจี้ชุนโหวทักษะแพทย์ของคนผู้นั้นไม่เป็นสองรองใคร เป็นผู้ที่ได้บรรดาศักดิ์โดยอาศัยแค่ทักษะแพทย์คนเช่นนี้ คาดว่าในปัจจุบันมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น!หมอคนอื่นมองลับลมคมในบนร่างของเวินจือเหิงไม่ออก แต่คนของสกุลหาง อาศัยทักษะแพทย์ของพวกเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออกดังนั้นตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย เวินเจาก็หลีกเลี่ยงการเชิญหมอจากสำนักผิงอันมาตรวจอาการมาโดยตลอดแม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาหมอที่มีทักษะแพทย์ธรรมดาจากสำนักผิงอันมาหมอเหล่านั้นที่เป็นสายตรงของสกุลหาง เขาล้วนไม่กล้าพามาทุกอย่างตั้
หมอจ้าวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิงโดยพลัน และพูดอย่างมีมารยาทว่า “ที่แท้ก็เป็นสหายจากสกุลหาง เสียมารยาทแล้ว ๆ!”อวิ๋นฝูหลิงประสานมือกลับทันที และพูดอย่างสุภาพว่า “หมอจ้าวเกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโส ผู้น้อยเดินทางมาเพื่อหาประสบการณ์ ในเรื่องทักษะแพทย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอีกมาก!”ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนี้ในมือของอวิ๋นฝูหลิง เป็นนายท่านผู้เฒ่าหางมอบให้นาง ก่อนที่จะออกเดินทางจากเมืองหลวงเผื่อว่าวันใดนางออกเดินทาง และมีช่วงเวลาที่ไม่สะดวก ก็สามารถใช้สถานะของสกุลหางจัดการได้นี่คือเจตนาดีของนายท่านผู้เฒ่าหาง ทั้งยังเป็นความรู้สึกรักและอยากปกป้องที่มีต่อนางด้วยในตอนนั้นอวิ๋นฝูหลิงไม่อาจปฏิเสธได้ จึงทำได้เพียงรับไว้เดิมทีนางไม่คิดจะใช้แผ่นป้ายชิ้นนี้เพียงแต่วันนี้สถานการณ์บังคับ จึงจำต้องเอาออกมาใช้แก้ไขสถานการณ์เดิมนางยังกังวลว่าป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนี้จะใช้ไม่ได้ผลคาดไม่ถึงว่าหมอจ้าวเห็นป้ายหยกชิ้นนี้แล้ว จะรู้ตัวตนของนาง จึงลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งโดยพลันดูท่านายท่านผู้เฒ่าหางจะไม่ได้หลอกนางสำนักผิงอันมีชื่อเสียงมากที่เจียงหนานแม้แต่สก
เหยากวงได้ยินเช่นนี้ ในใจก็พลันเต้น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมาแอบคิดว่าเมื่อครู่โชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงดึงนางไว้ได้ทันเวลา นางจึงยังไม่ได้พูดคำว่า ‘ใช่’ ออกไปมิเช่นนั้นเมื่อบังเอิญพบตัวจริงในยามนี้ พวกนางย่อมถูกเปิดโปงว่าเป็นตัวปลอม แล้วหลังจากนี้จะเข้าไปดูอาการป่วยของเวินจือเหิงในจวนสกุลเวินได้อย่างไร?หลังจากคนเฝ้าประตูทักทายหมอจ้าวด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้จึงเพิ่งนึกถึงอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงทั้งสองคนที่มาเยือนได้“คุณชายรอง สองคนนี้ก็บอกว่ามาตรวจอาการให้คุณชายใหญ่เหมือนกันขอรับ”“พวกเขาบอกว่าตัวเองเป็นคนของสำนักโซ่วอัน หมอจ้าว ท่านดูหน่อยเถิดขอรับว่าพวกเขาใช่หรือของสำนักโซ่วอันหรือไม่?”สายตาของเวินเจากับหมอจ้าวหันไปมองอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงทั้งสองคนนี้ทันทีไม่รอให้หมอจ้าวเอ่ยปาก อวิ๋นฝูหลิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “พี่ชายคนนี้ ทำไมจึงพูดจาไร้มูลเหตุใส่ร้ายคนตามใจชอบเช่นนี้เล่า?”“พวกข้าบอกเมื่อใดว่าตัวเองเป็นหมอจากสำนักโซ่วอัน?”คนเฝ้าประตูอ้าปากแย้งทันที “ก็เมื่อครู่ พวกท่านบอกว่ามารักษาคุณชายใหญ่ ข้าถามพวกท่านว่าเป็นหมอจากสำนักโซ่วอันใช่หรือไม่...”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม“เจ้าถามเช่นนี้
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้รับรายงานของเหยากวง บนใบหน้าก็ฉายความแปลกใจออกมาเล็กน้อยนางคาดเดาไว้ว่าคุณชายใหญ่เวินผู้นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะไม่ปฏิเสธการรักษาแต่กลับคาดไม่ถึงว่าแม้แต่นางจะเข้าไปในสกุลเวินอย่างไร เขาก็ล้วนคิดวิธีไว้แทนนางแล้วดูท่าอาการป่วยของเวินจือเหิงผู้นั้น จะมีส่วนที่แปลกประหลาดอยู่มากยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้อาจจะฉลาดกว่าที่นางคิดอยู่บ้างหากทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกันได้ บางทีการเคลื่อนไหวที่เจียงหนานครั้งนี้ อาจจะราบรื่นกว่าที่คิดไว้วันรุ่งขึ้นอวิ๋นฝูหลิงตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเพื่อการรักษาในวันนี้ตั้งแต่เช้าช่วงเวลาการรักษาระหว่างสกุลเวินกับสำนักโซ่วอันคือช่วงต้นยามซื่ออวิ๋นฝูหลิงมาก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วยาม ช่วงกลางยามเฉินก็มาถึงสกุลเวินแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนของสำนักโซ่วอัน อวิ๋นฝูหลิงยังให้จางซานมู่พาคนไปจับตามองในตรอกนอกสกุลเวินเป็นพิเศษเมื่อหมอจ้าวจากสำนักโซ่วอันมาถึง ก็ให้หาวิธีถ่วงเวลาเขาไว้ถ่วงเวลาไว้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ในระยะเวลาเท่านี้ ก็คงเพียงพอที่นางจะรักษาให้เวินจือเหิงแล้วอวิ๋นฝูหลิงคิดแผนไว้เป็นอย่างดี คาดไม่ถึงว่าทันทีที่มาถึ
“แต่ยามนี้ผู้ที่กุมอำนาจในสกุลเวินกลับเป็นบ้านรอง”“ตรงกันข้ามท่านที่เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมกลับเป็นโรคร้าย ป่วยมานานรักษาไม่หาย”“ท่านคิดว่าหากท่านตายไป คนของบ้านรองสกุลเวินจะดีใจ หรือว่าเสียใจเล่า?”เวินจือเหิงเหลือบมองเหยากวง “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจายั่วยุข้า”“สกุลเวินเป็นอย่างไร ข้าย่อมรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด”“เจ้ากับนายท่านของเจ้าทุ่มเทความพยายามเช่นนี้ เพราะต้องการรักษาข้า คิดว่าคงมิใช่การกระทำจากความเมตตา เพราะอยากช่วยชีวิตข้ากระมัง?”แม้เหยากวงจะไม่รู้แผนการทั้งหมดของอวิ๋นฝูหลิง แต่ก็พอเดาได้บางส่วนเดิมทีที่ผ่านมาพวกเขาต่างกำลังตามสืบหอจินอวี้กับบ้านรองสกุลเวินจู่ ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็หันเหความสนใจมาที่ตัวคุณชายใหญ่เวินผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกนางแล้ว เขามีประโยชน์มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเช่นนี้ คงมิเสียเวลาและความคิด เพื่อมารักษาคนที่ไม่สำคัญผู้หนึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของเวินจือเหิง เหยากวงก็ยิ้มบาง “เมื่อท่านได้เจอนายท่านของข้า นายท่านของข้ามีเงื่อนไขอันใด ก็จะมาหารือกับท่านเอง”เวินจือเหิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับ“ได้”เขารู้สึกได้ว่าร่
แสงจันทร์กระจ่างแสงสีเงินเย็นยะเยือกสาดส่องไปทั่วห้องสายลมแผ่วเบาหอบหนึ่งพัดผ่าน ต้นไม้นอกหน้าต่างส่งเสียงกรอบแกรบ กิ่งไม้ของต้นไม้ก็พลิ้วไหวราวกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ทอดเงาลงมาบนบานหน้าต่างเวินจือเหิงสะดุ้งตื่นจากนิทราอย่างกะทันหันทันทีที่เขาลืมตา ก็เห็นเงาต้นไม้บนบานหน้าต่างเงาไม้นั้นดูน่ากลัวเล็กน้อยแต่ช่วงนี้เวินจือเหิงมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ทุกคราที่ตื่นขึ้นมา ก็จะเห็นเงาไม้นั้นเขารู้ว่านั่นคือเงาของต้นไห่ถังต้นหนึ่งนอกหน้าต่าง ดังนั้นเมื่อเห็นมาหลายครั้งแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกกลัวเวินจือเหิงรู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย กำลังจะเรียกคนมารินน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง คาดไม่ถึงว่ากลับเห็นเงาคนร่างหนึ่งเดินออกมาจากเงาต้นไม้ต้นนั้นอย่างกะทันหันเวินจือเหิงตกใจจนชะงักค้างไปทันทีเงาร่างนั้นค่อย ๆ เดินมาทางเขาเวินจือเหิงนึกถึงนิทานแปลกประหลาดเหล่านั้นที่เขาเคยอ่านขึ้นมาโดยพลันนี่ นี่ นี่...นี่คงมิใช่ว่าต้นไห่ถังต้นนั้นนอกหน้าต่างของเขากลายเป็นวิญญาณไปแล้วกระมัง?สัตว์ประหลาดแบบที่เคยกล่าวในหนังสือ ชื่นชอบการดูดกลืนพลังวิญญาณของมนุษย์เป็นที่สุดมันปร
หลังจากนางมาถึงจินโจว ก็อยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงมาโดยตลอดข้อมูลในเมืองจินโจว ส่วนใหญ่จางซานมู่พาคนไปตรวจสอบคราวนี้ถ้าหากกลับไปรายงานอวิ๋นฝูหลิง เหยากวงก็รู้สึกว่านางดูไร้ประโยชน์มากอีกทั้งในบรรดาคนที่ตามอวิ๋นฝูหลิงมาจินโจวครั้งนี้ ไม่มีใครที่วิชาตัวเบาดีกว่านางแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี ต้องรู้จักแบ่งเบาภาระและแก้ปัญหาแทนเจ้านายอย่างไรแต่ไม่ใช่มาสร้างปัญหา ให้เจ้านายไปหาวิธีแก้ปัญหาเหยากวงครุ่นคิด ไม่นานก็คิดแผนได้แล้วพลันนางเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าไปยังร้านวัตถุโบราณเมื่อกลางวันทันทีหลี่หยวนกำลังกินข้าวเย็นกับบริกรสองคนบริกรสองคนนี้ดูผิวเผินเป็นบริกร แต่ที่จริงเหมือนกับหลี่หยวน ล้วนเป็นคนของหน่วยกระบี่เงาหลี่หยวนกำลังคีบผัก จู่ๆ สองหูก็ขยับเล็กน้อยทันใดนั้นเขาขว้างตะเกียบในมือขึ้นไปที่หลังคา ตะเกียบคู่นั้นเหมือนอาวุธลับ พุ่งทะลุหลังคาด้วยแรงอันมหาศาล หลังจากเสียงแตกดังขึ้น เศษกระเบื้องตกลงมา ขณะเดียวกันก็มีคนตกลงมาจากรูหลังคาที่แตกเมื่อบริกรสองคนนั้นเห็นดังนี้ ลุกขึ้นยืน และร่างกายหดเกร็งทันที แสดงท่าทางของการหวาดระแวงศัตรูออกมาเหยากวงตกลงมา เมื่อเห็นก็รีบกล่
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงฟังข้อมูลที่พวกจางซานมู่หามาได้ทีละคน อดไม่ได้ที่จะถือถ้วยน้ำชา เริ่มครุ่นคิดอย่างขมวดคิ้วนางรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาในหลายวันนี้หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความสนใจของนางไปตกที่คนคนหนึ่งเวินจือเหิง คุณชายใหญ่สกุลเวินเวินจือเหิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวิน ลูกบ่มเพราะในฐานะผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปตั้งแต่เด็กได้ยินมาว่าเขามีพรสวรรค์เหนือคนตั้งแต่เด็ก ฉลาดมีไหวพริบทุกคนล้วนบอกว่าเขาคืออัจฉริยะที่ร้อยปีจะมีสักคนแต่คนเช่นนี้กลับป่วยเป็นโรคร้าย รักษาไม่หายเสียทีโดยเฉพาะหลังจากนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เดิมทีเวินจือเหิงในฐานะผู้สืบทอดควรก้าวออกมาควบคุมสถานการณ์ ใครจะรู้ว่าอำนาจของสกุลเวินกลับตกไปอยู่ในมือของบ้านรองเวินจือเหิงที่เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมคนนี้ ก็แทบจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกเลยนี่เป็นเพราะป่วยหนัก ไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน?หรือมีสาเหตุอย่างอื่นที่พูดไม่ได้?และยังมีโรคของเวินจือเหิง ป่วยได้บังเอิญเกินไปแล้วกระมังนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวินรักลูกชายคนนี้มาก ทุกอย่างในชีวิตประจำวันได้รับการดู
แต่ท่านจอมปราชญ์เหวินคนนี้กลับโชคดีหนีรอดไปได้ต่อมาเขาไปเมืองหลวง สวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสามบนใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากของท่านจอมปราชญ์เหวินมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น“ข้าก็รู้มาโดยบังเอิญว่าญี่ปุ่นมีขี้ผึ้งทอง จึงได้ใช้ความพยายามมากมาย เพื่อบรรลุข้อตกลงกับพ่อค้าญี่ปุ่น”“ทางเมืองหลวงมีลูกหลานชนชั้นสูงมากมายเริ่มสูบขี้ผึ้งทองแล้ว”“ก็แค่ใช้ขี้ผึ้งทองควบคุมเมืองหลวงได้ วันที่พวกเราจะฟื้นฟูแคว้นก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว!”เมื่อเวินเจาได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกแล้วเขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นเพียงลูกหลานสาขาย่อยทั่วไปของตระกูลขุนนางความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคต อาจจะแค่สอบติดขุนนาง พยายามไต่เต้าตำแหน่งในราชสำนักหรือได้รับความสำคัญจากผู้นำตระกูล เป็นมือซ้ายมือขวาของผู้นำตระกูลนี่ก็คือชีวิตที่ดีที่สุดที่เขาสามารถจินตนาการได้แล้วแต่มีวันหนึ่ง จู่ๆ มีคนคนหนึ่งมาหาเขา บอกว่าเขาไม่ใช่ลูกหลานสกุลเวินเขาคือคนเผ่าเยว่ มีสายเลือดของราชวงศ์สกุลเยว่ไหลอยู่ในร่างกาย ในปีนั้น เพื่อปกป้องเขา เพื่อทำให้เขามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จึงนำเขาไปสลับกับคุณชายรองสกุลเวินที่แท้จริงและเพื่อป้องกันไม่ให้คน