Share

บทที่ 421

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงหยิบตำราแพทย์ของสกุลอวิ๋นออกมา ทำให้กลุ่มคนที่เดิมทีอยากก่อเรื่องในการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ต้องเงียบกริบภายในชั่วพริบตา

ท่านหมอทั่วทั้งใต้หล้าล้วนไม่มีใครไม่อยากฉวยโอกาสนี้ เข้าไปหอตำราของสกุลอวิ๋นเพื่อชื่นชมให้เป็นบุญตาสักครั้ง

หากพัฒนาฝีมือการแพทย์ของตนให้รุดหน้า หรือได้ศึกษาตำรายาสักสองสามอย่างได้ ไม่เพียงแต่ตนเองเท่านั้น กระทั่งวงศ์ตระกูลก็ยังได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวงไปด้วย

แม้อวิ๋นฝูหลิงจะแจ้งไว้เป็นที่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่า ตำราแพทย์ในหอตำราไม่อาจคัดลอกได้ แต่พวกเขาใช้สมองจดจำไว้ได้นี่นา

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเลย แค่ได้เห็นผ่านตาก็ไม่มีวันลืมเลือนแล้ว

ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากมีใครอยากจะก่อเรื่อง แล้วเกิดไปยั่วโทสะของอวิ๋นฝูหลิง จนถึงกับปิดหอตำรา ทำให้กระทบต่อผลประโยชน์ของคนอื่น ๆ ในแวดวงแพทย์แล้ว ทุกคนต้องมีน้ำโหอย่างแน่นอน

ดังนั้นเหล่าตระกูลที่ต้องการจ้องจับผิดอวิ๋นฝูหลิง ลากให้สกุลอวิ๋นร่วงหล่นลงจากตำแหน่งผู้นำแวดวงแพทย์ แล้วเหยียบย่ำสกุลอวิ๋นไว้ ไม่เป็นแต่ไม่อาจลากสกุลอวิ๋นลงมาจากบัลลังก์ได้ แต่กลับทำได้แต่กะพริบตามองอวิ๋นฝูหลิงเสริมชื่อเสียงส
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 422

    “คุณหนูใหญ่ สกุลเซี่ยไม่ได้มาจริง ๆ ด้วยขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ลอบคิดในใจว่าน่าสนใจสกุลเซี่ยถือดีว่ายาสมุนไพรของตนเองขายได้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องมาคบค้าสมาคมทำการค้าถึงการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์อย่างนั้นสิ?หรือว่าไม่เห็นสกุลอวิ๋นอยู่ในสายตา และยิ่งไม่เห็นอวิ๋นฝูหลิงทายาทของสกุลอวิ๋นผู้นี้อยู่ในสายตาสินะ?นึกถึงตอนนั้นที่สกุลอวิ๋นประคับประคองสกุลเซี่ย สอนวิธีปลูกสมุนไพรแก่พวกเขา ทว่าเพียงสกุลเซี่ยหันหน้าไปทางอื่นก็ทำเป็นไม่รู้จักกันเสียแล้ว ขุดรากถอนโคนกำลังคนในสวนสมุนไพรไปสร้างกิจการเองต่างหากคนอกตัญญู กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่มีตาเอาเสียเลยครั้นอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเซี่ยกับอวิ๋นสองสกุลแล้ว พลันหัวเราะเสียงเย็นเยียบออกมา “ในเมื่อสกุลเซี่ยดูแคลน เช่นนั้นการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในภายภาคหน้าก็ไม่จำเป็นต้องส่งเทียบเชิญไปให้สกุลเซี่ยอีก!”ในเมื่อสกุลเซี่ยไม่ไว้หน้ากัน กล้าวางมาต่อหน้านาง เช่นนั้นก็อย่ามาโทษนางแล้วกันว่าตัดทางหนีทีไล่ของพวกเขาสกุลเซี่ยกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาพึ่งพามิใช่ว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 423

    นายท่านอู๋ปรบมือดังฉาด กล่าวเห็นด้วย “เป็นเช่นที่ว่านี้เลย!”อวิ๋นฝูหลิงฟังความนัยระหว่างที่พวกเขาพูดไปพูดมานี้ ดูเหมือนว่าหลัก ๆ จะอยู่ที่เรื่องยา จึงอดคาดเดาอยู่ในใจไม่ได้หนึ่งเค่อถัดมา ก็ได้ยินนายท่านเจิ้งถอนหายใจออกมาเบาแล้วกล่าวว่า “พวกเราเปิดโรงหมอรักษาคน จะขาดยาได้ที่ไหนกัน?”“หากไม่มียา จะไปจัดยารักษาโรคให้คนไข้ได้อย่างไร?”“น่าชังที่สกุลเซี่ยเป็นคนกลางในแวดวงแพทย์ ไม่นึกเลยว่าจะขึ้นราคายาไปถึงสองเท่า!”“หากไม่เห็นด้วย ก็ต้องยุติความร่วมมือ!”นายท่านประจำร้านค้ายาที่เหลือก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน มีความไม่พอใจเจือในน้ำเสียงอยู่หลายส่วน“สกุลเซี่ยอาศัยว่าพวกเขามีเคล็ดลับในการปลูกสมุนไพรต่างหาก!”“หาดูทั่วทั้งต้าฉีแล้ว ก็มีแต่สมุนไพรของสกุลเซี่ยนี่แหละที่มีหลากหลายชนิด ทั้งยังมีจำนวนมาก”“เดิมทีราคายาก็สูงมากอยู่แล้ว ประชาราษฎร์เจ็บไข้ได้ป่วยตั้งมากมายเพียงไร แต่เพราะราคายาสูงลิ่วจึงไม่อาจจัดหยูกจัดยาได้ ก็ได้แต่กัดฟันฝืนทนกันไป” “หากราคายายังสูงขึ้นอีกเรื่อย ๆ เช่นนี้...”การที่จะเป็นผู้ดูแลในร้านค้ายาได้นั้น เจ้าตัวจะต้องชัดแจ้งในหลักการแพทย์ ถึงขั้นที่เจ้าตัวจักต้องเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 424

    อวิ๋นฝูหลิงข่มความปลื้มปีติในใจไว้ แสร้งทำท่าทางจงเกลียดจงชังตาม แล้วเสนอความคิดว่าออกมาว่า “เขาจะขึ้นราคา พวกเราจะไม่ซื้อก็ได้นี่เจ้าคะ!”“ใช่ว่าราชวศ์ต้าฉีจะมีแค่สกุลเซี่ยของพวกเขาสกุลเดียวเสียหน่อยที่มียาสมุนไพร!”“หรือว่าพวกเราจะยอมถูกสกุลเซี่ยบีบคั้นอยู่แบบนี้ พวกเขาจะขึ้นราคายาสมุนไพรอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?”นายท่านเจิ้งถอนหายใจเบา ๆ พลางว่า “ใช่ว่าพวกเราจะไม่เคยคิดเช่นนี้?”“แต่ใครใช้ให้สกุลเซี่ยเป็นโรงโอสถที่ใหญ่ที่สุดในต้าฉีเล่า?”“สกุลเซี่ยเป็นคนปลูกยาสมุนไพรเองทุกตัว ไม่ว่าพวกเราจะต้องการเท่าไร พวกเขาก็เอาออกมาให้พวกเราได้”“โรงโอสถอื่น ๆ ส่วนมากก็ได้ยาสมุนไพรมาจากนักเก็บสมุนไพรทั้งนั้น”“ซึ่งยาสมุนไพรจากนักเก็บสมุนไพรก็เก็บมาจากในป่าในเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าจำนวนของพวกเขาเทียบกับของสกุลเซี่ยไม่ติดเลย”“หากพึ่งพิงเพียงแต่นักเก็บสมุนไพรเหล่านี้ ยาสมุนไพรในร้านค้ายาของพวกเราก็ไม่มีทางพอใช้หรอก!”นายท่านอู๋และคนอื่น ๆ พากันพยักหน้าตาม ต่างคนต่างแย่งกันพูดกันยกใหญ่พวกเขาเองก็ไม่อยากถูกสกุลเซี่ยบีบเช่นกัน และยิ่งไม่อยากให้สกุลเซี่ยเป็นคนกำหนดราคายาสมุนไพรทว่าหากไม่ซ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 425

    วันต่อมา อวิ๋นฝูหลิงจึงหยิบห่อผ้าหลายห่อไปหาพวกนายท่านเจิ้ง“นี่คือยาสมุนไพรที่ปลูกขึ้นในสวนสมุนไพรที่ข้าพูดถึงเมื่อวาน”อวิ๋นฝูหลิงเปิดห่อผ้าแต่ละห่อออก เรียกให้พวกนายท่านเจิ้งเข้ามาตรวจสอบของทันทีที่ห่อผ้าเปิดออก กลิ่นยาหอม ๆ ก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องภายในชั่วพริบตาพวกนายท่านเจิ้งคลุกคลีอยู่กับยาสมุนไพรตลอดทั้งปี การพินิจว่ายาสมุนไพรมีคุณภาพดีหรือเลวนั้นบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง เพียงแค่สูดกลิ่นก็ตัดสินได้แล้วทันทีที่ได้กลิ่นหอมของยาที่ลอยอยู่ในห้อง ดวงตาของนายท่านเจิ้งและคนอื่น ๆ อีกอดเปล่งประกายขึ้นมาไม่ได้พวกเขารีบก้าวเท้าเข้าไปห้อมล้อมมุงดูสมุนไพรในห่อผ้าหลายห่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาอวิ๋นฝูหลิงนำยาสมุนไพรมาหลากหลายชนิด รวม ๆ กันแล้วอย่างน้อยก็มีถึงยี่สิบชนิดหลังจากที่นายท่านเจิ้งและคนอื่น ๆ ได้ตรวจดูแล้ว ความประหลาดใจในดวงตาก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ คุณภาพของยาสมุนไพรเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่าสกุลเซี่ยเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมีหลากหลายชนิดนายท่านอู๋หยิบตังเซียมขึ้นมาหนึ่งกำมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนสั่นเครือว่า “แม่นางอวิ๋น ยาสมุนไพรที่เจ้านำมาเหล่านี้ ล้วนปลูกขึ้นมาเอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 426

    อันที่จริงสมุนไพรที่ปลูกอยู่ในสวนสมุนไพรด้านในมิติของอวิ๋นฝูหลิงพวกนั้นมีคุณภาพดีเกินไปหากนำสมุนไพรที่เติบโตอยู่ในสวนสมุนไพรด้านในมิติออกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่สมุนไพรที่นำส่งกลับเป็นสมุนไพรที่เติบโตอยู่ในสวนสมุนไพรที่เจียงโจวและชานเมืองเมืองหลวงทั้งสองที่นี้ คุณภาพสมุนไพรของทั้งสองแห่งนี้ย่อมด้อยกว่าแน่นอนหากคุณภาพสมุนไพรตอนที่นำส่งคุณภาพดีกว่าของตัวอย่างเช่นนั้นก็ถือว่าดีนักทว่าใจของอวิ๋นฝูหลิงนั้นชัดแจ้งดีว่า สมุนไพรที่เติบโตในสวนสมุนไพรทั้งสองแห่งของเจียงโจวและชานเมืองเมืองหลวงนั้นจักต้องเทียบสมุนไพรในมิติไม่ติดแน่นอนหากนำสมุนไพรของสวนในมิติออกมาขาย อวิ๋นฝูหลิงย่อมทำใจไม่ได้ได้แน่สมุนไพรของสวนสมุนไพรในมิติของนางเหล่านั้น นางเก็บไว้เพื่อปรุงยาแก่ตัวเอง ไม่มีทางนำสมุนไพรที่เติบโตอยู่ในสวนด้านในมิติออกมาเผยแพร่ต่อหน้าผู้คนแน่นอนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเลือกซื้อสมุนไพรจากท้องตลาดจำนวนหนึ่งมาใช้ในสำนักช่วยชีพเป็นการชั่วคราวกระทั่งนายท่านอู๋และคนอื่น ๆ ได้สติกลับมา นายท่านเจิ้งก็เริ่มหารือเรื่องจัดซื้อสมุนไพรกับอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยนายท่านอู๋ลอบด่านายท่านเจิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 427

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงหารือตกลงร่วมมือกับนายท่านเจิ้งและคนอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย จึงกล่าวขอตัวลาหลังออกมาจากเรือนรับรอง นางจึงเดินเลียบไปตามทางเล็ก ๆ ที่ห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ได้ไกลระยะหนึ่ง ก็เห็นว่าด้านในศาลาริมทางมีเหล่าท่านหมอชราผู้มีผมและหนวดเคราสีขาวดอกเลากำลังถกเถียงอะไรบางอย่าง ทั้งยังถกเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดอวิ๋นฝูหลิงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะทำเป็นไม่เห็น มุ่งหน้าเดินต่อไปหรือเข้าไปฟังสักและไกล่เกลี่ยสักหน่อยดีเพราะถึงอย่างไรแล้ว นางในฐานะที่เป็นเจ้าภาพการประชุม หากมีหมอบางคนเกิดก่อเรื่องขึ้นมาในอวิ๋นเทียนเยวี่ยน ต้องมิเป็นการดีแน่ท้ายที่สุด นางก็จำต้องออกหน้าไปไกล่เกลี่ยทว่ายังไม่ทันที่อวิ๋นฝูหลิงจะตัดสินใจ นางก็ถูกคนตะโกนเรียกไว้ก่อน“แม่นางอวิ๋น!”นางมองไปตามเสียง คาดไม่ถึงว่าคนที่ตะโกนเรียกนางไว้จะเป็นเฉิงชงรองเจ้าสำนักหมอหลวงฝ่ายซ้ายครั้นเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมองไป เฉิงชงก็รีบออกมาจากศาลาทันที เขาหยุดอยู่ห่างจากอวิ๋นฝูหลิงสามถึงสี่ก้าว แล้วประสานมือคำนับนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่งว่า“พวกเรากำลังถกกันเรื่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 428

    ทว่าวิธีการผ่าท้องนั้นอันตรายมากเหลือเกิน นับแต่อดีตจวบจนบัดนี้ ก็มีเพียงอวิ๋นฝูหลิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ยิ่งไปกว่านั้นการผ่าตัดเมื่อก่อนของอวิ๋นฝูหลิงก็ได้พูดอย่างชัดแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า วิธีการผ่าท้องนี้นางมิได้มีความมั่นใจเต็มที่มากนัก มีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้นดังนั้นการที่คุณชายน้อยสกุลลู่กับฮูหยินน้อยสู่สามารถมีชีวิตรอดมาได้ นอกจากอวิ๋นฝูหลิงจะเหนือชั้นทางฝีมือการแพทย์แล้ว เกรงว่ายังต้องพึ่งโชคอีกเล็กน้อยหลาย ๆ คนจึงโต้เถียงกันทางหนึ่งคิดว่าการผ่าท้องนั้นสุ่มเสี่ยงเกินไป ไม่อาจเอาชีวิตของผู้ป่วยไปเสี่ยงอันตรายด้วย ส่วนอีกทางก็คิดว่าโรคฝีลำไส้เฉียบพลันนี้เป็นโรคร้ายแรง ใช้ยาก็จะเห็นฤทธิ์ช้าไป บางทียังไม่ทันรอให้ยาออกฤทธิ์ คนก็สิ้นลมเพราะความเจ็บปวดไปเสียก่อนระหว่างที่โอกาสที่จะรอดชีวิตเลือนราง สู้ต่อให้ไร้ซึ่งความหวังแต่ก็ยังพยายามเต็มที่เสียดีกว่าแม้ผ่าท้องจะมีอันตราย ทว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีความหวังที่จะรักษาให้หายขาดได้ถึงครึ่งเชียวนะ!แล้วบัดนี้ก็ได้พบกับอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นเจ้าของหัวเรื่อง ในฐานะที่เป็นหมอที่ผ่าท้องคนไข้ และคนไข้ยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อมา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 429

    ทันทีที่เฉิงชงคิดได้เช่นนั้น ก็รีบประสานมือคารวะอวิ๋นฝูหลิง กล่าวขอคำชี้แนะด้วยสีหน้าท่าทางถ่อมตัวว่า“เป็นจริงอย่างที่แม่นางอวิ๋นว่า หากพบโรคฝีลำไส้ชนิดเฉียบพลัน นอกจากผ่าท้องตัดลำไส้ตายออก ก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้แล้ว” “เพียงแต่ทันทีที่ผ่าท้อง คนป่วยจะไข้ขึ้นสูงไม่ลด บาดแผลบวมแดงและเป็นหนอน ต่อมาก็สิ้นลมหายใจ”“มีเพียงคนไข้สองรายที่แม่นางอวิ๋นผ่าท้องให้เท่านั้น ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้”“โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน แม่นางอวิ๋นนับว่าเป็นคนแรกตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้เลยเชียว”“ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นมีเคล็ดลับอะไรอยู่ในมือหรือไม่ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนสำคัญที่รักษาชีวิตไว้ได้?”คำถามนี้ของเฉิงชงเรียกได้ว่าช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลยต่อให้เป็นท่านหมอที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย มีใครบ้างที่ไม่มีศาสตร์ลับอยู่ในมือสักอย่างสองอย่าง?ศาสตร์ลับนี้เป็นพื้นฐานในการตั้งตัวของพวกเขา และเป็นเชื้อไฟที่ไม่มีวันหมดแก่ชนรุ่นหลังของตระกูลต้องกุมศาสตร์ลับของตระกูลตนไว้ให้แน่น ศาสตร์ลับของตระกูลอื่นก็ต้องคอยถ่างตารอโอกาสได้ยลสักหนทุกคนล้วนมีความคิดอย

Pinakabagong kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status