ขณะที่เฉิงชงกำลังกางหูรอฟังอยู่นั้น ใครจะคาดคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับพูดออกมาว่า “แต่ว่าส่วนสำคัญนี้ มิใช่ว่าเมื่อครู่นี้ข้าได้พูดให้ทุกท่านฟังไปแล้วหรอกหรือ!”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงพูดเช่นนั้นออกไป ก็เปลี่ยนไปหัวเราะเสียงเย็น มองเฉิงชงแล้วกล่าวว่า “ได้ยินว่าท่านหมอหลวงเฉิงมีศาสตร์ลับรักษาอาการแก้ไปที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลจาง มิลองนำมาให้ทุกท่านได้ศึกษาดูสักหน่อยหรือเจ้าคะ?”เฉิงชงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าพลันแข็งค้างไปในชั่วพริบตา ริมฝีปากสั่นระริกพูดอะไรไม่ออกดวงตาของอวิ๋นฝูหลิงกวาดมองไปยังคนอื่น ๆ ที่เหลือครั้นท่านหมอทั้งหลายในศาลานี้สบเข้ากับดวงตาของนาง ก็พากันก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตานางตรง ๆ“ข้ายังมีธุระอื่น ต้องขอตัวก่อน”อวิ๋นฝูหลิงหัวเราะเสียงเย็น หลังพูดออกไปเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วค่อย ๆ เดินจากไปทิ้งให้คนที่อยู่ในศาลาได้แต่มองหน้ากันไปมาผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน ราวกับต้องการจะทำลายบรรยากาศอึดอัดนี้ไป “จุดสำคัญที่แม่นางอวิ๋นพูดถึงว่าบอกกับพวกเราแล้วนั้น คืออันใดกัน?”คนอื่น ๆ ก็รีบทบทวนความทรงจำกันทันทีหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีคนพูดออกมาว่า “หากข้าจ
เมื่อครู่ตอนถกเถียงเรื่องฝีลำไส้ อวิ๋นฝูหลิงได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าหากผ่าท้อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสะอาด ไม่ให้บาดแผลติดเชื้อนางชี้แนะถึงขั้นนี้ มันก็เพียงพอแล้วส่วนทำอย่างไรไม่ให้บาดแผลติดเชื้อ ย่อมเป็นเพราะนางมียา อีกทั้งยังเป็นยาในมิติที่เติมน้ำพุวิญญาณแต่นางไม่มีทางพูดเรื่องเหล่านี้!นอกจากนี้ทำไมนางต้องบอกพวกเฉิงชง?แต่ว่าเฉิงชงคนนั้นก็ตาไม่ถึงจริงๆเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้ามาถามสูตรลับกับนางโดยตรง?อาศัยที่เขาหน้าด้านมากพอหรือ?เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเฉิงชงอยู่แล้ว หลังจากผ่านเรื่องนี้ ยิ่งไม่ชอบเขาแล้วนางพ่นลมออกจากปากเบาๆ ตั้งใจจะปัดเรื่องที่ไม่สบอารมณ์เหล่านี้ทิ้งไปให้หมด ใครจะรู้ว่านางเพิ่งเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็มีความคิดที่แปลกประหลาดแวบเข้ามาในสมองนางนึกถึงคดีคนหายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้ผู้หญิงที่หายตัวไปเหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกนางล้วนเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ใครจะยอมลำบากไปลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ?ไม่ว่าจะเพื่อเงินหรือเรื่องทางเพศ ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดแน
กล่าวจบ นางก็ย้อนถาม “เตรียมรถม้าเสร็จหรือยัง?”เดิมทีหลิงโหยวยังอยากเกลี้ยกล่อม เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงถาม รีบกล่าวตอบทันที “เตรียมเสร็จแล้วขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ทางอวิ๋นเทียนย่วนให้เจ้าดูแลแทน ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็ไปขอให้ท่านปู่โอวหยางกับท่านปู่หางช่วย”หลิงโหยวหลุบตาขานรับทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปส่งอวิ๋นฝูหลิงที่ประตูข้างกับเหยากวงแล้วรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงขึ้นรถม้าจากไป หลิงโหยวจึงจะนึกขึ้นได้ทางอวิ๋นเทียนย่วนมีเรือนรับรอง แม้แต่หมอมีชื่อเสียงหลายคนก็พักที่นี่ระหว่างการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์อวิ๋นฝูหลิงมีเรื่องส่วนตัวในอวิ๋นเทียนย่วน ถ้าหากพักผ่อน กลับไปพักที่เรือนโดยตรงก็สิ้นเรื่องเหตุใดต้องเดินทางไกล จะกลับไปพักผ่อนที่จวนอี้อ๋องให้ได้?หลิงโหยวกลอกตา แอบคาดเดาหรือว่าช่วงนี้คุณหนูใหญ่อยู่อวิ๋นเทียนย่วนมาโดยตลอด คิดถึงอี้อ๋องแล้ว? นึกถึงแม้การแต่งงานของคุณหนูใหญ่เป็นเรื่องบังเอิญ กลับเป็นวาสนาที่สวรรค์ประทานอี้อ๋องกับคุณหนูใหญ่สามีภรรยารักใคร่ ความสัมพันธ์ดีงามคิดว่าท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหวและฮูหยินโหวอยู่ในยมโลก ก็ปลื้มปีติเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรคุณหนูใหญ่ถึงจะม
เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินก็ตกใจ อดไม่ได้ที่จะกล่าว “เพื่อผ่าท้องทำคลอด?”อวิ๋นฝูหลิง “นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น”นางเงียบไปครู่หนึ่ง วิเคราะห์อย่างจริงจัง“คนร้ายลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ มันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ไม่ว่าจะทำเพื่อเงินหรือเรื่องทางเพศ ผู้หญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าหากทำเพื่อความแค้น ผู้หญิงตั้งครรภ์เหล่านั้นล้วนไม่รู้จักกัน นอกจากตั้งครรภ์แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี”“เช่นนั้นก็เหลือแค่ตัวของผู้หญิงตั้งครรภ์แล้ว!”“ประกอบกับเรื่องที่ข้าผ่าท้องทำคลอดให้ฮูหยินน้อยฉู่เมื่อช่วงก่อน เป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งเมือง”“คิดว่าวิชาผ่าท้องทำคลอดนี่ ไปกระตุ้นความสนใจของหมอบางคนแน่นอน”“ข้าเดาว่าเจตนาของคนร้ายน่าจะเอาผู้หญิงตั้งครรภ์มาทำการทดลอง โดยหวังจะเลียนแบบวิชาผ่าท้องทำคลอดของข้า!”เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินแล้วสีหน้ายิ่งเย็นชาถ้าหากการคาดเดาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นจริง เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้โหดร้ายและบ้ามากเซียวจิ่งอี้จับมือของอวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “ข้ารู้แล้ว ข้าจะให้คนไปสืบในทิศทางนี้ดู”อวิ๋น
แต่หลังจากมีผู้หญิงตั้งครรภ์หายตัวอีกครั้ง อวิ๋นฝูหลิงยิ่งมั่นใจการคาดเดาก่อนหน้านี้แล้ว ต้องเป็นเพราะผู้หญิงตั้งครรภ์ที่คนร้ายลักพาตัวไปก่อนหน้านี้ การทดลองล้มเหลวแน่นอนคนร้ายต้องการผู้ทดลองคนใหม่ ดังนั้นจึงเสี่ยงก็อาชญากรรม ลักพาตัวผู้หญิงตั้งครรภ์อีกครั้งเมื่อนึกถึงการคาดเดานี้อาจจะเป็นจริง อวิ๋นฝูหลิงทั้งโกรธทั้งเกลียดจำเป็นต้องจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว จะปล่อยให้เขาทำชั่วต่อไปไม่ได้แล้วในเมื่อคนร้ายซ่อนได้ลึกมาก สืบไม่พบเบาะแสอะไรเลยเช่นนั้นก็ล่องูออกจากรูให้คนร้ายกระโดดออกมาเอง!เกิดแผนที่บ้ามากขึ้นในใจอวิ๋นฝูหลิงแต่ว่าแผนนี้อาศัยแค่นางคนเดียวทำไม่ได้แน่นอน……พริบตาเดียว การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ก็ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใกล้จะถึงตอนท้ายแล้วอวิ๋นฝูหลิงนำตำราแพทย์อันล้ำค่าของสกุลอวิ๋นออกมาให้ทุกคนอ่านก่อน ทำให้นางได้รับคำชมเชยล้นหลามหลังจากนั้นก็แลกเปลี่ยนความรู้วิชาแพทย์ วินิจฉัยโรคและเขียนเทียบยา ใช้ความสามารถของตัวเองชนะใจของผู้คนในแวดวงการแพทย์อย่างแท้จริงประกอบกับยาลูกกลอนและวัตถุดิบยาที่ปลุกในสวนสมุนไพรของสำนักช่วยชีพ อวิ๋นฝูหลิงได้เจรจาความร่วมมือกับร้านยา
ไม่ว่าจะเป็นอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องคุณชายน้อยสกุลลู่เมื่อครั้งก่อน หรือผ่าท้องทำคลอดให้ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในช่วงที่ผ่านมา แม้ข่าวได้แพร่กระจายออกเป็นวงกว้าง แต่คนที่เคยเห็นกับตากลับมีไม่มากประกอบกับหลังจากผ่าท้อง คนยังสามารถมีชีวิตอยู่ นี่ยิ่งเพิ่มสีสันของตำนานและความลึกลับด้วยเหตุนี้ อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปากเอง ในบรรดาหมอที่มาเข้าร่วมการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ มีไม่น้อยที่เกิดความสนใจทุกคนพากันรุมถามอวิ๋นฝูหลิงเป็นเช่นนี้อยู่สองสามวัน ทุกอย่างยังคงปกติ ไม่พบความผิดปกติใดๆแรกเริ่มอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้รีบร้อน แต่เมื่อเห็นว่าการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ปลายังไม่ติดเบ็ดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะเริ่มร้อนใจแล้วแต่ไม่นานนางก็เกลี้ยกล่อมตัวเองสำเร็จ ต้องอดทนเอาไว้ในเมื่อเหยื่อไม่พอ เช่นนั้นก็เพิ่มเหยื่ออีกวันนี้อวิ๋นฝูหลิงไปอวิ๋นเทียนย่วนตามปกติใครจะรู้ว่ากลับพบเฉิงชงระหว่างทางอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย หลังจากทักทายก็เดินผ่านไปใครจะรู้ว่าเฉิงชงกลับเรียกนางกะทันหัน“แม่นางอวิ๋น” เฉิงชงยิ้มแย้ม ท่าทางนอบน้อมและกระตือรือร้นเล็กน้อย “ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษ
อวิ๋นฝูหลิงหันไปมองเหยากวง “เจ้าก็ได้ยินแล้ว มีหมอหลวงเฉิงค่อยปกป้องข้า เจ้ารีบไปเถอะ”เหยากวงลังเลครู่หนึ่ง จึงจะประสานมือกล่าวกับเฉิงชง “รบกวนหมอหลวงเฉิงแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ”กล่าวจบ เหยากวงสื่อสารกับอวิ๋นฝูหลิงทางสายตาแวบหนึ่ง ก็หมุนกายจากไปแล้วส่วนอวิ๋นฝูหลิงหันกลับไปมองเฉิงชงอีกครั้ง นางกล่าว “พวกเราไปคุยกันทางนั้น”โถงบุปผาที่เฉิงชงพูดถึงอยู่ไม่ไกลนักทั้งสองเดินไปได้ครู่เดียวก็ถึงแล้วตำแหน่งของโถงบุปผาแห่งนี้ค่อนข้างเปลี่ยว แต่พื้นที่โดยรอบเขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมากอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งก้าวเข้าโถงบุปผา จู่ๆ ก็ถูกคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกจากข้างหลังอวิ๋นฝูหลิงสูดดมไปแค่ทีเดียว ก็ดมออกแล้วว่าบนผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยผงวิญญาณเคลิ้ม สามารถทำให้คนหมดสติชั่วคราวนางรีบกลั้นหายใจทันที แสร้งดิ้นรนครู่หนึ่ง ก็หมดสติไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่ามือเท้าของตัวเองถูกมัดแล้ว และยังมีก้อนผ้ายัดไว้ในปากก่อนหน้านี้ตอนเพิ่งเจอเฉิงชง อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้คิดอะไรมากกระทั่งเฉิงชงบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษากับนางหลายวันนี้อวิ๋นฝูหลิงโยนเหยื่อเพื่อต
อวิ๋นฝูหลิงหลับตาแสร้งถูกมอมจนหมดสติผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่าตัวเองถูกคนแบกขึ้นมาอวิ๋นฝูหลิงกลัวว่าจะถูกสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับตัวเลย แต่ก็ครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็วนี่เฉิงชงตั้งใจจะพานางไป?แม้เฉินชงสามารถใช้แง่ที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดในอวิ๋นเทียนย่วน แต่นอกอวิ๋นเทียนย่วนมีองครักษ์ไม่น้อยกลางวันแสกๆ เช่นนี้ เขาอยากไปนางไปจากอวิ๋นเทียนย่วนโดยไม่ให้ใครรู้ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยอย่างไรก็ตาม ต่อให้ใส่นางไว้ในกล่องพาออกไป ของที่ใหญ่เช่นนี้ต้องทำให้ผู้อื่นสงสัยแน่นอนแต่ในเมื่อเฉิงชงเลือกที่จะลงมือกับนาง คาดว่าคิดแผนรับมือไว้แล้วชั่วขณะอวิ๋นฝูหลิงเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากดูว่าตกลงเฉิงชงคิดจะใช้วิธีอะไรเพียงแต่ไม่รู้ว่าทางเซียวจิ่งอี้ได้รับข่าว และเตรียมความพร้อมสำหรับการไล่ตามแล้วหรือไม่หวังว่าเหยากวงจะเป็นคนมีไหวพริบ!อวิ๋นฝูหลิงกำลังคิดนู่นคิดนี่ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเฉิงชงหยุดลงแล้วหลังจากนั้นนางถูกวางลงบนพื้นจากนั้นก็มีเสียงทุ้มสายหนึ่งดังขึ้น ลองฟังดีๆ เหมือนเป็นเสียงเสียดสีของก้อนหินขนาดใหญ่อวิ๋นฝูหลิงลืม
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ