Share

บทที่ 436

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงหันไปมองเหยากวง “เจ้าก็ได้ยินแล้ว มีหมอหลวงเฉิงค่อยปกป้องข้า เจ้ารีบไปเถอะ”

เหยากวงลังเลครู่หนึ่ง จึงจะประสานมือกล่าวกับเฉิงชง “รบกวนหมอหลวงเฉิงแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ”

กล่าวจบ เหยากวงสื่อสารกับอวิ๋นฝูหลิงทางสายตาแวบหนึ่ง ก็หมุนกายจากไปแล้ว

ส่วนอวิ๋นฝูหลิงหันกลับไปมองเฉิงชงอีกครั้ง นางกล่าว “พวกเราไปคุยกันทางนั้น”

โถงบุปผาที่เฉิงชงพูดถึงอยู่ไม่ไกลนัก

ทั้งสองเดินไปได้ครู่เดียวก็ถึงแล้ว

ตำแหน่งของโถงบุปผาแห่งนี้ค่อนข้างเปลี่ยว แต่พื้นที่โดยรอบเขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก

อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งก้าวเข้าโถงบุปผา จู่ๆ ก็ถูกคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกจากข้างหลัง

อวิ๋นฝูหลิงสูดดมไปแค่ทีเดียว ก็ดมออกแล้วว่าบนผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยผงวิญญาณเคลิ้ม สามารถทำให้คนหมดสติชั่วคราว

นางรีบกลั้นหายใจทันที แสร้งดิ้นรนครู่หนึ่ง ก็หมดสติไปแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่ามือเท้าของตัวเองถูกมัดแล้ว และยังมีก้อนผ้ายัดไว้ในปาก

ก่อนหน้านี้ตอนเพิ่งเจอเฉิงชง อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้คิดอะไรมาก

กระทั่งเฉิงชงบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษากับนาง

หลายวันนี้อวิ๋นฝูหลิงโยนเหยื่อเพื่อต
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 437

    อวิ๋นฝูหลิงหลับตาแสร้งถูกมอมจนหมดสติผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่าตัวเองถูกคนแบกขึ้นมาอวิ๋นฝูหลิงกลัวว่าจะถูกสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับตัวเลย แต่ก็ครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็วนี่เฉิงชงตั้งใจจะพานางไป?แม้เฉินชงสามารถใช้แง่ที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดในอวิ๋นเทียนย่วน แต่นอกอวิ๋นเทียนย่วนมีองครักษ์ไม่น้อยกลางวันแสกๆ เช่นนี้ เขาอยากไปนางไปจากอวิ๋นเทียนย่วนโดยไม่ให้ใครรู้ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยอย่างไรก็ตาม ต่อให้ใส่นางไว้ในกล่องพาออกไป ของที่ใหญ่เช่นนี้ต้องทำให้ผู้อื่นสงสัยแน่นอนแต่ในเมื่อเฉิงชงเลือกที่จะลงมือกับนาง คาดว่าคิดแผนรับมือไว้แล้วชั่วขณะอวิ๋นฝูหลิงเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากดูว่าตกลงเฉิงชงคิดจะใช้วิธีอะไรเพียงแต่ไม่รู้ว่าทางเซียวจิ่งอี้ได้รับข่าว และเตรียมความพร้อมสำหรับการไล่ตามแล้วหรือไม่หวังว่าเหยากวงจะเป็นคนมีไหวพริบ!อวิ๋นฝูหลิงกำลังคิดนู่นคิดนี่ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเฉิงชงหยุดลงแล้วหลังจากนั้นนางถูกวางลงบนพื้นจากนั้นก็มีเสียงทุ้มสายหนึ่งดังขึ้น ลองฟังดีๆ เหมือนเป็นเสียงเสียดสีของก้อนหินขนาดใหญ่อวิ๋นฝูหลิงลืม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 438

    เหยากวงติดตามอวิ๋นฝูหลิงมานานเช่นนี้ ระหว่างนายกับบ่าวก็พอเข้าใจกันอยู่บ้างวันนี้เหยากวงเห็นสถานการณ์ผิดปกติ แค่สายตาของอวิ๋นฝูหลิง ระหว่างนายบ่าวก็ร่วมมือกันแล้วเหยากวงบอกว่าไปหานายท่านผู้เฒ่าหาง แต่ในความเป็นจริง พอหมุนกายก็สั่งให้คนไปแจ้งเซียวจิ่งอี้แล้วเซียวจิ่งอี้มองไปทางโถงบุปผาแล้วเอ่ยถาม “พระชายาเข้าไปนานแค่ไหนแล้ว?”เหยากวงประมาณเวลาครู่หนึ่งแล้วตอบ “ประมาณหนึ่งเค่อแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินก็ขมวดคิ้วผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว ข้างในกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีที่คลุมเครือขึ้นในใจเขาเขาหันไปมองทางเทียนเฉวียนแล้วกล่าว “เจ้าลองไปดูสถานการณ์ใกล้ๆ เคลื่อนไหวเบาหน่อย อย่าให้คนข้างในรู้ตัว”พูดถึงวิชาตัวเบาและความสามารถในการพรางตัว เทียนเฉวียนเก่งที่สุดในบรรดาองครักษ์ลับส่งเขาไปเหมาะสมที่สุดเทียนเฉวียนพยักหน้าเบาๆ กระโดดลอยตัวไปทางโถงบุปผาราวกับสายลมผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนก็กลับมาแล้ว สีหน้าดูไม่ดีนัก“เรียนท่านอ๋อง ในโถงบุปผาไม่มีคนขอรับ”เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน “ไม่มีคน?”เทียนเฉวียนพยักหน้า “ข้าน้อยตรวจดู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 439

    เซียวจิ่งอี้ออกคำสั่ง “งัดกระเบื้องหินพวกนี้ออก!”เทียนเฉวียนพาคนไปงัดกระเบื้องหินทันทีหลังจากกระเบื้องหินถูกงัดออก ก็เผยให้เห็นหลุมสีดำหนึ่งหลุมเมื่อเซียวจิ่งอี้เห็นทางเข้าอุโมงค์ ก็รู้แล้วว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนถูกต้องเฉิงชงพาอวิ๋นฝูหลิงออกไปโดยผ่านอุโมงค์นี้แน่นอนเขากำลังจะลงไปในอุโมงค์ ก็ถูกเทียนเฉวียนห้ามไว้แล้ว“ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยลงไปสำรวจทางก่อนดีกว่า”เทียนเฉวียนกล่าวจบ ก็กระโดดลงไปในหลุมแล้วเหยากวงรีบกล่าวต่อ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยก็ลองลงไปดูก่อน ถ้าหากมีเรื่องอะไร ก็สามารถช่วยช่วยเทียนเฉวียนได้”เมื่อเซียวจิ่งอี้ได้ยินก็พยักหน้า อนุญาตคำขอของเหยากวงรอหลังจากเหยากวงลงไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ก็กระโดดลงไปในอุโมงค์โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของคนอื่นภายในอุโมงค์มืดสนิท ยังดีที่ทุกคนพกตะบันไฟติดตัว อาศัยแสงของตะบันไฟ ยังพอจะเห็นอะไรบ้างอุโมงค์สายนี้ไม่ถือว่ายาวมาก ทุกคนใช้เวลาเดินประมาณสองเค่อ ก็เดินมาจนสุดทางแล้วหลังออกมาจากอุโมงค์ เซียวจิ่งอี้กวาดมองโดยรอบ พบว่าที่นี่คือด้านหลังของอวิ๋นเทียนย่วน อยู่ไม่ไกลจากอวิ๋นเทียนย่วนมากนักองครักษ์ลับคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านการแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 440

    ถ้าหากนางอยากไป แค่เชือกเส้นเดียวมัดนางไม่อยู่หรอกนางหยิบมีดออกมาจากในมิติหนึ่งเล่ม ต่อให้เป็นเชือกที่ทนทานแค่ไหน ก็สามารถใช้มีดตัดจนขาดเพียงแต่อวิ๋นฝูหลิงแสดงละครมาตั้งนาน ไม่ได้ทำเพื่อจะหนีออกไปนางประมาณเวลา รู้สึกว่านานเช่นนี้ ฤทธิ์ยาน่าจะหมดแล้วอวิ๋นฝูหลิงแสร้งค่อยๆ ฟื้นทันทีนางลืมตาอย่างสะลึมสะลือ สายตาสับสนครู่หนึ่ง จึงจะมีสติมากขึ้นหลายส่วนจากนั้นนางรู้สึกว่าร่างกายถูกพันธนาการ ก็เริ่มดิ้นรนทันทีนางอยากตะโกนเสียงดังๆ ตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่กลับมีของบางอย่างอุดอยู่ที่ปาก ทำได้เพียงส่งเสียง ‘อื้อๆ’เพิ่งจะดิ้นรนได้ครู่เดียว เสียงของเฉิงชงก็ดังขึ้น“ท่านฟื้นแล้ว เร็วกว่าที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย”“ดูเหมือนยาสลบของข้ายังต้องปรับปรุงอีก”อวิ๋นฝูหลิงมองเฉิงชงที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง แล้วก้มมองตัวเองที่ถูกมัดไว้ เหมือนมีสติขึ้นในทันทีนางเบิกตากว้าง สายตาที่มองไปทางเฉิงชงมีความโกรธ ไม่เข้าใจ และยังมีความตื่นตระหนกกับหวาดกลัวเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงพลางแสดง พลางกดไลค์ให้ตัวเองทักษะการแสดงระดับนักแสดงยอดเยี่ยมของนางนี้ สมควรได้รับตุ๊กตาทองของออสการ์จริงๆเฉิงชงชื่นชมปฏิกิริยาข

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 441

    เฉิงชงเห็นอวิ๋นฝูหลิงยอมให้ความร่วมมือ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าพอใจออกมาหลายส่วนเขานึกถึงปัญหาเหล่านั้นที่รบกวนเขามานาน ก็ยิ่งไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปถึงอย่างไรอวิ๋นฝูหลิงก็มีสถานะที่พิเศษ เมื่อทางด้านอวิ๋นเทียนย่วนพบว่าอวิ๋นฝูหลิงหายตัวไป จะต้องทำทุกหนทางเพื่อหาตัวอวิ๋นฝูหลิงให้พบเป็นแน่แม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกล จนยากมากที่คนธรรมดาจะหาที่นี่เจอแต่ด้วยความสามารถของเซียวจิ่งอี้ กอปรกับอิทธิพลของตระกูลใหญ่อย่างพวกโอวหยางหมิง เป็นไปไม่ได้ที่จะหาที่นี่ไม่เจอดังนั้นเฉิงชงจึงตัดสินใจฉวยช่วงเวลา ก่อนที่พวกเซียวจิ่งอี้จะหาเจอ ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำให้ลุล่วงเฉิงชงแก้เชือกบนตัวอวิ๋นฝูหลิง และถือมีดจ่อนางให้ไปอีกเรือนหนึ่ง“พระชายา ข้าขอแนะนำท่านอย่างตรงไปตรงมาเสียหน่อย อย่าได้เล่นตุกติก และอย่าได้คิดจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ด้วย มิเช่นนั้นมีดในมือข้าย่อมไม่มีตา”อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำท่าทางหวาดกลัว พลางรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าจะทำตัวซื่อตรง เจ้าถือมีดไว้ให้มั่นเถอะ อย่าทำให้ข้าบาดเจ็บ...”ไม่นานหลังจากนั้น เฉิงชงก็พาอวิ๋นฝูหลิงไปที่เรือนหลังหนึ่งหน้าประตูเรือนหลังนั้นมีองครักษ์เฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 442

    “เมื่ออายุสิบห้าปี ข้าก็สามารถวินิจฉัยโรคและสั่งยาให้คนไข้ของโรงหมอสกุลเฉิงได้ด้วยตัวเอง”“ทว่ายิ่งทักษะแพทย์สูงขึ้น ข้าก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น”“จนกระทั่งอายุยี่สิบปี ขณะที่ข้ากำลังเดินทางเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ก็บังเอิญพบหมอซางผู้หนึ่ง”“หมอซางผู้นั้นหลังจากเย็บบาดแผลยาวสองนิ้วให้คนไข้รายหนึ่งด้วยเข็มกับด้าย จึงเพิ่งทายาและพันแผล”“ข้าเห็นเข้าก็รู้สึกสนใจ จึงหยุดสนทนากับเขา”“คาดไม่ถึงว่ากลับคุยถูกคอเป็นอย่างยิ่ง ข้าหยุดพักการเดินทาง อยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองเดือน”“หมอซางพบว่าหลังจากเย็บบาดแผลแล้ว บาดแผลจะฟื้นตัวได้ดีและหายเร็วขึ้น เขาจึงเกิดความคิดที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาโดยพลันว่า อาจมีสักวันหนึ่ง เมื่อใครบางคนได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ก็จะสามารถผ่าตัดช่องท้อง หลังจากรักษาบาดแผลภายในแล้ว จากนั้นก็ใช้เข็มกับด้ายเย็บบนบาดแผลได้”“คราแรกที่ข้าได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นความคิดเพ้อเจ้อ แต่เมื่อใคร่ครวญดูอีกที ก็คิดว่าเป็นไปได้”“พวกเราใช้กระต่ายป่ากับไก่ป่าจำนวนหนึ่งมาทำการทดลองก่อน แต่ก็ล้มเหลว”“ผ่านไปไม่นาน มีครั้งหนึ่งยามที่หมอซางผู้นั้นไปเก็บสมุนไพร บังเอิญมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ไม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 443

    เฉิงชงเปิดเผยความลับของตัวเองให้นางรู้โดยไม่มีปิดบัง ราวกับไม่คิดจะปล่อยให้นางรอดชีวิตออกไปได้ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!โชคดีผู้ที่มาวันนี้คือนาง หากเป็นผู้อื่น คงตกอยู่ในอันตรายด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลอบปลงตกกับตัวเองหนึ่งประโยค ก็ถูกเฉิงชงดึงไปที่หน้าโต๊ะไม้ตัวยาว“ถึงเวลาลงมือแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงเดินไปรอบโต๊ะไม้คราหนึ่ง ทั้งยังเดินมาถึงหน้าโต๊ะยาวตัวนั้น และหยิบมีดบนโต๊ะขึ้นมามอง หลังจากนั้นก็โยนกลับไปบนโต๊ะอีกครา“ไม่อาจทำการผ่าท้องคลอดได้!”เฉิงชงขมวดคิ้วโดยพลัน “อวิ๋นฝูหลิง เจ้าอย่ามาปฏิเสธไม้อ่อนและอยากได้ไม้แข็งเลย!”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาราวกับมองคนโง่เขลา “มิน่าล่ะ การผ่าตัดของเจ้าจึงล้มเหลว ด้วยสภาพเช่นนี้ของเจ้า หากการผ่าตัดไม่ล้มเหลวก็แปลกแล้ว!”เฉิงชงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าจัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดตามที่เจ้าขอยามอยู่ที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินครานั้น ต่อให้ไม่เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ยังเหมือนแปดถึงเก้าส่วน!”ทันทีที่เขาพูดจบ หญิงตั้งครรภ์ซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ร้องครวญครางออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะตื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 444

    “ของเหล่านี้เจ้าล้วนไม่มีทั้งสิ้น!”“หากต้องการทำการผ่าท้องคลอดอีกครั้ง ข้าดูแล้วยังต้องให้คนไปเอาอุปกรณ์ผ่าตัดเหล่านั้นของข้ามาจึงจะทำได้”เฉิงชงฟังมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็แข็งค้างเขายินดีทำตามคำแนะนำทุกอย่างของอวิ๋นฝูหลิง และสร้างอุปกรณ์เหล่านั้นขึ้นมาใหม่ แต่ไม่อาจเปิดเผยร่องรอยและไปยังจวนอี้อ๋องเพื่อเอาอุปกรณ์เหล่านั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาได้อวิ๋นฝูหลิงยังคงจับผิดต่อ “ห้องที่เจ้าเลือกก็สว่างไม่พอด้วย”“หากสว่างไม่พอ จะมองเห็นสภาพเด็กที่อยู่ในท้องหญิงตั้งครรภ์ได้อย่างไร?”“มองยังมองไม่ชัด ยังจะทำการผ่าตัดได้อย่างไร?”“หากไม่ระวัง จะทำให้เด็กในท้องหญิงตั้งครรภ์ได้รับบาดเจ็บ หรืออาจทำให้อวัยวะภายในของหญิงตั้งครรภ์ได้รับบาดเจ็บจนกลับมาสภาพเดิมไม่ได้ นั่นมิใช่ว่าเป็นความผิดพลาดในฐานะหมออย่างพวกเราหรือ?”เฉิงชงเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็หาส่วนที่โต้แย้งได้เจอ“หากแสงไม่สว่างพอ ก็สามารถจุดเทียนเพิ่มได้”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาอย่างตำหนิโดยพลัน“เทียนไม่ต้องใช้เงินซื้อหรือ?”“พวกเราเป็นหมอ ก็ต้องคำนึงถึงคนไข้ให้มาก”“ไม่อาจอาศัยความเชื่อใจที่คนไข้มีต่อพวกเรา ทำเหมือนเงินของพวกเขาไม่ใช่เงิน”“ไ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status