แชร์

บทที่ 440

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ถ้าหากนางอยากไป แค่เชือกเส้นเดียวมัดนางไม่อยู่หรอก

นางหยิบมีดออกมาจากในมิติหนึ่งเล่ม ต่อให้เป็นเชือกที่ทนทานแค่ไหน ก็สามารถใช้มีดตัดจนขาด

เพียงแต่อวิ๋นฝูหลิงแสดงละครมาตั้งนาน ไม่ได้ทำเพื่อจะหนีออกไป

นางประมาณเวลา รู้สึกว่านานเช่นนี้ ฤทธิ์ยาน่าจะหมดแล้ว

อวิ๋นฝูหลิงแสร้งค่อยๆ ฟื้นทันที

นางลืมตาอย่างสะลึมสะลือ สายตาสับสนครู่หนึ่ง จึงจะมีสติมากขึ้นหลายส่วน

จากนั้นนางรู้สึกว่าร่างกายถูกพันธนาการ ก็เริ่มดิ้นรนทันที

นางอยากตะโกนเสียงดังๆ ตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่กลับมีของบางอย่างอุดอยู่ที่ปาก ทำได้เพียงส่งเสียง ‘อื้อๆ’

เพิ่งจะดิ้นรนได้ครู่เดียว เสียงของเฉิงชงก็ดังขึ้น

“ท่านฟื้นแล้ว เร็วกว่าที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย”

“ดูเหมือนยาสลบของข้ายังต้องปรับปรุงอีก”

อวิ๋นฝูหลิงมองเฉิงชงที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง แล้วก้มมองตัวเองที่ถูกมัดไว้ เหมือนมีสติขึ้นในทันที

นางเบิกตากว้าง สายตาที่มองไปทางเฉิงชงมีความโกรธ ไม่เข้าใจ และยังมีความตื่นตระหนกกับหวาดกลัวเล็กน้อย

อวิ๋นฝูหลิงพลางแสดง พลางกดไลค์ให้ตัวเอง

ทักษะการแสดงระดับนักแสดงยอดเยี่ยมของนางนี้ สมควรได้รับตุ๊กตาทองของออสการ์จริงๆ

เฉิงชงชื่นชมปฏิกิริยาข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 441

    เฉิงชงเห็นอวิ๋นฝูหลิงยอมให้ความร่วมมือ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าพอใจออกมาหลายส่วนเขานึกถึงปัญหาเหล่านั้นที่รบกวนเขามานาน ก็ยิ่งไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปถึงอย่างไรอวิ๋นฝูหลิงก็มีสถานะที่พิเศษ เมื่อทางด้านอวิ๋นเทียนย่วนพบว่าอวิ๋นฝูหลิงหายตัวไป จะต้องทำทุกหนทางเพื่อหาตัวอวิ๋นฝูหลิงให้พบเป็นแน่แม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกล จนยากมากที่คนธรรมดาจะหาที่นี่เจอแต่ด้วยความสามารถของเซียวจิ่งอี้ กอปรกับอิทธิพลของตระกูลใหญ่อย่างพวกโอวหยางหมิง เป็นไปไม่ได้ที่จะหาที่นี่ไม่เจอดังนั้นเฉิงชงจึงตัดสินใจฉวยช่วงเวลา ก่อนที่พวกเซียวจิ่งอี้จะหาเจอ ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำให้ลุล่วงเฉิงชงแก้เชือกบนตัวอวิ๋นฝูหลิง และถือมีดจ่อนางให้ไปอีกเรือนหนึ่ง“พระชายา ข้าขอแนะนำท่านอย่างตรงไปตรงมาเสียหน่อย อย่าได้เล่นตุกติก และอย่าได้คิดจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ด้วย มิเช่นนั้นมีดในมือข้าย่อมไม่มีตา”อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำท่าทางหวาดกลัว พลางรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าจะทำตัวซื่อตรง เจ้าถือมีดไว้ให้มั่นเถอะ อย่าทำให้ข้าบาดเจ็บ...”ไม่นานหลังจากนั้น เฉิงชงก็พาอวิ๋นฝูหลิงไปที่เรือนหลังหนึ่งหน้าประตูเรือนหลังนั้นมีองครักษ์เฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 442

    “เมื่ออายุสิบห้าปี ข้าก็สามารถวินิจฉัยโรคและสั่งยาให้คนไข้ของโรงหมอสกุลเฉิงได้ด้วยตัวเอง”“ทว่ายิ่งทักษะแพทย์สูงขึ้น ข้าก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น”“จนกระทั่งอายุยี่สิบปี ขณะที่ข้ากำลังเดินทางเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ก็บังเอิญพบหมอซางผู้หนึ่ง”“หมอซางผู้นั้นหลังจากเย็บบาดแผลยาวสองนิ้วให้คนไข้รายหนึ่งด้วยเข็มกับด้าย จึงเพิ่งทายาและพันแผล”“ข้าเห็นเข้าก็รู้สึกสนใจ จึงหยุดสนทนากับเขา”“คาดไม่ถึงว่ากลับคุยถูกคอเป็นอย่างยิ่ง ข้าหยุดพักการเดินทาง อยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองเดือน”“หมอซางพบว่าหลังจากเย็บบาดแผลแล้ว บาดแผลจะฟื้นตัวได้ดีและหายเร็วขึ้น เขาจึงเกิดความคิดที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาโดยพลันว่า อาจมีสักวันหนึ่ง เมื่อใครบางคนได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ก็จะสามารถผ่าตัดช่องท้อง หลังจากรักษาบาดแผลภายในแล้ว จากนั้นก็ใช้เข็มกับด้ายเย็บบนบาดแผลได้”“คราแรกที่ข้าได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นความคิดเพ้อเจ้อ แต่เมื่อใคร่ครวญดูอีกที ก็คิดว่าเป็นไปได้”“พวกเราใช้กระต่ายป่ากับไก่ป่าจำนวนหนึ่งมาทำการทดลองก่อน แต่ก็ล้มเหลว”“ผ่านไปไม่นาน มีครั้งหนึ่งยามที่หมอซางผู้นั้นไปเก็บสมุนไพร บังเอิญมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ไม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 443

    เฉิงชงเปิดเผยความลับของตัวเองให้นางรู้โดยไม่มีปิดบัง ราวกับไม่คิดจะปล่อยให้นางรอดชีวิตออกไปได้ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!โชคดีผู้ที่มาวันนี้คือนาง หากเป็นผู้อื่น คงตกอยู่ในอันตรายด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลอบปลงตกกับตัวเองหนึ่งประโยค ก็ถูกเฉิงชงดึงไปที่หน้าโต๊ะไม้ตัวยาว“ถึงเวลาลงมือแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงเดินไปรอบโต๊ะไม้คราหนึ่ง ทั้งยังเดินมาถึงหน้าโต๊ะยาวตัวนั้น และหยิบมีดบนโต๊ะขึ้นมามอง หลังจากนั้นก็โยนกลับไปบนโต๊ะอีกครา“ไม่อาจทำการผ่าท้องคลอดได้!”เฉิงชงขมวดคิ้วโดยพลัน “อวิ๋นฝูหลิง เจ้าอย่ามาปฏิเสธไม้อ่อนและอยากได้ไม้แข็งเลย!”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาราวกับมองคนโง่เขลา “มิน่าล่ะ การผ่าตัดของเจ้าจึงล้มเหลว ด้วยสภาพเช่นนี้ของเจ้า หากการผ่าตัดไม่ล้มเหลวก็แปลกแล้ว!”เฉิงชงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าจัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดตามที่เจ้าขอยามอยู่ที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินครานั้น ต่อให้ไม่เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ยังเหมือนแปดถึงเก้าส่วน!”ทันทีที่เขาพูดจบ หญิงตั้งครรภ์ซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ร้องครวญครางออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะตื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 444

    “ของเหล่านี้เจ้าล้วนไม่มีทั้งสิ้น!”“หากต้องการทำการผ่าท้องคลอดอีกครั้ง ข้าดูแล้วยังต้องให้คนไปเอาอุปกรณ์ผ่าตัดเหล่านั้นของข้ามาจึงจะทำได้”เฉิงชงฟังมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็แข็งค้างเขายินดีทำตามคำแนะนำทุกอย่างของอวิ๋นฝูหลิง และสร้างอุปกรณ์เหล่านั้นขึ้นมาใหม่ แต่ไม่อาจเปิดเผยร่องรอยและไปยังจวนอี้อ๋องเพื่อเอาอุปกรณ์เหล่านั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาได้อวิ๋นฝูหลิงยังคงจับผิดต่อ “ห้องที่เจ้าเลือกก็สว่างไม่พอด้วย”“หากสว่างไม่พอ จะมองเห็นสภาพเด็กที่อยู่ในท้องหญิงตั้งครรภ์ได้อย่างไร?”“มองยังมองไม่ชัด ยังจะทำการผ่าตัดได้อย่างไร?”“หากไม่ระวัง จะทำให้เด็กในท้องหญิงตั้งครรภ์ได้รับบาดเจ็บ หรืออาจทำให้อวัยวะภายในของหญิงตั้งครรภ์ได้รับบาดเจ็บจนกลับมาสภาพเดิมไม่ได้ นั่นมิใช่ว่าเป็นความผิดพลาดในฐานะหมออย่างพวกเราหรือ?”เฉิงชงเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็หาส่วนที่โต้แย้งได้เจอ“หากแสงไม่สว่างพอ ก็สามารถจุดเทียนเพิ่มได้”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาอย่างตำหนิโดยพลัน“เทียนไม่ต้องใช้เงินซื้อหรือ?”“พวกเราเป็นหมอ ก็ต้องคำนึงถึงคนไข้ให้มาก”“ไม่อาจอาศัยความเชื่อใจที่คนไข้มีต่อพวกเรา ทำเหมือนเงินของพวกเขาไม่ใช่เงิน”“ไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 445

    ผงยาของอวิ๋นฝูหลิงประสิทธิภาพสูงกว่าที่เฉิงชงใช้ก่อนหน้านี้ ซึ่งรุนแรงมากกว่าหลายเท่าแม้ว่าเฉิงชงจะสูดหายใจเข้าไปเพียงเล็กน้อย ทั้งร่างกลับเป็นอัมพาต ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เมื่อเฉิงชงตอบสนองออกมา ก็คิดจะกลั้นหายใจโดยพลัน พลางถอยหลังหลบเลี่ยงผงยาเหล่านั้นไปหลายก้าว แต่ก็สายเกินไปแล้วก่อนที่เขาจะรู้ตัว ก็สูดผงยาเหล่านั้นเข้าไปบ้างแล้วแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะเกิดผลยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่เหมือนกับอวิ๋นฝูหลิง ร่างกายไม่ได้รับการชำระล้างจากหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ สำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้วทั้งยาพิษและยาสลบธรรมดา ล้วนไม่มีผลแม้แต่น้อยไม่นานเฉิงชงก็รู้สึกว่าร่างกายชาหนึบ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เรี่ยวแรงทั้งร่างราวกับถูกคนสูบไปจดหมดอวิ๋นฝูหลิงแค่นเสียงเย็นชาหนึ่งครั้ง และเตะไปที่ร่างของเขาหลังจากเตะเขาเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่ายังระบายอารมณ์ไม่พอ จึงเตะไปอีกหลายครา“คนเช่นเจ้าต่อให้ตายนับสิบนับร้อยครั้งก็ยังไม่สาสม!”เฉิงชงข่มกลั้นความเจ็บปวดของร่างกาย สายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นในความโกรธเกรี้ยว ยังมีความเสียใจปนอยู่หลายส่วนเดิมทีเขาคิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 446

    เซียวจิ่งอี้คิดได้ว่ามีหญิงตั้งครรภ์หายตัวไปถึงเจ็ดคน ทว่ายามนี้กลับหาเจอเพียงสองคน ส่วนอีกห้าคน เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายมากกว่านี้เสียแล้วเขายกมือชี้ไปทางเฉิงชงที่ถูกมัด และพูดกับชิวหมิงต๋าว่า “คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังคดีลักพาตัวหลายคดีก็คือเขา”“ใต้เท้าชิว คนผู้นี้ขอส่งให้ท่าน ไต่สวนโดยละเอียดด้วย”“หญิงตั้งครรภ์อีกห้าคนที่หายตัวไป ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ก็ต้องไต่สวนให้ได้ความ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เคราะห์ร้าย!”ชิวหมิงต๋ามองไปทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ จึงเพิ่งสังเกตเห็นเฉิงชงที่ถูกมัดไว้เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจโดยพลัน “หมอ...หมอหลวงเฉิง!”ชิวหมิงต๋าไม่เคยคาดคิดเลยว่า ผู้ร้ายตัวจริงในคดีลักพาตัวหลายคดีจะเป็นเฉิงชงในสายตาคนนอก เฉิงชงเป็นผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์เกิดมาในสกุลแพทย์ เป็นผู้นำที่สืบทอดสกุลเฉิง และทำหน้าที่เป็นรองเจ้าสำนักหมอหลวงฝ่ายซ้ายมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะกลายเป็นเจ้าสำนักหมอหลวง ซึ่งมีอนาคตที่สดใสใครจะคิดว่าคนเช่นนี้ กลับมีจิตใจโหดเหี้ยม ลักพาตัวหญิงตั้งครรภ์หลายคนเพื่อมาทำการทดลองผ่าท้องคลอดเซียวจิ่งอี้ส่งมอบคดีให้ผู้ตรวจการเมืองรับผิดชอบ และพาอวิ๋นฝูหลิงออ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 447

    แม้อวิ๋นฝูหลิงจะคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าเกรงว่าหญิงตั้งครรภ์ทั้งห้าคนคงจะประสบเคราะห์ร้ายอย่างหนัก และมีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งที่จะตายแล้วแต่หลังจากได้รับการยืนยัน ในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่งทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าคนสมควรตายเฉิงชง!นางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ถูกหั่นเป็นชิ้นจนตายยังน้อยไปสำหรับเขา!”เมื่อความจริงเรื่องคดีการหายตัวไปของหญิงตั้งครรภ์ถูกเปิดเผย ก็ทำให้คนในเมืองหลวงเกิดความโกลาหลขึ้นทันทีครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์ทั้งห้าคน ก็ยิ่งโศกเศร้าเป็นอย่างมากการที่ในครอบครัวมีหญิงตั้งครรภ์ เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งยวดขณะที่กำลังจะได้มีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้น ใครจะรู้ว่ากลับต้องมาประสบเคราะห์ร้ายที่คาดไม่ถึงแม้ฆาตกรจะถูกจับตัว และตัดสินโทษประหารด้วยการหั่นเป็นชิ้นแล้ว แต่สำหรับครอบครัวของเหยื่อ ก็ยังรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งเฉิงชงถูกขังอยู่ในคุกหลวง ซึ่งพวกเขาไม่แม้แต่จะมองเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจัดการเขาเลยความโกรธแค้นของเหล่าครอบครัวเหยื่อ ล้วนพุ่งตรงมายังสกุลเฉิงที่หน้าประตูสกุลเฉิงถูกโยนอุจจาระ ผักเน่า และไข่เน่าถึงขั้นที่สมาชิกสกุลเฉิงบางคนเมื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 448

    ด้วยเหตุนี้งานเลี้ยงอายุครบเดือนในจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จึงมีผู้คนคับคั่งและมีชีวิตชีวาอย่างถึงที่สุดทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงมาถึง ฮูหยินฉู่ก็มาต้อนรับด้วยตัวเอง และพานางไปยังสวนด้านหลังจวนเซียวจิ่งอี้พูดคุยกับฉู่หมิงอยู่ที่ลานด้านหน้าจวนแขกที่มาถึงสวนด้านหลังจวนก่อนเมื่อเห็นว่าฮูหยินฉู่ไปต้อนรับอวิ๋นฝูหลิงด้วยตัวเอง ก็เข้าใจได้ทันทีว่าสกุลฉู่ให้ความสำคัญกับอวิ๋นฝูหลิงมากอวิ๋นฝูหลิงได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับแขกผู้ทรงเกียรติอวิ๋นฝูหลิงไปพบฮูหยินน้อยฉู่ก่อนตามหลักแล้วฮูหยินน้อยฉู่ควรจะออกจากช่วงพักฟื้นหลังคลอดได้แล้ว แต่อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางได้รับการผ่าตัดมา จึงเสียเรี่ยวแรงและเลือดไปไม่น้อยยิ่งไปกว่านั้นนางยังตั้งท้องลูกแฝด ดังนั้นจึงแนะนำให้นางอยู่ไฟสองรอบอาศัยช่วงที่กำลังพักฟื้น บำรุงร่างกายให้ดีเสียหน่อยสกุลฉู่กับจวนคังจวิ้นอ๋องต่างก็ฟังคำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง และให้ฮูหยินน้อยฉู่อยู่ไฟสองรอบทว่าวันนี้มีงานเลี้ยงฉลองอายุครบเดือน ฮูหยินน้อยฉู่จึงได้อาบน้ำแต่งตัว ออกมาพบแขกเหรื่อหลังจากผ่านวันนี้ไป นางก็ยังต้องไปพักฟื้นหลังคลอดต่อทุกคนเห็นฮูหยินน้อยฉู่ยังยืนมีชีวิตอยู่

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status