เมื่อเห็นพวกหมอหางกลั้นหัวเราะ ก็เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงหมอซุนจึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ไม่สู้ดีนัก เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาต่อเช่นกันถึงอย่างไรยามนี้ชีวิตของคุณชายน้อยลู่ก็ตกอยู่ในอันตราย เขาจะเย้ยหยันแม่นางอวิ๋นสักสองสามประโยคก็แล้วไปเถอะ แต่หากขัดขวางการวินิจฉัย จนทำให้การรักษาคุณชายลู่ล่าช้า สกุลลู่ต้องไม่ละเว้นเขาเป็นแน่สกุลลู่เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่ ในครอบครัวมีมากกว่าสิบคนที่อยู่ในราชสำนัก ลูกชายคนโตของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็เป็นเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยแม้เขาจะอาศัยทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง จนได้รับความเคารพจากคนในเขตปกครองเจียงหนิง แต่ก็มิใช่ทายาทสายตรงของสำนักช่วยชีพ เป็นเพียงหมอที่ให้การรักษาในสังกัดของสำนักช่วยชีพหากทำให้ตระกูลลู่ขุ่นเคืองจริง สำนักช่วยชีพย่อมไม่ยอมต่อกรกับตระกูลลู่เพื่อเขาเป็นแน่อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับชีพจรของคุณชายน้อยลู่ก่อน หลังจากนั้นก็หยิบเข็มทองซึ่งพกติดตัวไว้ออกมาเมื่ออวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปทีละเข็ม ไม่นานคุณชายน้อยลู่ก็ไม่อาเจียนเป็นเลือดอีกท่านหมอหางและคนอ
หมอหางและคนอื่น ๆ ก็ถูกคำว่าเปิดช่องท้องของอวิ๋นฝูหลิงทำให้ตกใจเช่นกัน“ไม่ได้ เปิดช่องท้องอันตรายเกินไป!”“แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินว่าหากช่องท้องถูกเปิดแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่ได้!”“เหลวไหลสิ้นดี!”“ใช่ ตั้งแต่โบราณ ก็ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน!”หมอทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งล้วนไม่สนับสนุนให้อวิ๋นฝูหลิงเปิดช่องท้องอวิ๋นฝูหลิงหันหลังไปมองพวกหมอซุน ก่อนจะถามเสียงเย็นชา “หากไม่เปิดช่องท้อง ทุกท่านมีวิธีอื่นที่จะช่วยคนได้หรือ?”ทุกคนที่เดิมทีแย่งกันวิพากษ์วิจารณ์ ต่างเงียบลงโดยพลันอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจพวกเขาอีก และหันไปอธิบายให้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ฟังอย่างมีความอดทน“จากปริมาณเลือดของคนไข้ที่ไหลออกมาในยามนี้ หากไม่เปิดช่องท้อง เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนจะเสียเลือดจนสิ้นใจ”“แม้การเปิดช่องท้องจะเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงมาก แต่ยามนี้ก็มีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น”“จะผ่าหรือไม่ พวกท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง!”เดิมทีเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าลู่ได้ยินคำว่าเปิดช่องท้อง ก็รู้สึกต่อต้านโดยสัญชาตญาณแต่จากคำพูดที่อวิ๋นฝูหลิงโต้เถียงกับหมอทุกคน นางก็เข้าใจว่า เหล่าหมอฝีมือดีของเข
หมอหางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายท่านหาง สองวันมานี้เขาได้ยินเรื่องหมอเทวดาหญิงคนหนึ่งมาจากญาติผู้พี่คนนี้ไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเห็นใจอวิ๋นฝูหลิงอยู่หลายส่วนสกุลลู่ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา หากคุณชายน้อยลู่ตายจากการรักษาด้วยมือของนาง ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนี้ เกรงว่าอวิ๋นฝูหลิงคงทนรับไม่ไหวดังนั้นหมอหางจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นสักสองสามประโยคอวิ๋นฝูหลิงรับรู้ได้ถึงน้ำใจของหมอเจิ้งและหมอหาง จึงเป็นธรรมดาที่จะตอบกลับอย่างจริงใจนางหันกลับมาแตะที่ท้องของคุณชายน้อยลู่ และพูดกับทั้งสองคนว่า “ก่อนหน้านี้ข้าใช้เข็มทองฝังเข็ม แต่ก็เป็นเพียงการห้ามเลือดชั่วคราวเท่านั้น หาใช่การห้ามเลือดได้โดยสมบูรณ์”“ทั้งสองท่านสามารถมาดูที่ท้องของคนไข้ และจับชีพจรคนไข้อีกครั้งได้ และจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง”“การเปิดช่องท้องเป็นวิธีเดียวในยามนี้!”หมอเจิ้งและหมอหางเดินไปดูท้องของคุณชายน้อยลู่ตามคำพูดของนาง ทั้งยังจับชีพจรของเขา และได้รู้ว่าสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงกล่าวนั้นถูกต้องในยามนั้นเอง นายท่านหางก็เดินนำหวังเอ้อร์เหอมาพอดี“ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ คนผู้นี้คือหวังเอ้อร์เหอที่ข้าบอก”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ม
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ มีสีหน้าวิตกกังวลขณะที่กล่าวว่า “ข้าจะส่งคนไปหาเดี๋ยวนี้!”ขอเพียงสามารถช่วยหลานชายของนางได้ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรล้ำค่า หรือต้องจ่ายเงินมากเพียงใด นางก็ไม่สนใจทั้งนั้นอวิ๋นฝูหลิงส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ จะไม่ทันเวลาแล้วด้วย โชคดีที่ข้านำติดตัวมา ใช้ของที่ข้านำมาไปก่อนเถอะ”อวิ๋นฝูหลิงแกล้งทำเป็นควานหาในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะฉวยโอกาสหยิบโสมซานชีบางส่วนที่เตรียมไว้ทำยาแล้วจากในมิติออกมาหลังจากนั้นก็ยื่นโสมซานชีให้นายท่านหาง เพื่อให้เขานำไปต้มยาอวิ๋นฝูหลิงถามหมอเจิ้งและหมอหาง เพื่อขอให้พวกเขามาช่วยเป็นลูกมือนางหมอเจิ้งกับหมอหางมิได้ใส่ใจว่าต้องเป็นลูกมืออวิ๋นฝูหลิงซึ่งเป็นหมอหญิงไร้ชื่อผู้หนึ่ง จึงตอบรับด้วยความยินดีเห็นพวกหมอซุนมีท่าทีแปลกใจระคนไม่เข้าใจ ทั้งยังมีสายตาดูแคลน ทั้งสองคนก็ลอบเม้มปากเจ้าพวกโง่!เรื่องหายากอย่างการผ่าตัดเปิดท้อง เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ยากจะได้เห็นสักคราแน่นอนว่าควรใช้โอกาสนี้ในการสังเกตให้ดี ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเรียนได้กี่มากน้อย แค่ได้เพิ่มพูนประสบการณ์ก็นับว่าดีมากแล้ว!ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงหยิบเครื่องมือผ่าตัดออกมาจัดวาง และนำไปว
หลังจากจัดการเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงก็ล้างมือด้วยน้ำร้อน และจับชีพจรของคนไข้อีกคราจากนั้นจึงหันหลังมากล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าลู่ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า เลือดหยุดไหลแล้ว อาการของคุณชายน้อยลู่ก็ค่อนข้างคงที่ หลังจากนี้ขอเพียงใส่ใจให้มาก ตราบใดที่บาดแผลไม่อักเสบ ก็นับว่าช่วยชีวิตคนไว้ได้แล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ดีใจจนหลั่งน้ำตาโดยพลัน ก่อนจะท่องบทสวดไม่หยุด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเพิ่งตอบสนอง โดยการคว้ามือของอวิ๋นฝูหลิงไว้พลางกล่าว “ขอบคุณมากแม่นางอวิ๋นที่ช่วยชีวิตหลานชายข้าไว้ ข้ารู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ!”ฮูหยินลู่ก็มากล่าวขอบคุณด้านข้างเช่นกันหมอเจิ้งกับคนอื่น ๆ ก็ถือโอกาสมาจับชีพจรของคุณชายน้อยลู่ แม้ชีพจรจะอ่อน แต่คนก็ยังมีชีวิตอยู่จริงๆหมอซุนอดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงเบาว่า “ยามนี้ยังมีชีวิต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิตไปตลอด”พวกหมอเจิ้งหาได้สนใจหมอซุนสตรีย่อมอ่อนแอในวงการแพทย์ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิง แต่หลังจากได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงผ่าเปิดท้องด้วยตาตัวเอง ในใจก็มั่นใจแล้วกล่าวถึงทักษะแพทย์ แต่ไหนแต่ไรก็เป็นการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดเสมอ และย่อมมีคนอ
อาศัยจังหวะที่ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เตรียมเคลื่อนย้ายคุณชายน้อยลู่กลับไปที่สกุลลู่ อวิ๋นฝูหลิงก็ออกไปเจออวิ๋นจิงมั่วกับลูกพี่อู๋เมื่อมาที่โถงด้านหน้า จึงเพิ่งพบว่าพวกหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็มาถึงแล้วเช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่ว คนในหมู่บ้านก็ตามอวิ๋นฝูหลิงมาขุดซานเย่ากับสมุนไพรอื่น ๆ อยู่ไม่น้อยดังนั้นหลังจากขั้นตอนการลงหลักปักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็มาที่สำนักผิงอัน เพราะต้องการนำซานเย่ากับสมุนไพรที่มีมาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เมื่อกลับไปยังสถานที่ที่ลงหลักปักฐาน จะได้ซื้อของได้ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลาถาม ยามนี้หลังจากถามหัวหน้าหมู่บ้านโจว จึงเพิ่งทราบว่าพวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินในอำเภอชิงหยวนยามที่หัวหน้าหมู่บ้านโจวขายสมุนไพร ก็ได้ถามนายท่านหางมาบ้างแล้วครานี้มีการจัดสรรสถานที่หลายแห่งให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งในบรรดานั้นหมู่บ้านซวงหลินนับว่าเป็นสถานที่ที่ดีมาก อยู่ติดภูเขาแม่น้ำ ทั้งยังมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างคิดว่าเป็นเพราะโชคดี มีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่คิดว่าพวกเขาหาได้มีอำนาจหรืออิทธิพล ทั้งยังไม่ได้แสดงควา
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คนอื่นจะรู้สึกเพียงว่าทักษะแพทย์ของพวกอวิ๋นฝูหลิงทั้งสามคนดีกว่า ดังนั้นสกุลลู่จึงให้ความสำคัญมากกว่าหากมีเพียงหมอเจิ้งกับหมอหางก็แล้วไปเถอะ ในตระกูลของสองคนนี้ล้วนเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ครอบครัวมีภูมิหลัง แม้แต่เจ้าตัวก็ร่ำเรียนแพทย์มาหลายสิบปี ทักษะแพทย์เป็นที่เลื่องลือในเขตปกครองเจียงหนิงแต่แม่นางอวิ๋นผู้นั้นจะนับเป็นอันใดได้?สตรีผู้หนึ่งซึ่งโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบ เพียงแค่มีความเกี่ยวข้องกับนายท่านหางแห่งสำนักผิงอัน และอาศัยทักษะแปลก ๆ ก็คิดว่าจะมาเหยียบหัวเขาได้หรือ?แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะใช้วิธีผ่าตัดเปิดท้องช่วยชีวิตคุณชายน้อยลู่ไว้ได้แต่ในสายตาของหมอซุน ฝีมือก็ยังไม่เข้าขั้นแม้แต่น้อยในใจของเขาเดือดดาลมาก ก่อนจะหมุนกายไปเห็นหมออู๋จากสำนักไป๋ฉ่าว หลังจากกลอกตาคราหนึ่ง ก็รีบขึ้นไปคุยกับเขาทันทีสกุลลู่ได้เตรียมห้องสะอาดห้องหนึ่งไว้ตามคำกำชับของอวิ๋นฝูหลิงในห้องมีเพียงเตียงไม้หลังหนึ่ง อีกทั้งในห้องยังรมชางจู๋ไว้แล้วในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงเพียงแค่อยากใช้ชางจู๋ฆ่าเชื้อ เพื่อลดโอกาสที่บาดแผลของคุณชายน้อยลู่จะอักเสบหลังจากย้ายคุณชายน้อ
อวิ๋นซานหูน้ำตาไหลพราก ชั่วประเดี๋ยวก็โถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนของฮูหยินรองอวิ๋น น้ำเสียงของนางมีแต่ความน้อยเนื้อต่ำใจ“ท่านแม่...”หัวใจฮูหยินรองอวิ๋นเต้นโครมคราม “หน้า หน้าเจ้าไปโดนอันใดมา?”ขนมธรรมเนียมในราชวงศ์ต้าฉีนั้นผ่อนคลายกว่าราชวงศ์ก่อนอยู่บ้าง แม้จะยังมีข้อห้ามระหว่างชายหญิง ทว่ากลับไม่ได้เข้มงวดกวดขันอย่างราชวงศ์ก่อนฉะนั้นยามสตรีออกไปข้างนอก จึงมีน้อยคนนักที่จะสวมใส่หมวกม่านมี่หลีปิดบังโฉมหน้าอวิ๋นซานหูมีนิสัยร่าเริง แต่ไหนแต่ไรก็รำคาญใจที่จะใส่ของอย่างหมวกม่านมี่หลีพวกนี้ ด้วยรังเกียจว่ามันยุ่งยากทว่าในสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ อวิ๋นซานหูถึงกับใส่ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเสียมิดชิดนางจึงรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับใบหน้าของบุตรสาวอวิ๋นซานหูไม่ตอบอันใด เพียงแค่ร้องไห้พลางกล่าว “ท่านพ่อเล่า? ท่านพ่อเล่าเจ้าคะ?”ฮูหยินรองอวิ๋นรีบเรียกคนทันที “เร็วเข้า รีบไปตามนายท่านกลับมาจากสำนักหมอหลวงเร็วเข้า!”ฮูหยินรองอวิ๋นมัวแต่เป็นห่วงบุตรสาวคนเล็ก จนหลงลืมหลานชายที่อยู่ข้างหลังไปชั่วขณะครั้นติงหมิงรุ่ยนึกถึงสภาพบาดแผลบนดวงหน้าของอวิ๋นซานหู เขาจึงนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจแม
อวิ๋นฝูหลิงตรวจดู จมูกของเด็กไม่มีน้ำคร่ำอุดตัน แล้วก็มองหว่างขาของเด็กแวบหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายเด็กออกจากน้ำคร่ำของมารดา ราวกับรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ก็ร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีแต่ว่าเสียงกลับเบากว่าเด็กทารกทั่วไปแม้ไม่ได้เสียงดังมาก แต่ทุกคนที่รออยู่นอกห้องคลอดยังได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กทารกชั่วขณะฉู่หมิงตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางฮูหยินฉู่ กล่าวอย่างเหม่อลอย “ท่านแม่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ฮูหยินฉู่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กเช่นกันแต่นี่ก็เร็วเกินไปแล้วตั้งแต่พวกเขาเข้าไปจนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลยนี่ก็คลอดแล้ว?พระชายาคังจวิ้นอ๋องกล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็นเสียงร้องไห้ของเด็ก!”“คลอดแล้ว คลอดแล้ว!”“แต่ไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?”เมื่อได้ยินเสียงรอบข้าง ฉู่หมิงมั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองไม่ได้หูฝาดลูกของเขาเกิดแล้ว!ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ตื่นเต้นจนจะวิ่งเข้าห้องคลอดโชคดีที่ฮูหยินฉู่ดึงเขาไว้ทันเวลา“เจ้ารีบร้อนอะไร รอเฉยๆ ก่อน!”รอในห้องคลอดจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว หมอตำแยต้องอุ้มเด็กออกมาให้พวกเขาดูแน่น
พลันอวิ๋นฝูหลิงเหลือบไปมอง หมอหญิงติงจึงจะรู้ตัวว่าไม่ควรส่งเสียง รีบยกมือปิดปากทันทีอวิ๋นฝูหลิงกลับเริ่มไม่ปลื้มแล้วแค่นี้ก็เอะอะส่งเสียงดัง ขวัญอ่อนเกินไปแล้วนางหันไปมองเหยากวงแวบหนึ่งเหยากวงเดินเข้าไปหิ้วหมอหญิงติง โยนนางออกจากห้องคลอดโดยตรงเมื่อหมอหญิงติงออกจากห้องคลอด ก็ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองหมอหลวงรีบเดินเข้าไปสอบถามทันที “เจ้าออกมาได้อย่างไร สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”เพราะเหยากวงโยนคนออกมาก็กลับเข้าไปแล้ว การเคลื่อนไหวของนางเร็วมาก ทำให้อยากถามนางก็ถามไม่ทันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สายตาของทุกคนจ้องไปที่หมอหญิงติงหมอหญิงติงรู้ว่าตัวเองทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ถูกอวิ๋นฝูหลิงรังเกียจแล้วหมอหลวงจงมาถามเวลานี้ นางยิ่งอับอายแล้วใบหน้าของนางแดงก่ำ พูดจาอ้ำอึ้ง “การผ่าตัดเริ่มแล้ว ข้า…ข้าไม่กล้าลงมีด ก็เลยออกมาแล้ว”หมอหลวงจงมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เริ่มขมวดคิ้วในเมื่อเป็นการผ่าท้องทำคลอด ย่อมขาดการลงมีดไม่ได้เรื่องนี้นางรู้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือในเมื่อกลัวลงมีด เหตุใดยังต้องตอบตกลงตามโอวหยางหมิงมา?ความสามารถในการเลือกคนของโอวหยางหมิง ต้องพัฒนาแล้วจริงๆแ
พระชายาคังจวิ้นอ๋องก็ประหม่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวคนที่จะถูกผ่าท้องคือลูกสาวของตนเองไม่เพียงพวกนางสองแม่ลูก คนอื่นก็ประหม่าไม่มากก็น้อยเช่นกันมีเพียงคนเดียวที่ไม่ประหม่าก็คงเป็นอวิ๋นฝูหลิงแล้วชาติที่แล้วนางเคยทำการผ่าตัดเช่นนี้ครั้งนับไม่ถ้วน ชินนานแล้วฮูหยินน้อยฉู่เห็นท่าทางของอวิ๋นฝูหลิงดูสงบมาก ราวกับมีความมั่นใจในการผ่าตัดของวันนี้มากความประหม่าของนางจึงจะบรรเทาลงบ้างฮูหยินน้อยฉู่ถูกส่งเข้าไปในห้องคลอด ส่วนพระชายาคังจวิ้นอ๋องถูกอวิ๋นฝูหลิงห้ามไว้ที่นอกห้องคลอดอย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวจะเป็นภาพที่นองเลือด นางกลัวพระชายาคังจวิ้นอ๋องที่เป็นแม่คนนี้รับไม่ไหว จะส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดสกุลฉู่ทำตามคำขอของอวิ๋นฝูหลิง เลือกห้องที่สะอาด กว้าง และแสงดีมากมาทำเป็นห้องคลอดภายในห้องคลอดมีแค่เตียงนอนหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้อีกสองสามตัวและรมควันชางจู๋ทั้งห้องตามที่อวิ๋นฝูหลิงบอกหนึ่งรอบก่อนฮูหยินน้อยฉู่เข้าห้องคลอด ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสะอาดแล้วหลังจากเข้าห้องคลอด นางถอดเสื้อชั้นนอก สวมเพียงเสื้อชั้นในนอนลงบนเตียงไม้ด้านบนของเตียงไม้ มีผ้าม่านแขว
อวิ๋นฝูหลิงอบรมขั้นพื้นฐานหมอหญิงทั้งสี่คนก่อนเข้าผ่าตัดระหว่างการอบรม นางก็คอยสังเกตคุณสมบัติของหมอหญิงทั้งสี่คนในบรรดาพวกนาง มีหมอหญิงคนหนึ่งแซ่ซุน เรียนได้เร็วที่สุดและดีที่สุด ความจำก็ดีคนต่อมาก็คือหมอหญิงแซ่ติงอวิ๋นฝูหลิงตั้งใจจะให้หมอหญิงซุนกับหมอหญิงติงเป็นผู้ช่วยของนางหมอและหมอหญิงล้วนมากันครบแล้ว อวิ๋นฝูหลิงไปตรวจห้องคลอดและวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่เตรียมไว้อีกครู่หนึ่งเมื่อเห็นของพร้อมแล้ว และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอกถ้าหากมีคนคิดไม่ดีจริงๆ ลงมือจากวัตถุดิบยาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดก็เหมือนกับครั้งก่อนตอนรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง มีคนสลับวัตถุดิบยาดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงใส่ใจวัตถุดิบยาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นางยังลากโอวหยางหมิงและคนอื่นมาช่วยกันตรวจด้วยกลับพบว่าวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่ไม่มีปัญหาเลยแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้ประมาท ให้หมอหลวงจงกับโอวหยางหมิงร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องวัตถุดิบยาและการต้มยาโอวหยางหลันคิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ยาอย่างระมัดระวัง เป็นการปฏิบัติในฐานะหมอที่มีความรับผิดชอบหมอหลวงจงกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จากกา
องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร
จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง
หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี
กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา
ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท