นายท่านหางยังรอให้อวิ๋นฝูหลิงไปช่วยชีวิตคน จึงเร่งเร้าให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่หวังลงทะเบียนให้อวิ๋นฝูหลิงและลูกก่อนหัวหน้าเจ้าหน้าที่หวังผู้นั้นเมื่อได้ยินว่าชีวิตของคุณชายสกุลลู่อยู่ในอันตราย และอวิ๋นฝูหลิงก็เป็นหมอเทวดาที่นายท่านหางมาเชิญด้วยตัวเอง ก็รีบดำเนินการขั้นตอนของอวิ๋นฝูหลิงและลูกเสร็จอย่างรวดเร็วทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ได้ยินคำพูดของนายท่านหางเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออวิ๋นฝูหลิงและลูกลงทะเบียนเสร็จแล้ว เขาจึงกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น เจ้าไปช่วยคนกับนายท่านหางก่อนเถอะ หลังจากพวกข้าลงทะเบียนเสร็จแล้ว จะไปหาเจ้าที่สำนักผิงอัน”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ก่อนจะส่งอวิ๋นจิงมั่วให้ลูกพี่อู๋ดูแลจากที่ได้ฟังจากนายท่านหาง คนเจ็บถูกส่งไปที่สำนักผิงอัน นางจะไปช่วยคน จึงไม่มีเวลาดูแลอวิ๋นจิงมั่วในยามนี้เองนายท่านหางได้กล่าวว่า “ข้าจะให้อาฝูอยู่ที่นี่ หากมีอะไรต้องการให้ช่วย ก็ให้อาฝูไปส่งข่าวที่สำนักผิงอันได้”อาฝูเคยเดินทางไปที่เขาเฟิ่งลั่วกับนายท่านหาง ดังนั้นทุกคนจากหมู่บ้านหลินซานจึงรู้จักเขาหัวหน้าหมู่บ้านโจวกล่าวขอบคุณโดยพลันคราแรกที่พวกเขามาถึง เขตปกครองเจียงหนิงก็สับสนเป็นอย่างมาก
หญิงงามผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง กำลังกำผ้าเช็ดหน้าพลางร้องไห้อย่างโศกเศร้า ทั้งยังสะอื้นไห้กับชายหนุ่มบนเตียงไม้เป็นครั้งคราว “ลูกชายของแม่...”ห่างออกไปไม่ไกลจากเตียงไม้มีเก้าอี้ไท่ซือตัวหนึ่งอยู่ ซึ่งหญิงชราผู้น่าเกรงขามผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แม้ในแววตาของนางจะมีความวิตกกังวล แต่กลับมั่นคงกว่าหญิงสาวผู้นั้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่านหมอเจิ้งผู้มีเคราแพะก็เปลี่ยนสีหน้า “นี่ เลือดนี่มันไม่หยุดเลย!”หมอคนอื่นซึ่งเห็นปริมาณเลือดที่กำลังไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป...”หมอผู้นั้นไม่ได้เอ่ยจนจบประโยค แต่หมอทุกคนที่นี่ต่างเข้าใจความหมายท่อนหลังที่ยังพูดไม่จบหากเลือดยังไหลไม่หยุดเช่นนี้ จะต้องเสียเลือดมากเกินไปจนสิ้นใจแน่นอนยามนี้เอง ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็ลุกขึ้นยืนโดยพลัน แต่เป็นเพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทำให้ร่างกายโซเซสาวใช้ด้านข้างรีบพยุงนางไว้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ผลักมือสาวใช้ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสั่นเทา“ทุกท่าน หลานชายข้าปีนี้เพิ่งจะอายุสิบเจ็ด อายุยังน้อยนัก ทุกท่านโปรดช่วยชีวิตเขาด้วยเถิด!”กล่าวจบ ร่างของฮูหยินผู้เฒ่
เมื่อเห็นพวกหมอหางกลั้นหัวเราะ ก็เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงหมอซุนจึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ไม่สู้ดีนัก เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาต่อเช่นกันถึงอย่างไรยามนี้ชีวิตของคุณชายน้อยลู่ก็ตกอยู่ในอันตราย เขาจะเย้ยหยันแม่นางอวิ๋นสักสองสามประโยคก็แล้วไปเถอะ แต่หากขัดขวางการวินิจฉัย จนทำให้การรักษาคุณชายลู่ล่าช้า สกุลลู่ต้องไม่ละเว้นเขาเป็นแน่สกุลลู่เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่ ในครอบครัวมีมากกว่าสิบคนที่อยู่ในราชสำนัก ลูกชายคนโตของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็เป็นเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยแม้เขาจะอาศัยทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง จนได้รับความเคารพจากคนในเขตปกครองเจียงหนิง แต่ก็มิใช่ทายาทสายตรงของสำนักช่วยชีพ เป็นเพียงหมอที่ให้การรักษาในสังกัดของสำนักช่วยชีพหากทำให้ตระกูลลู่ขุ่นเคืองจริง สำนักช่วยชีพย่อมไม่ยอมต่อกรกับตระกูลลู่เพื่อเขาเป็นแน่อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับชีพจรของคุณชายน้อยลู่ก่อน หลังจากนั้นก็หยิบเข็มทองซึ่งพกติดตัวไว้ออกมาเมื่ออวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปทีละเข็ม ไม่นานคุณชายน้อยลู่ก็ไม่อาเจียนเป็นเลือดอีกท่านหมอหางและคนอ
หมอหางและคนอื่น ๆ ก็ถูกคำว่าเปิดช่องท้องของอวิ๋นฝูหลิงทำให้ตกใจเช่นกัน“ไม่ได้ เปิดช่องท้องอันตรายเกินไป!”“แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินว่าหากช่องท้องถูกเปิดแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่ได้!”“เหลวไหลสิ้นดี!”“ใช่ ตั้งแต่โบราณ ก็ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน!”หมอทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งล้วนไม่สนับสนุนให้อวิ๋นฝูหลิงเปิดช่องท้องอวิ๋นฝูหลิงหันหลังไปมองพวกหมอซุน ก่อนจะถามเสียงเย็นชา “หากไม่เปิดช่องท้อง ทุกท่านมีวิธีอื่นที่จะช่วยคนได้หรือ?”ทุกคนที่เดิมทีแย่งกันวิพากษ์วิจารณ์ ต่างเงียบลงโดยพลันอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจพวกเขาอีก และหันไปอธิบายให้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ฟังอย่างมีความอดทน“จากปริมาณเลือดของคนไข้ที่ไหลออกมาในยามนี้ หากไม่เปิดช่องท้อง เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนจะเสียเลือดจนสิ้นใจ”“แม้การเปิดช่องท้องจะเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงมาก แต่ยามนี้ก็มีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น”“จะผ่าหรือไม่ พวกท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง!”เดิมทีเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าลู่ได้ยินคำว่าเปิดช่องท้อง ก็รู้สึกต่อต้านโดยสัญชาตญาณแต่จากคำพูดที่อวิ๋นฝูหลิงโต้เถียงกับหมอทุกคน นางก็เข้าใจว่า เหล่าหมอฝีมือดีของเข
หมอหางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายท่านหาง สองวันมานี้เขาได้ยินเรื่องหมอเทวดาหญิงคนหนึ่งมาจากญาติผู้พี่คนนี้ไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเห็นใจอวิ๋นฝูหลิงอยู่หลายส่วนสกุลลู่ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา หากคุณชายน้อยลู่ตายจากการรักษาด้วยมือของนาง ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนี้ เกรงว่าอวิ๋นฝูหลิงคงทนรับไม่ไหวดังนั้นหมอหางจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นสักสองสามประโยคอวิ๋นฝูหลิงรับรู้ได้ถึงน้ำใจของหมอเจิ้งและหมอหาง จึงเป็นธรรมดาที่จะตอบกลับอย่างจริงใจนางหันกลับมาแตะที่ท้องของคุณชายน้อยลู่ และพูดกับทั้งสองคนว่า “ก่อนหน้านี้ข้าใช้เข็มทองฝังเข็ม แต่ก็เป็นเพียงการห้ามเลือดชั่วคราวเท่านั้น หาใช่การห้ามเลือดได้โดยสมบูรณ์”“ทั้งสองท่านสามารถมาดูที่ท้องของคนไข้ และจับชีพจรคนไข้อีกครั้งได้ และจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง”“การเปิดช่องท้องเป็นวิธีเดียวในยามนี้!”หมอเจิ้งและหมอหางเดินไปดูท้องของคุณชายน้อยลู่ตามคำพูดของนาง ทั้งยังจับชีพจรของเขา และได้รู้ว่าสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงกล่าวนั้นถูกต้องในยามนั้นเอง นายท่านหางก็เดินนำหวังเอ้อร์เหอมาพอดี“ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ คนผู้นี้คือหวังเอ้อร์เหอที่ข้าบอก”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ม
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ มีสีหน้าวิตกกังวลขณะที่กล่าวว่า “ข้าจะส่งคนไปหาเดี๋ยวนี้!”ขอเพียงสามารถช่วยหลานชายของนางได้ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรล้ำค่า หรือต้องจ่ายเงินมากเพียงใด นางก็ไม่สนใจทั้งนั้นอวิ๋นฝูหลิงส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ จะไม่ทันเวลาแล้วด้วย โชคดีที่ข้านำติดตัวมา ใช้ของที่ข้านำมาไปก่อนเถอะ”อวิ๋นฝูหลิงแกล้งทำเป็นควานหาในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะฉวยโอกาสหยิบโสมซานชีบางส่วนที่เตรียมไว้ทำยาแล้วจากในมิติออกมาหลังจากนั้นก็ยื่นโสมซานชีให้นายท่านหาง เพื่อให้เขานำไปต้มยาอวิ๋นฝูหลิงถามหมอเจิ้งและหมอหาง เพื่อขอให้พวกเขามาช่วยเป็นลูกมือนางหมอเจิ้งกับหมอหางมิได้ใส่ใจว่าต้องเป็นลูกมืออวิ๋นฝูหลิงซึ่งเป็นหมอหญิงไร้ชื่อผู้หนึ่ง จึงตอบรับด้วยความยินดีเห็นพวกหมอซุนมีท่าทีแปลกใจระคนไม่เข้าใจ ทั้งยังมีสายตาดูแคลน ทั้งสองคนก็ลอบเม้มปากเจ้าพวกโง่!เรื่องหายากอย่างการผ่าตัดเปิดท้อง เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ยากจะได้เห็นสักคราแน่นอนว่าควรใช้โอกาสนี้ในการสังเกตให้ดี ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเรียนได้กี่มากน้อย แค่ได้เพิ่มพูนประสบการณ์ก็นับว่าดีมากแล้ว!ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงหยิบเครื่องมือผ่าตัดออกมาจัดวาง และนำไปว
หลังจากจัดการเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงก็ล้างมือด้วยน้ำร้อน และจับชีพจรของคนไข้อีกคราจากนั้นจึงหันหลังมากล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าลู่ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า เลือดหยุดไหลแล้ว อาการของคุณชายน้อยลู่ก็ค่อนข้างคงที่ หลังจากนี้ขอเพียงใส่ใจให้มาก ตราบใดที่บาดแผลไม่อักเสบ ก็นับว่าช่วยชีวิตคนไว้ได้แล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ดีใจจนหลั่งน้ำตาโดยพลัน ก่อนจะท่องบทสวดไม่หยุด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเพิ่งตอบสนอง โดยการคว้ามือของอวิ๋นฝูหลิงไว้พลางกล่าว “ขอบคุณมากแม่นางอวิ๋นที่ช่วยชีวิตหลานชายข้าไว้ ข้ารู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ!”ฮูหยินลู่ก็มากล่าวขอบคุณด้านข้างเช่นกันหมอเจิ้งกับคนอื่น ๆ ก็ถือโอกาสมาจับชีพจรของคุณชายน้อยลู่ แม้ชีพจรจะอ่อน แต่คนก็ยังมีชีวิตอยู่จริงๆหมอซุนอดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงเบาว่า “ยามนี้ยังมีชีวิต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิตไปตลอด”พวกหมอเจิ้งหาได้สนใจหมอซุนสตรีย่อมอ่อนแอในวงการแพทย์ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิง แต่หลังจากได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงผ่าเปิดท้องด้วยตาตัวเอง ในใจก็มั่นใจแล้วกล่าวถึงทักษะแพทย์ แต่ไหนแต่ไรก็เป็นการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดเสมอ และย่อมมีคนอ
อาศัยจังหวะที่ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เตรียมเคลื่อนย้ายคุณชายน้อยลู่กลับไปที่สกุลลู่ อวิ๋นฝูหลิงก็ออกไปเจออวิ๋นจิงมั่วกับลูกพี่อู๋เมื่อมาที่โถงด้านหน้า จึงเพิ่งพบว่าพวกหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็มาถึงแล้วเช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่ว คนในหมู่บ้านก็ตามอวิ๋นฝูหลิงมาขุดซานเย่ากับสมุนไพรอื่น ๆ อยู่ไม่น้อยดังนั้นหลังจากขั้นตอนการลงหลักปักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็มาที่สำนักผิงอัน เพราะต้องการนำซานเย่ากับสมุนไพรที่มีมาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เมื่อกลับไปยังสถานที่ที่ลงหลักปักฐาน จะได้ซื้อของได้ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลาถาม ยามนี้หลังจากถามหัวหน้าหมู่บ้านโจว จึงเพิ่งทราบว่าพวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินในอำเภอชิงหยวนยามที่หัวหน้าหมู่บ้านโจวขายสมุนไพร ก็ได้ถามนายท่านหางมาบ้างแล้วครานี้มีการจัดสรรสถานที่หลายแห่งให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งในบรรดานั้นหมู่บ้านซวงหลินนับว่าเป็นสถานที่ที่ดีมาก อยู่ติดภูเขาแม่น้ำ ทั้งยังมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างคิดว่าเป็นเพราะโชคดี มีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่คิดว่าพวกเขาหาได้มีอำนาจหรืออิทธิพล ทั้งยังไม่ได้แสดงควา
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่