"เจ้าจันทร์" เป็นสิงหราชที่เอ่ยเรียกทันทีที่เห็นเธอเดินมาถึง ข้างกันนั้นมีเหมราชกับนิรดายืนอยู่ด้วย แม้สีหน้าของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่เจ้าจันทร์ก็คิดว่าเธอรู้แล้วว่าเจ้านายของเธอกำลังจะพูดเรื่องใด ทั้งสีหน้ารู้สึกผิดและน้ำเสียงที่ทอดอ่อนลงของเขามันทำให้เธอมองออกตั้งแต่เขายังไม่ทันได้อ้าปากพูดด้วยซ้ำ "คุณสิงหราชมีอะไรหรือเปล่าคะ" เธอแสร้งถามกลับไป "ผมจะคุยกับคุณแบบส่วนตัวทีหลัง แต่ตอนนี้มีคนอยากจะคุยกับคุณมากกว่าอยู่" เมื่อพูดประโยคหลัง สิงหราชก็เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงแข็งกระด้าง แววตาไม่พอใจมองไปที่นิรดาให้เธอรู้ตัว นิรดาที่ได้รับสายตาเช่นนั้นก็อดจะตัวสั่นด้วยความกลัวขึ้นมาไม่ได้ ก่อนหน้านี้เลออนเข้ามาหาเธอที่ห้องรับรองแขก ตอนที่เห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดพื้น สีหน้าของเขาก็ยิ่งบอกชัดว่าไม่พอใจ เขาต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำใจร้ายมากมายอย่างที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ทั้งเรื่องที่เขายอมหมั้นกับเธอเพราะธุรกิจ เรื่องนิสัยแย่ ๆ ของเธอ ไปจนจบด้วยการข่มขู่ว่าหากเธอไม่ยอมขอโทษเจ้าจันทร์ ทั้งเธอและบริษัทของพ่อก็จะต้องเดือดร้อน เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าหลังจากยกเลิกสัญญาแล้วจะต้องเสียค่าปรับ
"มีอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอคะ คุณสิงหราช" เจ้าจันทร์เอ่ยถามทันทีที่เข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเจ้านาย เธอมองที่ข้อมือเพื่อบอกให้เขารู้ว่าควรจะปล่อยมือเธอได้แล้ว ถึงแม้ในห้องจะมีเราอยู่เพียงสองคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกเขาสัมผัสตัวนาน ๆ ในใจเจ้าจันทร์ยังขุ่นเคืองเขาอยู่ จะให้คนที่ตัวเองโกรธมาสัมผัสร่างกายก็ยิ่งหงุดหงิดใจมากขึ้นเท่านั้น "ผม...ขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้" "ค่ะ คุณรู้ตัวก็ดีแล้วค่ะ และในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ฉันก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้นอีกนะคะ" "เจ้าจันทร์" "ฉันไม่สนหรอกนะคะว่าคุณกับอดีตคู่หมั้นจะอยากกลับมาสานสัมพันธ์กันหรือแค่อยากพากันขึ้นเตียง ที่ฉันสนก็คือ" หญิงสาวจ้องหน้าเขาอย่างแน่วแน่ "ฉันไม่ควรต้องมารองรับอารมณ์ของใคร ถ้าคุณจะกลับไปคบหากับเธอเราก็จบกันแค่นี้ เพราะฉันจะไม่เป็นชู้หรือมือที่สามของใครเด็ดขาด" "ผมไม่ได้จะกลับไปคบกับนิ ส่วนเรื่องขึ้นเตียง...คุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไง ผมนอนกับใครไม่ได้นอกจากคุณ" สิงหราชเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งพิงเก้าอี้ของตัวเอง ขณะที่ดวงตาก็จับจ้องมาที่เจ้าจันทร์ ยิ่งได้ยินว่าเธ
"คุณเลออน คุณอารมณ์ดีมากเหรอคะ" เจ้าจันทร์ร้องถาม หลังจากสิงหราชย้ายโต๊ะเธอกลับเข้ามานั่งทำงานร่วมห้องกับเขา แล้วให้เลขาคนอื่นนั่งประจำโต๊ะที่หน้าห้องเหมือนดังเดิม ตัวเขาก็เอาแต่ทำงานไปยิ้มไป บางครั้งก็ยังฮัมเพลงราวกับกำลังอารมณ์ดีอีกด้วย นี่เขาปกติดีแน่หรือเปล่า? ดูสิ ขนาดเธอเรียกถามเขาก็ส่งยิ้มมาให้อีกแล้ว คนวัยสามสิบกว่านี่ยิ้มแล้วหล่อจนใจสั่นแบบนี้ทุกคนไหมนะ… "ไปทานข้าวกันไหม ได้เวลามื้อเที่ยงพอดีเลย" เจ้าจันทร์ก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย เข็มวินาทีเพิ่งจะวิ่งมาถึงเลขสิบสอง บอกเวลาสิบสองนาฬิกาตรงอย่างพอดิบพอดี เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยชวนกันก็คิดไปว่าบางทีเจ้านายของเธอคงจะหิวข้าวมากจริงๆ เขาถึงกับนับเวลารอขนาดนี้ ไหน ๆ คุณเขาก็ตั้งใจนั่งทำงานมาทั้งวันแล้ว พาไปกินร้านโปรดก็น่าจะดีเหมือนกัน เผื่อว่าเธอจะอ้างได้ว่าวันนี้เธอให้รางวัลเป็นของกินไปแล้ว ห้ามเขามาทวงรางวัลพิเศษจากเธออีก! คนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งดุทั้งอึด ขนาดทำกันปกติเธอก็เสียวจนแทบทนไม่ไหวแล้ว แต่วันไหนที่เขาบอกว่าขอรางวัล วันนั้นกว่าเธอจะได้นอนก็เกือบหลับกลางอากาศทุกที ถึงเขาจะอนุญาตให้เธอมางีบต่อในห้องทำงานได้ก
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่สีหราชเลิกเรียกเธอว่าคุณเลขาหรือเจ้าจันทร์ แต่เปลี่ยนมาใช้คุณเจ้า ส่วนเธอก็เรียกเขาว่าคุณเลและแทนตัวเองด้วยชื่อ คุณเลกับคุณเจ้า...ฟังดูน่ารักดีจัง "คุณเจ้า" "คะ?" "อยากทำ ทำได้ไหม" เสียงแหบพร่าของคนด้านหลังเอ่ยถาม เจ้าจันทร์จึงได้หัวเราะออกมา คุณเลก็คือคุณเล เขาหื่นยังไงก็เป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย คงมีแต่เรื่องนี้ที่คุณเขาปากตรงกับใจ อยากก็บอกว่าอยาก ต้องการก็ถามกันตรงๆ แถมยังไม่ถามกันเปล่าๆ ตอนนี้คุณเขายังส่งเจ้าเลน้อยมาช่วยถามด้วย "คุณเล ของคุณมันชนหลังเจ้า" เธอแกล้งว่า "แล้วมือคุณมันอยู่ตรงไหนคะ ทีแรกนวดแขน ทำไมตอนนี้มันอยู่ที่นม" "ใครให้คุณเอาก้นอวบ ๆ แน่น ๆ มาถูมันล่ะ ถ้ามันไม่ตื่นก็คงตายด้านแล้ว" สิงหราชตอบกลับไปมือเขาก็เลื่อนออกจากหน้าอกของเธอ เปลี่ยนไปหยอกล้อกับส่วนเนินน้อยที่แสนจะนุ่มมือ "ไม่จับตรงนั้น แต่ขอเล่นกับตรงนี้...ได้ไหม" เจ้าจันทร์แทบอยากจะหันไปยิกเขาให้แก้มเขียวนักเชียว คนอะไรทะลึ่งเป็นบ้า ไม่จับนม ก็มาจับ... อาาา... ดูเขาทำเถอะ ไม่จับเปล่ายังจะบดบี้จนเธอเสียวซ่านไปทั้งตัวเลยเชียว คนวัยสามสิบกว่านี่คารมดีแบบนี้ทุกคนเลยหรือเป
หลังกลับจากไปเที่ยวพักผ่อนครั้งนั้น เจ้าจันทร์รู้สึกว่าช่วงนี้เธอมีความสุขมาก แน่ใจกับตัวเองแล้วว่าคิดกับคู่พาร์ทเนอร์เช่นไร เพราะหัวใจที่เต้นรัวด้วยความสุขทุกครั้งยามมีเขาอยู่ใกล้ ๆ มันทำให้เธอรู้ใจตัวเองในที่สุด และมันก็ดูจะไปได้ดีเมื่อเขาเองก็พูดออกมาบ่อย ๆ ว่าชอบที่ได้อยู่กับเธอ ตอนนี้สิ่งเดียวที่กังวลก็เลยเหลือเพียงเรื่องที่สิงหราชอาจจะเจอคนที่ทำให้รู้สึกได้ แน่นอนว่า ความรู้สึกที่ปลุกสิงห์จำศีลให้ตื่นขึ้นได้ ใช่ว่ามีเธอเพียงคนเดียวในโลกที่ช่วยเขาได้เสียเมื่อไหร่ มันจะต้องมีสักคนที่เทียบชั้นกับเธอได้! เจ้าจันทร์กลัวว่าหากเขาเจอคนที่ถูกใจใหม่ขึ้นมาจริง และคนคนนั้นสามารถเข้ากับเขาได้ในเรื่องบนเตียงมากกว่าเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะยังต้องการเธออยู่หรือเปล่า ต้องโทษเขานั่นแหละที่ชอบพูดย้ำให้เธอฟัง คำที่บอกว่า เขารู้สึกแค่กับเธอ คำที่บอกว่าเขานอนกับเธอได้แค่คนเดียว ฟังดูเหมือนจะดีที่เขาไปมีอะไรกับใครอื่นไม่ได้ แต่คลื่นลมที่ดีออกอย่างนี้มันกลับทำให้เธอชักหวั่นใจขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ถ้าเขาชอบเธอเพราะความใกล้ชิดของเรา ชอบเพราะเธอสามารถตอบสนองเขาในเรื่องเซ็กซ์ได้
"แต่ผลประกอบการยังไม่ออก" สิงหราชเถียงกลับในทันที "ถ้ายอดไม่ได้ตามเป้า เจ้าจันทร์ต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งไตรมาส" "โห นี่พี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้เนี่ย รายงานแต่ละเดือนก็ส่งขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว นี่ผมลองขอข้อมูลจากคุณเจ้า คำนวณดูแค่สองเดือนแรกก็ยอดทะลุเป้าไปตั้งเท่าไหร่ ต่อให้ยอดเดือนสุดท้ายคงที แต่ยังไงพอรวมสองเดือนแรกมันก็ต้องผ่านอยู่แล้ว" สีหน้าของสิงหราชจากที่เรียบเฉยก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจในทันที เจ้าจันทร์รู้เรื่องนี้แล้วแต่กลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ทำราวกับว่าต่อให้ไม่ทำงานกับเขาก็ไม่เป็นไร เหมือนกับว่าเธอเต็มใจอยากกลับไปทำงานกับน้องชายเขามากกว่า นี่ยังถึงกับแอบส่งข้อมูลให้กันลับหลังเขาด้วย?! "ทำหน้าแบบนั้นคืออะไรวะพี่ เราตกลงกันแล้วไงว่าพี่จะยืมตัวแค่ชั่วคราว เลขาที่เก่ง ๆ แบบคุณเจ้าหาไม่ได้ง่าย ๆ นะเว้ย ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ อย่าคิดจะมาแย่งคนของผมไปง่าย ๆ คนนี้ผมโคตรหวง" "แล้วเจ้าตัวเขาอยากจะกลับไปทำงานกับแกหรือเปล่าล่ะ ตำแหน่งเลขานุการของประธานกรรมการบริหาร ยังไงก็ได้เงินเดือนเยอะกว่า" "ดิฉันเต็มใจอยากกลับไปทำงานกับคุณเหมค่ะ” เสียงนี้ทำเอาสีหราชรีบมองไปทางประตู "อ้าว คุณเ
ในที่สุดผลการประชุมสรุปงบประมาณและผลประกอบการประจำไตรมาส ก็ออกมาตามที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ บริษัททำกำไรได้เพิ่มขึ้นจากงานเก่า ผลการคาดการณ์กำไรที่จะได้หลังจบโครงการดีลใหม่ก็ดีไม่แพ้กัน ดังนั้นเมื่อคำนวณตามกำไรที่บริษัทจะได้จากดีลที่เจ้าจันทร์เป็นคนไปคว้ามา ทั้งหมดนั้นจึงมากพอให้ท่านประธานคนก่อนยอมรับในผลงานและโอนเงินโบนัสพิเศษมาให้เธอตามที่ตกลงกันเอาไว้ เจ้าจันทร์มองเงินในบัญชีของตนเองที่มันเพิ่งขึ้นมาอีกหลายล้านบาท ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม สองมือเปลี่ยนมากวาดรวบเอาอุปกรณ์และข้าวของของตนเองใส่ลงในกล่อง วันนี้เธอต้องย้ายกลับไปทำงานตำแหน่งเดิมแล้ว... "เจ้าจันทร์ ผมถามคุณจริง ๆ นะ ทำงานกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง?" เป็นสีหราชที่อยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา เจ้าจันทร์นึกว่าเขากำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอยู่เสียอีก "..." "ผมใช้งานคุณหนักเกินไป หรือมีปัญหาอะไรตรงไหน คุณถึงไม่อยากทำงานร่วมกับผมขนาดนี้" "..." "นี่ แค่คุณบอกมาตรง ผมก็จะปรับแก้ให้ แต่คุณอยู่เป็นเลขาให้ผมต่อไม่ได้หรือไง" เจ้าจันทร์ถอนหายใจออกมาในที่สุด เธอปิดฝากล่องก่อนจะหันไปมองเจ้าของคำถามมากมายนั้นที่เธอไม่ได้ตอบกล
เจ้าจันทร์ตัดสินใจออกจากบริษัททันทีที่เธอพอจะสงบใจได้บ้างแล้ว หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ขยับคันเกียร์แล้วเร่งเครื่องยนต์ ขับรถออกไปด้วยความเร็วตามปกติ เธอยังไม่อยากกลับไปที่ห้องให้ต้องฟุ้งซ่าน และไปอยากอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้ด้วย สุดท้ายเจ้าจันทร์ก็เลือกที่จะกลับไปที่บ้านของตัวเอง แค่ได้กอดคนในครอบครัวสักหน่อยก็ยังดี เพราะตอนนี้...เลขาคนเก่งในสายตาใครหลายคนก็อ่อนแอเป็นเหมือนกัน ภายในห้องทำงานของสิงหราช หลังจากเจ้าจันทร์กลับออกไป สิงหราชก็ยังนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน เขารู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนต้องนั่งกุมขมับ นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาเครียดกับเรื่องอื่นนอกเหนือไปจากเรื่องงาน เลขาเจ้าจันทร์กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามา สิงหราชเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นน้องชายก็อ้าปากต่อว่าในทันที "ไม่มีมารยาท ถ้าจะเคาะแล้วไม่รอคำตอบจากเจ้าของห้อง แกจะเคาะประตูไปทำไม" "ปากแบบนี้ไงคุณเจ้าถึงหนี" "ไอ้เหม!" เหมราชหลุดหัวเราะเมื่อเห็นพี่ชายหัวเสีย "ดูเหมือนผมจะเดาถูกว่ะ พี่ชอบคุณเจ้า" "..." "พี่...ชอบก็บอกว่
คู่รักกำลังจะหยอกล้อกันบนเตียงอีกสักหน่อย ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงหราชที่แผดเสียงดังอยู่ไม่ไกล จนเขาทนหัวเสียไม่ไหวยื่นมือไปคว้ามากดรับสาย โดยที่เจ้าจันทร์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขน รับฟังปลายสายไปพร้อมๆ กันเมื่อเขากดสปีกเกอร์โฟน "ไง มีอะไร" "โอ้โห ถามมาได้ พี่ให้พ่อโยนวีกรุ๊ปมาให้ผมดูแลใช่ไหม ฝีมือพี่ใช่ไหมวะ!" ปลายสายคือเหมราชที่โวยวายกลับมา "อ่า ใช่ ถ้าแกไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ" สิงหราชบอกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เจ้าจันทร์เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ท่าทางน่ารักของเธอทำเอาสีหราชหมันเขี้ยวก้มหน้าลงมาหอมไปอีกฟอดใหญ่ "ปฏิเสธบ้าอะไรล่ะ พ่อยอมที่ไหน อีกอย่าง ผมอยากทำเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬามาตั้งนานพี่ก็รู้ พี่แม่ง ไม่บอกกันล่วงหน้าบ้างเลย คุณเจ้าอีกคน ก็นึกว่าจะควบรวมกิจการเฉย ๆ ใครจะรู้ว่าจะยกให้ผมวะ" "อ้าว ๆ นี่ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่วะ งงแล้วนะโว้ย" "ชอบ แต่ไม่ชอบที่พี่ไม่บอกก่อนไงวะ!" "ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่" สิงหราชหัวเราะใส่น้องชาย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะบอกชอบอะไรเลยที่เขาหยิบยื่นให้ "ถูกใจก็ดีแล้วไง ทีนี้ก็
เจ้าจันทร์มองคนเสนอความตื่นเต้นอย่างนึกสนุก ใครกันแน่ที่ร้ายปากเขาบอกยอมลงให้เธอ แต่สุดท้ายราชสีห์ก็ร้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เหนือเขา ก็เขาบอกเองนี่ อยากอยู่ใต้เท้าเธอ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป "ยิ้มอะไรครับ ไม่อยากเห็นผมเจ็บเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าจะข่วนให้เลือดซิบตรงส่วนไหนดีต่างหากล่ะ" "ฮ้าาา...ร้ายไม่เบา" "ก็มีแฟนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ เจ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าสิคะ" "ฮ่าๆๆ ผมชอบคุณจัง" "ไม่เอาค่ะ คุณต้องรักเจ้าให้มากกว่าชอบสิ" สิงหราชยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงที่แผงอก เขากดนิ้วเธอที่มีเล็บยาวๆ ลงกลางร่องอกของตัวเอง เจ้าจันทร์มองการกระทำนั้นอย่างพอใจ แฟนของเธอมีมุมดิบเถื่อนเช่นนี้ด้วยเหรอ ความแบบนี้ก็ไม่บอก "อ่าส์...คุณเจ้า เล็บคุณทำผมเสียวจัง" ยิ่งเขาพูดแบบนั้น เจ้าจันทร์ก็ยิ่งสนุก คราวนี้เป็นเธอเองที่กดปลายเล็บลากยาวไปบนแผงอกกว้าง ก่อนกดลึกเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง ร่างบางถอยต่ำลง เพื่อให้นิ้วลากไปถึงจุดหมาย เธออยากจะกดปลายเล็บลงกลางรูเล็กๆ นั่นเหลือเกิน "ซี้ดดด...ที่รัก" สิงหราชครางออกมาทันทีท
เจ้าจันทร์กลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมที่สิงหราชเป็นเจ้าของ เปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำแบรนด์หรูลอยฟุ้งไปทั่วห้อง อาาา...แฟนของเธอน่ารักเสมอ เขารู้ว่าเธอชอบกลิ่นนี้ถึงได้อาบน้ำรอไว้ก่อนเลย หญิงสาวยิ้มหวานพลางสูดดมกลิ่นหอมๆ นั้นจนชุ่มปอด ก่อนเดินเข้าไปยังห้องนอน แล้วพบสีหราชเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี "กลับมาแล้วเหรอกระต่ายน้อยของผม" ถึงจะจั๊กจี้กับคำเรียกแทนตัวแบบนั้น แต่เจ้าจันทร์ก็ยิ้มแก้มแทบปริรีบโผกายเข้าสวมกอดเขาแน่นจะว่าไป เป็นกระต่ายน้อยในอ้อมกอดราชสีห์ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาอ่อนแอดูบ้าง ก็เธอน่ะ เพิ่งฟาดฟันกับวิสาลีนีมาหมาด ๆ หมดพลังเปลื้องน้ำลายไปเยอะเชียวกว่าอีกฝ่ายจะยอมสงบปากสงบคำอยู่ในที่ของตัวเอง อีกอย่าง เธอเองก็อยากได้กอดอุ่นๆ มาเติมกำลังใจสักหน่อย เพราะเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ ในเมื่อวิลาสินียังมีหุ้นเหลืออยู่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ คงไม่ต้องบอกเลยว่าการประชุมบอร์ดบริหารรอบหน้าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งภายในกันอย่างไรบ้าง แม้การจะเปลี่ยนก็ยังต้องฟังผลโหวตในที่ประชุมอีกครั้งอยู่ดี แต่ใครจะสนกันล่ะอีกไม่กี่วันนี้คนร
เจ้าจันทร์นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่บ้างเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยตั้งใจอ่อยสิงหราช ตั้งใจแบล็กเมล์คนรักของเธอ เจ้าจันทร์ก็แทบไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรอีก ในตอนนั้นถ้าปล่อยให้วิลาสินีทำสำเร็จ ก็คงเป็นแอลกรุ๊ปนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเสียหาย ถึงเวลานั้นความสงสารจะช่วยอะไรได้ คนเราไม่ได้กินความสงสารเป็นอาหารสักหน่อย ในเมื่อเงินก่อตั้งและเงินหมุนเวียนในบริษัทนี้ก็มาจากสามีของวิลาสินีมาตั้งแต่ต้น กับคนที่วัน ๆ เอาแต่วางท่าเป็นนางพญา ชูคอว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่กลับไม่เคยบริหารอย่างจริงจัง คนแบบวิลาสินีมองอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเลยสักนิด สู้จ้างคนเก่ง ๆ มานั่งบริหารยังจะเข้าท่ากว่า "คุณสิงหราชไม่รู้เรื่องนี้หรอกค่ะ ส่วนคนที่ช่วยฉันคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าเป็นใคร" เจ้าจันทร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา "บังเอิญจังเลยนะคะที่ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่าวิลาสินีที่ว่าจะใช่คุณหรือเปล่า แต่พอสืบไปสืบมานิดเดียวก็ได้รู้ความจริงเข้าจนได้" "เลิกอ้อมค้อมซะที! รีบ ๆ บอกมาซะ ฉันจะไปเล่นงานมัน ฉันไม่เอามันไว้แน่!" "คนคนนี้เขาก็รอคุณอยู่เหมือนกันค่ะ คุณจำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาสิงหราชก็นั่งเซ็นสัญญากับวิลาสินี เขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พร้อมกับแผนงานดี ๆ ที่คนรักของเขาเตรียมไว้ให้ เซ็นไปยิ้มไปไม่ได้สนใจสีหน้าอมทุกข์ของวิลาสินีเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทางนั้นเองก็ใช่วิธีสกปรก คิดจะแบล็กเมล์เขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวก็ควรรู้ไว้ด้วยว่า กล้าที่จะทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ในเมื่อวิลาสินีมีโอกาสแต่ดันทำพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ลองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบดูบ้าง ให้เหมือนกับตอนที่เธอคิดทำลายคนอื่นนั่นแหละ "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณวิลาสินี" สีหราชกล่าวทั้งใบหน้าประดับรอยยิ้ม "หวังว่าต่อไปนี้คุณจะรู้ว่าควรวางตัวยังไง อยู่รอรับผลประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง" "คุณ…หมายความว่ายังไง" "ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าแฟนของผมค่อนข้างที่จะ…กัดไม่ปล่อย คนเก่ง ๆ แบบนั้นอาจจะไม่หยุดแค่นี้ก็ได้นะครับ" "คุณ! นี่พวกคุณรวมกันทำอะไร หรือว่าพวกคุณคิดจะผิดข้อตกลง คุณจะแฉฉันใช่ไหม!" เห็นท่าทีราวกับคนจิตตกของวิลาสินีแล้วสิงหราชก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าโดนเจ้าจันทร์ขู่อะไรไปบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็ฟังไม่ได้ชัดทุกคำ แต่ดูไปแล้
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก
ภายในโรงแรมหรูชื่อดัง เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น หญิงสาวภายในห้องรีบก้าวเดินมาที่ประตูทันที เธอมิทันระวังใด ๆ ก็เปิดประตูออกต้อนรับ "คุณสิงหราชคะ วี…" แต่แล้วเสียงหวาน ๆ ก็แผ่วลงก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตื่นตกใจ "นี่เธอ!" วิลาสินีชี้หน้าคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง "ยัยเจ้าจันทร์ทำไมถึงเป็นเธอ! แล้ว แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่" พอถูกเรียกชื่อด้วยคำสรรพนามที่ไม่น่ารัก เจ้าจันทร์ก็หันกลับมามองหญิงสาวในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม เจ้าจันทร์ตวัดสายตาขึ้นมองคนกำลังโมโห พลางยกให้ดูโทรศัพท์เครื่องหรูในมือ "ก็ใช้มือถือของประธานสิงหราชตอบคุณไงคะ แหม...บอกทางละเอียดยิบยันกระทั่งเบอร์ห้อง จะมาไม่ถูกได้ยังไง" วิลาสินีตาลุกวาวขณะมองโทรศัพท์ในมือเจ้าจันทร์ "นี่แกกล้าขโมยมือถือเจ้านายเลยเหรอ" "ว่าอย่างนั้นก็ได้" เจ้าจันทร์ยอมรับก่อนจะหย่อนตัวนั่งอย่างสบายอารมณ์ "แต่สำหรับคุณสิงหราช ต่อให้ฉันขโมยกางเกงในเขา เขาก็ยังไม่โกรธเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนโกรธเมียตัวเองลงเพียงแค่เรื่องนี้หรอกมั้งคะ คุณว่าจริงไหม" "!!!" วิลาสินีส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เมียอย่างนั้นน่ะหรือ! หญิง
ในวันหนึ่งขณะที่สีหราชกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากลับไม่รู้เลยว่าเลขาของเขาจะติดต่อกับอดีตเลขาที่ควบตำแหน่งแฟนคนปัจจุบันอยู่ เจ้าจันทร์วางสายลงหลังจากได้รับรายงานว่าวิลาสินีโทรมาขอนัดสิงหราชเพื่อเจรจานอกรอบ ฝ่ายนั้นเขาที่ร้านอาหารในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แค่สถานที่นัดหมายเจ้าจันทร์ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำอะไร คงเห็นว่าสิงหราชเคยมีข่าวควงสาวไม่ซ้ำหน้ามาก่อนล่ะมั้ง ก็เลยคิดว่าคงไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ อย่างไรก็คงกินเรียบหมดถ้าได้อ่อยสักหน่อย เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ เธอจะไม่ขัดขวาง เจ้าจันทร์คิดเช่นนั้นจริง ในเมื่อวิลาสินีอยากทำเพื่อความอยู่รอด เธอก็จะให้อีกฝ่ายลองทำดูสักตั้ง "คุณเจ้า รู้หรือยังว่าพี่เลมันมีนัดกับสาว" เหมราชเดินเข้ามานั่งบนขอบโต๊ะทำงานของเจ้าจันทร์ เลขาสาวเงยหน้ามองเจ้านายที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีแผนอะไรในใจ "อย่ายิ้มแบบนี้นะคะคุณเหม เจ้าไม่เป็นไปตามสิ่งที่คุณคิดหรอกค่ะ" "ว้าาา... ไม่หึงสักหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์มาบิ้วถึงที่แน่ะ" เจ้าจันทร์อดจะหัวเราะอีกฝ่ายไม่ได้ รู้หรอกว่าพี่น้องไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน และเธอก็รู้มากกว่านั้นด้วยว่าจริง ๆ แล้ว สองพี่สอง
หลายชั่วโมงผ่านไปกระทั่งถึงเวลานัดหมาย วันนี้มีประชุมย่อยที่ทั้งสิงหราชและเหมราชจะต้องเข้าประชุมกับบริษัทคู่ค้าที่ต้องการจะมาขอดีลด้วย ดังนั้นเจ้าจันทร์จึงเป็นอีกคนที่ต้องตามเข้าประชุมเพื่อช่วยเหมราชสรุปข้อมูล ทว่าทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่เป็นตัวแทนของบริษัทตรงข้ามแล้ว เธอกลับสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เดิมทีบริษัทนี้ก็ไม่น่าร่วมงานอยู่แล้วด้วย "ผมคิดว่าเรทราคาที่คุณเรียกร้องมามันมากไปหน่อย" สิงหราชพูดเปิดประเด็นในเรื่องที่เขามองเห็นถึงจุดไม่คุ้มทุน "ในเมื่อคุณอยากให้ทางเราเป็นคนจัดการเรื่องการผลิตสินค้าทั้งหมด แต่เรทราคาที่คุณให้ทางเรามันต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่สั่งผลิต ส่วนเรื่องวัตถุดิบที่คุณรับปากว่าจะเป็นฝ่ายทางคุณจัดหามา ผมต้องการแหล่งที่แน่นอนและตรวจสอบได้มากกว่านี้" "เรื่องแหล่งวัตถุดิบเดี๋ยววีให้คนส่งเอกสารเพิ่มเติมมาอีกทีก็ได้ค่ะ" หญิงสาวผู้มาขอเจรจากันในวันนี้เอ่ยขึ้น เธอคือวีนัส หรือ วิลาสินี เจ้าของบริษัทวีกรุ๊ปคนปัจจุบัน ดวงตาสวยคมโฉบเฉี่ยวคู่นั้นเอาแต่จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นประธานอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย วิลาสินีก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พอให้เสื้อ