เจ้าจันทร์ตัดสินใจออกจากบริษัททันทีที่เธอพอจะสงบใจได้บ้างแล้ว หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ขยับคันเกียร์แล้วเร่งเครื่องยนต์ ขับรถออกไปด้วยความเร็วตามปกติ เธอยังไม่อยากกลับไปที่ห้องให้ต้องฟุ้งซ่าน และไปอยากอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้ด้วย สุดท้ายเจ้าจันทร์ก็เลือกที่จะกลับไปที่บ้านของตัวเอง แค่ได้กอดคนในครอบครัวสักหน่อยก็ยังดี เพราะตอนนี้...เลขาคนเก่งในสายตาใครหลายคนก็อ่อนแอเป็นเหมือนกัน ภายในห้องทำงานของสิงหราช หลังจากเจ้าจันทร์กลับออกไป สิงหราชก็ยังนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน เขารู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนต้องนั่งกุมขมับ นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาเครียดกับเรื่องอื่นนอกเหนือไปจากเรื่องงาน เลขาเจ้าจันทร์กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามา สิงหราชเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นน้องชายก็อ้าปากต่อว่าในทันที "ไม่มีมารยาท ถ้าจะเคาะแล้วไม่รอคำตอบจากเจ้าของห้อง แกจะเคาะประตูไปทำไม" "ปากแบบนี้ไงคุณเจ้าถึงหนี" "ไอ้เหม!" เหมราชหลุดหัวเราะเมื่อเห็นพี่ชายหัวเสีย "ดูเหมือนผมจะเดาถูกว่ะ พี่ชอบคุณเจ้า" "..." "พี่...ชอบก็บอกว่
ความวุ่นวายภายในห้องฉุกเฉินผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับคนป่วยที่เพียงแค่กินยาก็หลับไป แต่มันกลับผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนที่เป็นกังวลและเฝ้ารอว่าอดีตเลขาอย่างเจ้าจันทร์จะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ สิงหราชเลือกที่จะพาเธอกลับมาพักผ่อนต่อที่คอนโดมิเนียมของเขา ให้เธอได้นอนบนเตียงนอนของเขาเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ที่จริงพอกลับมาถึงห้องชายหนุ่มก็พบว่าเขาเพิ่งทำเรื่องขายหน้าออกไปไม่น้อยเลย ในจังหวะที่เห็นเลือดของเธอก็ทำเอาตื่นตกใจไปหมด ตอนนั้นสมองเขาคิดไม่ได้หรอกว่าเลือดมันออกมาจากทางไหน ด้วยความกลัวว่าเจ้าจันทร์จะเสียเลือดจนตาย เขาจึงโวยลั่นใส่หมอและพยาบาลเสียชุดใหญ่ จากที่จะไม่ต้องรักษาอะไรมาก ก็กลายเป็นว่าเขาลากหมอแทบทั้งหมดห้องฉุกเฉินเพื่อมารักษาอาการเป็นประจำเดือนของผู้หญิงเสียนี่ โคตรจะอาย โคตรจะอยากเอาหัวโขกพื้นตาย เขาเล่นใหญ่ไปขนาดนั้นได้อย่างไร! สิงหราชหนาวสั่นใจหัวใจ เขายังจำตอนที่หมอกับพยาบาลช่วยกันพูดได้ดีว่า 'เอ่อ นี่มันเลือดปกตินะครับ คุณช่วยใจเย็นลงก่อนได้ไหม' 'จะเย็นได้ไหมหมอ นี่เธอจะเลือดหมดตัวแล้วนะ แล้วถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา หมอรับผิดชอบไหวเรอะ!' ไม่แค่นั้นสิ... 'ห
เจ้าจันทร์รู้สึกว่าเธอเข้าใจผิดไปใหญ่โตมากทีเดียว เธอต่อว่าเขาไปตั้งมากมายโดยที่ไม่รู้เลยว่าความจริงมันจะเป็นอย่างนี้ ผิดเองที่ใจร้อนไม่ได้รอให้เขาอธิบายเรื่องทุกอย่าง ก็หลับหูหลับตาทวงเงินร้อยล้านจากเขาแล้ว แต่อย่างว่าล่ะ เขาโอนเงินมาให้เธอขนาดนั้น เธอก็ต้องคิดอยู่แล้วไหมว่าเขาผิดสัญญาไปนอนกับคนอื่นมาจริง "ในเมื่อคุณไม่ผิด จะโอนเงินมาให้ฉันทำไม" ใช่ ข้อนี้ล่ะที่เธอยังสงสัย สิงหราชถอนใจมาครั้งหนึ่ง เสียงของเขาอ่อยลงขณะตอบ "ก็ผมผิดสัญญาจริง ๆ นี่" "เอ๊ะ? ยังไงกันแน่คะ สัญญาข้อไหนที่คุณทำผิด ไหนบอกว่า..." "เพราะผมรักคุณไงครับ" !!! "ผมผิดที่คิดเกินเลยไปจากข้อตกลง" "คะ...คุณสิงหราชนี่คุณพูดอะไร" เจ้าจันทร์แทบไร้สติสตังเมื่อพูดไปอย่างนั้น ส่วนคนต้องตอบก็หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "ตอนนั้นผมรู้ตัวเองแล้วว่าชอบคุณเข้าแล้ว วันนั้นก็เลยยอมโอนเงินไปให้ ที่จริงผมคิดว่าจะอธิบายเรื่องที่คุณเข้าใจผิด ถึงกับไปซื้อดอกไม้มาช่อใหญ่ ตั้งใจจะขอโทษคุณแล้วก็ขอคบ แต่ว่า…ดันเกิดเรื่องเพราะเจ้าเหมจะแย่งตัวคุณกลับไปซะก่อน ก็เลยหึงจน...หน้ามืด" "!!!" อยู่ ๆ ก็ถูกความจริงพุ่งเข้าใส่ขนาดนี้เจ้าจันทร์ถ
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง เหมราชก็ต้องพบว่าเลขาของเขาถูกพี่ชายฉกตัวไปอีกแล้ว ทั้งที่เจ้าจันทร์กลับมาทำหน้าที่เลขาของเขา แต่จนตอนนี้ที่ใกล้ได้เวลาเข้างาน เลขาคนเก่งกลับยังไม่ลงมาจากห้องของประธานกรรมการบริหารเสียที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้เคลียร์กันจนเข้าใจกันดีแล้ว หรือไม่ก็คงเคลียร์กันแบบละเอียดยิบถึงขั้นที่คนโสดเช่นเขาไม่อยากจินตนาการถึง คิดแล้วก็อดจะยินดีไม่ได้ หลังจากเห็นพี่ชายของตัวเองจูบคุณเจ้ากลางลานจอดรถอย่างดูดดื่มแบบชนิดไม่อายผีสางแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปทันใดว่า คุณเจ้าคือคนเดียวที่ช่วยพี่ชายปากดีของเขาได้ เรื่องแบบนั้นของผู้ชายมันใหญ่เชียวล่ะ การหาคนมาทำให้มันลุกได้นี่ถือเป็นสวรรค์ โชคดีของไอ้พี่ปากเสียนั่นแล้ว ที่ได้ทั้งคนสวย และเก่งในคราวเดียวกัน "อ้าว คุณเหม ทำไมมาอยู่ที่โต๊ะเจ้าล่ะคะ" นินทาในใจไม่ถึงสิบนาที เจ้าตัวก็เดินควงมากับพี่ชายของเขาแล้ว! เหมราชยิ้มให้เลขาคนสวย ก่อนจะปรายตาทำหน้านิ่ง ๆ ใส่พี่ชาย และดูพี่ชายตัวดีจะรู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแค่ไหนจึงได้กระแอมไอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็ดูจะไม่ใช่คนปากเสียปากดีคนเก่าเลย "อะ เจ้าเหม เอาเลขามาส่ง" "แค่เลขา?"
หลายชั่วโมงผ่านไปกระทั่งถึงเวลานัดหมาย วันนี้มีประชุมย่อยที่ทั้งสิงหราชและเหมราชจะต้องเข้าประชุมกับบริษัทคู่ค้าที่ต้องการจะมาขอดีลด้วย ดังนั้นเจ้าจันทร์จึงเป็นอีกคนที่ต้องตามเข้าประชุมเพื่อช่วยเหมราชสรุปข้อมูล ทว่าทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่เป็นตัวแทนของบริษัทตรงข้ามแล้ว เธอกลับสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เดิมทีบริษัทนี้ก็ไม่น่าร่วมงานอยู่แล้วด้วย "ผมคิดว่าเรทราคาที่คุณเรียกร้องมามันมากไปหน่อย" สิงหราชพูดเปิดประเด็นในเรื่องที่เขามองเห็นถึงจุดไม่คุ้มทุน "ในเมื่อคุณอยากให้ทางเราเป็นคนจัดการเรื่องการผลิตสินค้าทั้งหมด แต่เรทราคาที่คุณให้ทางเรามันต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่สั่งผลิต ส่วนเรื่องวัตถุดิบที่คุณรับปากว่าจะเป็นฝ่ายทางคุณจัดหามา ผมต้องการแหล่งที่แน่นอนและตรวจสอบได้มากกว่านี้" "เรื่องแหล่งวัตถุดิบเดี๋ยววีให้คนส่งเอกสารเพิ่มเติมมาอีกทีก็ได้ค่ะ" หญิงสาวผู้มาขอเจรจากันในวันนี้เอ่ยขึ้น เธอคือวีนัส หรือ วิลาสินี เจ้าของบริษัทวีกรุ๊ปคนปัจจุบัน ดวงตาสวยคมโฉบเฉี่ยวคู่นั้นเอาแต่จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นประธานอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย วิลาสินีก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พอให้เสื้อ
ในวันหนึ่งขณะที่สีหราชกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากลับไม่รู้เลยว่าเลขาของเขาจะติดต่อกับอดีตเลขาที่ควบตำแหน่งแฟนคนปัจจุบันอยู่ เจ้าจันทร์วางสายลงหลังจากได้รับรายงานว่าวิลาสินีโทรมาขอนัดสิงหราชเพื่อเจรจานอกรอบ ฝ่ายนั้นเขาที่ร้านอาหารในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แค่สถานที่นัดหมายเจ้าจันทร์ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำอะไร คงเห็นว่าสิงหราชเคยมีข่าวควงสาวไม่ซ้ำหน้ามาก่อนล่ะมั้ง ก็เลยคิดว่าคงไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ อย่างไรก็คงกินเรียบหมดถ้าได้อ่อยสักหน่อย เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ เธอจะไม่ขัดขวาง เจ้าจันทร์คิดเช่นนั้นจริง ในเมื่อวิลาสินีอยากทำเพื่อความอยู่รอด เธอก็จะให้อีกฝ่ายลองทำดูสักตั้ง "คุณเจ้า รู้หรือยังว่าพี่เลมันมีนัดกับสาว" เหมราชเดินเข้ามานั่งบนขอบโต๊ะทำงานของเจ้าจันทร์ เลขาสาวเงยหน้ามองเจ้านายที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีแผนอะไรในใจ "อย่ายิ้มแบบนี้นะคะคุณเหม เจ้าไม่เป็นไปตามสิ่งที่คุณคิดหรอกค่ะ" "ว้าาา... ไม่หึงสักหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์มาบิ้วถึงที่แน่ะ" เจ้าจันทร์อดจะหัวเราะอีกฝ่ายไม่ได้ รู้หรอกว่าพี่น้องไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน และเธอก็รู้มากกว่านั้นด้วยว่าจริง ๆ แล้ว สองพี่สอง
ภายในโรงแรมหรูชื่อดัง เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น หญิงสาวภายในห้องรีบก้าวเดินมาที่ประตูทันที เธอมิทันระวังใด ๆ ก็เปิดประตูออกต้อนรับ "คุณสิงหราชคะ วี…" แต่แล้วเสียงหวาน ๆ ก็แผ่วลงก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตื่นตกใจ "นี่เธอ!" วิลาสินีชี้หน้าคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง "ยัยเจ้าจันทร์ทำไมถึงเป็นเธอ! แล้ว แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่" พอถูกเรียกชื่อด้วยคำสรรพนามที่ไม่น่ารัก เจ้าจันทร์ก็หันกลับมามองหญิงสาวในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม เจ้าจันทร์ตวัดสายตาขึ้นมองคนกำลังโมโห พลางยกให้ดูโทรศัพท์เครื่องหรูในมือ "ก็ใช้มือถือของประธานสิงหราชตอบคุณไงคะ แหม...บอกทางละเอียดยิบยันกระทั่งเบอร์ห้อง จะมาไม่ถูกได้ยังไง" วิลาสินีตาลุกวาวขณะมองโทรศัพท์ในมือเจ้าจันทร์ "นี่แกกล้าขโมยมือถือเจ้านายเลยเหรอ" "ว่าอย่างนั้นก็ได้" เจ้าจันทร์ยอมรับก่อนจะหย่อนตัวนั่งอย่างสบายอารมณ์ "แต่สำหรับคุณสิงหราช ต่อให้ฉันขโมยกางเกงในเขา เขาก็ยังไม่โกรธเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนโกรธเมียตัวเองลงเพียงแค่เรื่องนี้หรอกมั้งคะ คุณว่าจริงไหม" "!!!" วิลาสินีส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เมียอย่างนั้นน่ะหรือ! หญิง
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก
คู่รักกำลังจะหยอกล้อกันบนเตียงอีกสักหน่อย ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงหราชที่แผดเสียงดังอยู่ไม่ไกล จนเขาทนหัวเสียไม่ไหวยื่นมือไปคว้ามากดรับสาย โดยที่เจ้าจันทร์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขน รับฟังปลายสายไปพร้อมๆ กันเมื่อเขากดสปีกเกอร์โฟน "ไง มีอะไร" "โอ้โห ถามมาได้ พี่ให้พ่อโยนวีกรุ๊ปมาให้ผมดูแลใช่ไหม ฝีมือพี่ใช่ไหมวะ!" ปลายสายคือเหมราชที่โวยวายกลับมา "อ่า ใช่ ถ้าแกไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ" สิงหราชบอกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เจ้าจันทร์เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ท่าทางน่ารักของเธอทำเอาสีหราชหมันเขี้ยวก้มหน้าลงมาหอมไปอีกฟอดใหญ่ "ปฏิเสธบ้าอะไรล่ะ พ่อยอมที่ไหน อีกอย่าง ผมอยากทำเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬามาตั้งนานพี่ก็รู้ พี่แม่ง ไม่บอกกันล่วงหน้าบ้างเลย คุณเจ้าอีกคน ก็นึกว่าจะควบรวมกิจการเฉย ๆ ใครจะรู้ว่าจะยกให้ผมวะ" "อ้าว ๆ นี่ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่วะ งงแล้วนะโว้ย" "ชอบ แต่ไม่ชอบที่พี่ไม่บอกก่อนไงวะ!" "ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่" สิงหราชหัวเราะใส่น้องชาย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะบอกชอบอะไรเลยที่เขาหยิบยื่นให้ "ถูกใจก็ดีแล้วไง ทีนี้ก็
เจ้าจันทร์มองคนเสนอความตื่นเต้นอย่างนึกสนุก ใครกันแน่ที่ร้ายปากเขาบอกยอมลงให้เธอ แต่สุดท้ายราชสีห์ก็ร้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เหนือเขา ก็เขาบอกเองนี่ อยากอยู่ใต้เท้าเธอ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป "ยิ้มอะไรครับ ไม่อยากเห็นผมเจ็บเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าจะข่วนให้เลือดซิบตรงส่วนไหนดีต่างหากล่ะ" "ฮ้าาา...ร้ายไม่เบา" "ก็มีแฟนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ เจ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าสิคะ" "ฮ่าๆๆ ผมชอบคุณจัง" "ไม่เอาค่ะ คุณต้องรักเจ้าให้มากกว่าชอบสิ" สิงหราชยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงที่แผงอก เขากดนิ้วเธอที่มีเล็บยาวๆ ลงกลางร่องอกของตัวเอง เจ้าจันทร์มองการกระทำนั้นอย่างพอใจ แฟนของเธอมีมุมดิบเถื่อนเช่นนี้ด้วยเหรอ ความแบบนี้ก็ไม่บอก "อ่าส์...คุณเจ้า เล็บคุณทำผมเสียวจัง" ยิ่งเขาพูดแบบนั้น เจ้าจันทร์ก็ยิ่งสนุก คราวนี้เป็นเธอเองที่กดปลายเล็บลากยาวไปบนแผงอกกว้าง ก่อนกดลึกเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง ร่างบางถอยต่ำลง เพื่อให้นิ้วลากไปถึงจุดหมาย เธออยากจะกดปลายเล็บลงกลางรูเล็กๆ นั่นเหลือเกิน "ซี้ดดด...ที่รัก" สิงหราชครางออกมาทันทีท
เจ้าจันทร์กลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมที่สิงหราชเป็นเจ้าของ เปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำแบรนด์หรูลอยฟุ้งไปทั่วห้อง อาาา...แฟนของเธอน่ารักเสมอ เขารู้ว่าเธอชอบกลิ่นนี้ถึงได้อาบน้ำรอไว้ก่อนเลย หญิงสาวยิ้มหวานพลางสูดดมกลิ่นหอมๆ นั้นจนชุ่มปอด ก่อนเดินเข้าไปยังห้องนอน แล้วพบสีหราชเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี "กลับมาแล้วเหรอกระต่ายน้อยของผม" ถึงจะจั๊กจี้กับคำเรียกแทนตัวแบบนั้น แต่เจ้าจันทร์ก็ยิ้มแก้มแทบปริรีบโผกายเข้าสวมกอดเขาแน่นจะว่าไป เป็นกระต่ายน้อยในอ้อมกอดราชสีห์ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาอ่อนแอดูบ้าง ก็เธอน่ะ เพิ่งฟาดฟันกับวิสาลีนีมาหมาด ๆ หมดพลังเปลื้องน้ำลายไปเยอะเชียวกว่าอีกฝ่ายจะยอมสงบปากสงบคำอยู่ในที่ของตัวเอง อีกอย่าง เธอเองก็อยากได้กอดอุ่นๆ มาเติมกำลังใจสักหน่อย เพราะเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ ในเมื่อวิลาสินียังมีหุ้นเหลืออยู่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ คงไม่ต้องบอกเลยว่าการประชุมบอร์ดบริหารรอบหน้าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งภายในกันอย่างไรบ้าง แม้การจะเปลี่ยนก็ยังต้องฟังผลโหวตในที่ประชุมอีกครั้งอยู่ดี แต่ใครจะสนกันล่ะอีกไม่กี่วันนี้คนร
เจ้าจันทร์นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่บ้างเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยตั้งใจอ่อยสิงหราช ตั้งใจแบล็กเมล์คนรักของเธอ เจ้าจันทร์ก็แทบไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรอีก ในตอนนั้นถ้าปล่อยให้วิลาสินีทำสำเร็จ ก็คงเป็นแอลกรุ๊ปนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเสียหาย ถึงเวลานั้นความสงสารจะช่วยอะไรได้ คนเราไม่ได้กินความสงสารเป็นอาหารสักหน่อย ในเมื่อเงินก่อตั้งและเงินหมุนเวียนในบริษัทนี้ก็มาจากสามีของวิลาสินีมาตั้งแต่ต้น กับคนที่วัน ๆ เอาแต่วางท่าเป็นนางพญา ชูคอว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่กลับไม่เคยบริหารอย่างจริงจัง คนแบบวิลาสินีมองอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเลยสักนิด สู้จ้างคนเก่ง ๆ มานั่งบริหารยังจะเข้าท่ากว่า "คุณสิงหราชไม่รู้เรื่องนี้หรอกค่ะ ส่วนคนที่ช่วยฉันคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าเป็นใคร" เจ้าจันทร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา "บังเอิญจังเลยนะคะที่ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่าวิลาสินีที่ว่าจะใช่คุณหรือเปล่า แต่พอสืบไปสืบมานิดเดียวก็ได้รู้ความจริงเข้าจนได้" "เลิกอ้อมค้อมซะที! รีบ ๆ บอกมาซะ ฉันจะไปเล่นงานมัน ฉันไม่เอามันไว้แน่!" "คนคนนี้เขาก็รอคุณอยู่เหมือนกันค่ะ คุณจำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาสิงหราชก็นั่งเซ็นสัญญากับวิลาสินี เขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พร้อมกับแผนงานดี ๆ ที่คนรักของเขาเตรียมไว้ให้ เซ็นไปยิ้มไปไม่ได้สนใจสีหน้าอมทุกข์ของวิลาสินีเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทางนั้นเองก็ใช่วิธีสกปรก คิดจะแบล็กเมล์เขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวก็ควรรู้ไว้ด้วยว่า กล้าที่จะทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ในเมื่อวิลาสินีมีโอกาสแต่ดันทำพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ลองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบดูบ้าง ให้เหมือนกับตอนที่เธอคิดทำลายคนอื่นนั่นแหละ "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณวิลาสินี" สีหราชกล่าวทั้งใบหน้าประดับรอยยิ้ม "หวังว่าต่อไปนี้คุณจะรู้ว่าควรวางตัวยังไง อยู่รอรับผลประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง" "คุณ…หมายความว่ายังไง" "ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าแฟนของผมค่อนข้างที่จะ…กัดไม่ปล่อย คนเก่ง ๆ แบบนั้นอาจจะไม่หยุดแค่นี้ก็ได้นะครับ" "คุณ! นี่พวกคุณรวมกันทำอะไร หรือว่าพวกคุณคิดจะผิดข้อตกลง คุณจะแฉฉันใช่ไหม!" เห็นท่าทีราวกับคนจิตตกของวิลาสินีแล้วสิงหราชก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าโดนเจ้าจันทร์ขู่อะไรไปบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็ฟังไม่ได้ชัดทุกคำ แต่ดูไปแล้
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก
ภายในโรงแรมหรูชื่อดัง เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น หญิงสาวภายในห้องรีบก้าวเดินมาที่ประตูทันที เธอมิทันระวังใด ๆ ก็เปิดประตูออกต้อนรับ "คุณสิงหราชคะ วี…" แต่แล้วเสียงหวาน ๆ ก็แผ่วลงก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตื่นตกใจ "นี่เธอ!" วิลาสินีชี้หน้าคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง "ยัยเจ้าจันทร์ทำไมถึงเป็นเธอ! แล้ว แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่" พอถูกเรียกชื่อด้วยคำสรรพนามที่ไม่น่ารัก เจ้าจันทร์ก็หันกลับมามองหญิงสาวในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม เจ้าจันทร์ตวัดสายตาขึ้นมองคนกำลังโมโห พลางยกให้ดูโทรศัพท์เครื่องหรูในมือ "ก็ใช้มือถือของประธานสิงหราชตอบคุณไงคะ แหม...บอกทางละเอียดยิบยันกระทั่งเบอร์ห้อง จะมาไม่ถูกได้ยังไง" วิลาสินีตาลุกวาวขณะมองโทรศัพท์ในมือเจ้าจันทร์ "นี่แกกล้าขโมยมือถือเจ้านายเลยเหรอ" "ว่าอย่างนั้นก็ได้" เจ้าจันทร์ยอมรับก่อนจะหย่อนตัวนั่งอย่างสบายอารมณ์ "แต่สำหรับคุณสิงหราช ต่อให้ฉันขโมยกางเกงในเขา เขาก็ยังไม่โกรธเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนโกรธเมียตัวเองลงเพียงแค่เรื่องนี้หรอกมั้งคะ คุณว่าจริงไหม" "!!!" วิลาสินีส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เมียอย่างนั้นน่ะหรือ! หญิง
ในวันหนึ่งขณะที่สีหราชกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากลับไม่รู้เลยว่าเลขาของเขาจะติดต่อกับอดีตเลขาที่ควบตำแหน่งแฟนคนปัจจุบันอยู่ เจ้าจันทร์วางสายลงหลังจากได้รับรายงานว่าวิลาสินีโทรมาขอนัดสิงหราชเพื่อเจรจานอกรอบ ฝ่ายนั้นเขาที่ร้านอาหารในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แค่สถานที่นัดหมายเจ้าจันทร์ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำอะไร คงเห็นว่าสิงหราชเคยมีข่าวควงสาวไม่ซ้ำหน้ามาก่อนล่ะมั้ง ก็เลยคิดว่าคงไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ อย่างไรก็คงกินเรียบหมดถ้าได้อ่อยสักหน่อย เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ เธอจะไม่ขัดขวาง เจ้าจันทร์คิดเช่นนั้นจริง ในเมื่อวิลาสินีอยากทำเพื่อความอยู่รอด เธอก็จะให้อีกฝ่ายลองทำดูสักตั้ง "คุณเจ้า รู้หรือยังว่าพี่เลมันมีนัดกับสาว" เหมราชเดินเข้ามานั่งบนขอบโต๊ะทำงานของเจ้าจันทร์ เลขาสาวเงยหน้ามองเจ้านายที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีแผนอะไรในใจ "อย่ายิ้มแบบนี้นะคะคุณเหม เจ้าไม่เป็นไปตามสิ่งที่คุณคิดหรอกค่ะ" "ว้าาา... ไม่หึงสักหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์มาบิ้วถึงที่แน่ะ" เจ้าจันทร์อดจะหัวเราะอีกฝ่ายไม่ได้ รู้หรอกว่าพี่น้องไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน และเธอก็รู้มากกว่านั้นด้วยว่าจริง ๆ แล้ว สองพี่สอง
หลายชั่วโมงผ่านไปกระทั่งถึงเวลานัดหมาย วันนี้มีประชุมย่อยที่ทั้งสิงหราชและเหมราชจะต้องเข้าประชุมกับบริษัทคู่ค้าที่ต้องการจะมาขอดีลด้วย ดังนั้นเจ้าจันทร์จึงเป็นอีกคนที่ต้องตามเข้าประชุมเพื่อช่วยเหมราชสรุปข้อมูล ทว่าทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่เป็นตัวแทนของบริษัทตรงข้ามแล้ว เธอกลับสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เดิมทีบริษัทนี้ก็ไม่น่าร่วมงานอยู่แล้วด้วย "ผมคิดว่าเรทราคาที่คุณเรียกร้องมามันมากไปหน่อย" สิงหราชพูดเปิดประเด็นในเรื่องที่เขามองเห็นถึงจุดไม่คุ้มทุน "ในเมื่อคุณอยากให้ทางเราเป็นคนจัดการเรื่องการผลิตสินค้าทั้งหมด แต่เรทราคาที่คุณให้ทางเรามันต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่สั่งผลิต ส่วนเรื่องวัตถุดิบที่คุณรับปากว่าจะเป็นฝ่ายทางคุณจัดหามา ผมต้องการแหล่งที่แน่นอนและตรวจสอบได้มากกว่านี้" "เรื่องแหล่งวัตถุดิบเดี๋ยววีให้คนส่งเอกสารเพิ่มเติมมาอีกทีก็ได้ค่ะ" หญิงสาวผู้มาขอเจรจากันในวันนี้เอ่ยขึ้น เธอคือวีนัส หรือ วิลาสินี เจ้าของบริษัทวีกรุ๊ปคนปัจจุบัน ดวงตาสวยคมโฉบเฉี่ยวคู่นั้นเอาแต่จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นประธานอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย วิลาสินีก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พอให้เสื้อ