แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: วรนิษฐา / Miss sexy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-24 15:49:00

“ค่ะๆ” สัมปันนีพยักหน้ารับ เธอยืนรออยู่ที่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ แม้เวลาจะผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีแต่สัมปันนีกลับรู้สึกว่านานเป็นชั่วโมง กระทั่งแม่บ้านเดินจ้ำกลับมาหน้าตาตื่นแล้วบอกว่าเดินจนทั่วทว่าก็ตามหาคุณชมดาวไม่เจอ

เมื่อสถานการณ์มันบีบบังคับแบบนี้สัมปันนีจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการชงกาแฟไปเสิร์ฟให้อชิระด้วยตัวเอง สูตรไม่ได้เป็นเคล็บลับจากร้านดังอะไรแต่เป็นสูตรที่เธอชอบกินเป็นประจำ โชคดีที่วันนี้มีวัตถุดิบสำคัญพร้อมในตู้เย็น

สัมปันนีตักกาแฟที่คั่วสดใหม่ใส่แก้วแบบไม่สนปริมาณด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าตักตามใจชอบตามด้วยน้ำร้อน คนให้กาแฟละลายก่อนจะเติมน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดๆ ลงไปอีกหน่อยก็เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ

สัมปันนียืนสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ อยู่หน้าประตูเพื่อรวบรวมความกล้า แล้วยกมือขึ้นเคาะสองสามครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่เวลานี้นั่งทำงานอยู่ข้างในรู้ตัวว่าเธอจะเข้าไป 

“เข้ามาได้ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก เมื่อได้ยินแบบนั้นสัมปันนีจึงผลักประตูเพื่อเข้าไปข้างในโดยมืออีกข้างมีถาดพร้อมแก้วกาแฟที่กำลังโชยกลิ่นหอมกรุ่น

กลิ่นกาแฟหอมๆ ทำให้อชิระละสายตาจากงานท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 13

    แต่แม้จะคิดแบบนั้นทว่าสมองของสัมปันนีก็ยังคงฟุ้งซ่าน เธอนอนไม่หลับทั้งคืนและมาทำงานด้วยความหวาดระแวง จากปกติไม่เข้าใกล้ส่วนที่เป็นบอร์ดบริหารเวลานี้เธอยิ่งเลี่ยง แต่ยิ่งเลี่ยงเธอก็เหมือนจะยิ่งโคจรพบอชิระ นั่นเพราะจู่ๆ ก็เจอเขาที่ลานจอดรถหน้าบริษัท “สวัสดีครับคุณสัมปันนี” อชิระเอ่ยทักทายหญิงสาวขึ้นก่อน ท่าทางของเขาเป็นปกติทุกอย่างไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามจนทำให้สัมปันนีอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังคงทำตัวไม่ถูก“สวัสดีค่ะท่านประธาน”“คอเคล็ดหรือเปล่าครับ ทำไมเอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่แบบนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยถามใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยที่ได้แซวอีกฝ่ายเมื่อวานพอรู้ว่าเป็นเธออชิระก็จงใจให้สัมปันนีเห็นสร้อยข้อมือที่เธอบังเอิญทำตกไว้ในที่เกิดเหตุ ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากรู้ว่าเป็นใคร ผู้หญิงที่เขาได้ครอบครองเธอเป็นคนแรกและโหยหาทุกค่ำคืน“เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” สัมปันนีพูดเร็วๆ แล้วรีบจ้ำเดินผ่านประธานหนุ่มไป อชิระหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ตอนนี้เขายังเคลียร์งานไม่ลงตัวเท่าไหร่จึงยังไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 14

    “อ้อเปล่าครับ พอดีผมมาหาเพื่อน แต่จำไม่ได้ว่าหลังไหน” อชิระเอ่ยบอก ขณะนั้นจมูกเขาหมือนจะได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่างลอยมาจากภายในบ้านของสัมปันนี แต่พอเห็นว่าคนในบ้านที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเธอใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตอนเดินก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“คุณป้าเป็นอะไรหรือครับ”“อ้อ…ถูกรถชน” วรรณีเอ่ยบอกพร้อมก้มมองขาตัวเองไปด้วย“หายดีแล้วใช่ไหมครับ”“ก็ดีขึ้นมากแล้วนะ เหลือแค่ขาข้างที่หักมันยังแปล๊บๆ ลงน้ำหนักไม่ได้เท่าแต่ก่อน แต่ก็ใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินไปไหนมาไหนเอา” วรรณีเอ่ยบอกอาการตัวเอง“คุณป้าทำอะไรอยู่หรือครับ กลิ่นหอมลอยออกมาจนถึงตรงนี้” เพราะยังไม่อยากกลับตอนนี้ อชิระจึงเอ่ยถามเรื่องกลิ่นหอมๆ ที่ชวนให้เกิดความสงสัยว่าคือกลิ่นอะไร“อ้อ…ป้ากำลังอบขนมสัมปันนีน่ะ”“ขนมสัมปันนี” ชื่อขนมที่ได้ยินมันสะดุดหูของอชิระ เพราะมันคือชื่อเดียวกับลูกสาวของบ้านนี้แน่นอน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 15

    แต่ยิ่งห้ามไม่ให้คิดถึงสมองของสัมปันนีกลับทรยศเพราะมันยิ่งคิดถึงอชิระ ทั้งๆ ที่เขาร้ายกาจกับเธออย่างไม่น่าให้อภัย เขาคือคนที่ทิ้งตราบาปไว้ให้ทว่าสุดท้ายเธอกลับห้ามความคิดไม่ได้ บ่อยครั้งขณะอยู่ที่ทำงานแล้วได้ยินชื่อเขา จู่ๆ ใจเธอมันก็เต้นรัว เธอพยายามเลี่ยงพบหน้าเขาแต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจเพราะยิ่งเลี่ยงก็ยิ่งได้เจอหน้าเขาบ่อยขึ้น“เหม่อคิดอะไรอยู่ครับลูกหนู”“เปล่า เมื่อกี้ปรัชญ์พูดว่าอะไรเหรอ” สัมปันนีเอ่ยถามเพราะเมื่อครู่เธอมัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร“สรุปจะกินอะไร ปรัชญ์จะได้ไปซื้อให้”“ไม่เป็นไรๆ ลูกหนูไปเองได้ ปรัชญ์ไปซื้อเถอะ”“โอเค” ปรัชญ์เอ่ยรับ ชายหนุ่มตามขายขนมจีบ สัมปันนีอยู่ เพราะเข้ามาทำงานที่นี่พร้อมกันเขาจึงใช้เรื่องนั้นเปิดประเด็นเข้ามาคุยทำความรู้จักกับเธอ แต่ไม่ว่าจะชวนไปไหนหลังเลิกงานสัมปันนีกลับไม่เคยตอบรับคำชวนเหล่านั้นจากเขาเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นปรัชญ์ก็ยังคงเดินหน้าจีบไม่ถอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 16

    “อืม”“เป็นใคร ฉันรู้จักไหม” ตุลย์เอ่ยถามอย่างสนใจ“ไม่รู้จัก พี่รีบหายรีบกลับเพราะตอนนี้ผมอยากมีเวลาไปปั้มลูกจะแย่แล้ว”“อะไรของนาย บทจะโสดก็โสดสนิท บทจะมีเมียอยากมีลูกก็เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน”“ไม่ดีหรือไง”“ดี รอหน่อยแล้วกัน ฉันกลับไปแน่”“กลับมาแบบหายดีแล้วนะพี่ ไม่กลับแบบอื่น”“เออ พี่นายไม่ตายง่ายๆ หรอก แค่นี้แล้วกัน พยาบาลจับได้แล้วว่าฉันยังไม่นอน”“ครับ” อชิระเอ่ยรับก่อนจะวางสายไป จากการพูดคุยรับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจของพี่ชายที่ยังดีอยู่ สภาพจิตใจดีก็สามารถต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ ส่วนเขาก็จะตั้งอกตั้งใจทำงานและปั๊มทายาทอย่างเต็มที่เช่นกันว่าแต่แม่ของลูกเขาจะยอมไหมนี่สิ ไม่ยอมก็ปล้ำแล้วกัน อชิระนั่งยิ้มกริ่มกับตัวเองทว่าพอพักเที่ยงรอยยิ้มที่ว่าก็เปลี่ยนมาเป็นความบึ้งตึงราวกับกำลังโกรธหรือหึงใคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 17

    “เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้นค่ะ”“โอเคๆ พี่ถามใหม่แล้วกัน ถ้าน้องลูกหนูไม่สะดวกให้พี่ไปส่งที่บ้านงั้นเราเปลี่ยนไปหาโรงแรมเงียบๆ นอนคุยกันสักคืนดีไหม” คำพูดที่ส่อไปถึงสันดานแสดงออกว่าไม่ให้เกียรติคนฟังแม้แต่น้อยดังมาจากชายตรงหน้า คำพูดเหล่านี้มันทำให้เส้นความอดทนของสัมปันนีขาดทันทีเพียะเสียงตบฉาดใหญ่ดังขึ้น ยิ่งรอบข้างเงียบเสียงมันก็ยิ่งดังเป็นพิเศษ ซึ่งคนที่ถูกตบจนหน้าหันคือเอกชัยซึ่งเวลานี้หันมาจ้องมองสัมปันนีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ลูกหนูจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งฝ่ายบุคคลให้สอบสวนพี่”“เอาสิ แจ้งเลย พี่จะรอดูว่าฝ่ายบุคคลที่นี่จะทำอะไรพี่ได้ไหม” แทนที่จะกลัวทว่าเอกชัยกลับท้าทาย สัมปันนีกลับมาเพราะมั่นใจว่าไม่มีใครเอาผิดตนได้แน่นอนนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกจนตรอกก่อนจะกวาดสายตามองหาทางหนีทีรอดทว่าอีกฝ่ายกลับรู้ทันจึงเข้ามารวบเธอเข้าไปกอดและพยามยามล่วงเกิน แต่ถึงอย่างนั้น สัมปันนีก็ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 18

    “ไม่คุ้มหรอกคะ เพราะฉันไม่ได้มีค่ากับใครมากขนาดนั้น”“ทำไมถึงด้อยค่าตัวเองแบบนั้น คนเราทุกคนมีค่าเสมอ เอาละ บอกทางไปบ้านเธอมา เดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง” แม้จะอยากคุยอยากถามมากกว่านี้ทว่าอชิระก็เลือกที่จะตัดบทถามเรื่องเส้นทางไปบ้านของสัมปันนีแทน นั่นเพราะเธอพึ่งผ่านเรื่องน่าตกใจมาแล้วเกิดเขาเปิดเผยความลับบางอย่างเข้า กลัวเหลือเกินว่าสัมปันนีจะรับไม่ไหว“ไม่เป็นไรคะ ฉันกลับแท็กซี่ได้”“ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าฉันจะไปส่ง” อชิระเอ่ยบอกอย่างหนักแน่นนั่นทำให้สัมปันนีไม่กล้าปฏิเสธ สุดท้ายก็ยอมบอกว่าบ้านเธออยู่ที่ไหนจากปั๊มน้ำมันมาถึงบ้านของสัมปันนีใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อาจเพราะนั่งรถยนต์ส่วนตัวการเดินทางจึงรวดเร็วกว่ารถสาธารณะที่เธอใช้บริการทุกวันตลอดทางทั้งคู่แทบไม่ได้คุยอะไรกัน บ่อยครั้งที่ความสนใจของสัมปันนีไปอยู่ที่สร้อยบนข้อมือของอชิระ ใจหนึ่งก็อยากถามอีกใจก็ไม่กล้า ส่วนประธานหนุ่มก็จงใจขยับมือซ้ายบ่อยๆ เช่นกัน กระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปจอดหน้ารั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 19

    เพราะสูตรชงกาแฟทำให้หลังจากนั้นชมดาวและสัมปันนีสนิทกันมากขึ้น บ่อยครั้งที่ชมดาวจะแวะเวียนมาชวนสัมปันนีไปกินข้าวเที่ยงด้วย แวะเวียนเอาขนมมาให้บ้างอย่างวันนี้ก็มีผลไม้พร้อมกินมาฝาก“ขอบคุณค่ะคุณชมดาว”“พี่ชมดาวค่ะ” ชมดาวเอ่ยย้ำสรรพนามที่เธอนั้นอยากให้สัมปันนีเรียก“ค่ะพี่ชมดาว”“น้องลูกหนูสนใจมาทำงานเป็นเลขาไหมคะ”“เลขาหรือคะ” สัมปันนีกระพริบตาปริบๆ กับประโยคที่ได้ยิน“ใช่ค่ะ งานเลขา สนใจไหม”“ไม่ค่ะ ลูกหนูคิดว่าตัวเองไม่ถนัดงานอะไรพวกนี้”“ของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้ ถ้าน้องลูกหนูสนใจพี่สอนงานให้สอนแบบหมดเปลือกไม่กั๊กวิชาค่ะ” ชมดาวยิ้มอย่างมีความหมาย แต่แทนที่จะตอบรับสัมปันนีกลับตั้งคำถามแทน“พี่ชมดาวจะลาออกหรือคะ”“ใช่ค่ะ พอดีว่าพี่จะย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ นี่ก็พึ่งเข้าไปบอกท่านประธานม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 20

    เพื่อนๆ ที่นี่เขาแทบไม่มี อาจเพราะเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาตลอดหลายปี เพื่อนๆ ก็พลอยห่างเหินไม่ค่อยได้คุยและเพราะแบบนั้นจึงไม่ค่อยสนิทเหมือนสมัยยังเป็นเด็ก รวมทั้งเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเสียเท่าไหร่ ออกจะมีโลกส่วนตัวสูงอีกด้วย“เรียกว่าป้าณีเฉยๆ ก็พอ คุณเคินอย่าเรียกเลย มันไม่เหมาะกับคนอย่างป้าหรอก”“ครับ” อชิระเอ่ยรับแม้จะอยากแย้งว่าวรรณีไม่ควรคิดอะไรเช่นนั้น แต่ยิ่งได้รับความไว้ใจเขากลับรู้สึกผิดกับเรื่องที่ได้ก่อไว้ แม้จะก่อไว้โดยไม่ได้ตั้งใจทว่ากลับอยากรับผิดชอบรวมถึงลากตัวคนก่อเรื่องที่ป่านนี้ยังอยู่ต่างประเทศมาลงโทษให้หลาบจำ“พอจะขูดมะพร้าวเป็นไหม”“ขูดมะพร้าวเหรอครับ” อชิระเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยินด้วยความสนใจระคนสงสัย“ใช่ ท่าทางแบบนี้ขูดไม่เป็นแน่”“เป็นครับเป็น แค่ขูดมะพร้าว สบายมาก” เพราะไม่อยากให้วรรณีผิดหวังอชิระก็รีบรับคำว่าเขานั้นขูดมะพร้าวได้อย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01

บทล่าสุด

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 32-จบ

    “คุณเป็นคนเก่ง” อชิระเอ่ยขึ้นในขณะที่เลขากำลังแสดงท่าทางบางอย่างออกมา“ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานของปลายฟ้าเอ่ยรับ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจรับงานนี้ไม่ใช่เงินเดือนเป็นแสนหรือสวัสดิการพิเศษอะไร แต่คือประธานหนุ่มที่ชื่ออชิระที่พยายามยั่วเขามาหลายเดือนกลับไม่เคยสำเร็จ“แล้วทำไมถึงด้อยค่าตัวเองด้วยการทำตัวไม่น่ารักแบบนี้”“เอ้” ปลายฟ้าอุทานออกมาอย่างตกใจ“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร ครั้งนี้ผมแค่เตือน แต่ถ้าคุณไม่หยุดเราคงทำงานร่วมกันไม่ได้” อชิระไม่ใช่คนใสซื่อถึงตามไม่ทันมารยาหญิงและวิธีรับมือ“ทำไมถึงปฏิเสธฉันคะหรือว่าท่านประธานจะเป็นเกย์อย่างที่คนอื่นพูดๆ กัน” ปลายฟ้าเอ่ยถามนั่นเพราะทุกครั้งที่มีโอกาสเธอจะเข้าหาอชิระเสมอแต่ประธานหนุ่มกลับไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย“เปล่าแต่ผมมีผู้หญิงที่อยากให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง”“เธอคนนั้นโชคดี

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 31

    อชิระและสัมปันนีคบหากันได้หลายเดือน จู่ๆ ก็มีข่าวทลายซ่องโสเภณีที่ฮ่องกง โดยหนึ่งในเหยื่อที่ถูกหลอกให้ไปทำงานจนแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันที่นั่นคือพิจิกา แม้จะเบลอหน้าเหยื่อไว้แต่สัมปันนีก็มองออกว่าเป็นใคร ในขณะที่ข่าววงในจากอชิระก็ช่วยยืนยันว่าคือคนเดียวกันอีกด้วย“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับ อชิระดึงเธอเข้ามากอดเพราะอย่างน้อยเวลานี้พิจิกาก็กำลังรับกรรมที่ก่อไว้ แม้จะไม่ได้มาจากพวกเขาโดยตรงก็ตาม“เห็นว่าเธอติดโรคมาด้วย ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่”“กรรมค่ะ คนเราทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับแบบนั้น” เวลานี้สัมปันนีอโหสิกรรมให้พิจิกาแล้วหลังจากนี้ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่“ผมมีอะไรให้ลูกหนูดู” เอ่ยบอกเสร็จอชิระก็พา สัมปันนีไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของชายหนุ่ม“อะไรคะ”“แบบบ้านครับ” เสียงทุ้มเฉลยนั่นทำให้สัมปันนีแปลกใจเป็นอย่างมาก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 30

    ทั้งอชิระและสัมปันนีก็ต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน เพราะไม่อยากให้กระทบกับหน้าที่การงานโดยเฉพาะอิชระ สัมปันนีจึงตั้งกฎว่าห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ให้คนอื่นรู้อย่างเด็ดขาดแม้จะไม่อยากรับปากแต่อชิระก็จำต้องทำตามกฎที่เธอกำหนดขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นประธานหนุ่มก็มักจะหาโอกาสหรือจังหวะเหมาะๆ เพื่อให้ได้อยู่ตามลำพังกับสัมปันนีในที่ทำงานเสมอๆ ใช้ข้ออ้างเรื่องงานยุ่งเรื่องกาแฟหมดเพื่อให้เธอมาดูแลบ้าง แม้สัมปันนีจะรู้ทันแต่เธอกลับไม่ได้แย้งอะไร“กาแฟค่ะ” เสียงสดใสเอ่ยบอกพร้อมกับวางกาแฟหอมๆ ลงบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่มที่เวลานี้เขาคือความรักของเธอเช่นกัน“ขอบคุณครับ อืม…ช่วงนี้งานยุ่งมาก ลูกหนูคิดว่าผมรับเลขาคนใหม่ดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามนั่นเพราะตอนนี้ชมดาวได้ลาออกไปแล้วส่งผลให้ประธานหนุ่มไม่ได้มีเลขาส่วนตัว เหตุผลเพราะมั่นใจว่าตนทำงานคนเดียวได้ทว่าพึ่งมาตระหนักว่าเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะจัดการทุกอย่างงานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเขาก็ต้องส่งให้เลขาช่วยจัดการแทน ไม่อย่างนั้นคิวงานเขาจะชนกันอย่างที่เป็นอยู่ แต่สมัยนี้การจะหาเลขาเก่

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 29

    วันรุ่งขึ้นอชิระมาที่บ้านของสัมปันนีตั้งแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มอาสาขับรถไปส่งทั้งคู่ที่โรงพยาบาลท่ามกลางความสงสัยของสัมปันนี นั่นเพราะแม่ของเธอไม่ได้มีปฏิกิริยาตกใจหรือสงสัยที่จู่ๆ อชิระก็มารับแม้แต่น้อย แต่ก็ยังคงเก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ระยะเวลารอคิวที่โรงพยาบาลรัฐใช้เวลาครึ่งค่อนวันแต่อชิระก็ไม่ได้บ่นหรือแสดงท่าทางหงุดหงิดอะไร แต่เพราะอยากให้วรรณีได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้เขาจึงเสนอทางเลือกให้ ซึ่งทั้งคู่กลับปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอนั้นอชิระจึงมัดมือชกจัดการเปลี่ยนโรงพยาบาลจากรัฐไปเอกชนทันที“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้โอม” ขณะนั่งรอเรียกพบหมอวรรณีก็เอ่ยขึ้น“ผมเต็มใจครับ อีกอย่างลูกเขยดูแลแม่ยายจะเป็นไรไป” อชิระยิ้มออกมา ซึ่งประโยคนี้สัมปันนีไม่ได้ยินเพราะเธอเดินไปซื้อน้ำ แต่พอกลับมาก็คอยสังเกตคนทั้งคู่มาตลอดหลังจากเก็บความสงสัยมาตั้งแต่เช้าในที่สุดก็เอ่ยถามออกไป“แม่รู้จักท่านประธานมาก่อนหรือเปล่าคะ”“ตอบยังไงดีล่ะทีนี้” วรรณีหันมองมาที่อชิระราวก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 28

    “ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” สัมปันนีพยายามคุมโทนเสียงอย่างมากเพื่อไม่ให้สั่นสะท้านไปกับสัมผัสของอชิระ แต่ดูเหมือนประธานหนุ่มจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะนอกจากลูบไล้เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขย้ำหน้าอกอวบอิ่มของเธอเบาๆ“ท่านประธาน…อา” เสียงครางกระเส่าดังมาจากคนในอ้อมกอด เธอเผลอส่งเสียงที่ทำให้อชิระตื่นตัวแบบนี้เขาจะปล่อยให้เธอกลับบ้านได้ยังไง“ลูกหนูกำลังทำให้ผมหลง”“หนูเปล่า” สัมปันนีขบเม้มริมฝีปากอิ่มแล้วเผลอเอ่ยแทนตัวเองด้วยชื่อนั่นกลับยิ่งทำให้อชิระยิ่งลูบไล้เธอมากขึ้น “สีหน้ายั่วๆ แบบนี้ เสียงกระเส่าแบบนี้ มันทำร้ายผมมากรู้ไหม เพราะฉะนั้นลูกหนูต้องรับผิดชอบ”“ท่านประธาน”“ทำไมถึงยังเรียกผมว่าท่านประธาน” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“หนูอยากเรียก ในที่ทำงานหนูจะเรียกคุณว่าท่านประธาน”“แล้วนอกเวลางานจะเรียกว่าอะไร”“เอ่อ…” สัมปันนีอึกๆ อักๆ ทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำ“ว่าไงจะเรียกว่าอ

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 27

    “จะโกรธคุณ ฉันจะไปจากคุณ ฉันจะฆ่า…คุณ”“จะทำแบบนั้นกับผมจริงๆ นะเหรอลูกหนู” ขณะเอ่ยถามอิชระก็เร่งจังหวะนิ้วให้ถี่กระชั้นยิ่งขึ้น “ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำ ได้โปรดอย่างทรมานฉันแบบนี้อีกเลย” สัมปันนีครางกระเส่าออกมา ดูเหมือนว่าเวลานี้เธอไม่อาจต่อรองอะไรกับอชิระได้ทั้งนั้น เธอต้องรังเกียจสัมผัสจากเขาไม่ใช่โหยหาอย่างที่เป็นอยู่ แต่ไม่ว่าจะบอกตัวเองยังไงร่างกายและหัวใจกลับไม่ทำตามคำตอบที่ได้ยินทำให้อชิระยิ้ม ชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับบนร่างเปลือยของสัมปันนี เขาเองก็อดทนมามากพอแล้วเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันก่อนที่อชิระจะมอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ บดเบียดสะโพกสอบเข้าหาแล้วใช้หัวเข่าดันขาทั้งสองข้างของสัมปันนีให้แยกห่างออกจากกันจากนั้นก็ค่อยๆ แทรกตัวฝากฝังความเป็นชายที่เวลานี้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ให้เธอ ความคับแน่นก่อเกิดเป็นความเจ็บที่ทำให้สัมปันนีสะดุ้ง แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เธอก็ยังใหม่อยู่มาก“เจ็บใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับอย่างไม่ปิดบัง อชิระจึงเพิ่มความนุ่มนวลให

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 26

    อชิระยังคงมอบจูบให้สัมปันนีอย่างต่อเนื่อง ใช้ปากของตัวเองปิดปากของเธอพลอยทำให้จังหวะหายใจของสัมปันนีสะดุดตามไปด้วยนั่นเพราะเธอยังรับมือกับเรื่องนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก จูบลงโทษอยากเขาช่างร้อนแรงจนเธอไม่อาจต่อต้านได้นั่นเพราะแม้จะพยายามหลบเลี่ยงมากแค่ไหนก็ยังคงถูกประธานหนุ่มล็อคตัวไว้ได้และทำให้เธอดำดิ่งไปกับรสสวาทจนหาทางออกไม่ได้ โดยเฉพาะปลายลิ้นร้อนชื้นแสนชำนาญของอชิระตวัดเกี่ยวรัดกับปลายลิ้นของ สัมปันนีอย่างช่ำชอง นั่นทำให้สัมปันนีเผลอส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ยามที่ชายหนุ่มจูบอย่างดูดดื่มความรู้สึกต่อต้านค่อยๆ หายไปเหลือเพียงความโหยหาที่เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกแบบนั้นกับอชิระ เธอต้องผลักไสเขา เธอต้องรังเกียจเขาแต่แล้วทุกๆ อย่างกลับไม่เป็นแบบนั้น เสียงครางกระเส่าของ สัมปันนีทำให้อชิระถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง“นึกว่าจะไม่ได้ยินเสียงครางแบบนี้อีก”“คุณ” สัมปันนีกำลังจะด่าทอแต่ก็ถูกอีกฝ่ายปิดกั้นด้วยจูบที่ครั้งนี้ร้อนแรงและเต็มไปด้วยความต้องการ พร้อมกันนั้นอชิระก็จัดการถอดเสื้อของเธอออก แต่

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 25

    “อย่านะ”“งั้นก็ตอบตามความจริงมา” ลมหายใจอุ่นๆ รดอยู่บริเวณใบหน้าของสัมปันนีนั่นยิ่งทำให้เธอประหม่า“ท่านประธานจะอยากรู้ไปทำไมว่าใช่ฉันหรือไม่ใช่”“ผมถามเรื่องสร้อยข้อมือไม่ได้ถามสักคำว่าคืนนั้นใช่คุณไหม”“คุณอชิระ” เพราะความลนทำให้สัมปันนีพลาดพลั้ง จะปฏิเสธก็คงไม่ทันเสียแล้วรวมไปถึงคำพูดของประธานหนุ่มก็ยิ่งตอกย้ำให้สัมปันนีมั่นใจว่าเขาคือผู้ชายในคืนนั้นไม่ผิดแน่“เรียกชื่อกันแบบนี้ โกรธแล้วใช่ไหม”“เปล่าค่ะ ท่านประธาน” น้ำเสียงของสัมปันนีห้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โลกใบนี้ทำไมมันถึงไม่เมตตาเธอเลยสักนิด“ปล่อยฉันได้หรือยังคะ”“ปล่อยแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”“จะทำอะไร” เพราะเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้อีกครั้งสัมปันนีก็ถามขึ้นพร้อมกับออกแรงผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง“ต้องให้บอกด้วยเหรอ ทั้งๆ ที่เราก็โตๆ กันแ

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 24

    เพราะงานยังไม่เสร็จทำให้สัมปันนีจำต้องอยู่เป็นคนสุดท้ายของแผนก การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ ทำให้สัมปันนีเกิดอาการตาล้าและเมื่อยแถวๆ หัวไหล่ลามไปจนถึงบ่าและหลัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องรีบทำเพราะถ้าไม่เสร็จก็ส่งงานให้คนอื่นทำต่อไม่ได้ ในขณะที่เธอกำลังขะมักเขม้นจดจ่อกับการเคลียร์งานอยู่นั้น จู่ๆ ไฟส่วนกลางที่ตั้งเวลาไว้ก็ดับลงพรึบ!สัมปันนีถึงกับสะดุ้งโหยงพร้อมกับขนเส้นเล็กๆ บนร่างกายก็พากันลุกซู่ด้วยความพร้อมเพรียง เธอนั่งตัวตรงแล้วจู่ๆ เรื่องผีในออฟฟิศที่พึ่งฟังจากรายการผีรายการหนึ่งก็ผุดเข้ามาโลดแล่นในหัวเป็นเรื่องเป็นราว จินตนาการฟุ้งไปหมดเพราะมองไปมุมไหนก็เจอแต่ความมืดและเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงหายใจแสงที่มีตอนนี้มาจากคอมพิวเตอร์บนโต๊ะของเธอเท่านั้น สัมปันนีนั่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหอบงานกลับไปทำต่อที่บ้านดีกว่าทนทำงานต่อในบรรยากาศแบบนี้ เธออาศัยแสงจากไฟฉายในโทรศัพท์นำทาง เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ คล้ายมีลมเย็นๆ ผ่านไปเมื่อครู่รวมถึงรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่“เอาเป็นว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำบุญให้” สัมปันนี

DMCA.com Protection Status