ตุลธรกลับมาถึงห้องก็รีบทำธุระส่วนตัวจากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือเหมือนกับกับทุกคืน แต่อ่านยังไงก็ไม่รู้เรื่องเพราะตอนนี้เขาคิดถึงแต่ใบหน้าเคร่งเครียดของปณิชา เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงเป็นแบบนั้น ชายหนุ่มไม่อยากจะเก็บความสงสัยไว้นาน เขาเลยตัดสินใจไลน์ไปหาเธออีกครั้งเผื่อเธอจะใจอ่อนและยอมเล่าเรื่องที่ติดอยู่ในใจให้เขาฟัง
“เหมยนอนหรือยัง”
“ยังค่ะ” หญิงสาวตอบทันทีที่เขาส่งข้อความไป
“ทำอะไรอยู่”
“นั่งหายใจทิ้งค่ะ” ปณิชาตอบตามความจริงเพราะหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟารับแขก
“ผมว่าอาการคุณไม่ค่อยดีนะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“เหมยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องไม่สบายใจนะ คุณไม่ต้องเล่าให้ผมฟังก็ได้ ผมแค่อยากนั่งเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง”
“แต่นี่มันดึกแล้วหมอไม่รีบนอนเหรอคะ”
“ปกติผมก็นอนเกือบจะเที่ยงคืนนี่มันเพิ่งจะสี่ทุ่มตกลงให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนนะ”
“ได้ค่ะ”
เพราะอยู่คอนโดเดียวกันตุลธรเลยไม่ต้องเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยากเขาเลยเดินลงไปกดออดที่หน้าห้องนอนของปณิชาทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ รอไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นซึ่งเขาพอจะเดาออกว่านั่นก็คือชุดนอนของเธอเช่นกัน
“เชิญค่ะ หมอจะดื่มอะไรไหมในห้องเหมยมีเบียร์นะคะ”
“ปกติคุณดื่มเบียร์ด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ เหมยซื้อมาหมักผมแต่ไหนๆ คืนนี้ก็นอนไม่หลับแล้วกินสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร หมอเอาด้วยไหมคะ พรุ่งนี้หมอมีตรวจตรวจคนไข้แต่เช้าหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้ผมมีตรวจเช้าแต่กินแค่กระป๋องเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“งั้นหมอนั่งรอหน้าทีวีเลยค่ะเดี๋ยวเหมยเอา”
ปณิชาเดินมาหยิบเบียร์ในตู้ที่มีทั้งหมดสี่กระป๋องส่งให้คุณหมอหนุ่มหนึ่งกระป๋องและของตัวเองอีกหนึ่งกระป๋องทั้งสองคนนั่งกันเงียบๆ ก่อนที่เจ้าของห้องจะหันมาถามเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
“หมอจะดูทีวีไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นเหมยเปิดเพลงได้ไหม”
“ได้สิ”
“ปกติหมอชอบฟังเพลงแบบไหนคะ”
“ผมชอบฟังเพลงสากลนะแล้วเหมยล่ะครับ”
“เหมยก็ชอบฟังเพลงสากลค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเหมยเก่งภาษาอังกฤษหรอกนะคะ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะครับ” เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวผ่อนคลายตุลธรก็ชวนเธอคุยมากขึ้น
“เพราะเหมยไม่ค่อยเข้าใจความหมายมันค่ะ ก็เลยทำให้ฟังซ้ำได้หลายๆ รอบ”
“แต่งานที่คุณทำอยู่มันก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษนะครับ”
“มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ภาษาที่ใช้กับคนไข้มันก็เป็นภาษาพื้นๆ ส่วนภาษาที่อยู่ในเพลงบางครั้งมันก็ยากที่เราจะเข้าใจความหมายแต่พอฟังไปก็รู้สึกเพลินค่ะ” ปณิชาพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาแล้วเปิดเพลงที่ตนเองฟังประจำเบาๆ พอให้ทั้งห้องไม่เงียบจนเกินไป
“หมอคะ”
“ว่าไงครับ”
“หมอว่าเหมยเป็นยังไงบ้าง”
“เป็นยังไงบ้างในที่นี้หมายถึงอะไร”
“ก็หมายถึงรวมๆ ค่ะหน้าตานิสัย”
“คุณเป็นคนที่สวยนะ นิสัยก็ดีน่ารักอีกอย่างคุณเป็นคนร่าเริงเข้ากับเด็กได้ดีเลยทีเดียว”
“แต่เหมยไม่มีเสน่ห์มัดใจผู้ชายเลยใช่ไหมคะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เหมยก็แค่สงสัยค่ะว่าเพราะอะไรคนคนหนึ่งถึงได้หายไปจากชีวิตเราโดยไม่มีเหตุผล ทำเหมือนเราเป็นธาตุอากาศ”
“นี่คือเหตุผลที่คุณซึมเย็นนี้ใช่ไหมล่ะ เล่าให้ผมฟังสิ”
“หมอตอบคำถามเหมยมาก่อนว่าในสายตาของผู้ชายเหมือนสวยใช่ไหม”
“สวยสิคุณเป็นคนสวยมากโดยเฉพาะเวลายิ้มมันดูมีเสน่ห์คุณดูสดใสนะ”
“ถ้าเหมยมีสวยเสน่ห์แล้วทำไมเขาถึงเลือกที่จะมองข้ามเหมยไปล่ะคะ”
“เขาคงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
“หมอคิดแบบนั้นเหรอคะ”
“ไม่รู้สิเท่าที่ผมรู้จักคุณมาหลายเดือนคุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์ถ้าเกิดผมเป็นแฟนคุณก็ไม่มีทางที่จะทิ้งคุณไปหรอก”
“แล้วถ้าเกิดสมมุติว่าหมอและเหมยเป็นแฟนกันหมอจะทิ้งเหมยไหมคะ”
“มันตอบไม่ได้นะว่าจะทิ้งไหม มันต้องดูด้วยว่าก่อนหน้านั้นเราทะเลาะกันหรือผิดใจกันเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ เราไม่เคยทะเลาะไม่เคยผิดใจกันเหมยตามใจเขาทุกอย่าง เขาก็ตามใจเหมยทุกอย่าง”
“ถ้าเป็นแบบที่คุณพูดมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะทิ้งคุณหรือเขามีคนอื่น”
“แล้วถ้าเป็นหมอตุลย์ หมอจะมีคนอื่นไหมคะ”
“ถ้าผมมีแฟนแล้วแฟนผมน่ารักนิสัยดีเข้ากับผมได้ทุกอย่างมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไปมีคนอื่นนะ”
“นั่นสิคะเหมยไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมผู้ชายถึงเข้าใจยากนักนะ”
“ผู้ชายมันไม่ได้เข้าใจยากทุกคนหรอกนะเหมย มันอยู่ที่ว่าเขาอยากให้เราเข้าใจเขาหรือเปล่า ไหนๆ คุณก็เราพูดมาถึงขนาดนี้แล้วลองเล่ามาซิว่าเขาเป็นใคร”
“หมอสัญญาได้ไหมก่อนได้ไหมคะ ถ้าเหมยเล่าให้ฟังแล้วหมอจะไม่หัวเราะเยาะเหมยและจะไม่มองเหมยเป็นผู้หญิงไร้ค่า”
“เหมยอย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิ ที่ผมอยากเล่าให้เหมยฟังก็เพราะอยากให้เหมยได้ระบายมันออกมาแล้ว มันจะรู้สึกดีขึ้น”
ปณิชามองหน้าเขาอย่างลังเลแต่ถ้าไม่ได้ระบายความรู้สึกออกมาให้ใครสักคนฟังคืนนี้เธอคงได้อกแตกตายแน่ๆ ถึงแม้เขาจะมีอาชีพเดียวกับคนต้นเหตุที่แต่มันก็ยังดีกว่าอึดอัดอยู่คนเดียว
“เรื่องมันเกิดนานแล้วค่ะ ตอนนั้นเหมยเพิ่งเรียนจบแล้วเหมยก็เจอกับเขา เขาชื่อหมอเอกวิทย์ค่ะ”
“เอกวิทย์รุ่นน้องของผมด้วยเหรอ”
“ค่ะ รุ่นน้องของหมอนั่นแหละค่ะ”
จากนั้นปณิชาก็เล่าเรื่องระหว่างเธอกับเอกวิทย์ให้กับหมอตุลธรฟังอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้พาขวัญและอารดาฟังเมื่อวันก่อน
ตุลธรนั่งฟังและพยายามใช้ความคิดตามไปด้วยเขานึกไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุผลอะไรเอกวิทย์ถึงทิ้งผู้หญิงที่น่ารักและจิตใจดีอย่างปณิชาไปได้ เพราะถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีทางทิ้งผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด
พอฟังจบเพราะเราจบปณิชาก็หัวเราะ เมื่อได้ระบายความรู้สึกออกมาจนก็รู้สึกโล่งมาก
“ผมว่ามันไม่เมคเซ็นส์เลยนะ คุณได้ถามเขาไหมว่าเพราะอะไร ผมว่ามันต้องมีเหตุผลสิ”
“ก็อย่างที่เล่าค่ะ เหมยถามจนอายตัวเองแล้วแต่เขาก็ไม่เคยตอบ แล้วหมอเห็นไหมล่ะวันนี้ที่เขาเจอกับเหมย เขาทักทายเหมยเหมือนว่าระหว่างเหมยกับเขาไม่เคยเกิดอะไรขึ้น”
“คุณยังรักเขาอยู่ไหม” ที่ถามเพราะถ้าปณิชายังรักเอกวิทย์เขาก็จะถอยออกมาจากชีวิตเธอ ถึงแม้จะรู้สึกชอบปณิชามากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร
“ไม่เลยค่ะ บางทีเหมยอาจจะไม่เคยรักเขาก็ได้นะคะ มันอาจจะเป็นแค่ความหลงอย่างที่เพื่อนเหมยบอก”
“แต่เหมยดูเหมือนมีอะไรในใจ”
“ค่ะ ในหัวเหมยมีแต่ความสงสัยและอยากรู้ว่ามันเพราะอะไรเขาถึงเป็นแบบนั้น”
“เพราะอะไรถึงอยากรู้ละครับ”
“เหมยอยากปลดล็อกความรู้สึกของตนเองค่ะ ถ้ามันยังคาใจอยู่แบบนี้เหมยก็คงไม่กล้าคบกับใครอีก”
“หลังจากเลิกกับเขาคุณมีแฟนอีกไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“หมายความว่าถ้าคุณไม่รู้สาเหตุคุณก็จะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปตลอดเหรอครับ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะ เขาไปแต่งงานมีครอบครัวแต่เหมยยังจมอยู่กับความคิดว่าตัวเองไม่ดีแบบนี้”
“เหมยไม่ได้คิดจะเป็นโสดไปตลอดหรอกค่ะ เหมยแค่รอเวลาและรอใครสักคนที่คิดว่ารักเหมยจริงและจะไม่ทิ้งเหมยไปอีก”
“ผู้ชายแบบไหนที่เหมยชอบล่ะ”
“เหมยชอบคนใจเย็นและเอาใจเก่งค่ะ นิสัยก็ต้องดี ไม่รำคาญเวลาที่เหมยอยู่ใกล้ เหมยติดสกินชิพค่ะ ที่สำคัญต้องหล่อด้วยค่ะ หมอตุลย์ว่ามันมากไปไหม”
“ไม่หรอกครับ แต่ผมได้ยินมาว่าเหมยไม่ชอบอาชีพหมอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ เหมยไม่อยากเสียใจเหมือนเดิม”
“หมอไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนนี่ครับ” ตุลธรคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่เธอจะมองหมอในแง่ลบเพียงเพราะผิดหวังจากหมอแค่คนเดียว
“เหมยรู้ค่ะว่าหมอไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน เหมยอาจจะอคติกับอาชีพนี้มากไปหน่อยแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อมันรู้สึกแบบนั้นไปแล้ว”“แล้วที่ผ่านมานอกจากรุ่นน้องของผมแล้วเคยมีหมอเข้ามาจีบบ้างไหม”“ก็พอมีบ้างค่ะ”“แล้วคุณปฏิเสธเขาไปทันทีเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะถึงเหมยจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเหมยจะปฏิเสธและไม่คุยกับเขา แต่สถานะแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยกับพวกเขามันก็เป็นได้แค่เพื่อน แล้วผู้ชายที่ไหนเขาอยากจะมาเป็นเพื่อนกับผู้หญิงกันล่ะคะ พอเหมยบอกไปแบบนั้นพวกเขาถอยห่างค่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายมันยากค่ะที่จะเป็นเพื่อนกันได้”“แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ไง”“เราอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะแต่ไม่ใช่เพื่อนในชีวิตจริง แต่บางทีหมออาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้ค่ะ”“เพราะอะไรผมถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะครับ”“เพราะหมอตุลย์เป็นหมอเด็กมั้งคะ”“ผมเป็นหมอเด็กแล้วมันแตกต่างจากหมออื่นยังไง”“เหมยมองหมอเด็กว่าเป็นหมอที่จิตใจดีและอ่อนโยนกว่าสาขาอื่นค่ะ”“ในเมื่อคุณคิดว่าผมจิตใจดีแล้วทำไมเราสองคนไม่ลองคบกันดูล่ะ” เมื่อสบโอกาสตุลธรก็รีบคว้ามันไว้“อะไรนะคะ หมอกินเบียร์ไปแค่กระป๋องเดียวเมาแล้วเหรอ”“เมาที่ไหนกันล่ะ เบียร์แค่กระป
“ผมบอกข้อดีของผมไปหมดแล้วนะ ตกลงเหมยจะคบกับผมแล้วใช่ไหมครับ” ตุลธรทวงคำตอบ“หมอตุลย์บอกแค่ข้อดีของตัวเองนะคะแล้วข้อเสียล่ะ”“ข้อเสียเหรอครับ” ชายหนุ่มทำท่าทางคิดหนัก“ใช่ค่ะ หมอคงไม่มีแต่ข้อดีหรอกนะคะ”“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับข้อเสียผมก็มีเหมือนกัน”“เช่นอะไรบ้างคะ”“เช่น ขี้หึง ขี้เหงาแล้วก็ขี้เอาครับ” ตุลธรยิ้มเจ้าเล่ห์หลังจากตอบข้อเสียขอสุดท้ายของตัวเองออกไป“ขอสุดท้ายอะไรนะคะ” ปณิชาไม่แน่ใจว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่าเลยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง“ชี้เซาครับ” เขารีบแก้ตัว“โล่งออกไปทีค่ะ”“เหมยได้ยินเป็นอะไร”“ช่างมันเถอะค่ะ” ปณิชาเห็นรอยยิ้มและท่าทางไม่ไว้ใจของเขาแล้วก็รู้สึกว่าสถานการณ์มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่“ผมบอกข้อดีและข้อเสียไปหมดแล้วนะครับทีนี้เหมยจะตกลงคบกับผมได้หรือยังล่ะ ถ้านับดีๆ ข้อดีผมมีมากกว่าข้อเสียนะครับ ถ้าปฏิเสธคงดูเป็นคนที่ใจร้ายไม่เหมาะกับเป็นพยาบาลแผนกเด็กนะครับ” ชายหนุ่มทวงคำตอบอีกครั้งเมื่อเห็นเธอเงียบไป“ดูเหมือนว่าหมอตุลย์จะมั่นใจมากว่าเหมยจะตอบตกลงนะคะ”“ผมรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางปฏิเสธหรอก”“เหมยก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้อดีที่หมอพูดมาทั้งหมดนั้นจะเป็นความจริงทุกอย่า
เสียงลมหายใจของหมอตุลธรดังสม่ำเสมอแล้ว แต่คนที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงยังนอนไม่หลับ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมให้ผู้ชายขึ้นมานอนบนเตียงด้วย มันดูกล้าและบ้าบิ่นมากแต่ในเมื่อเปิดใจจะคบกับเขาแล้วเธอก็อยากทำทุกๆ วันให้มีความสุข เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าการคบกันครั้งนี้จะจบลงตอนไหน บางทีอาจจะแค่ไม่กี่วันหรืออาจจะนานเป็นปีเหตุผลที่เธอยอมเปิดใจคบกับหมอตุลธรไม่ใช่เพราะอยากให้เขามาแทนที่คนรักเก่าแต่เพราะคุยกับเขาแล้วรู้สึกว่าทัศนคติและความคิดของเขามันเข้าท่า ตั้งแต่ได้ร่วมงานกันมาเกือบจะสามเดือนเธอยังไม่เคยเห็นเขาโมโห อารมณ์ร้อนหรือชักสีหน้าใส่แม้ว่าบางครั้งจะตรวจคนไข้โดยไม่ได้ทานข้าวแต่เขาก็ยิ้มแย้มอยู่ตลอด สิ่งที่ประทับใจในตัวเขาอีกอย่างก็คือเวลาที่เขาขับรถแล้วมีคนขับปาดหน้า หรือขับแทรกเข้ามาตุลธรก็ไม่เคยหัวเสียหรือสบถสักครั้งมันเลยทำให้เธอรู้สึกดีเพราะปณิชาชอบคนอบอุ่นและใจเย็นหญิงสาวนอนตะแคงมองใบหน้าของเขาผ่านความมืดไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมาไม้ไหนแต่ในเมื่อเขายอมที่จะพูดตรงๆ เธอก็ยอมที่จะเปิดใจรับเขาเหมือนกันเรื่องของหมอเอกวิทย์ยังค้างคาอยู่ในใจแต่เธอจะพยายามลืมเรื่องราวทุกอย่างเพราะตอนนี้
ขับรถออกมาจากคอนโดไม่นานตุลธรก็แวะรับกาแฟร้านโปรดซึ่งเขาถือแซนด์วิชติดมือมาด้วยอีกสองถุง“นี่ของเหมยนะ ส่วนถุงนี้เดี๋ยวผมเอาไปกินที่ทำงาน”“ขอบคุณค่ะหมอตุลย์ใจดีเหมือนกันนะคะ” เธอรับทั้งกาแฟและแซนด์วิชมาแล้วก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของเขา“ผมไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ บางครั้งก็ร้าย”“แต่คงไม่ใจร้ายกับเหมยใช่ไหมคะ”“เหมยไม่ต้องกลัวหรอกเพราะผมจะไม่ร้ายกับคนที่ผมรักหรอกครับ”ตุลธรพูดแล้วหันมายิ้ม คำพูดของเขามันเป็นยาใจอย่างหนึ่งทำให้ปณิชารู้สึกสดชื่นและวันนี้เธอคงทำงานอย่างมีความสุขไปตลอดวันชายหนุ่มจอดรถส่งเธอที่หน้าโรงพยาบาลจากนั้นเขาก็ตรงไปยังโรงพยาบาลที่ตนเองทำงานอยู่ ระยะทางระหว่างโรงพยาบาลของที่ปณิชาทำงานกับโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ไม่ได้ไกลกันมากถ้าหากตอนกลางวันเขาจะมารับเธอไปทานข้าว มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่ชายหนุ่มรู้ว่าพยาบาลอย่างเธอทานอาหารไม่ค่อยเป็นเวลาเขาเลยเลิกล้มความคิดนี้เพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากเกินไปตุลธรมาถึงโรงพยาบาลทำงานในเวลา 8 โมงเช้าพอดี วันนี้เขามีตารางตรวจผู้ป่วยนอก 9 โมงเช้า ชายหนุ่มจึงขึ้นไปดูผู้ป่วยที่สั่งแอดมิทไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน“สวัสดีค่ะ
เย็นนี้ตุลธรก็มาตรวจที่คลินิกเหมือนกับทุกวันแต่พยาบาลที่มาทำงานวันนี้คือกชกรซึ่งมาทำงานกับเขาได้สองปีแล้วเขาตรวจคนไข้ไปได้ไม่นานเอกวิทย์ก็พาลูกชายมาตรวจตามที่บอกตุลธรไว้เมื่อวานตุลธรรู้สึกโล่งใจมากที่วันนี้ผู้ช่วยของเขาไม่ใช่ปณิชาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเสียใจเหมือนเมื่อวานหรือเปล่าตุลธรตรวจไปตามขั้นตอนจนกระทั่งลูกชายของเอกวิทย์ตรวจและฉีดวัคซีนเสร็จ พอดีกับเขาไม่มีคนไข้รอตรวจจึงได้ชวนเพื่อนรุ่นน้องคุย“น้องออมสินน่ารักดีนะ หน้าเหมือนนายมากเลย”“ดีแล้วครับที่ลูกหน้าเหมือนผม ผมไม่อยากให้เหมือนแม่”“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ” ตุลธรมองหน้ารุ่นน้องแล้วถามด้วยความสงสัย“ก็ออมสินเป็นลูกของผมแค่คนเดียว”“มีอะไรที่พี่ไม่รู้เกี่ยวกับนายและแม่ของออมสินหรือเปล่า”“ผมเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวครับพี่”“พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้นายลำบากใจ”“ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องมันผ่านมานานแล้ว”“เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมานานแล้วเหรอ” ที่เขาถามเพราะเห็นว่าเอกวิทย์ดูจะถนัดกับการดูแลลูก“สองปีแล้วครับ”“นายไม่คิดจะหาใครมาช่วยเลี้ยงเหรอ”“ผมก็มีพี่เลี้ยงอยู่แล้วนี่ครับ”“พี่หมายถึงผู้หญิงสักคนที่จะมาทำหน้าที่แม่ให้ออม
หลังอาบเสร็จปณิชาก็นั่งดูทีวีระหว่างรอเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ให้กับตุลธรฟัง หญิงสาวดูทีวีได้ไม่นานเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้นเธอเดินไปเปิดและเชิญเขาเข้ามานั่งด้านใน“ก่อนคุณจะเล่าให้ผมฟังผมขอกินเบียร์ไปด้วยระหว่างฟังได้ไหมล่ะ”“เหมยเพิ่งแช่เย็นไปเมื่อกี้นะคะหมอยังไม่เย็นหรอกเดี๋ยว”“ผมเอาใส่ช่องฟรีซก็ได้แป๊บเดียวก็เย็น”“เชิญหมอทำตามสบายเลยค่ะ” ปณิชามองคนที่กำลังเอาเบียร์ใส่ตู้เย็นราวกับที่นี่เป็นห้องของตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ตกลงคบกับเขา ผู้ชายที่ดูสุขุมเรียบร้อยแต่เวลาอยู่กันตามลำพังแล้วเขาก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ในเมื่อตกลงไปแล้วก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด“ผมพร้อมจะฟังแล้ว เล่ามาได้เลยครับว่านี้คุณเจออะไรมาบ้าง” ตุลธรเดินกลับมานั่งลงใกล้ๆ กับปณิชาที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟา“วันนี้มีคนโทรหาเหมยค่ะ”“ใครครับ”“ก็หมอรุ่นน้องของคุณไงคะ”“หมอเอกเหรอครับ”“ใช่ค่ะ”“เขาโทรมาทำไม” ตุลธรถามด้วยความร้อนใจ“ก็โทรมาคุยเรื่องทั่วๆ ไป เขาถามว่าเหมยสบายดีไหมแล้วก็อยากนัดเจอเหมยค่ะ”“แล้วเหมยตอบเขาไปว่ายังไง บอกเขาหรือเปล่าว่าเหมยมีแ
เป็นอีกหนึ่งคืนที่ตุลธรค้างในห้องของปณิชาหมอนข้างที่หญิงสาวเคยวางกันไว้ในวันแรกถูกย้ายไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงเพราะตอนนี้เจ้าของห้องกับผู้อาศัยขยับเข้ามานอนกอดกันจนกระทั่งถึงเช้าของวันใหม่ ตุลธรไม่เคยใจเย็นและอดทนกับเรื่องบนเตียงได้แบบนี้มาก่อนแต่เพราะครั้งนี้เขาอยากจะคบกับปณิชาอย่างจริงจังเพราะเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมา หญิงสาวเป็นคนจิตใจดีและมีทัศนคติเชิงบวก ซึ่งเวลาอยู่ใกล้แล้วทำเขารู้สึกดีและอยากจะตื่นมาเจอเธอในเวลาเช้าแบบนี้ทุกๆ วัน เขาอยากให้การคบกันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ที่เขาเคยทำมาตลอดนั้นไม่เคยถูกนำมาใช้กับผู้หญิงที่ชื่อว่าปณิชาชายหนุ่มยอมรับว่าจากที่เคยคิดจะจีบเธอเล่นๆ เพื่อทำลายกำแพงที่เธอกั้นไว้ แต่พอได้อยู่ใกล้ตัวเองก็หลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรักปณิชาทั้งๆ ที่เพิ่งได้รู้จักกันไม่นาน ตุลธรคิดว่าบางครั้งความรักมันก็ไร้เหตุผลเช้าวันนี้เขารีบตื่นนอนก่อนเจ้าของห้องจะตื่นเพราะตัวเองมีคนไข้ที่ต้องราวน์เยอะกว่าทุกวัน แต่พอขยับตัวจะลุกจากเตียงหญิงสาวก็ตื่นมาพอดี“มอร์นิ่งครับ”“มอร์นิ่งค่ะ”“ผมอยากนอนกอดคุณต่อนะ แต่เช้า
เมื่อเอกวิทย์กลับไปแล้วปณิชาก็กลับมาในห้องพักเบรกอีกครั้งเพราะเธอยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน“คนที่มาหาเหมยคือหมอเอกใช่ไหม” พาขวัญที่นั่งทานข้าวอยู่ก่อนถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะนานแล้วที่เธอไม่เจอกับหมอเอกวิทย์คนที่ทำให้เพื่อนอกหักเมื่อสองปีก่อน“ใช่จ้ะ ขวัญจำเขาได้เหรอ”“จำได้สิ เขามาทำไม เหมยยังติดต่อกับเขาอยู่เหรอ”“เหมยบังเอิญเจอเขาที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน แต่ไม่รู้ว่าเขาตามมาที่นี่ถูกได้ยังไงเหมือนกัน”“เขามาคุยอะไรกับเหมยล่ะ”“เรื่องมันยาวเดี๋ยวเล่าให้ฟังตอนไปซื้อของนะ ตอนนี้ขอกินข้าวก่อนหิวมากๆ เลย”เมื่อถึงเวลาเลิกงานปณิชาและพาขวัญก็พากันไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแต่คนมาใช้บริการเยอะ ร้านอาหารก็มีคนนั่งเต็มไปหมดทั้งสองคนเลยยังไม่ได้คุยกัน พาขวัญเลยเสนอว่าจะสั่งอาหารไปกินที่คอนโดของปณิชา“กินส้มตำในห้องได้แน่นะเหมย”“ได้สิ”“ไม่กลัวกลิ่นติดห้องใช่ไหม”“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวพอกินเสร็จก็เปิดหน้าต่างให้อากาศระบายแล้วก็ฉีดสเปร์ดับกลิ่นก็หายเหม็นแล้ว”“ถ้าเหมยโอเคขวัญสั่งเลยนะ พอไปถึงคอนโดอาหารก็น่าจะถึงพอดี เอาแบบเดิมที่เคยกินใช่ไหม”“ใช่เอาแบบเดิมเลยอย่าลืมไก่ย่างกับตับด้วยนะ”
เพราะอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นปณิชาและตุลธรก็เลยเดินทางออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เย็นวันเสาร์พวกเขามาถึงบ้านพักที่หัวหินในเวลาเกือบหนึ่งทุ่มหลังจากที่เอาของใช้เก็บเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็พากันไปเดินซื้ออาหารรับประทานที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน บรรยากาศในคืนวันศุกร์แบบนี้คนค่อนข้างเยอะ ตุลธรเลยเดินจับมือหญิงสาวไม่ยอมปล่อยเพราะกลัวว่าจะพลัดหลง แม้ปณิชาจะบอกว่าเธอไม่ใช่เด็กแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ“หมอคะหมอกินเครปไหม” ปณิชาถามเมื่อเดินผ่านร้านที่ตอนนี้มีคนยืนรออยู่ประมาณ 5 คน“ท่าทางน่าอร่อยเหมือนกันนะ”“แต่คิวยาวมากเดี๋ยวเหมยต่อเอง หมอก็ไปหาอย่างอื่นกินระหว่างรอหรือไปหาร้านที่มีที่นั่งกินก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมเย็นรอก็ได้ เหมยจะเดินไปหาซื้ออย่างอื่นก่อนไหม เดี๋ยวผมรอซื้อเครปให้เองจะเอาหน้าอะไรแบบไหนสั่งผมไว้ก็ได้”“หมอล่ะคะ”“ผมว่าเรากินอันเดียวกันดีกว่าไหม จะได้ไม่อิ่มมากที่นี่ของกินเยอะเลยผมอยากจะกินหลายๆ อย่าง”“ได้ค่ะ หมอตุลย์อยากกินหน้าอะไรล่ะคะ”“ผมชอบช็อกโกแลต”“เอาหน้าช็อกโกแลตฝอยทองดีไหมคะ”“ครับ”“เหมยว่าจะไปหาซื้อน้ำมากินสักหน่อยเดี๋ยวกลับมานะคะ”ปณิชาหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับน้ำและ
วันนี้หลังเลิกงานในเวลาสองทุ่ม ปณิชาก็เดินออกไปรอหมอตุลธรที่หน้าโรงพยาบาล เธอยังไม่อยากเดินไปขึ้นรถพร้อมกับเขาเนื่องจากกลัวว่าจะมีคนอื่นในที่ทำงานเห็น ตุลธรเองก็พยายามจะเข้าใจตรงจุดนี้แต่ถ้าหากว่ามีใครรู้หรือใครถามเขาก็จะบอกไปตรงๆ ว่าตอนนี้ตนเองกำลังคบกับปณิชาอยู่พอชายหนุ่มมาจอดรถที่หน้าโรงพยาบาลปณิชาก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นมาเห็นและเธอไม่รู้จะตอบคำถามยังไง“เหนื่อยไหม”คำถามแรกที่เขาถามมันทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าความเหนื่อยตลอดทั้งวันนั้นหายไปหมดสิ้น“เหนื่อยค่ะ หมอล่ะคะเหนื่อยไหมคะ”“เหนื่อยมากครับ คนไข้วันอาทิตย์เยอะเหมือนกันนะแต่ถ้าได้ขึ้นเวรกับเหมยแบบนี้ก็ดีนะครับ ได้เห็นเหมยตลอดผมก็รู้สึกหายเหนื่อยเลย”“อย่าเพิ่งหวานใส่เหมยตอนนี้เลยนะคะ เหมยว่าเราสองคนควรไปหาอะไรกินดีกว่าค่ะ หมออยากกินอะไรล่ะคะวันนี้เหมยตามใจหมอเลยค่ะ”“ทำไมถึงตามใจผมล่ะ”“ไม่รู้สิคะก็แค่อยากตามใจแล้วหมอไม่ชอบเหรอคะ”“ผมชอบนะแต่ผมอยากตามใจเหมยมากกว่า เหมยอยากกินอะไรล่ะ”“กินชาบูหรือปิ้งย่างได้ไหมคะ”“ได้ครับเหมยอยากกินอะไร”“กินชาบูก็ได้ค่ะ เหมยมีร้านที่ไปกินอยู่ร้านหนึ่งไม่ไกลจาก
การคบกันของตุลธรและปณิชายังคงเป็นความลับในโรงพยาบาลเอกชนที่ทั้งสองคนทำงานอยู่ ตุลธรยังมาออกตรวจแทนพี่รหัสอย่างเดิมทั้งที่พี่รหัสก็ครบกำหนดลาคลอดแล้วแต่อยากจะมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้นจึงขอตรวจแค่เวลากลางวันเท่านั้น“แพรวาคนไข้ผมหมดแล้วใช่ไหม” ตุลธรถามหลังจากที่เขาตรวจคนไข้ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ไปแล้วเกือบ 10 คน“ค่ะ ตอนนี้หมดแล้วแต่มีดีเทลมาขอพบค่ะ หมอลตุลย์จะให้เข้าพบไหมคะ” แพรวาหมายถึงตัวแทนของบริษัทยาซึ่งทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลยากับแพทย์และเภสัชกร“ได้ครับ แต่ถ้ามีคนไข้แพรวาเข้ามาบอกนะ ผมไม่อยากให้คนไข้รอนาน” การได้คุยกับดีเทลยาบางครั้งก็ทำให้ได้อัปเดตตัวยาใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งเขาก็ต้องสั่งไปใช้ที่คลินิกของตนเอง“ได้ค่ะหมอ” แพรวาออกมาบอกกับดีเทลยาสาวสวยทั้งสองคนให้เข้าพบก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล“คนไข้หมอตุลย์หมดแล้วเหรอแพรวา” เพราะถ้ามีคนไข้อยู่ในห้องพนักงานผู้ช่วยจะต้องอยู่ในห้องตรวจด้วย“ค่ะพี่ขวัญ”“แล้วตอนนี้หมอตุลย์ทำอะไรอยู่ละแพรวาพี่มีอะไรจะถามเขาสักหน่อย”“คุยกับคุณเอมและคุณก้อยค่ะ”“ใช่คนที่สวยๆ หุ่นดีๆ ไหม”“ใช่ค่ะพี่ขวัญ สวยมากๆ ทั้งสองคนเลย” แพรวาตอบไปตาม
ตุลธรนั่งทานส้มตำไก่ย่างกับสองสาวจนอิ่มเขาก็ขอตัวกลับห้องของตัวเองเพราะอยากให้ปณิชากับพาขวัญได้คุยกันต่อ เขาไม่รู้ว่าคืนนี้พาขวัญจะค้างที่ห้องของปณิชาหรือเปล่า แต่จะโทรถามก็กลัวว่าจะรบกวนเธอจนเกินไปหลังจากปิดไฟนอนไปแล้วเกือบชั่วโมงตุลธรก็นอนไม่หลับเขาจึงโทรไปถามรปภ. ว่ารถของเพื่อนปณิชาออกไปหรือยังเมื่อได้คำตอบแล้วชายหนุ่มก็รีบปิดไฟห้องนอนของตัวเองและลงลิฟต์มายังห้องของปณิชา โชคดีที่พาขวัญกระซิบบอกรหัสเข้าห้องของปณิชาไว้เขาเลยไม่ต้องปลุกเจ้าของห้องชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ทั้งห้องมืดสนิทตุลธรอาศัยแสงสว่างจากโทรศัพท์เดินไปยังห้องนอนของปณิชาแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเบาที่สุด ปณิชาตกใจที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนมานอนข้างๆ เธอรีบลุกเพื่อจะเอื้อมไปเปิดไฟบริเวณหัวเตียงแต่ตุลธรก็กอดเธอไว้ก่อนรีบพูดขึ้น“ผมเองเหมย”“หมอตุลย์เหรอคะ”“ครับ”“หมอเข้ามาได้ยังไง”“อย่าพึ่งถามเลยว่าผมมาได้ยังไงตอนนี้ผมง่วงขอนอนก่อนนะ”“ง่วงขนาดนี้แล้วจะมาลงมานอนกับเหมยทำไมคะ”“ก็นอนข้างบนมันนอนไม่หลับนี่ เหมยใจร้ายมากเลยนะ เพื่อนกลับไปตอนไหนก็ไม่เห็นโทรบอกผมเลย”“หมอไม่ได้สั่งไว้นี่คะ”“ผมก็นึกว่าเหมยจะรู้เ
เมื่อเอกวิทย์กลับไปแล้วปณิชาก็กลับมาในห้องพักเบรกอีกครั้งเพราะเธอยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน“คนที่มาหาเหมยคือหมอเอกใช่ไหม” พาขวัญที่นั่งทานข้าวอยู่ก่อนถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะนานแล้วที่เธอไม่เจอกับหมอเอกวิทย์คนที่ทำให้เพื่อนอกหักเมื่อสองปีก่อน“ใช่จ้ะ ขวัญจำเขาได้เหรอ”“จำได้สิ เขามาทำไม เหมยยังติดต่อกับเขาอยู่เหรอ”“เหมยบังเอิญเจอเขาที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน แต่ไม่รู้ว่าเขาตามมาที่นี่ถูกได้ยังไงเหมือนกัน”“เขามาคุยอะไรกับเหมยล่ะ”“เรื่องมันยาวเดี๋ยวเล่าให้ฟังตอนไปซื้อของนะ ตอนนี้ขอกินข้าวก่อนหิวมากๆ เลย”เมื่อถึงเวลาเลิกงานปณิชาและพาขวัญก็พากันไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแต่คนมาใช้บริการเยอะ ร้านอาหารก็มีคนนั่งเต็มไปหมดทั้งสองคนเลยยังไม่ได้คุยกัน พาขวัญเลยเสนอว่าจะสั่งอาหารไปกินที่คอนโดของปณิชา“กินส้มตำในห้องได้แน่นะเหมย”“ได้สิ”“ไม่กลัวกลิ่นติดห้องใช่ไหม”“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวพอกินเสร็จก็เปิดหน้าต่างให้อากาศระบายแล้วก็ฉีดสเปร์ดับกลิ่นก็หายเหม็นแล้ว”“ถ้าเหมยโอเคขวัญสั่งเลยนะ พอไปถึงคอนโดอาหารก็น่าจะถึงพอดี เอาแบบเดิมที่เคยกินใช่ไหม”“ใช่เอาแบบเดิมเลยอย่าลืมไก่ย่างกับตับด้วยนะ”
เป็นอีกหนึ่งคืนที่ตุลธรค้างในห้องของปณิชาหมอนข้างที่หญิงสาวเคยวางกันไว้ในวันแรกถูกย้ายไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงเพราะตอนนี้เจ้าของห้องกับผู้อาศัยขยับเข้ามานอนกอดกันจนกระทั่งถึงเช้าของวันใหม่ ตุลธรไม่เคยใจเย็นและอดทนกับเรื่องบนเตียงได้แบบนี้มาก่อนแต่เพราะครั้งนี้เขาอยากจะคบกับปณิชาอย่างจริงจังเพราะเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมา หญิงสาวเป็นคนจิตใจดีและมีทัศนคติเชิงบวก ซึ่งเวลาอยู่ใกล้แล้วทำเขารู้สึกดีและอยากจะตื่นมาเจอเธอในเวลาเช้าแบบนี้ทุกๆ วัน เขาอยากให้การคบกันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ที่เขาเคยทำมาตลอดนั้นไม่เคยถูกนำมาใช้กับผู้หญิงที่ชื่อว่าปณิชาชายหนุ่มยอมรับว่าจากที่เคยคิดจะจีบเธอเล่นๆ เพื่อทำลายกำแพงที่เธอกั้นไว้ แต่พอได้อยู่ใกล้ตัวเองก็หลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรักปณิชาทั้งๆ ที่เพิ่งได้รู้จักกันไม่นาน ตุลธรคิดว่าบางครั้งความรักมันก็ไร้เหตุผลเช้าวันนี้เขารีบตื่นนอนก่อนเจ้าของห้องจะตื่นเพราะตัวเองมีคนไข้ที่ต้องราวน์เยอะกว่าทุกวัน แต่พอขยับตัวจะลุกจากเตียงหญิงสาวก็ตื่นมาพอดี“มอร์นิ่งครับ”“มอร์นิ่งค่ะ”“ผมอยากนอนกอดคุณต่อนะ แต่เช้า
หลังอาบเสร็จปณิชาก็นั่งดูทีวีระหว่างรอเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ให้กับตุลธรฟัง หญิงสาวดูทีวีได้ไม่นานเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้นเธอเดินไปเปิดและเชิญเขาเข้ามานั่งด้านใน“ก่อนคุณจะเล่าให้ผมฟังผมขอกินเบียร์ไปด้วยระหว่างฟังได้ไหมล่ะ”“เหมยเพิ่งแช่เย็นไปเมื่อกี้นะคะหมอยังไม่เย็นหรอกเดี๋ยว”“ผมเอาใส่ช่องฟรีซก็ได้แป๊บเดียวก็เย็น”“เชิญหมอทำตามสบายเลยค่ะ” ปณิชามองคนที่กำลังเอาเบียร์ใส่ตู้เย็นราวกับที่นี่เป็นห้องของตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ตกลงคบกับเขา ผู้ชายที่ดูสุขุมเรียบร้อยแต่เวลาอยู่กันตามลำพังแล้วเขาก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ในเมื่อตกลงไปแล้วก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด“ผมพร้อมจะฟังแล้ว เล่ามาได้เลยครับว่านี้คุณเจออะไรมาบ้าง” ตุลธรเดินกลับมานั่งลงใกล้ๆ กับปณิชาที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟา“วันนี้มีคนโทรหาเหมยค่ะ”“ใครครับ”“ก็หมอรุ่นน้องของคุณไงคะ”“หมอเอกเหรอครับ”“ใช่ค่ะ”“เขาโทรมาทำไม” ตุลธรถามด้วยความร้อนใจ“ก็โทรมาคุยเรื่องทั่วๆ ไป เขาถามว่าเหมยสบายดีไหมแล้วก็อยากนัดเจอเหมยค่ะ”“แล้วเหมยตอบเขาไปว่ายังไง บอกเขาหรือเปล่าว่าเหมยมีแ
เย็นนี้ตุลธรก็มาตรวจที่คลินิกเหมือนกับทุกวันแต่พยาบาลที่มาทำงานวันนี้คือกชกรซึ่งมาทำงานกับเขาได้สองปีแล้วเขาตรวจคนไข้ไปได้ไม่นานเอกวิทย์ก็พาลูกชายมาตรวจตามที่บอกตุลธรไว้เมื่อวานตุลธรรู้สึกโล่งใจมากที่วันนี้ผู้ช่วยของเขาไม่ใช่ปณิชาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเสียใจเหมือนเมื่อวานหรือเปล่าตุลธรตรวจไปตามขั้นตอนจนกระทั่งลูกชายของเอกวิทย์ตรวจและฉีดวัคซีนเสร็จ พอดีกับเขาไม่มีคนไข้รอตรวจจึงได้ชวนเพื่อนรุ่นน้องคุย“น้องออมสินน่ารักดีนะ หน้าเหมือนนายมากเลย”“ดีแล้วครับที่ลูกหน้าเหมือนผม ผมไม่อยากให้เหมือนแม่”“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ” ตุลธรมองหน้ารุ่นน้องแล้วถามด้วยความสงสัย“ก็ออมสินเป็นลูกของผมแค่คนเดียว”“มีอะไรที่พี่ไม่รู้เกี่ยวกับนายและแม่ของออมสินหรือเปล่า”“ผมเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวครับพี่”“พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้นายลำบากใจ”“ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องมันผ่านมานานแล้ว”“เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมานานแล้วเหรอ” ที่เขาถามเพราะเห็นว่าเอกวิทย์ดูจะถนัดกับการดูแลลูก“สองปีแล้วครับ”“นายไม่คิดจะหาใครมาช่วยเลี้ยงเหรอ”“ผมก็มีพี่เลี้ยงอยู่แล้วนี่ครับ”“พี่หมายถึงผู้หญิงสักคนที่จะมาทำหน้าที่แม่ให้ออม
ขับรถออกมาจากคอนโดไม่นานตุลธรก็แวะรับกาแฟร้านโปรดซึ่งเขาถือแซนด์วิชติดมือมาด้วยอีกสองถุง“นี่ของเหมยนะ ส่วนถุงนี้เดี๋ยวผมเอาไปกินที่ทำงาน”“ขอบคุณค่ะหมอตุลย์ใจดีเหมือนกันนะคะ” เธอรับทั้งกาแฟและแซนด์วิชมาแล้วก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของเขา“ผมไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ บางครั้งก็ร้าย”“แต่คงไม่ใจร้ายกับเหมยใช่ไหมคะ”“เหมยไม่ต้องกลัวหรอกเพราะผมจะไม่ร้ายกับคนที่ผมรักหรอกครับ”ตุลธรพูดแล้วหันมายิ้ม คำพูดของเขามันเป็นยาใจอย่างหนึ่งทำให้ปณิชารู้สึกสดชื่นและวันนี้เธอคงทำงานอย่างมีความสุขไปตลอดวันชายหนุ่มจอดรถส่งเธอที่หน้าโรงพยาบาลจากนั้นเขาก็ตรงไปยังโรงพยาบาลที่ตนเองทำงานอยู่ ระยะทางระหว่างโรงพยาบาลของที่ปณิชาทำงานกับโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ไม่ได้ไกลกันมากถ้าหากตอนกลางวันเขาจะมารับเธอไปทานข้าว มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่ชายหนุ่มรู้ว่าพยาบาลอย่างเธอทานอาหารไม่ค่อยเป็นเวลาเขาเลยเลิกล้มความคิดนี้เพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากเกินไปตุลธรมาถึงโรงพยาบาลทำงานในเวลา 8 โมงเช้าพอดี วันนี้เขามีตารางตรวจผู้ป่วยนอก 9 โมงเช้า ชายหนุ่มจึงขึ้นไปดูผู้ป่วยที่สั่งแอดมิทไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน“สวัสดีค่ะ