แชร์

บทที่ 627

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 18:00:00
เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้าออกนอกเมือง ไม่นานก็ไล่ตามคนของตระกูลไป๋จนทัน

คนของตระกูลไป๋คล้ายจะออกมาทั้งหมด ทั้งบ่าวไพร่และคนงานรับใช้ทั่วไป

ที่น่าแปลกก็คือ แต่ละคนมิได้พกอาวุธติดตัว เพียงถือจอบเสียมหรือพลั่วคนละอันเท่านั้น

ทุกคนคล้ายจะเร่งรีบมาก ควบม้าอยู่ตลอดแทบไม่ได้หยุดพัก หากไม่เพราะเยี่ยเป่ยเฉิงเร่งขี่ม้าให้เร็วขึ้น คงไม่อาจตามทันในเวลาอันสั้นแน่

เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตามไปถึง ก็ได้รั้งตัวทหารผู้หนึ่งไว้ พร้อมกับซักถาม “ใต้เท้าของเจ้าอยู่ที่ใด?”

ทหารของตระกูลไป๋ล้วนรู้จักเยี่ยเป่ยเฉิงดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นเขามาขวางทาง จึงรีบดึงเชือกให้หยุด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“ใต้เท้าออกไปแต่เช้าตรู่ขอรับ”

เยี่ยเป่ยเฉิงจึงกล่าวต่อ “เขาไปที่ใด? มีผู้ติดตามหรือไม่?”

ทหารตอบตามความจริง “ใต้เท้าออกไปเพียงลำพัง ส่วนจะไปที่ใดนั้น ข้าน้อยไม่ทราบได้”

เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ว่าทหารคงไม่พูดโกหก จึงได้ถามต่อ “แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใด? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

ทหารกล่าวตอบ “ได้รับคำสั่งด่วน ให้คนตระกูลไป๋ออกเดินทางทั้งหมด ไปช่วยเหลือที่อำเภออวิ๋นซีขอรับ”

เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ เกิดลางสังหรณ์ไม่สู้ดีในใจ “ช่วย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 628

    นางกล่าวตอบ “สูญเสียคนที่รัก อยู่อย่างโดดดายชั่วชีวิต...”เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเวลานี้ จึงจดจำคำพูดที่กล่าวอย่างเลื่อนลอยในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด รู้เพียงว่า หัวใจกำลังทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ“ซวงเอ๋อร์ รอข้าด้วย เจ้าจะต้องรอข้า...” เขารีบเฆี่ยนแส้อย่างแรง ห้อตะบึงต่อไปอีกในที่สุดก็มาถึงอำเภออวิ๋นซีเหตุเพราะหน้าดินถล่ม จึงทำให้เส้นทางราบเรียบแต่เดิมกลายเป็นเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้อีก เมื่อขบวนเดินทางต่อไม่ได้ จึงต้องใช้ทางอ้อมไปเยี่ยเป่ยเฉิงติดตามคนของตระกูลไป๋เดินอ้อมภูเขาสูง มาถึงปากทางหมู่บ้าน อยู่ไกลๆ ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งถือพลั่วพร้อมตั้งหน้าตั้งตาขุดดินอยู่ และหนึ่งในนั้นมีรูปกายที่คุ้นตายิ่งเขาคือไป๋อวี้ถัง...ยังจำได้ดีว่า ไป๋อวี้ถังเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีความสำอางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่วันนี้ ตัวเขากลับเลอะด้วยดินโคลน ผมเผ้ากระเซิงยังพอว่า สองมือยังเปื้อนเลือด แลดูมอมแมมเป็นอย่างมากแตกต่างจากบุคลิกสง่างามสูงส่งที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงความรู้สึกกังวลใจของเยี่ยเป่ยเฉิง มาถึงยามนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า ก้าวเท้าหนักตรงไปหาไป๋อวี้ถัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 629

    “เป็นภัยธรรมชาติ...”“นางหนีไม่พ้น เป็นชะตากรรมของนาง...”คำพูดของชาวบ้านวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเขา เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ต้องการฟังคำชาวบ้านอีก ยังคงยืนกรานที่จะถามไป๋อวี้ถัง “ซวงเอ๋อร์เล่า? นางอยู่ที่ใด? เจ้าเอานางไปซ่อนไว้ที่ใด?”“คืนนางให้ข้าได้หรือไม่?”ไป๋อวี้ถังคล้ายอ่อนแรงไปทั้งร่าง ได้แต่นั่งทรุดบนพื้นราวกับเศษดินกองหนึ่งนัยน์ตาเขาดูพร่าเลือน ว่างเปล่าจ้องมองอย่างไร้จุดหมายที่ตรงนี้ เดิมเคยเป็นถนนที่ราบเรียบ แต่บัดนี้ กลับกลายเป็นกองดินสูงพะเนินเทินทึกที่ยากจะข้ามผ่านได้อีกเยี่ยเป่ยเฉิงมองตามสายตาเขาไป ความสิ้นหวังเริ่มแผ่ซ่านอยู่ในใจ จนไปถึงอวัยวะทุกส่วนในร่างกายชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น “คุณชาย คนที่ท่านตามหา ถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้แล้ว...”ในที่สุด เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยากจะใจเย็นได้อีกเป็นไปได้อย่างไร?เขายังจำได้ดี เมื่อเช้าก่อนจะออกมา นางยังสบายดีอยู่ ยังส่งยิ้มให้แก่ตนเอง นางรับปากว่าจะรอเขากลับมาแล้วผ่านไปเพียงไม่นาน เหตุใดนางจึงถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้ได้?“ไม่ ไม่จริง พวกเจ้าล้วนแต่หลอกข้าใช่หรือไม่?” เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหย“นางไปหลบซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 630

    แต่ทุกอย่างกลับสายเกินแก้แล้วหลังจากทุกคนไม่หลับไม่นอนขุดดินมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ในที่สุดก็สามารถเปิดเป็นทางเส้นเล็กเบื้องหน้าสำเร็จชาวบ้านคุ้นเคยกับเส้นทางดี จึงรู้ว่าตำแหน่งใดที่หลินซวงเอ๋อร์ควรจะหยุดพัก จึงรีบพาคนขุดต่อไปตามเส้นทางนั้น เพื่อไม่ให้ขุดส่งเดชจนเสียแรงเกินไปภายใต้เศษหิน มีแผ่นไม้ผุพังหลายแผ่นถูกชาวบ้านคนหนึ่งขุดพบ“ขุดเจอแล้ว ขุดเจอแล้ว...”ทันทีที่ได้ยิน ทั้งเยี่ยเป่ยเฉิงและไป๋อวี้ถังต่างก็ใจสั่น“ขุดเจอแผ่นไม้ของรถม้าแล้ว น่าจะอยู่ข้างใต้นี้...”ผู้คนแห่กันไปมุงดู พร้อมถือพลั่วคนละอันไปขุดในตำแหน่งที่ชาวบ้านผู้นั้นบ่งชี้เพียงไม่นาน ล้อข้างหนึ่งของรถม้าก็ถูกขุดออกมา ตามด้วยข้างที่สอง ข้างที่สาม ข้างที่สี่...แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบร่างของหลินซวงเอ๋อร์ไป๋อวี้ถังมือสั่นเสียจนแทบจับพลั่วไว้ไม่อยู่ เขากับเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ด้านหลังชาวบ้าน มองดูภาพเบื้องหน้าจนแทบจะกลั้นหายใจชาวบ้านมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่แล้ว เมื่อรู้ตำแหน่งแน่ชัดก็ย่อมทำงานง่ายขึ้น ต่างยกพลั่วขึ้นลง พร้อมช่วยกันขุดเป็นพัลวันเสียงพลั่วกระทบลงพื้น เกิดเสียงดังขึ้นเป็นระยะ แต่ละครั้งที่ลงไปคล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 631

    เสียงกระพรวนเงินดังขึ้นกรุ๊งกริ๊ง แม้เสียงจะเบาหวิว แต่กลับบาดหูยิ่งนักเยี่ยเป่ยเฉิงสีหน้าคล้ายกับว่างเปล่า ทันใดนั้น ดั่งมีบางสิ่งแตกสลายอยู่ในใจเงียบๆชาวบ้านขุดเอาสร้อยข้อมือขึ้นมาจากดิน สีเงินของกระพรวนเปื้อนไปด้วยดินโคลน และรูปทรงกลมแต่แรกก็ถูกทับจนผิดรูปไป มีเพียงเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ออกมาเบาๆ เท่านั้นชาวบ้านถืออยู่ในมือ พลางเอาชายเสื้อเช็ดคราบดินที่เปรอะเปื้อนจนสะอาด และถือมายังเบื้องหน้าไป๋อวี้ถัง พลางกล่าว “คุณชาย ท่านดูสร้อยข้อมือเส้นนี้ เป็นของแม่นางผู้นั้นหรือไม่?”ไป๋อวี้ถังไม่ตอบ มีเพียงดวงตาที่สิ้นหวังมองไปยังเยี่ยเป่ยเฉิงเพราะแท้จริงแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนเลือกให้นางเอง อีกทั้งใส่ให้นางกับมือ จึงจำได้มากกว่าแต่ไป๋อวี้ถังจะไม่เคยเห็นสร้อยข้อมือเส้นนี้จริงรึ?ครั้งหนึ่งหลินซวงเอ๋อร์เคยทำสร้อยข้อมือเส้นนี้ตกไปในน้ำ และเขาก็เป็นคนกระโดดลงน้ำไป เก็บขึ้นมาให้นางเอง...ลูกกระพรวนที่ผูกอยู่ เขาก็เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ไม่กล้าเผชิญกับความจริงเท่านั้นชาวบ้านเห็นดังนี้ จึงหันไปยื่นให้เยี่ยเป่ยเฉิงแทน พลางกล่าว “คุณชาย ท่านดูเองเถิด สร้อยเส้นนี้เป็นของแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 632

    ไป๋อวี้ถังทำตามสัญญา จ่ายค่าตอบแทนให้ชาวบ้านเต็มที่ แต่ไม่ให้พวกเขาขุดต่อไปอีกท้องฟ้าครึ้มมาหลายวัน เพิ่งมีแดดออกวันนี้ แต่ไม่นานก็เริ่มมีสายฝนโปรยปรายลงมาอีกดินในจุดที่ฝังร่างหลินซวงเอ๋อร์เริ่มคลายตัวลงบ้าง เนื้อดินถูกฝนชะล้างจนไหลลงเขาไปบางส่วนและท้ายที่สุด ทุกอย่างหวนคืนสู่ธรรมชาติตามเดิม แม้แต่คราบโลหิตบนพื้นก็เลือนหายไปสิ้นไป๋อวี้ถังยืนอยู่ท่ามกลางฝนตกหนัก มองดูท้องฟ้าที่อึมครึมไปทั่ว เช่นเดียวกับจิตใจเขาในยามนี้เยี่ยเป่ยเฉิงยิ่งได้รับความสะเทือนใจ จนเลือดลมตีขึ้น หมดสติไม่ยอมฟื้นเสวียนอู่รีบพาเขากลับจวน กงชิงเยวี่ยเห็นเข้าก็ตกใจมาก รีบตามเสิ่นป๋อเหลียงให้มาดูแลเสิ่นป๋อเหลียงต้มยาให้เขากิน ทั้งยังฝังเข็มตาม แต่ทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟื้นกงชิวเยวี่ยร้อนใจยิ่ง แต่เสิ่นป๋อเหลียงกลับบอกว่าเพราะเขาไม่ยินยอมจะฟื้นเอง อาจเพราะได้รับความสะเทือนใจมากเกินไป จิตใต้สำนึกจึงไม่ยอมตื่นมาอีก“จะไม่ยอมตื่นได้อย่างไร เขาคือเทพสงครามแห่งต้าซ่ง มีหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง เขาจะไม่ฟื้นได้อย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงลุกขึ้นยืน พลางส่ายหน้าและถอนหายใจ “ดั่งภาษิตที่ว่าผู้กล้ายากจะผ่านด่านสาวงาม ท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 633

    และตอนนี้นางก็คิดตกแล้ว ขอเพียงเยี่ยเอ๋อร์ของนางมีความสุข เขาต้องการให้ใครอยู่เคียงข้างก็ย่อมได้ ต้องการแต่งงานกับหญิงใดก็แต่งไป นางจะไม่ก้าวก่ายอีก...แต่ว่า นางคิดได้ตอนนี้คล้ายจะสายเกินไป...หลินซวงเอ๋อร์คงไม่ได้กลับมาอีก และบุตรชายที่นางรักปานแก้วตา บัดนี้สูญเสียหญิงคนรักไป จนหมดสติแน่นิ่ง กระทั่งหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปเมื่อนึกถึงตรงนี้ กงชิงเยวี่ยก็รู้สึกเสียใจยิ่ง นางร้องไห้พลางกล่าวต่อเยี่ยเป่ยเฉิง “ลูกแม่ แม่สำนึกผิดแล้ว แม่ไม่ควรไล่นางไป เจ้าฟื้นมาได้หรือไม่ และต่อไป เจ้าจะแต่งงานกับผู้ใดก็ได้ แม่จะไม่ห้ามปรามอีกแล้ว...”แต่คำพูดของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อาจตอบโต้ได้อีกเขายังคงหลับตานิ่งสนิท ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา ราวกับว่าทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่ควรค่าให้เขาอาลัยอาวรณ์อีกเสิ่นป๋อเหลียงกล่าวปลอบใจ “นายหญิงโปรดวางใจ ท่านอ๋องสุขภาพเป็นปกติ เพียงแต่ได้รับความสะเทือนใจมากไป บางที ให้นอนพักหลายวัน รอจนคิดได้แล้ว ยอมรับความจริงก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”กงชิงเยวี่ยกล่าว “ถ้าเช่นนั้นเมื่อใดเขาจะฟื้นมา? และหากคิดไม่ตกตลอดไปล่ะ?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าวตอบ “ไม่หรอก ท่านอ๋องร่างกายแข็งแรง เพียงเพรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 634

    เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ความทรงจำที่ถูกเขาผลักไสให้ลืมเลือนไป ได้มากับคำถามของเสวียนอู่ จู่ๆ ท่วมทะลักเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้งนั่นสินะ เขาจะลืมได้อย่างไร ซวงเอ๋อร์ของเขาถูกฝังอยู่ใต้ชั้นดินอันหนาทึบ ร่างกายแหลกเหลว แทบไม่เป็นชิ้นดี...ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นในใจ คล้ายมีบางสิ่งจู่โจมเข้าสู่อวัยวะภายในพร้อมกัน จนทำให้เขาหายใจไม่สะดวก ดวงตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและเจ็บปวด“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้...” เยี่ยเป่ยเฉิงมองหน้าเสวียนอู่ด้วยความเจ็บปวด พลางกล่าวต่อ “ทั้งที่...ทั้งที่เมื่อวานนางยังยิ้มให้ข้า แล้วจู่ๆ จะหายไปได้อย่างไร?”เสวียนอู่กล่าวตอบ “ท่านอ๋อง ท่านหมดสติไปหลายวัน เหตุการณ์วันนั้นได้ผ่านไปนานแล้ว...”“ผ่านไปนานแล้ว?” เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกมึนงงเหตุการณ์นี้ได้ผ่านไปนานแล้ว?แต่เพราะเหตุใด เขายังรู้สึกปวดใจอยู่มาก เจ็บปวดเสียจนยากจะหายใจ...เสวียนอู่ไม่รู้จะปลอบใจเขาอย่างไรดี คล้ายกับยิ่งพูดก็ยิ่งหมดแรงมากกว่าเพราะอย่างไรเสีย คนตายไม่อาจฟื้นคืน ได้แต่ให้เวลาเยียวยาเท่านั้น...“ท่านอ๋อง หลายวันนี้ที่ท่านหมดสติ นายหญิงเป็นห่วงท่านมาก..

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 635

    ตงเหมยร้องไห้จนตาบวม นางไม่ยอมรับน้ำใจจากเสวียนอู่ ซ้ำยังไล่เขาออกไปอีกเสวียนอู่ยืนอยู่ด้านนอก กล่าวปลอบใจตงเหมยทั้งที่มีประตูกั้นอยู่ “แม่นางตงเหมย ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้จะมีการไต่สวน ท่านอ๋องจะให้ความเป็นธรรมแก่พระชายาเอง”มีเสียงเกรี้ยวกราดของตงเหมยลอดออกมา “ความเป็นธรรมรึ? ความเป็นธรรมอย่างไร คนก็เสียชีวิตไปแล้ว ให้ความเป็นธรรมจะช่วยอันใดได้?”จากนั้น นางจึงโยนสิ่งของที่เสวียนอู่ซื้อให้ออกมาทั้งสิ้นพลางกล่าวต่อเสวียนอู่ด้วยตาแดงๆ “ก่อนหน้านี้ หากไม่เพราะพวกท่านยอมให้เจียงหว่านเข้าจวนมา เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น”ตงเหมยไม่กล้าตำหนิเยี่ยเป่ยเฉิง เพราะนั่นเท่ากับล่วงเกินผู้เป็นนาย ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ แต่กับเสวียนอู่ นางย่อมไม่ไว้หน้าเขา “ต้องโทษเจ้าด้วย ตอนแรกที่ซวงเอ๋อร์ล้มป่วย เจ้าเป็นคนพาเจียงหว่านมารักษานาง ทั้งที่รู้ว่าเจียงหว่านชอบท่านอ๋อง แล้วไฉนจึงวางใจให้นางมาใกล้ชิดซวงเอ๋อร์อีก?”“ถ้าไม่เพราะเจียงหว่านคอยวางแผนยุยง ซวงเอ๋อร์คงไม่ตัดใจยอมหนีไป และไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น...”เสวียนอู่ถูกด่าจนเถียงไม่ออกเขาเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมา ตอนนั้นที่ให้เจียงหว่านมารั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status