แชร์

บทที่ 561

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-02 18:00:00
และเจียงหว่านในเวลานั้น นิสัยเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพูดจากับใคร จึงไม่อาจเทียบเท่าเจียงหลิงได้ แม้แต่พี่ชายของพวกนาง ก็ยังรักแต่เจียงหลิงมากกว่า ไม่ใคร่สนใจเจียงหว่านเท่าใดนัก

และทั่วทั้งตระกูลเจียง มีเพียงเจียงหลิงที่รักเจียงหว่านเป็นอย่างมาก

ตอนนั้นโม่อวิ๋นเพิ่งมาอยู่ในจวน อายุราวเจ็ดแปดขวบ และนางก็คอยรับใช้เจียงหลิง

เจียงหลิงดีต่อนางมาก ไม่เคยดุด่าเฆี่ยนตี เจ็บไข้ได้ป่วยก็เชิญหมอมาดู ช่วงเวลาที่อยู่กับเจียงหลิง เป็นชีวิตที่โม่อวิ๋นรู้สึกว่ามีความสุขเป็นอย่างมาก

เสียดายคนดีมักอายุสั้น เกิดอุบัติเหตุคร่าชีวิตของเจียงหลิงไป

แปดปีก่อน ค่ำคืนที่มีหิมะตกหนัก คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจียงพลัดตกบึงน้ำแข็งจนเสียชีวิตไป ทุกคนในบ้านต่างเศร้าโศกเป็นอย่างมาก

โม่อวิ๋นยังจดจำวันนั้นได้ดี ผู้คนในตระกูลเจียงต่างพากันร้องไห้ระงม มีเพียงเจียงหว่านที่นิ่งเฉย น้ำตาไม่มีสักหยด สองตาจ้องเขม็งไปยังป้ายชื่อของเจียงหลิงที่อยู่ในงานศพ

โม่อวิ๋นคิดเพียงว่านางคงเสียใจมาก จึงไม่ได้ใส่ใจนัก

และนับแต่นั้นมา ตระกูลเจียงก็ไม่มีทายาทอีก เจียงหว่านจึงกลายเป็นคุณหนูใหญ่ไปโดยปริยาย และโม่อวิ๋นก็ถูกส่งตัวไปรับใช้เจียงหว่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 562

    สตรีที่อยู่หน้าคันฉ่องค่อยๆ หันร่างมา ดวงตารื้นด้วยน้ำตาจ้องมองหลินซวงเอ๋อร์สีหน้านางซีดเผือด ปราศจากเลือดฝาดแม้แต่น้อย ลักษณะทั้งตัวคล้ายเพิ่งถูกงมขึ้นจากน้ำมา ทั้งผมและเสื้อผ้าล้วนเปียมชุ่มไปหมดดูแล้วคล้ายกับเป็นผีพรายหลินซวงเอ๋อร์สยองจนขนหัวลุกชัน ร่างกายสั่นไหวไปทั้งตัวสองมือที่อยู่ในแขนเสื้อแอบใช้แรง ใช้เล็บหยิกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางคิดใช้วิธีนี้ปลุกให้ตนเองตื่นขึ้น ให้รู้ว่านี่คือฝันร้ายจริงๆแต่นางก็ไม่อาจตื่นได้ ถูกกักอยู่ในความฝันไม่อาจหลีกหนี และเบื้องหน้าก็คือผีสาวที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำหมาดๆ...“เจ้าป็นใคร?” หลินซวงเอ๋อร์เดินถอยหลังช้าๆ ในขณะที่ความหวาดกลัวแผ่ขยายมากขึ้นหญิงสาวค่อยๆ ยืนขึ้น ร่างกายท่อนล่างแทบจะมองเห็นทะลุปรุโปร่งหลินซวงเอ๋อร์จ้องมองนาง มีแต่รู้สึกขนลุกขนชันหญิงสาวจ้องมองหลินซวงเอ๋อร์เขม็ง ในปากพูดประโยคเดียวกันซ้ำๆ“เจียงหว่านคิดปองร้ายเจ้า...”“เจียงหว่านคิดปองร้ายเจ้า...”“เจียงหว่านคิดปองร้ายเจ้า...”เสียงฟ้าคำรามด้านนอกปลุกให้หลินซวงเอ๋อร์ตื่นจากฝันขึ้นมานางลืมตาโพลงขึ้น เห็นเพียงรอบข้างมืดสนิท นางรีบหันหลังไปดู สายตาจ้องไปยังตำแหน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 563

    เยี่ยเป่ยเฉิงไหนเลยจะยอมให้หลินซวงเอ๋อร์นอนในห้องตงเหมยได้ จึงไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น เปิดผ้าที่คลุมถึงศีรษะหลินซวงเอ๋อร์ โน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มนางขึ้นมา“ซวงเอ๋อร์อย่าได้โกรธเคือง ข้าจะอุ้มเจ้ากลับไปนอนเดี๋ยวนี้”หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนเขา มือน้อยกำหมัดแน่น ทุบตีเยี่ยเป่ยเฉิงไม่หยุด“ข้าไม่ไป ข้าไม่กลับไปกับท่าน ข้าไม่อยากนอนคนเดียวในห้องนั้นอีก”นางกลัวมาก ตอนนี้รู้สึกกลัวจริงๆระยะหลังมานี้ นางเริ่มรู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คล้ายมีบางอย่างที่แปลกประหลาดอยู่ในห้องนั้น ทุกครั้งเมื่อถึงเวลานอน นางจะรู้สึกหวาดกลัว เกิดความอึดอัดในใจจนแทบหายใจไม่ออกนางแทบจำไม่ได้แล้วว่าได้อดนอนมากี่คืน จนรู้สึกอ่อนเพลียยิ่ง ทุกคืนพอใกล้จะนอนหลับ ก็คล้ายมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นมาฉุดนางลงสู่เหวลึก ให้นางค่อยๆ ดิ่งลงสู่ฝันร้าย จนยากจะถอนตัวนางรู้สึกเหนื่อยนักนางไม่ต้องการจะฝันร้ายอีก เพียงแค่อยากนอนหลับฝันดีแต่นางก็รู้ ถ้าไปอยู่ในเรือนอวิ๋นซวน นางจะไม่มีทางได้นอนหลับ ไม่เหมือนมาอยู่กับตงเหมย นางค่อยได้นอนอย่างหมดห่วงบ้าง แต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ยอมให้นางนอนกับตงเหมย เพียงแค่คำขอเล็กๆ เท่านี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 564

    เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกปวดใจยิ่งที่แท้ตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่ นางต้องผ่านความทุกข์ทรมานเช่นนี้มาเคราะห์ดีที่ว่า ตอนนี้เขามีเวลาอยู่กับนางแล้ว จะไม่ยอมให้นางอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีก“เพราะข้าไม่ดีเอง ทำให้ซวงเอ๋อร์ต้องลำบาก” เยี่ยเป่ยเฉิงกุมใบหน้าของนาง พร้อมจุมพิตด้วยความอ่อนโยนหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก ฝืนทนต่อความไม่สบายในร่างกาย ปล่อยให้เยี่ยเป่ยเฉิงใช้กำลังรั้งตัวเข้าในห้อมแขนนางรู้ดี ไม่ว่านางจะพูดอย่างไร เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่ยอมให้นางออกจากห้องอย่างแน่นอน จึงไม่คิดจะดิ้นรนอีกนางนึกว่าถ้ามีเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่เป็นเพื่อน ตนคงไม่ฝันร้ายเหมือนที่แล้วมาอีก แต่พอหลับตาลง ฝันนั้นก็ยังคงตามมาหลอกหลอนจวบจนเที่ยงคืน หลินซวงเอ๋อร์สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อย้อนนึกถึงภาพในความฝัน นางก็ยิ่งใจเต้นแรงไม่หยุด เนื้อตัวเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในห้องยังจุดตะเกียงสว่างไสว นางหันกายมา ก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงนอนหลับสนิทอยู่ข้างกายหลินซวงเอ๋อร์ยังคงขวัญผวาไม่หาย แม้จะอิงแอบอยู่แนบอกเยี่ยเป่ยเฉิง ใจนางก็ยังมีกังวลอยู่มากฝ่ามือรู้สึกเจ็บแสบขึ้น นางจึงพบว่าที่แท้เพราะตนกำหมัดแน่นเกินไป จนเล็บจิกเข้าไปใน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 565

    “ท่านพี่ ข้าเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าสิ่งใดคือความฝัน สิ่งใดคือความจริง เพราะสิ่งที่เห็นเมื่อคืนนี้ เดิมทีอยู่แต่ในความฝัน...”“แต่จู่ๆ กลับปรากฏให้เห็นทั้งที่ข้ายังตื่นอยู่”“ตอนนี้แม้ข้าจะไม่นอน พวกมันก็ยังมารังควานอีก...”“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเคยบอกแล้วว่า ห้องนี้มีสิ่งประหลาดอยู่มากมาย เหตุใดท่านจึงไม่ยอมเชื่อข้า”หลินซวงเอ๋อร์นำความในใจของนางบอกกล่าวให้เยี่ยเป่ยเฉิงได้รับรู้ในที่สุดเขาจึงเริ่มตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากลเดิมคิดว่านางเพียงพักผ่อนน้อย จึงชอบคิดฟุ้งซ่าน แต่บัดนี้ดูแล้ว อาการน่าจะหนักหน่วงกว่าที่คิด“ซวงเอ๋อร์อย่าดื้อ ข้าจะตามหมอหลวงมาดูเจ้า เจ้าคงจะล้มป่วย...”เขาไม่กล้ารอช้า รีบสั่งให้เสวียนอู่เข้าวังไปเชิญหมอหลวงผู้หนึ่งมาดูหมอหลวงรีบมาถึงจวนอย่างเร็วเขาตรวจชีพจรให้หลินซวงเอ๋อร์ ไม่นานก็พบสาเหตุแห่งโรคเยี่ยเป่ยเฉิงให้หมอหลวงมาพูดข้างหน้าหมอหลวงกล่าว “ร่างกายพระชายาอ่อนแอยิ่งนัก ดูจากอาการเช่นที่เป็นอยู่ คาดว่าเกิดจากความเครียดสะสม หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะยิ่งหนักหนาสาหัส เกินว่าจะเยียวยาได้...”เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อาจระงับความตกใจได้ ดวงตาดำขลับหรี่ลงรวด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 566

    เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมองนางแบบนั้น หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่ในใจนางแสร้งทำเป็นกล่าวกับเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรหรือ? ท่านหมอหลวงว่าอย่างไร? ไม่ให้ข้าคิดมาก? แล้วพักผ่อนเยอะๆ ใช่หรือไม่?”ไม่รอให้เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว หลินซวงเอ๋อร์ก็กล่าวขึ้น “หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็หาใช่ป่วยหนักอะไร ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะพักผ่อนให้ดีๆ ”เยี่ยเป่ยเฉิงยังคงไม่พูดสิ่งใด สีหน้าเขาเคร่งขรึม สายตาที่มองนางดูซับซ้อนอย่างยิ่งในยามนี้เอง หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อยนางคิดว่าเยี่ยเป่ยเฉิงรู้เรื่องอะไรบางอย่างเช่น เรื่องที่นางแท้งหรือเรื่องที่ต่อไปนี้นางจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกแล้ว…นางฝืนระงับความขมขื่นที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจไว้ และกล่าวเร่งเร้าเยี่ยเป่ยเฉิง “ท่านพี่ยุ่งมากเลยมิใช่หรือ?ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ท่านรีบไปทำงานเถิด คืนนี้ไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร ข้าจุดไฟนอนก็ได้…”“ซวงเอ๋อร์…”ไม่รอให้นางได้ว่าจบ จู่ๆ เยี่ยเป่ยเฉิงก็สวมกอดนางแน่นเขากอดแน่นมาก หลินซวงเอ๋อร์เกือบจะหายใจไม่ออก“ท่านพี่?ท่านเป็นอะไรหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงซุกหัวอยู่ในซอกคอนาง เสียงของเขาทั้งอ่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 567

    หลินซวงเอ๋อร์กำมือแน่นฉับพลัน ในใจเกิดคลื่นโหมกระหน่ำขึ้นมาทันใด“ดังนั้นเจ้าเลยปิดบังข้า?” น้ำเสียงของนางสั่นเบาๆ มือของเจียงหว่านยังคงวุ่นอยู่กับการจัดของ นางจุดเทียนขึ้นหนึ่งเล่ม นำเข็มแต่ละเล่มรนไฟอย่างพิถีพิถัน“ข้าก็คิดเพื่อเจ้า เจ้าร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เดิมไม่ควรท้องอยู่แล้ว ต่อให้บอกเจ้าแล้วจะอย่างไร? นอกจากดีใจเก้อแล้วเจ้าก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง”ท่าทางนางเรียบนิ่ง ราวกับพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทว่าหลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกแสลงหูอย่างมาก“ต่อให้จะดีใจเก้อเจ้าก็ไม่ควรปิดบังข้า! และยิ่งไม่ควรปิดบังท่านอ๋อง!”เจียงหว่านถอนหายใจ พลางกล่าวอย่าวค่อนข้างรู้สึกระอา “น้องซวงเอ๋อร์ พูดตามตรง หาใช่ข้าจงใจปิดบังเจ้า แต่เพราะทารกในท้องเจ้าไม่มั่นคงเจ้าร่างกายเย็นมาตั้งแต่เกิดไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ แม้จะไม่เกิดอุบัติเหตุ เด็กในท้องเจ้าก็ไม่รอดอยู่ดี!”ว่าจบ นางพักไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวกับนางด้วยท่าทางเสียใจสุดๆ “เฮ้อ! สูญเสียเด็กคนนั้นไป เกรงว่าวันหน้าคงตั้งครรภ์ไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้วกระมัง?”“แต่ว่า ขอแค่เจ้าคิดอยากได้ ก็ดูแลร่างกายให้ดีๆ บางที่…อาจจะตั้งท้องอีกครั้งก็ได้”มือที่ซ่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 568

    ด้วยความคิดชั่วร้ายในใจ นางหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ถัดจากโต๊ะเตี้ยขึ้นมา แล้วโยนไปที่เจียงหว่านโดยไม่ลังเลใจถ้วยกระเบื้องกระแทกโดนหัวของเจียงหว่านอย่างจัง พลันเขียวช้ำขึ้นมาทันใดทั้งๆ ที่เจียงหว่านสามารถเอียงหัวหลบได้ แต่นางกลับไม่หลบ เหมือนกับจงใจรออะไรบางอย่างจากนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกห้อง เจียงหว่านรีบกุมหน้าผาก และกล่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัวออกมา “น้องซวงเอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”หลินซวงเอ๋อร์สงสัยไม่เข้าใจ ครั้นเห็นประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังยืนมองเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องอยู่หน้าประตู หลินซวงเอ๋อร์ถึงได้เข้าใจในทันทีไม่รอให้หลินซวงเอ๋อร์ได้พูด เจียงหว่านกุมหน้าผากคุยกับเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นก่อน “ท่านอ๋อง อาการป่วยของน้องซวงเอ๋อร์หนักขึ้นอีกแล้ว เมื่อครู่นางคลุ้มคลั่งทำร้ายคน หากยังไม่รักษาอย่างจริงจังอีก เกรงว่าอาการจะยิ่งแย่ลง”ว่าจบ เจียงหว่านก็ให้เยี่ยเป่ยเฉิงดูแผลบนหน้าผากนางยามนี้ หน้าผากนาวบวมนูนเป็นลูกใหญ่ขึ้นมาแล้ว โชคดีที่ไม่แตก มีแค่ฟกช้ำเท่านั้น“ท่านพี่…ข้าไม่ได้คลุ้มคลั่ง นางกำลังโกหก!” หลินซวงเอ๋อร์รีบอธิบายด้วยความร้อนรนนางไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 569

    เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว เขาถามหลินซวงเอ๋อร์ว่าเหตุใดถึงได้คิดเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์เลยบอกสิ่งที่ตัวเองเดาให้เยี่ยเป่ยเฉิงฟัง“ท่านพี่เชื่อข้าหรือไม่?” หลินซวงเอ๋อร์จับชายเสื้อของเยี่ยเป่ยเฉิงไว้ ประหนึ่งคว้าที่พึ่งสุดท้ายเอาไว้ตอนนี้ นางมีแค่เขาที่สามารถพึ่งพาได้ หากแม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อนาง นางก็คงจะแตกสลายจนสิ้นเยี่ยเป่ยเฉิงสวดกอดนางไว้ในอ้อมแขน พลางปลอบเสียงเบา “พี่จะไปสืบดู หากนางจะทำร้ายเจ้าจริง พี่ฆ่านางแน่!”ตอนนั้นเจียงหว่านสั่งยาสองชนิดให้หลินซวงเอ๋อร์ อันหนึ่งเป็นยาสมุนไพรใช้ภายใน อีกอันหนึ่งเป็นยาทาที่ใช้ทาแผลภายนอกเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกเสวียนอู่เข้ามาในห้อง ให้เขาเอายาสองชนิดนี้ไปหาหมอหลวงในวัง ดูว่าส่วนผสมในนั้นมีผลไม่ดีต่อร่างกายหรือไม่เสวียนอู่ถือยาไว้ในมือ อดถามขึ้นมาไม่ได้ “หากแม่นางเจียงทำจริง ท่านอ๋องจะจัดการอย่างไรขอรับ?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ฆ่านางซะ!”“ขอรับ!” เสวียนอู่ไม่ถามอะไรมากอีก เขาถือยาและตรงออกจากประตูไปทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลงบนเก้าอี้ บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งกางอยู่พอดี บนกระดาษนั้นมีเขียนอยู่ไม่กี่บรรทัดเดิมทีนี่เป็นวันมง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status