หัวใจของจ้าวเจาหยางเต้นรัว: " อะไรนะ? ตามสังหาร? ข้าแค่ให้พวกเจ้าไปสังหารผู้หญิงคนหนึ่งก็เท่านั้น เหตุใดถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้? "เมื่อเห็นว่าชายหน้าบากเงียบไป จ้าวเจาหยางก็เอ่ยปากถามลอยๆว่า: "จัดการกับผู้หญิงคนนั้นแล้วหรือยัง? น้องสาวของข้าบอกว่า อยากจะให้นางตายอย่างตายทั้งเป็น พวกเจ้าทำสำเสร็จแล้วหรือยัง?"ชายหน้าบากก้มหน้าลง กล่าวอย่างกระอึกกระอักว่า: "ตอนหลังมีผู้ชายที่มีฝีมือร้ายกาจคนหนึ่งเข้ามา ข้าเลยทำไม่สำเร็จ...""อะไรนะ?" จ้าวเจาหยางงุนงงสุดขีด: "พวกเจ้าทุกคนเป็นผู้ชายแต่กลับฆ่าผู้หญิงคนเดียวไม่ได้? พวกเศษสวะเอ๊ย!"ชายหน้าบากนิ่งเงียบ และปล่อยให้เขาดุด่าได้ตามใจชอบแต่ในไม่ช้า จ้าวเจาหยางก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติไป“เจ้ามาหาข้า มีใครตามเจ้ามาไหม?”ทันใดนั้นชายหน้าบากก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองจ้าวเจาหยางด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว"น่า...น่าจะไม่มีนะขอรับ"“แม่งเอ๊ย! เจ้าอยากจะทำร้ายข้าหรือ?” จ้าวเจาหยางรู้สึกตื่นตระหนกจริงๆ เรื่องมันก็ผ่านมาสองวันแล้ว ด้วยวิธีการที่ยอดเยี่ยมของเยี่ยเป่ยเฉิง จะหาหัวหน้าโจรไม่เจอได้อย่างไร! อีกอย่าง เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก จะเข
จ้าวเจาหยางรู้สึกกระวนกระวายใจทันทีชายหน้าบากก็ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างยิ่ง: "คุณชาย ควรทำอย่างไรดี ข้าทำงานให้ท่านนะ ท่านจะต้องช่วยข้า!"แม้แต่ตนเองจ้าวเจาหยางก็ปกป้องไม่ได้ จะไปช่วยชีวิตเขาได้อย่างไร? เขาจึงตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า: " เจ้าไสหัวออกไปเลยนะ! ไอ้สมองหมาปัญญาควาย!เจ้ากำลังจะทำให้ข้าตายรู้หรือไม่? "ชั้นล่าง มีเสียงฝีเท้าที่พร้อมเพรียงกันดังขึ้นพวกเขามาแล้ว!จ้าวเจาหยางไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้น สิ่งแรกที่เขานึดถึงคือการหลบหนีดังนั้นเขาจึงเปิดหน้าต่างด้วยความลนลาน และคิดจะกระโดดลงไปจากชั้นสองเพราะอย่างไรเสีย กระโดดลงไปขาหักยังดีกว่าตกไปอยู่ในอุ้งมือของปีศาจอย่างเยี่ยเป่ยเฉิง!เขาเปิดหน้าต่างด้วยความลนลาน ตอนที่กำลังจะกระโดดลงไป ก็เห็นเสวียนอู่องครักษ์ประจำตัวขอเยี่ยเป่ยเฉิง ยืนอยู่ใต้หน้าต่างเข้าพอดี ราวกับว่าจงใจมารอให้เขากระโดดลงไปข้างล่างจ้าวเจาหยางรีบปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็วหอบุปผชาติตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดบนถนนฉางอานคนที่มาที่นี่ไม่ร่ำรวยก็สูงศักดิ์ แม้แต่เจ้าขุนมูลนายก็ยังสวมชุดลำลองแล้วมานั่งเล่นอยู่ที่นี่เป็นครั้งคราวมีเจ้าหน้าที่ข
เขาเดินไปทีละก้าว จนกระทั่ง รองเท้าบู๊ตสีดำของเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดอยู่นอกประตูทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง" ประตูอันที่ทั้งหนาทั้งหนักถูกเตะจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ชายหน้าบากที่อยู่ด้านหลังประตูก็ถูกกระแทกออกไปหลายเมตร สุดท้ายร่างกายก็กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงพื้นผิวผนังถูกกระแทกจนเกิดรอยร้าวทันที ชายหน้าบากกลิ้งออกจากผนังแล้วล้มลงไปบนพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปาก หายใจรวยรินเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ที่ประตู สะบัดชายชุดคลุมสีดำเล็กน้อย แล้วเข้าไปอยู่ในขอบเขตการมองเห็นของจ้าวเจาหยางรูปร่างหน้าตาที่สูงโปร่งหล่อเหลาของเขา กลับมีความเยือกเย็นที่ราวกับว่ามาจากแดนปีศาจที่ยากจะพรรณนาได้บนหน้าผาก มีเหงื่อเย็นไหลลงมาตามแก้มของเขาอย่างช้าๆจ้าวเจาหยางได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงพูดว่า: "ที่แท้คุณชายจ้าวที่หลบอยู่ที่นี่นี่เอง ข้าตามหาเสียตั้งนาน"จ้าวเจาหยางหวาดกลัวมากจนไม่สามารถแม้แต่จะพูดให้จบประโยค: "เจ้า... เจ้าตามหาข้าทำไม? จ้า... ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย"เยี่ยเป่ยเฉิงมองดูเขา แล้วกล่าวว่า: "เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เจ้ารู้แค่ว่า ตอนนี้ข้ามาปลิดชีวิตเจ้าก็พอแล้ว"เขาเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนี้มาโดยตล
สุดท้าย ลูกศรก็ลอยออกไป แล้วปักไปที่ศีรษะของชายหน้าบากศีรษะของเขากลิ้งไปอยู่ที่ตรงหน้าจ้าวเจาหยาง นัยน์ตาที่นอนตายตาไม่หลับคู่นั้นจับจ้องไปที่เขาจ้าวเจาหยางตกใจมาก จนเป้ากางเกงของเขาค่อยๆเปียกชื้นสีหน้าของเขาซีดเผือด ร่างกายก็สั่นเทาไปหมด เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว เขาแทบจะร้องไห้ออกมา แล้วกล่าวพร้อมสะอื้นไห้ว่า: " ไว้ชีวิตข้าด้วย...ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด เห็นแก่หน้าท่านพ่อของข้า เห็นแก่น้องสาวของข้าที่จะเป็นพระชายาของเจ้าในอนาคต เจ้าได้โปรดไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถิด "เสียงฝีเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เยี่ยเป่ยเฉิงลดสายตาลงแล้วมองไปที่จ้าวเจาหยางที่กำลังซุกตัวอยู่ตรงมุมห้องจากมุมสูง" บุตรชายเอกของจวนหนิงหวัง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้! "รักตัวกลัวตาย ขี้ขลาดไม่เอาไหน!จ้าวเจาหยางไม่สนใจสถานะของตนเองเลย เขาได้เห็นด้วยตาของตนเองว่าเยี่ยเป่ยเฉิงฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้าตนเองอย่างไร เขาหวาดกลัวกับวิธีการอันโหดร้ายของเยี่ยเป่ยเฉิงตั้งนานแล้วเขาไม่อยากจบลงด้วยชะตากรรมเดียวกันถ้าสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ จะให้ทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้น!จ้าวเจาหยางคุกเข่าลงบนพื้น คำนับเยี
ตอนที่กลับมาถึงจวน ก็ดึกมากแล้วเขาคิดว่า ครั้งนี้จะเป็นเหมือนอย่างเคย ไม่มีคนจุดไฟให้เขาแต่คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ก้าวเท้าเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันออก มีแสงสว่างทั้งภายในและภายนอกเรือนอวิ๋นซวนราวกับว่าจงใจรอให้เขากลับมาเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆเปิดประตูเรือนอวิ๋นซวน แล้วมองไปทางโต๊ะหนังสือ ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์ นอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะบางทีอาจจะเป็นเพราะรอนานจนเกินไป นางจึงก็ไม่อาจระงับความง่วงเอาไว้ได้ จึงผล็อยหลับไปเยี่ยเป่ยเฉิงจงใจชะลอความเร็วของฝีเท้าลง แล้วไปยืนอยู่ตรงหน้านาง ลดสายตาลงแล้วพินิจมองนางที่หลับสนิท จากนั้นความประหลาดใจก็ผุดแวบขึ้นมาในดวงตาวันนี้หลินซวงเอ๋อร์สวมเสื้อขนนกสีชมพูรากบัวท่อนบน และสวมกระโปรงยาวลายดอกไป๋อวี้หลัน และเสื้อคลุมผ้าไหมลายดอกไม้สีขาวเงิน ม้วนผมทรงหุยซินจี้ และปักปิ่นหยกสีขาวหนึ่งอันเท่านั้น บนตัวไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่นเลยเสื้อสีชมพูรากบัวทำให้ผิวพรรณของนางขาวผุดผ่องและดูมีเลือดฝาดมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้แต่งหน้า แต่กลับสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าบัวหิมะบนภูเขาเทียนซานเยี่ยเป่ยเฉิงมักจะรู้สึกว่า มีบุคลิกที่สูงส่งสง่างามอยู่ภายในธาตุแท้ของหลิ
หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ใกล้นางมากทันใดนั้นความง่วงเหงางาวนอนก็หายไปทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะวางเจ้าตัวเล็กลงบนเตียง นางก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว และตอนนี้ กำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาเขินอายอยู่“เหตุใดเจ้าถึงมองข้าแบบนี้ล่ะ?”ดูนางทำท่าตกใจสิ ทำอย่างกับว่าเขาจะกินนางอย่างนั้นแหละว่าแต่……ดูท่าทางทางของนางแล้ว เขาก็มีความคิดแบบนี้จริงๆ และอยากจะรีบกลืนกินนางเดี๋ยวนี้เลย...ร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงห่อหุ้มร่างกายของนางเอาไว้ ราวกับว่าเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ที่คลุมตัวนางเอาไว้อย่างแน่นหนาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนรถม้าในคืนนั้นผุดขึ้นมาในสมองโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าจะผ่านไปสองวันแล้ว อาการในช่องท้องส่วนล่างก็ยังไม่หายไปหลินซวงเอ๋อร์หวาดหวั่นใจ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสีแดง และไม่กล้ามองหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงเลย คำอธิบายที่นางคิดเอาไว้ตอนกลางวัน ได้มลายหายไปหมดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยเป่ยเฉิง และเหลือเอาไว้แค่ความเขินอายเท่านั้นหลินซวงเอ๋อร์ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ถูกเขาคว้าเอวเอาไว้“จะหนีไปไหน?” เยี่ยเป่ยเฉิง
“ข้าดุร้ายตรงไหน?หืม?”ทันใดนั้นแขนที่อยู่รอบเอวก็กระชับขึ้น เขาดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างเต็มเหนี่ยวร่างกายที่อ่อนช้อย แนบชิดกับหน้าอกที่แข็งแกร่งตรงตระหง่านของเขา หัวใจของเยี่ยเป่ยเฉิงสั่นไหวราวกับว่ากำลังจะระเบิดออกมา“สาวน้อยใจร้าย ข้าเคยดุร้ายกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หืม?”หลินซวงเอ๋อร์คว้าปกเสื้อของเขาไว้ในมือ แล้วพูดด้วยความสั่นเทาเล็กน้อยว่า: " ท่านอ๋องปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่... "เขากอดนางเอาไว้แน่น จนหลินซวงเอ๋อร์หายใจไม่ออกเยี่ยเป่ยเฉิงแอบผ่อนแรงลงหลินซวงเอ๋อร์เพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่คิดไม่ถึงว่าโลกจะหมุนอยู่ตรงหน้า เยี่ยเป่ยเฉิงพลิกตัวแล้วตรึงนางเอาไว้ด้านล่าง“ ท่านอ๋อง ท่านคิดที่จะทำอะไร…” หลินซวงเอ๋อร์เพิ่งจะตอบสนองได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะฉวยโอกาสเอาเปรียบนางอีกครั้ง ทำให้นางรู้สึกโกรธเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิง มองดูหญิงสาวที่งอนกระฟัดกระเฟียดอยู่ใต้ร่างของเขา ก็อดไม่ได้ ที่จะหัวเราะออกมาดังๆชั่วขณะ“กอดหน่อยก็ไม่ได้? ” เขาพูดเหมือนกำลังขอความคิดเห็น“ไม่ได้” ใครจะรู้ว่าเขากอดไปกอดมาจะทำเรื่องอะไรบ้าๆอีกหรือเปล่าหลินซวงเอ๋อร์ผลักไหล่ของเขาออกไปเบาๆ
นางอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตานางรู้ว่าเขาไม่ได้ซื่อตรงขนาดนั้นที่ข้างหู ทันใดนั้นการหายใจของเยี่ยเป่ยเฉิงเริ่มถี่ขึ้น“ วันที่สิบหกเดือนแปด เป็นวันมงคล เหมาะต่อการจัดงานสมรส ” ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็พูดขึ้นที่ข้างหูของนางหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จนลืมห้ามมือที่กำเริบเสิบสานข้างนั้นเอาไว้วันที่สิบหกเดือนแปด ไม่ใช่เดือนหน้าหรือ?“ในเมื่อข้าต้องการเจ้า ข้าก็จะรับผิดชอบเจ้า” มือขนาดใหญ่ข้างนั้นเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นเทา“แต่ตอนนี้...ตอนนี้ไม่ได้” พอนางตั้งสติได้ ร่างกายที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็เริ่มดึงดันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของนาง ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็ดึงมือกลับคืนมาคงเป็นเพราะครั้งที่แล้วจัดใหญ่เกินไป จึงทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวเขาเอาก็กลัดกลุ้มเช่นกัน ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันเขาก็ยากที่จะควบคุมตนเอง และไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้เยี่ยเป่ยเฉิงเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงอันอบอุ่นว่า: " ซวงเอ๋อร์ผ่อนคลาย ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น แค่จูบ ได้หรือไม่? "หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว ดวงตาที่สะอาดสุกใสคู่นั้นมองดูเขาอยู่ครู่ห
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ