สิ่งที่เขากระซิบข้างหูม่านซือซือ ทำให้นางร้อนวูบวาบในร่มผ้า หญิงสาวหน้าแดงจัด มือนางเหมือนจะอ่อนแรงลง จวบจนเขาจับมือข้างหนึ่งของนางไปวางแปะตรงเป้าพองๆ นางก็กระจ่างแจ้งในสิ่งที่เอี๊ยะถังอยากให้ช่วยเหลือ
อึดใจต่อมา ภาพที่ปรากฏต่อหน้านางคือแท่งเนื้อ แท่งเนื้อสีเข้มที่ปลายหยักของมันวาววามเป็นสีคล้ำจัดจากการใช้งานอย่างโชกโชน ตลอดทั้งลำมีเส้นเลือดปูดโปนราวกับหัวมัน และไม่งามอย่างที่นางจินตนาการถึง ทว่าแท่งเนื้ออันอุ่นร้อนก็เชิญชวนให้นางสัมผัสลูบไล้ และปรนเปรอความสวาทให้แก่เอี๊ยะถัง
“ขะ ข้าทำไม่ได้หรอก” เมื่อคลำหาเสียงตนเองพบนางจึงปฏิเสธ นางกลัว... ใช่ มันคือความรู้สึกที่ไม่อาจเป็นอื่นได้
เมื่อก่อนนางเคยอ่านพบเรื่องราวลึกลับของบุรุษในหนังสือมามิน้อย ได้เห็นภาพวาดการอุ่นเตียงจากหนังสือชุนกง ภาพเหล่านั้นและการบรรยายท่วงท่ากับลีลาอันโลดโผนนางยังระลึกถึงอยู่เสมอ ส่วนแท่งเนื้อของจริงเพิ่งจะเคยเห็นด้วยสองตาตนเองอย่างใกล้ชิด ยกเว้นยามที่นางหลับฝันถึงชายปริศนา
เอี๊ยะถังมองหญิงสาวชั่วแวบหนึ่ง ก่อนหยิบถุงหอมจากอกเสื้อและส่งให้นางดม
เขาไม่ได้ต้องการทำเรื่องชั่วช้าข่มเหงน้ำใจม่านซือซือ ทว่าหากไม่เร่งรัดนาง เกรงว่าเขาคงนอนปวดน้องชายไปทั้งคืนแน่ๆ
ชั่วเพียงเวลาชาพองตัว หัวใจสาวพลันเต้นโครมคราม ความรู้สึกตอนนี้คือลำคอแห้งผากราวกับกระหายน้ำอย่างหนัก และในร่มผ้านางร้อนชื้น จู่ๆ นางก็เป็นหญิงหน้าด้านไร้ยางอาย เกิดความคิดอยากสนองตัณหาให้เอี๊ยะถัง
ม่านซือซืออยากดูด ต้องการโลมเลียมังกรของเขาเหลือ เกินผิดแต่นางถูกสอนให้รักนวลสงวนตัว ถึงจะชอบเอี๊ยะถัง และแน่นอนนางย่อมอยากเป็นผู้หญิงของเขา ทว่านางยังไม่ได้สวมชุดเจ้าสาว หากกระทำในสิ่งที่ร่างกายเรียกร้อง นางยังจะมีเกียรติหลงเหลือได้อย่างไร
“เริ่มที่มือของเจ้าเป็นอย่างไร ซือซือ”
เอี๊ยะถังเอ่ยเสียงกระเส่า มือหยาบกร้านคว้าจับสองมือนุ่มนิ่มของนางมาช่วยชักแท่งเนื้อร้อนให้คลายพิษสีข้นๆ ออกมา
“คือ ข้า...”
ม่านซือซือไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางอาย สับสนและตื่นเต้น
“ดีๆ เจ้าทำได้ดี”
เมื่อเขาเอ่ยอย่างพึงใจ นางจึงรู้ว่าตนเผลอใจเสียแล้ว สองมือนางจับท่อนเนื้อเขาชักรูด ส่วนเขาก็โน้มตัวมาจูบซอกคอนาง จูบสลับนวดเฟ้นหน้าอกอวบใหญ่ และส่งเสียงครางทุ้มต่ำ
“อ่าส์ ซือซือ ถ่างขากว้างๆ สิ ให้พี่ได้ชมเนื้ออุ่นของเจ้าบ้าง”
สมองนางขาวโพลน ใจอยากทำให้ถึงใจเอี๊ยะถังแต่นางยังมีสติถึงมันเกือบเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ
เมื่อนางชักช้าไม่ทำอย่างที่เขาบอก เอี๊ยะถังจึงเป็นคนจับขานางถ่างจนกว้าง เขาถกกระโปรงให้สูงเผยให้เห็นโคนขาขาวผ่องนวลเนียน เขาอยากกระชากกางเกงขาสั้นที่ปิดเนินเนื้ออวบอูมของนางทิ้งเสีย แต่นางกลับเขินอายเลยหุบขาฉับ พลางส่ายหน้าไม่ยินยอมให้เขาล่วงเกิน
“ซือซือ ไม่รักพี่หรือ” เขาถาม คำถามนั้นคล้ายมีพลังมหาศาลทำให้นางพยักหน้ารับ
“คะ คือข้า...อี้ๆๆ” นางเสียวซ่าน ร่างกายอ่อนระทวยลง
“พี่ไม่ทำให้เจ้าเจ็บหรอก” เอี๊ยะถังเอ่ยจบจึงบดริมฝีปากบนกลีบปากอิ่มสวย เขาจูบ ใช้ปากดึงรั้งดูดดุนความหวานจากกลีบปากนางจนช้ำและบวมเจ่อ
ม่านซือซือตกใจมาก ทว่านางกลับไม่ขัดขืน ราวกับตกอยู่ในอำนาจของเอี๊ยะถัง
“ผ่อนคลายนะซือซือ เจ้าเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียวรู้หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดเขา ใจนางก็คัดค้าน ทว่านางทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ จวบจนเอี๊ยะถังแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ม่านซือซือจึงตัวเบาหวิว ร่างกายไร้การขัดขืน สุดท้ายก็นอนลงบนพื้น ถ่างขากว้างอวดความสาวให้เขาเชยชม
นางเป็นหญิงร่านสวาทแล้วรึ คำถามดังกล่าวดังอยู่ในใจ
พอรู้ตัวอีกที ริมฝีปากนางก็ถูกแท่งเนื้อที่ปลายหัวหยักใหญ่โตราวดอกเห็ดจ่อเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่เอี๊ยะถังจะบีบปากนางเพื่อให้มันอ้ากว้าง กว้างพอที่จะกลายเป็นช่องทางรักให้เขาเสือกความแข็งขันเข้าไป
หญิงสาวน้ำตาไหลพราก เขาคงคิดว่านางเป็นโสเภณีหรือหญิงเริงเมืองที่จะย่ำยีอย่างไรก็ได้
ม่านซือซือดึงตนเองออกจากวังวนราคะ ถึงพลังกายและสติที่มีเหลืออยู่จะน้อยนิด หากนางก็กัดฟันรวบรวมมันกลับคืนมา
นางดิ้นสุดแรงเกิด แต่ร่างกายชายหนุ่มมีกำลังมากกว่า อีกทั้งเขาเป็นวรยุทธ์จึงลงมือกับนางอย่างหนัก
“พี่ถัง!”
นางหลุดเสียงร้องประท้วง ในหัวคิดหาทางหนีจากเขาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย กระทั่งกำหนัดเขาพุ่งสูง ความหน้ามืดตามัวเข้าครอบงำ เอี๊ยะถังเลยตบนางเพื่อสั่งสอน และเขาตบนางด้วยแท่งเนื้อนั่นเอง
มันฟาดเข้าที่แก้มนางหลายหนจนม่านซือซือมึนงง สมองว่างเปล่า กว่าจะรู้ตัวอีกที เสื้อผ้านางก็ไม่อยู่บนเรือนร่าง
“ไม่! พี่ถัง ท่านเสียสติแล้วรึ”
เขาไม่ตอบ คงเพราะอยากทำรักกับนางจนสติกู่ไม่กลับ
ม่านซือซือรวบรวมแรงที่มีอยู่ นางถอยหนีสุดชีวิต เป็นช่วงเวลานั้นที่มือจับปิ่นปักผมไม้ของตนได้จึงใช้มันเป็นอาวุธ นางไม่คิดทำร้ายเขาแต่ต้องรักตัวเอง ปิ่นไม้ในมือจึงจ้วงแทงออกไปส่งๆ มันปักเข้าที่ขาของชายหนุ่มสร้างบาดแผลทันที กลิ่นคาวจากเลือดลอยฟุ้ง ซึ่งมันทำให้ทั้งนางและเขาจ้องมองกันเขม็ง
“โอ๊ย... เจ้าหวังให้พี่ตายรึ ซือซือ”
หญิงสาวสั่นเทาไปทั้งร่าง นางไม่คิดว่าจะทำให้คนรักมีแผลและเสียเลือด ทว่านางไม่อาจย้อนเวลากลับคืน อีกทั้งเขาคิดข่มเหงนาง บุรุษเช่นนี้สมควรรักหรือ!
“พี่ถัง... ขะ ข้าขออภัย แต่พี่จะทำกับข้าเช่นนางโลมไม่ได้”
“แต่พี่ต้องการเจ้า ปรารถนาให้เจ้าเป็นคนรัก เป็นฮูหยิน และอุ้มท้องเจ้าก้อนแป้งของพี่”
คำพูดหวานหู แต่ท่าทางเขากลับตรงกันข้าม โดยเฉพาะแก่นกายที่ผงาดง้ำ หัวมันบานเบ่ง ยามนี้แสงจันทร์สว่างมากจึงเห็นร่างกายเขาชัดเจน ทั้งกำยำ สง่างาม แต่เป็นภัยร้ายต่อนาง
“มาเป็นเมียของพี่เสีย แล้วพี่จะไม่ถือโทษเจ้า”
“ข้าทำไม่ได้”
“อย่าให้พี่ต้องบังคับหรือขืนใจ!”
ม่านซือซือส่ายหน้าหวือ ให้ตายเป็นผีนางก็ไม่อาจนอนแผ่ลงไปบนพื้นให้เขากลืนกินร่างกาย และแทงแท่งหยกอวบใหญ่เข้าสู่กลีบบุปผา
“ข้าต้องกลับเรือน ขอให้พี่ถังเข้าใจด้วย”
ใบหน้าเอี๊ยะถังเครียดขึ้ง เขาไม่ตอบ หากโถมร่างพร้อมแรงรักเข้าหาม่านซือซือราวต้องการทำสิ่งที่ค้างไว้ให้สำเร็จ
“มะ ไม่... พี่ถังจะทำเช่นนี้ต่อข้าไม่ได้!”
นางแผดร้องเสียงดังและยกมือปัดป้องตนเอง ยามนั้นหน้าอกอวบสวยเด้งไหวไปมา เรือนร่างงดงามที่เปลือยเปล่าทำให้เอี๊ยะถังหื่นกระหายอย่างบ้าคลั่ง
ม่านซือซือจึงยกมือปิดสองเต้าไว้แล้วถดถอยหนีสุดชีวิต กระทั่งนางลื่นไถลไปตามทางลาด
“ซือซือ...”
เอี๊ยะถังเรียกหานาง ทว่าหญิงสาวกลับเงียบ เงียบจนน่าเป็นห่วง จากนั้นก็มีทหารยามออกมาเดินลาดตระเวน พร้อมกลุ่มมือปราบที่ส่งเสียงดังขึ้นว่า
“โจร... โจรราคะ จับตัวมันให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอี๊ยะถังจึงไม่อาจเสียเวลาอันใด เขารีบแต่งตัวและเข้าไปรวมกลุ่มกับมือปราบคนอื่น แม้ใจนึกห่วงโฉมงามม่านซือซือ แต่เขาจะให้ผู้ใดพบเห็นว่าออกมาทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติที่สวนแปะก๊วยไม่ได้
ม่านซือซือพลัดตกลงไปในแม่น้ำ ร่างนางลอยไปเรื่อยๆ สติหญิงสาวหลับๆ ตื่นๆ นางพยายามรวบรวมแรงเพื่อยื้อชีวิตของตน สองมือไขว่คว้าไปข้างหน้า กระทั่งพบความแข็งอย่างหนึ่งเข้านางจึงยึดเอาไว้
“รอดแล้ว ข้าไม่ตายแล้ว!”
นางเอ่ยพร้อมกอดสิ่งแข็งแรงเอาไว้เป็นหลักยึด ก่อนจะต้องขวัญผวาด้วยสิ่งที่นางไขว่คว้านั้นไม่ใช่ท่อนไม้ หรือโขดหิน หากเป็นร่างของบุรุษ และเป็นบุรุษที่มีไอเย็น และผิวเขาขาว ขาวจัดราวกับหิมะ!
ณ ลานกว้างหน้าเรือนทานตะวัน ม่านซือซือยังไม่ทันหายตกใจหลังจากถูกต้อนลงจากรถม้าคันใหญ่ นางไม่รู้เหนือรู้ใต้อันใด ก่อนหน้านี้ก็ถูกต้อนให้ขึ้นรถม้าอีกคันที่ใหญ่กว่าเดิม แล้วถูกมัดมือปิดตาและได้ยินแต่เสียงอื้ออึงรอบกาย จึงทำให้เครียดจนแทบคลั่งระหว่างเดินทางยังมีเสียงครางแปลกๆ ของชายหญิง ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่น กลิ่นคาวที่นางไม่อาจล่วงรู้ว่าเกิดจากสิ่งใดกระทั่งลงมายืนที่พื้นดิน นางก็ถูกสั่งให้เดินตามก้นสตรีนางอื่น กระทั่งเข้ามาถึงส่วนด้านในของคฤหาสน์อันใหญ่โต และมันถูกแบ่งเป็นเรือนหลังเล็กๆ หลายหลัง ดูจากหมายเลขของเรือน คงมีราวๆ 10-12 หลัง “เข้าไปรอที่ลานหน้าเรือนทานตะวัน” คำสั่งของแม่นมเอ่ยเสียงดังเฉียบขาด เมื่อดูท่าทางนางก็คาดว่าไม่ได้สูงวัยสักเท่าไหร่ แต่ด้วยไร้รอยยิ้มและการยืนหลังตรงราวกับสตรีที่ถูกฝึกมาอย่างดี อีกทั้งมีสาวใช้เดินตามนางเป็นพรวน ทำให้นางรวมถึงสตรีที่ถูกขายมาต่างพากันอกสั่นขวัญแขวน“เหตุใดถึงได้มีเรื่องบัดซบเช่นนี้เกิดขึ้นกับข้าได้ ข้ารู้เพียงแต่ว่าต้องออกมาไหว้พระที่อารามศักดิ์สิทธิ์ ไฉนถึงตกเป็นสาวใช้ต่ำต้อยที่ต้องมาปรนนิบัติชายวิปริต!” สตรีนางหนึ่งที่แต่งตัวงดงามมิน
ม่านซือซือกอดหน้าอกตนเองไว้แน่น สองขาเบียดชิดกัน นางอายอีกทั้งรู้สึกอดสู การแก้ผ้าให้ผู้อื่นตรวจสอบประหนึ่งเป็นสินค้าเป็นเรื่องที่เกินจะรับไหว“เอามือลง แล้วยืนให้ตัวตรงๆ” เหม่ยหลานเอ่ยจบจึงสำรวจเรือนร่างของม่านซือซือ เริ่มจากใบหน้า ลำคอ เต้าอวบสวยที่ปลายยอดถันกำลังชูชัน และนางเหมือนต้องการรู้บางสิ่ง เลยใช้แท่งลึงค์ไม้หัวหยักในมือเขี่ยยอดถันสีชมพูซึ่งตอนนี้เข้มจัดดูเย้ายวนไม่น้อยม่านซือซือเม้มริมฝีปากแน่น นางกลัวเสียงน่าขายหน้าหลุดลอดออกไปแต่ก็ไร้ผล เพราะเหม่ยหลานใช้ไม้ลึงค์สะกิดไม่พอ นางยังบีบหน้าอกของม่านซือซืออย่างไม่ถนอมสักนิด“เจ้าคือลูกสาวของหัวหน้ากองอักษร ม่านเจิ้นสินะ”ริมฝีปากของม่านซือซือขยับจะตอบ แต่กลายเป็นการครางเสียงแผ่วๆ อย่างน่าละอาย“เจ้าเป็นสตรีที่ไวต่อความรู้สึกมิน้อย...แต่ข้าต้องตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมอยู่เรือนหลังใดและทำงานส่วนไหน หากเลือกคนผิดอาจทำให้คุณชายกริ้ว ซึ่งคนที่ต้องไร้ลมหายใจคงไม่พ้นเจ้า แม่นางซือซือ”ม่านซือซือพยักหน้ารับ ตอนนั้นมือข้างหนึ่งของนางหยิกที่สีข้างตน นางอยากรู้สึกเจ็บปวด ด้วยมันคงดีกว่าถูกปลุกให้ความสิเน่หาติดไฟ“ต่อไปนี้จะเป็นการคัด
หัวใจม่านซือซือเต้นระรัวแรง และนางปฏิเสธที่จะมองเหตุการณ์เบื้องหน้า ทว่ากลับมีคำสั่งของเหม่ยหลาน ซึ่งนางให้ทาสหญิงสองคนเข้ามาหาม่านซือซือ แล้วบังคับถ่างตานางเพื่อมองการร่วมรักอย่างเร่าร้อน“ดู... เจ้าต้องดูให้เต็มตา นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องปรนนิบัติคุณชายจ้าว”เหม่ยหลานออกคำสั่ง ม่านซือซือแม้จะรังเกียจอย่างไร แต่นางต้องฝืนดูภาพพิศวาสนั้นสามบุรุษกับสองสตรีระเริงรักบนพื้นไม้อย่างชวนให้ตกตะลึง และพวกเขายังถูกสาดน้ำมันหอมระเหยใส่ร่างท่อนเนื้อร้อนบุกทะลวงทั้งทางปากและแอ่งเนื้อนิ่ม พลอยให้ม่านซือซือถึงกับทนไม่ไหว นางเกือบพุ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขา ทว่าเมื่อคิดถึงคืนลอยโคมไฟนางก็อดหวาดผวาไม่ได้ เอี๊ยะถังคิดข่มเหงนาง ความเศร้าใจก่อเกิดขึ้นมา กระนั้นในซอกหลืบลึกๆ นางยังโหยหาเขา หากย้อนเวลากลับไปได้ นางคงยอมที่จะตกเป็นของอีกฝ่าย เพราะนางอาจไม่ต้องโชคร้ายถูกบิดาขายมายังคฤหาสน์วิปริตแห่งนี้หลิวฟ่านนั่งทับแก่นกายยักษ์ นางถูกจับให้นอนตะแคง จากนั้นนางจึงถูกบุรุษทั้งสามคนรุมนัวเนีย ชายคนหนึ่งเสือกแท่งหยกเข้ากลีบบุปผา ชายอีกคนแทงแก่นกายเข้าประตูหลัง ส่วนอีกหนึ่งบุรุษใช้แท่งหยกของเขาตบตีริมฝีปากบวมเจ่
ม่านซือซือนั่งอยู่ในห้องโล่งๆ ที่มีกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยและกลิ่นธูปลอยกำจายไปทั่ว ห้องนี้มีตั่งไม้กว้างปูรองด้วยฟูกและผ้าสีขาวสะอาดตา เครื่องเรือนล้วนย้อมด้วยสีดำขับให้บรรยากาศนิ่งสงบ หากแต่ไม่เศร้า น่ากลัว หรือวังเวง กลับให้ความรู้สึกน่าหลงใหล ลึกลับ แฝงความเย้ายวนนอกจากนั้นยังประดับด้วยภาพวาดและฉากกั้น เป็นผ้าไหมเนื้อดีปักลายสัตว์ป่าลงมากินน้ำ ดูแล้วเพลินตาไม่น้อยป้ายด้านหน้าเรือนเขียนไว้ว่า ‘9 เรือนโอสถ’ และทั้งที่เขียนอย่างนั้นแต่กลับไม่มีกลิ่นของยาแม้แต่น้อย ความสงสัยทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งม่านซือซือได้ยินเสียงฝีเท้าที่มั่นคงเดินเข้ามาในเรือน ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงน้ำหนัก แต่ความเงียบสงบของที่นี่ทำให้นางขนลุกซู่ประตูด้านหน้าเปิดอย่างแผ่วเบา ภาพต่อมาคือร่างสูงใหญ่ของบุรุษในอาภรณ์โปร่งบางสีขาวหญิงสาวพบชายสง่างามมามิน้อย แต่ชายที่สะกดให้นางหายใจไม่สะดวก ก่อนจะกลายเป็นความลุ่มหลง ประหนึ่งตกอยู่ในอำนาจ คงเป็นชายที่สวมหน้ากากสีขาวผู้นี้ม่านซือซือแปลกใจ เขาช่างคล้ายคนที่นางรู้จัก อีกทั้งดวงตาคมใต้หน้ากากมองนางอย่างแฝงความนัย และความเงียบของเขากระตุ้นกลีบสวาทนางให้ผะผ
จ้าวเล่อซีพิศโฉมสตรีตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ได้ตัวนางมาครอบครอง นับจากนี้นางจะอยู่เคียงข้างเขา คอยส่งเสียงหวานเร่าร้อนให้เขาฟังทุกเช้าค่ำความจริงในระยะเวลาที่ผ่านมา เขาจะใช้กำลังหรืออำนาจบีบบังคับขุนนางตัวเล็กๆ อย่างม่านเจิ้นให้ส่งตัวลูกสาวคนที่ห้ามาบำเรอสวาทเขาก็ทำได้อย่างง่ายดาย แต่จ้าวเล่อซีคิดว่ากระทำเช่นนั้นช่างไม่สมกับเป็นเขาเสียเลย จึงปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ และเขาเพียงแค่วางกับดักล่อเอาไว้อย่างแนบเนียนกระทั่งคืนเทศกาลโคมไฟมาถึง เอี๊ยะถังคิดข่มเหงหญิงงามของเขา ชายหนุ่มจึงโกรธมาก แต่ยังปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อไปเพื่อลองใจนาง กระทั่งเขาแจ้งชัดในใจว่าม่านซือซือไม่ยอมให้เอี๊ยะถังข่มเหงเป็นแน่แท้จ้าวเล่อซีจึงยื่นมือช่วยนางเอาไว้และสตรีอย่างม่านซือซือคือคนที่เขาอยากร่วมรัก และมอบรสสวาทให้เขาสุขสม‘เจ้ายินยอมให้ข้าทำรักด้วยหรือไม่’ จ้าวเล่อซีถาม แต่เสียงดังก้องอยู่เพียงในอกเขาเมื่อไม่อาจเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดให้นางเข้าใจ เขาจึงต้องใช้ภาษากายแทนชายหนุ่มจูบนาง จูบอย่างใจปรารถนา และแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปาก ดูดดื่มความบริสุทธิ์ของม่านซือซือเรียวลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัด
เขาดูดติ่งเนื้อนิ่ม ดูดราวกับอยากให้นางปล่อยน้ำหวานรสเลิศ เพื่อเขาจะได้สุขสมกับการปรนเปรอนางด้วยปาก แต่ม่านซือซือเป็นสตรีที่อดกลั้นดีเลิศ นางเสียวซ่านปานนี้ หากยังไม่หลั่งความสาวให้เขาชิม ทว่าแอ่งเนื้อนางแฉะชื้นและเต้นตุบๆ ตอบรับการทำรักของเขา“อ่าส์... คุณชาย... ข้าทรมานเหลือเกิน ท่านไม่ปรารถนาเข้ามาในตัวข้าหรืออย่างไร”ม่านซือซือขอร้องจ้าวเล่อซี หาใช่การออกคำสั่ง‘ปีศาจน้อย เจ้าช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า คิดจะกลืนกินมังกรของจักรพรรดิเล่อซีเลยรึ’ จ้าวเล่อซีเอ่ยจบก็หัวเราะหึๆแน่นอน เขาต้องก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิในอีกไม่ช้า เขาจะกลับเมืองหลวงพร้อมยกทัพออกไปสังหารคนชั่วเพื่อล้างแค้นให้บิดา จากนั้นก็ครองอาณาจักรอันกว้างใหญ่ของแคว้นชิง เรื่องเหล่านี้ผิงเสียนผู้เป็นมารดาพูดกรอกหูให้เขาได้ยินตลอดก่อนที่นางจะจากไปด้วยความแค้นหลังจากนั้นเขาถูกเลี้ยงดูด้วยท่านตาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ รวมถึงลุงกับป้าที่รักเขายิ่งกว่าลูกตน แต่ทุกคนมีนิสัยบิดเบี้ยว เขาจึงได้รับสืบทอดความอำมหิตและนิยมเรื่องอุ่นเตียงวิปริตมาสู่จิตใจ กระทั่งเขาถูกส่งตัวมาที่นี่ ใช้ชีวิตในคฤหาสน์สัตตบงกชเพื่อรอเวลาที่จะกลับเมืองหลวง แน่นอนเขาม
คุณชายท่านมีความสุขอันใด ม่านซือซือสะดุ้งตื่นกลางดึก นางอ่อนเพลียมาทั้งวัน พอตกดึกก็ฝันเห็นภาพน่ากลัว ความฝันคล้ายเรื่องจริง กระนั้นนางกลับไม่แน่ใจว่าเรื่องดังกล่าวผ่านมานานเท่าใด ด้วยมันเลือนรางประหนึ่งว่าในหัวนางถูกใครบางคนลบภาพเหล่านั้นออกไป เมื่อลืมตาขึ้น นางก็สัมผัสหัวไหล่ด้านซ้ายของตนและอดแปลกใจไม่ได้ มันมีแผลเป็นเล็กๆ แผลที่นางเคยถามเซี่ยอี๋ผู้เป็นมารดาและได้คำตอบอย่างไม่แน่ชัด รู้เพียงแต่ว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กเล็กทว่าคืนนี้ ภาพฝันอธิบายถึงรอยแผลดังกล่าวว่ามีสาเหตุจากการที่นางถูกใครคนหนึ่งทำร้ายบนหอสูงที่ด้านล่างเป็นทะเล เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง นางจดจำใบหน้าเขาไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นคนใจร้ายมากขณะที่นางเตรียมนอนลงอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของจ้าวเล่อซีก็มาอยู่ข้างๆ นาง ไออุ่นเขาและกายแกร่งทำให้หัวใจนางเต้นไหวระรัว“คุณชาย ท่านอยากให้ข้าปรนนิบัติหรือ...” นางถามเขาเสียงหวานหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้มายังเรือนโอสถ และนางทราบว่าเขามีงานต้องสะสาง ใจนางเป็นห่วงเขา พอได้พบจ้าวเล่อซี นางจึงอยากดูแลอีกฝ่ายอย่างที่สุดชายหนุ่มยังเงียบอยู่เช่นเดิม ก่อนค่อยๆ เอนกายนอนลงพร้อมนางม่านซื
ปรารถนาเป็นของท่าน แต่ตอนนี้เขาจำต้องปล่อยให้นางลองในสิ่งที่อยากเรียนรู้‘หากทำให้ข้าขัดเคืองใจสักนิดละก็... รู้หรือไม่โทษฐานคือสิ่งใด ซือซือ’ เขาว่าในใจ และหลุดเสียงคำรามดุดันให้นางได้ยิน และนั่นยิ่งทำให้ม่านซือซือลำพองใจ อีกทั้งเกิดความซาบซ่านจนนางอยากครอบครองทุกอย่างในตัวชายหนุ่ม“คุณชาย...ซือซือเป็นของท่านแล้ว คุณชายเล่า...ปะ เป็นของซือซือ บ้างได้หรือไม่”จ้าวเล่อซีหัวเราะหึๆๆ สตรีเช่นนางไปเอาคำพูดเหล่านี้มาจากที่ใด นี่คงเพราะอ่านหนังสือประโลมโลกหรือกลอนฝากรักมากเกินไป และนางคงหวังเก็บไว้ใช้กับเขาที่เรือนโอสถเพื่อตักตวงความสุขจากเขาเพียงผู้เดียว ม่านซือซือเจ้าช่างร้ายเหลือ!ในขณะที่นางกำลังปลุกปล้ำท่อนเนื้อร้อนของเขาอยู่นั้น ร่างอรชรก็ถูกจับยกสูง ม่านซือซือตกใจด้วยไม่ทันระวังตัวจึงร้องวี้ดว้าย แต่นางตกใจได้เพียงประเดี๋ยวเดียว จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มพลันเผยออ้าก่อนหวีดเสียงหวานพร่าไม่หยุด“อี้ๆๆ คุณชาย ท่านรังแกข้า”‘เป็นเจ้าที่ท้าทายข้าก่อน ยังมีหน้ากล่าวหาจ้าวเล่อซีอีกรึ’เขาสื่อสารกับนางด้วยดวงตาคมกริบ จากนั้นจึงรุกนางจนร่างอรชรอ่อนระทวย“โอ้ คุณชาย อร๊าย...ไม่ นะ ข้ายอมแล้ว”ชา
กุ้ยเฟยปีศาจกุ้ยเฟยฟ่านจิงผู้มีตราหงส์ในมือ เดินสำรวจพื้นที่สำคัญในวังหลัง ก่อนที่นางจะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นว่าตำหนักของมเหสีอี้เหอมีหญ้าและวัชพืชหนาตา ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉาแต่เดิมนางไม่ได้อยากเหยียบย่างเข้าไปด้วยซ้ำ แต่ได้ข่าวว่าคนที่อยู่ข้างในกำลังหาทางให้สกุลหลิวกระทำเรื่องชั่วบางอย่างเพื่อป้ายความผิดให้แก่นาง และดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเห็นชอบสิ่งนี้ด้วยน่าหัวร่อนัก คนพวกนี้ชอบกลับขาวให้เป็นดำ ทำเรื่องถูกให้เป็นผิด เช่นนี้นางยิ่งนึกสนุก ด้วยหลิวฟ่านหาใช่คนเดิม นางพร้อมที่จะชโลมทุกอย่างด้วยเลือด!“วางแผนสังหารบิดางั้นรึ...”อาเฟยพยักหน้าน้อยๆ เขาไม่อยากให้หลิวฟ่านสร้างกรรมใดอีก นางได้เป็นถึงกุ้ยเฟยในวันนี้ก็มีอำนาจพอแล้ว นอกจากนั้นควรสะสางเรื่องต่างๆ แต่พองาม มิใช่ระรานคนอื่นไปทั่ว“อย่าได้ทำสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ รวมถึงเรื่องที่เจ้ากำลังคิดอยู่ในใจ”“อี้เหอเป็นหนามทิ่มใจซือฝุมิใช่หรือ”“เคยเป็น แต่ตอนนี้นางหมดสิ้นเขี้ยวเล็บ ก็มิต่างจากหญิงชราที่หน้าตาไร้ความสวยงาม อยู่ไปก็เหมือนซากสัตว์ที่เน่าเหม็น เช่นนั้นข้ายังจะต้องทำสิ่งใดให้เปรอะเปื้อนมืออีก”“แต่ข้าไม่เห็นด้วย นางทำให้สตรีห
ม่านซือซือตื่นขึ้นในช่วงรุ่งสาง นางไอติดกันหลายครั้ง และพบว่าคนที่ยกจอกน้ำชาให้นางคือสามี แต่หลังจากหายคอแห้ง นางต้องตกใจเป็นอย่างมาก จ้าวเล่อซีได้แผลหลายที่ และนางเห็นว่าเขาบาดเจ็บหนัก แต่ยังทนฝืนนั่งเฝ้านางข้างเตียงไม่ห่างไปไหน“ท่านพี่... ภรรยาช่างเป็นสตรีที่นำแต่เรื่องเลวร้ายมาให้ท่านอยู่เสมอ”จ้าวเล่อซีไม่ได้เอ่ยคำใด เขาจุมพิตที่หลังมือนาง ก่อนนำมาวางไว้ที่หน้าอกของตน“ข้าจะไม่อ่อนแอและร้องไห้อีก” ม่านซือซือบอกกับชายหนุ่ม และนางตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ ทว่าความตั้งใจของนางคงต้องออกแรงมากอยู่สักหน่อย เพราะหลังจากนั้นอาการของจ้าวเล่อซีก็หนักขึ้นมากเขายิ้มให้ผู้เป็นภรรยาและพยายามบังคับเสียงอันประหลาดแสนน่ากลัวของตน และเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก“คลอดบุตรชายให้ข้า ชาตินี้บุรุษแซ่จ้าวก็ตายตาหลับแล้ว”ม่านซือซือสั่นผวาทั้งร่าง นางไม่รู้ว่าจ้าวเล่อซีคิดอย่างไรถึงได้เอ่ยเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนั้น แต่มันก็เป็นความจริง พอนางลุกเดินได้ตามปกติ กลับกลายเป็นว่าจ้าวเล่อซีไม่ได้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกเลยสามวันผ่านไป ม่านซือซือก็ซูบผอมลง นางนั่งไม่ติด เดินวนไปมาในเรือนหลังเล็กแห่งนั้น กระทั่งเห็นหน้าข
ม่านซือซือไม่ได้มองสิ่งรอบกายเนื่องจากต้องซ่อนตัว และถูกพาหลบเพื่อขึ้นรถม้าคันใหม่ซึ่งมีหน่วยคุ้มกันที่เข้มแข็ง ทว่าถึงจะมีกำลังเตรียมพร้อม แต่คนของสกุลเตียวก็มีกลุ่มที่เข้ามาเสริมไม่ขาด อีกทั้งฝ่ายนั้นมิใช่มือสังหารหากเป็นทหารที่ออกรบเป็นประจำ มีกลยุทธ์ที่แยบยล คนพวกนั้นคือทหารของถานปิง!เอี๊ยะถังหนาวจับไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่กลัวพวกหมาหมู่ แต่กลัวที่สุดคือพวกที่ฉลาดมีไหวพริบ และทหารสกุลถานก็เป็นพวกที่มีฝีมือยากหาใครเทียบได้เสียงแตรเขาสัตว์ดังต่อๆ กันพร้อมธนูที่พุ่งมาราวกับห่าฝนมือปราบหนุ่มใช้ดาบในมือกวัดแกว่งพร้อมออกคำสั่งให้รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด สุดท้ายแทนที่จะช่วยเหลือม่านซือซือได้สมใจ กลายเป็นว่าเขาติดกับดักอยู่ตรงกลางกลุ่มของคนสกุลเตียวและทหารของถานปิง “วางอาวุธเสีย พวกเราไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้า” เสียงผู้ที่อำพรางตัวเอ่ยขึ้น“ฮ่าๆๆ พวกหมาหมู่ คิดชั่วกับผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ อย่างไรก็ชิงตัวจ้าวฮูหยินไปไม่ได้”“กล่าวเช่นนั้น เจ้าก็ไม่สมควรมีลมหายใจแล้ว”“ฮ่าๆๆ หากแน่จริงก็ข้ามศพข้าไปก่อน”คนที่ซ่อนตัวอยู่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม
ม่านซือซือสะลึมสะลือตั้งแต่ถูกจับขึ้นรถม้า พอการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดลง นางจึงนั่งนิ่งคอยฟังเสียงรอบตัวด้านนอก และคนตั้งครรภ์ใจชื้นขึ้นเมื่อนางเป่าปาก เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขรม นางมั่นใจว่าสุนัขสองตัวที่นางดูแลไว้กำลังตามนางมา ทว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน เหตุใดจะรับมือมนุษย์ได้ อีกทั้งตัวหนึ่งยังได้รับบาดเจ็บ“อย่าให้นางกับพวกเดรัจฉานหนีรอด”เสียงดังกล่าวดังเข้ามาในรถม้า ม่านซือซือไม่ได้มีวิทยายุทธ์ย่อมต้องกลัวตายเป็นธรรมดาและการต่อสู้ยังดุเดือดมาก ม่านซือซือไม่รู้ว่าผู้ใดมาช่วยนาง แต่ภาวนาขอให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด กระทั่งคนของสกุลเตียวเปิดประตูรถม้าเข้ามา คราแรกนางไม่ได้ตกใจสักเท่าใด แต่หลังจากนั้นผู้ที่หัวเราะด้วยเสียงบ้าคลั่งก็เผยตัว เขาคือมู่จิ้น!“ข้านึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าอีก โอกาสดีๆ เช่นนี้ต้องยอมรับว่าคุณหนูเตียวทำให้ข้าได้เล่นสนุกกับจ้าวฮูหยินอย่างถูกเวลา”“องค์ชาย ท่านเป็นคนบัดซบโดยแท้ ทำเรื่องชั่วช้าได้ตลอดเวลา คิดหรือว่าจะทำให้ข้ากลัว”“ฮ่าๆๆ เจ้าอาจเป็นสตรีเก่งกล้า แต่จ้าวเล่อซีมันขี้ขลาดโดยเฉพาะยามเห็นเมียของมันถูกข้ารังแก!”“อย่าคิดว่าท่านจะหักหาญใช้กำลังข่มเหงน
เล่ห์ร้ายสตรีเรือนโอสถม่านซือซือถูกคุมตัวขึ้นรถม้า นางห่วงทั้งเหม่ยหลานและฝูเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้างในรถม้ามีเพียงนางคนเดียว ถึงไม่ได้ถูกมัดมือหรือปิดปากแต่นางไม่อาจหลบหนี ด้วยมีทหารจากกรมการปกครองและคนสกุลเตียวคุมอยู่ อีกทั้งคำพูดของเตียวจื่อก่อนส่งนางขึ้นรถม้าแจ้งชัดว่าม่านซือซือตกที่นั่งลำบากแล้ว“ระวังตัวเอาไว้ ความผิดที่เจ้าก่อมิอาจหนีพ้น ตอนนี้บิดาเจ้าสารภาพหมดเปลือก ได้รับโทษถูกส่งตัวไปยังเมืองทางใต้ ไปเป็นนักโทษสร้างกำแพงเมืองที่นั่น แต่น่าเสียดาย ระหว่างทางมีโจรร้ายดักปล้นขบวน พวกมันส่งม่านเจิ้นไปรอที่ประตูนรกแล้ว ส่วนเจ้าก่อนที่จะตายตามเขาข้าคิดว่าคงต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสาหัส เริ่มจากถูกผ่าท้องควักลูกน้อยออกมาดูโลกก่อนดีหรือไม่ โอ้... แต่ช้าก่อน ข้าลืมเสียสนิทเจ้าเป็นมนุษย์โอสถ เช่นนั้นต้องจับยัดใส่แจกันยักษ์หรือไหเหล้า ขุนจนอ้วนให้น่าเกลียด จากนั้นจึงกรีดเลือดควักหัวใจให้รัชทายาทกิน!”ม่านซือซือตัวแข็งทื่อ นางหวาดผวากับคำพูดอีกฝ่าย หากเตียวจื่อรู้หลายสิ่งเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าคำพูดนางอาจมีเค้าความจริง“คุณหนูเตียว ทะ ท่านกำลังสร
ทาสสวาทอสรพิษ ณ ป่าช้าไร้ญาติทางทิศใต้ของเมืองหลวง ร่างของสตรีนางหนึ่งถูกใส่ไว้ในโลงไม้ สีหน้านางซีดเผือดริมฝีปากเป็นสีคล้ำ บริเวณลำคอมีรอยเชือกซึ่งนางผูกคอตนกับขื่อของเรือนในคราแรกนั้น เหล่าคนงานที่จัดการศพอยากเร่งฝังศพเพื่อจะได้เสร็จงานให้ไวแล้วรีบไปรับเงินส่วนที่เหลือ แต่ทหารที่คุมคนงานมาที่นี่รวมถึงสัปเหร่อต่างซุบซิบกันว่า หญิงคิดสั้นนางนี้เป็นสาวงามต่างแคว้น มีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวของจักรพรรดินี อีกทั้งร่างกายยังบริสุทธิ์ไร้ราคี เมื่อรู้เช่นนี้ใครเล่าอยากจะทิ้งเนื้อหงส์ไว้ในโลงไม้ อย่างน้อยได้เพลินด้วยตาและลิ้มรสสักนิดก็ยังดี“คุณหนูของเจ้ากรมการปกครองบอกว่านางทำเสน่ห์และเล่นคุณไสยฯ เช่นนี้ข้าเลยอยากลองแทรกหนอนเข้าไปข้างในกลีบคับๆ นั่น อยากรู้จริงว่านางจะเด็ดดวงหรือไม่”“เจ้าไม่กลัวรึ ร่างของนางอาจมีตะขาบหรือพิษแทรกซึมอยู่ก็ได้ และยังเป็นศพตายโหงด้วย!”“ฮ่าๆๆ ยิ่งดี ยิ่งเฮี้ยน ยิ่งน่ากลัว ข้ายิ่งพึงใจ”“ช่างวิปริตโดยแท้พี่ชาย”เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยเช่นนั้นแล้วโลงศพจึงไม่ได้ถูกนำลงฝัง มันถูกเปิดออกจึงเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวเหยาที่นอนนิ่งๆ มองเผินๆ ดูราวกับสตรีที่หลับใหลเพียงเท่านั้น
ภรรยาอยู่บน ท่านพี่อยู่ข้างล่าง ม่านซือซือมีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิเทียนฉางแต่งตั้งกุ้ยเฟยคนใหม่ นางจึงสั่งให้ห้องครัวทำอาหารเลี้ยงคนทั้งตำหนัก ทุกอย่างล้วนเป็นของดี มีสุราและการขับร้องเพลงด้วย“นางได้รับตำแหน่งกุ้ยเฟยฟ่านจิง!” เหม่ยหลานเอ่ยถึงหลิวฟ่าน ยามนี้นางได้ถือตราหงส์ในวังหลัง มีอำนาจเหนือมเหสีอี้เหอขั้นหนึ่ง“โอ้ ชื่อนี้เหมาะสมกับหลิวฟ่านเหลือเกิน”“นางเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเทียนฉาง อีกทั้งอาเฟยก็อยู่รับใช้ที่ตำหนักในด้วย”ได้ยินเหม่ยหลานกล่าวเช่นนั้น ม่านซือซืออดหน้าแดงไม่ได้ด้วยรู้ความหมายของประโยคดังกล่าวดี“สามคน...เฮ้อ ข้าอยากเตือนอยู่หรอก แต่สุดท้ายทั้งหลิวฟ่านและอาเฟยต่างเป็นผู้เลือกชีวิตของตน”“แล้วรัชทายาทเล่า ไม่ได้ออกความเห็นใดหรือ”เหม่ยหลานมองม่านซือซือ ก่อนหัวเราะอย่างขบขัน“ฮูหยิน นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดย่อมต้องเป็นรัชทายาทเล่อซี!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนตั้งท้องจึงหัวเราะตามแม่นมหลาน สามีนางช่างเป็นจอมบงการทุกสิ่งโดยแท้ กระทั่งเรื่องจับคู่ หรือใครจะอยู่บนอยู่ล่าง แม้แต่...แทรกระหว่างกลางในยามอุ่นเตียง องค์ชาย
นางจิ้งจอกเริงสวาท จ้าวเทียนฉางมองพรมขนจิ้งจอก ที่ถูกส่งเข้ามาในห้องบรรทมของตน คราแรกเขาประหลาดใจเมื่อเหล่าขันทีซึ่งดูแลตำหนักนี้บอกว่าเป็นของขวัญจากคณะทูตต่างแดนที่มาค้าขายกับแคว้นชิง และขุนนางในกองคลังมีความประสงค์อยากถวายพรมเลอค่านี้กับเขา ทั้งที่เมื่อก่อนพวกมันล้วนมองข้ามหัวเขาไปเสียหมดกระนั้นเรื่องสำคัญไม่ได้เกี่ยวกับที่มาของพรม หากเป็นสตรีที่ซ่อนกายอยู่ข้างในมากกว่าเมื่อพรมถูกคลี่ออก สตรีรูปร่างสมส่วนจึงปรากฏให้เขาเห็น นางมิใช่หญิงงามหากเทียบกับเหล่านางสนมที่เขาเคยพบ ทว่าหญิงผู้นี้โดดเด่น ท่าทางปราดเปรียว อีกทั้งยังซ่อนความลึกลับเย้ายวนอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากสนมนางใดสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจนไม่อาจไล่ตะเพิดนางออกจากห้อง เพราะเมื่อเผยกายออกจากพรมหนังแกะหนานุ่มนั้น สตรีนางนี้ไม่ได้ไว้ผมยาวสลวย เมื่อเปิดผ้าคลุมศีรษะเขาเห็นว่านางโกนผมจนเกลี้ยงประหนึ่งนักพรตหญิง หรือนางชีจากสำนักบนภูเขาสูง“หลิวฟ่าน...”เขาจดจำนางได้ นางผู้นี้รับใช้อยู่ในตำหนักของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน จู่ๆ นางหายตัวไป เขาเคยอยากตามหานาง แต่เป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าวอาเฟยมักลอบเข้ามาหาเขาและสร้างเรื่องมากมา
อารมณ์ขันร้ายกาจของจ้าวเล่อซีใครต่างรู้ดี โดยเฉพาะอาเฟยที่อยู่ใกล้ชิดมาตั้งแต่เขาแบเบาะ “ม่านเจิ้นถูกภรรยาที่มาจากสกุลใหญ่โขกสับและวาง อำนาจอยู่เหนือเขาเสมอ แต่เขาก็รักฮูหยินมิน้อยทั้งที่รู้ว่านางไม่ใช่ธิดาของตน แต่การที่เขาตั้งใจผลักไสนางให้เอี๊ยะถังและสร้างข่าวให้ฮูหยินมัวหมองจนนางไม่อาจเข้าคัดเลือกเป็นนางกำนัล ก็ดูเหมือนมีสิ่งที่น่าสงสัยมิน้อย”คราวนี้หลิวฟ่านเป็นผู้เอ่ย นางรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้เพราะเคยเห็นม่านซือซือมาซื้อของที่ร้านขายยานางอยู่บ้าง และหลายครั้งอีกฝ่ายมีเงินไม่พอก็เป็นนางที่สั่งให้คนในร้านจัดหาให้ กระทั่งม่านซือซือเริ่มคบหาเอี๊ยะถังอย่างลับๆ หลิวฟ่านก็รู้ว่าม่านซือซือคงต้องการผู้ชายสักคนเป็นหลักยึด เพื่อให้นางไม่ต้องถูกแม่ใหญ่ส่งตัวไปเป็นอนุของตาเฒ่าหื่นกามที่ไหน‘เจ้าคิดว่าใครบีบบังคับให้เขาทำเรื่องนี้’ จ้าวเล่อซีหันไปทางหลิวฟ่าน“ตามที่หม่อมฉันตรองดูแล้ว ม่านเจิ้นมิได้ถูกใครบังคับ เขาเพียงแค่เซ่อซ่าและเชื่อคนง่ายไปสักหน่อย กล่องไม้ของเซี่ยอี๋ได้ถูกสับเปลี่ยนก่อนมอบให้ฮูหยินโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาก็คงได้ยินกิตติศัพท์ของมเหสีอี้เหอว่าเ