นิ้วมือสอดลึกเข้าไปในรอยแยกจนนางเรียมสะดุ้งจับยึดผนังไม้ด้านข้างไว้แน่น เพื่อพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ให้ได้ เพราะขณะนี้แข้งขาที่สั่นไหวนั้นแทบจะยืนไม่อยู่อยู่แล้ว
“อา... คุณเจ้าขา... อูย... บ่าวเสียว... อูย... เสียวเหลือเกิน... อูย...”
“ต้องเสียวแน่ เพราะคุณพระท่านจะทำกับเอ็งแบบนี้ เอ็งจะซ่านเสียวอย่างที่สุด และจะเสียวยิ่งกว่านี้หากคุณพระท่านเป็นฝ่ายชะล้างร่างกายให้กับเอ็ง เพราะนั่นจะเท่ากับว่าเอ็งจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น”
นางเรียมหลับตาพริ้มซึมซับถึงสวรรค์ตามที่คุณนายพิศบอกเล่า เพราะแค่นิ้วมือขยับเข้าๆ ออกๆ ในโพรงลึกมันก็ยังสั่นเสียจนสะท้าน และหากว่านิ้วมือนี้เป็นของคุณพระท่าน หรือจะดีกว่านั้นหากเป็นไอ้ทิ้งน้อยที่สอดแทรกเข้ามาอย่างรุนแรง มันก็คงจะต้องกรีดร้องด้วยความสุขสมอย่างที่สุดแน่ๆ
และเมื่อคุณนายพิศรัวนิ้วเร็วๆ นางเรียมก็ต้องซู้ดซี้ด
“จริงรึ พี่ว่าประเดี๋ยวมันก็เหมือนคนอื่นๆ ไม่มีใครจะสู้แม่พิศได้สักคน พี่อยากนอนกับเมียนี่นา นะ คืนนี้ให้พี่นอนกับแม่พิศ แล้ววันพรุ่งค่อยไปหานังเรียมมันก็ได้ นะแม่พิศ ทูนหัวของพี่ พี่อยากกลืนกินแม่พิศเหลือเกิน”ไม่วายที่คุณพระจะออดอ้อนอยากนอนกับเมีย เพราะเนื้อตัวหอมกรุ่นของแม่พิศที่คลอเคลียอยู่ด้านข้างก็เร้าอารมณ์ท่านมากที่สุดแล้ว ความปรารถนาที่กดเก็บมาหลายวัน ท่านอยากจะปลดปล่อยใส่เมียรัก เพราะไม่แน่ใจว่านางเรียมจะทำให้ท่านสมหวังได้ดังที่แม่พิศอวดสรรพคุณหรือเปล่า“เชื่อน้องสิเจ้าคะ พ้นคืนนี้ไปคุณพี่จะลืมน้องเสียกระมัง”“โธ่! แม่พิศจ๋า ไม่มีใครจะทำได้ถูกใจพี่เท่าแม่พิศดอก พี่อยากร่วมกับแม่พิศแค่คนเดียว ไม่อยากได้หญิงอื่นอีก ไม่มีดอกไม้ใดที่พี่จะกลืนกินหยาดน้ำหวานระรื่นลิ้นได้เท่าดอกไม้เบ่งบานของแม่พิศอีกแล้ว นะแม่พิศนะ พี่ขอ...”แม่พิศสะท้านตามคำกระซิบบอก แลอยากจะเปลี่ยนใจเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้“ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ เผื่อนังเรียมจะให้ลูกกับคุณพี่ได้ และน้องก็ให้มันไปนอนคอยคุณพี่แล้วด้วย”&l
เรือนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งของชาย เปลือยเปล่าอยู่กลางสายน้ำ เพราะค่ำคืนนี้ไม่มีใครออกมาให้ปลดเปลื้อง ด้วยคุณพระท่านคืนเรือน นางเรียมก็ต้องไปรับใช้ตามที่คุณนายพิศเรียกตัว คงมีเพียงสายน้ำเท่านั้นที่จะช่วยดับความร้อนรุ่มของมันลงได้ จึงต้องหลบมาว่ายน้ำให้หายร้อนรนบุญทิ้งจ้วงว่ายไปตามสายน้ำ ดำผุดดำว่าย หวังให้ความร้อนรุ่มจางลง ทว่าไม่เพียงจะไม่ลดน้อยลงเลย แต่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อรู้อยู่แก่ใจดีว่าทุกค่ำคืนที่ร่วมรักกับนางเรียมอย่างถึงอกถึงใจนั้น อยู่ในสายตาของใครบางคน คนที่แอบซุ่มรอคอยเวลาที่จะมาถึงแต่ก็ไม่กล้าเผยตัวให้รู้ คนที่มองมันด้วยแววตาตื่นตกใจเมื่อมันรู้แกวแล้วไปดักหน้าไว้ก่อนจะขึ้นเรือน“ไอ้ทิ้ง มึง... นรกจะกินหัวมึงแล้ว คิดกับคุณนายท่านแบบนี้ได้ยังไงวะ”แม้จะบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่กลิ่นหอมจากเนื้อกาย ความอ่อนนุ่มและชุ่มชื้นของผิวพรรณที่มันได้กอดจูบลูบไล้ รวมทั้งความอวบอิ่มอย่างที่สุดของเต้าอวบนั้นก็ทำให้มันสั่นสะท้านสยิวกายไปทั้งลำ เพราะไม่อาจสลัดไล่ความงดงามและหอมกรุ่นนั้นออกไปได้ ทำให้ทุกครั้งที่ได้ร่วมกับนางเรียม มันจึงตื่
“อา... คุณนายขอรับ คุณนายสวยเหลือเกิน อืม... หอม... หอมที่สุด”จมูกซุกไซ้ลงที่ซอกคอหอม มันสูดดมให้แน่ชัดว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เนื้อกายที่งดงามพิสุทธิ์นี้กำลังอยู่ใต้ร่างของมันจริง มันกำลังจะได้นางฟ้ามาเชยชมให้สมความอยากจนต้องกระหน่ำไอ้ทิ้งน้อยใส่โคกนางเรียมหลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้ความฝันนั้นผ่อนคลายลง และกลิ่นหอมของเนื้อนวลที่สูดเข้าจนเต็มปอดก็ทำให้มันแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่กำลังประสบฝ่ามือเคลื่อนคลึงเต้าอวบใหญ่เต่งตึง ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงหวานครางแผ่วแว่วมา บุญทิ้งจะไม่ปล่อยให้เวลาที่มีค่านี้สูญเสียไปสักเสี้ยวหนึ่ง ริมฝีปากและฝ่ามือจึงร่วมประสานให้เจ้าของร่างงดงามนี้บิดเร้าเรือนกายซ่านเสียวจากสัมผัสของมันจมูกซุกไซ้ลงลึกสูดดมความหอมของเต้าอวบใหญ่ แน่ใจที่สุดว่าเนื้อกายนี้หอมเสียยิ่งกว่าหญิงใดที่มันเคยได้ร่วมมา และก็งดงามเต่งตึงเสียจนสาวๆ อย่างนางเรียมยังต้องอาย“อา... บุญทิ้ง... อืม... อา...” เสียงหวานๆ ที่ครวญครางเรียกชื่อยิ่งทำให้บุญทิ
ริมฝีปากของบุญทิ้งเคลื่อนไปตามใต้แนวราวนมก่อนจะเรื่อยลงมาทางสีข้างมาที่สะดือวงสวย เลียไล้ก็ตวัดหยอกเย้าเข้าไปในโพรงสะดือ ก่อนจะลากปลายลิ้นลงมาตามแนวสะโพกตวัดชอนชิมความหอมหวานของผิวเนื้อผ่านมาตามต้นขาสวยนวลเนียน เรื่อยลงมาตามปลีน่องเพรียวก่อนจะจูบประทับที่หลังเท้า“อา... บุญทิ้ง... อา... โอว... ซี้ด... โอว... บุญทิ้ง...”แม่พิศร้องครางเพราะบุญทิ้งกำลังสร้างความซ่านเสียวสะท้านให้หล่อนมากที่สุด เมื่อริมฝีปากนั้นไล่จูบไปตามนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว นี่หล่อนกำลังพานพบกับอะไรกันนี่ บุญทิ้งกำลังทำอะไรกับตัวหล่อนกันแน่ เพราะสิ่งที่ได้รับจากริมฝีปากนั้นไม่ใช่สิ่งที่บุญทิ้งทำกับนางเรียมสักนิดมันมากกว่ามาก เพราะแม้แต่เท้าที่เป็นของต่ำสุดในร่างกาย ทาสหนุ่มกำยำนี้ก็ยังไม่คิดจะรังเกียจแต่กลับจูบประทับไปตามแต่ละนิ้วจนครบทั้งสองด้านก่อนจะลากเรื่อยริมฝีปากและปลายลิ้นขึ้นมาตามปลีน่องเพรียวยาวอีกด้านแม่พิศบิดกายดิ้นเร่าไปกับความอัศจรรย์ใจที่ทาสหนุ่มกำลังทำให้ ด้วยชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนเกือบ 40 ปี ยังไม่เคยพานพบกับความเสียวซ่านสะท้านไปทั้งกายมากมายขนาดนี้ และหากว่าบุญทิ้งจะท
ความอึดอัดคับแน่นที่แทรกลงแค่เพียงส่วนหัวแต่ก็ทำให้แม่พิศถึงกับเบิกดวงตากว้าง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้รับความยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน มันอุ่นวาบซาบซ่านจนดอกไม้ไหวระริก จนหล่อนต้องยกสะโพกให้ลอยขึ้นสูงเพื่อให้ดอกไม้เบ่งบานรับความแข็งแกร่งของบุญทิ้งที่ทิ่มตำเข้ามาในโพรงดอกไม้ของหล่อนให้สุดๆและเมื่อไอ้ทิ้งน้อยจมดิ่งสู่โพรงฉ่ำน้ำจนมิด ก็ถึงคราที่มันจะสำรวจตรวจตราให้ทั่ว ไอ้ทิ้งน้อยค่อยๆ รูดเข้ารูดออกตามจังหวะชั้นเชิงที่มันชำนาญ และเพียงมันเคลื่อนออก เจ้าของโพรงดอกไม้ก็ผวาขึ้นโผกอดรอบลำคอไว้แน่น เพราะกลัวว่ามันจะหนีห่างไปจริงๆทว่ามันเพียงประวิงเวลาให้ความซ่านเสียวมาเยือนคุณนายให้มากที่สุดเท่านั้น เพื่อการส่งอัดไอ้ทิ้งน้อยเข้าสู่โพรงน้ำในครั้งต่อไปจะตามมาด้วยความซ่านเสียวมากมายเสียจนคุณนายต้องร่ำร้องขอให้มันเอาอีกๆ ไม่หยุด“โอว... บุญทิ้งจ๋า... โอว...”แม่พิศครวญครางเสียงหวานเมื่อความซ่านเสียวกระหน่ำใส่ดอกไม้ฉ่ำน้ำของหล่อนไม่ลดล่ะ สิ่งที่ต้องการเป็นจริง ความคิดที่ว่าตนเองนั้นคือคนที่บุญทิ้งกำลังสอดแทรกความแข็งแกร่งกระหน่ำใส่ลงมาอย่างรุนแรง เป็นจริงได้ในครั้งนี้
“อูย... คุณนายขอรับ... ของคุณนายช่างแน่นเหลือเกิน อูย... ทำไมคุณนายถึงได้สาวและสวยมากขนาดนี้ ดอกไม้ของคุณนายงดงามที่สุดเลยขอรับ โอว... แน่น... โอว... เสียว... อูย...”บั้นท้ายของบุญทิ้งกระหน่ำใส่สะโพกผายเสียงดังผับๆ มือจับยึดสะโพกให้สวนเข้าใส่ทั้งเร็วและแรงได้ตามที่ต้องการ แต่บุญทิ้งก็ยังไม่ถึงสวรรค์ จึงเปลี่ยนมาเป็นทรุดกายลงนั่งก่อนจะรั้งร่างอ่อนระโหยของแม่พิศขึ้นมาให้นั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักของมัน กอดกระชับรอบร่างอวบอิ่มพร้อมกับดูดดึงยอดเต้าอวบไปพร้อมๆ กับที่ดอกไม้เบ่งบานของคุณนายอ้าอมเอาไอ้ทิ้งน้อยเข้าไปจนสุดฝ่ามือยกสะโพกผายให้กระหน่ำใส่ความแข็งแกร่งของตนเอง จมูก ริมฝีปาก และปลายลิ้น ก็ปลุกระดมสร้างความกระสันอยากไม่มีที่สิ้นสุด ไอ้ทิ้งน้อยแทรกผ่านช่องทางคับแคบทว่าตอดรัดและบีบกระชับเป็นจังหวะสม่ำเสมอจนบุญทิ้งอดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอดเพราะความซ่านเสียวจู่โจมจนแทบจะทนไม่ไหว แต่มันก็อยากให้คุณนายสุขยิ่งกว่านี้ อยากทำให้คุณนายคิดถึงแต่มันทุกวันทุกคืน อยากให้คุณนายเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหามันเอง ร่ำร้องให้มันทำแบบนี้“อา... บุญทิ้งจ๋า... ฉันไม่ไหวแล้ว อูย
ส่วนแม่พิศนั้นเล่าได้แต่นอนนิ่งน้ำตากบ เพราะแม้คุณพระจะกลับคืนเรือนมาในยามสาย ตรงตามที่คาดคิดไว้ไม่มีผิดว่านางเรียมจะต้องทำให้คุณพระพึงพอใจได้แน่ และการเจ็บป่วยของตนเองนั้นก็ไม่ได้มาจากความละเลยอันใดจากผัวรักเลยสักนิด แต่เป็นเพราะตนเองทั้งนั้นที่ลักลอบไปทำเรื่องบัดสีเอาไว้ แลเมื่อผัวรักแสดงความห่วงหา ความละอายในสิ่งที่ตนเองกระทำลงไปแล้วจึงกระทบหัวใจแม่พิศอย่างแรง“น้องไม่ได้เป็นอันใดเจ้าค่ะคุณพี่ แค่เมื่อคืนนอนดึกก็เท่านั้นเอง ได้นอนพักสักหน่อย ช่วงเพลก็คงจะลุกนั่งได้เจ้าค่ะ คุณพี่ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่พิศพยายามยิ้มแม้ว่ามันแทบจะเจือไปด้วยแรงสะอื้นก็ตาม“ไม่ให้ห่วงได้อย่างไรเล่าแม่พิศ แม่พิศเป็นเมียของพี่ เป็นเมียที่พี่รักมากที่สุด ไม่ให้พี่ห่วงแม่พิศแล้วจะให้พี่ไปห่วงผู้ใดเล่า”คุณพระพูดอย่างเอาใจพลางลูบไล้ที่เรือนผมนุ่มของเมียรักอย่างทะนุถนอม คิดชั่งใจในสิ่งที่จะพูดกับเมียรัก“แล้วนังเรียมเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ มันทำได้ดีอย่างที่น้องบอกหรือไม่”สีหน้าที่นิ่งไปของผัวรัก คล้ายไม่อยากจะพูดบางสิ่งออกมาก็ยิ่งทำให้แม่พิ
ทุกความแข็งขืนที่สอดกระหวัดรัดรึงจากด้านหลัง ช่างส่งผ่านให้ความซ่านเสียวพวยพุ่งกระจายวาบไปทั้งร่าง ความอึดอัดคับแน่นที่แทรกเข้าแทรกออกนั้น มันครูดคราดไปกับปากโพรงและเกสรดอกไม้จนหล่อนต้องแหงนใบหน้าครวญครางราวคนละเมออา... ฝ่ามือบอบบางที่ลูบไล้ไปตามเนื้อกายตนเองในขณะนี้กำลังจะทำให้แม่พิศหมดความยับยั้งชั่งใจ ความคิดตีรวนระหว่างความอยากกับความถูกต้อง หัวใจเต้นเร้าตัดสินใจไม่ถูก และเมื่อคิดไม่ตกสิ่งที่แม่พิศทำได้ก็คือ ปรับความแรงของละอองน้ำและแหงนหน้ารับหวังให้ความเจ็บแทรกซึมสู่หัวใจ หวังให้ทดแทนความกระสันอยากที่มีแต่จะมากขึ้น จนหล่อนอาจหยุดมันไว้ไม่ได้ทว่าเสียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออกพร้อมกับกายแกร่งที่แทรกร่างเข้ามาก่อนจะรีบปิดประตูโดยเร็ว ก็ทำให้แม่พิศต้องป้องปากตัวเองไม่ให้กรีดร้องเรียกผู้ใดมาช่วย เพราะคนที่ก้าวเข้ามานั้น ช่วยหล่อนได้แล้วร่างเปล่าเปลือยยืนเกาะเกี่ยวผนังห้องที่ฉ่ำชื้นไปด้วยละอองน้ำ พลางแหงนใบหน้าขึ้นสูงเพื่อสูดเอาลมหายใจให้เข้าลึกที่สุด เมื่อท่อนขาที่กางออกจากกันอยู่นี้กำลังถูกรุกรานด้วยปลายลิ้นร้อนๆ ของใครบางคนแม่พิศวางฝ่ามือไว
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร