“มิ้ม...ฟังพี่นะน้องรัก พี่บอกได้เพียงว่าน้องต้องดูแลรักษาตัวเองกับลูกให้ดี ใช่...ถึงหลานพี่จะมีสายเลือดของ...ของคนที่มิ้มรัก แต่เฮเดนไม่มีวันให้อภัยความผิดที่พี่ทำเอาไว้ และมันก็หมายถึงเธอด้วย”
“มาร์ค...”
ไม่ทันที่พี่ชายของเธอจะกล่าวต่อก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เตือนว่าหมดเวลาคุย มนัสวีจำต้องพาไอสวรรค์ออกมาซึ่งก่อนกลับเธอได้ให้ลูกสาวตัวเล็กล่ำลาคุณลุงที่ยังต้องใช้ชีวิตในคุกต่อไปอีกนานนับปี แม้ว่ามาร์คจะไม่ได้บอกกล่าวทั้งหมดหากหญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ทว่าสิ่งที่ยังค้างคาใจคือเหตุใดผู้ชายที่เธอเคยรักถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ตัวตนด้านมืดของเฮเดนน่ากลัวอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด ทุกครั้งที่หลับตามนัสวีไม่เคยลืมภาพที่เขาใช้กระบอกปืนฟาดลงบนหน้าของมาร์คได้แม้แต่วินาทีเดียว
“ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง”
เสียงคนขับรถที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์อันเลื่อนลอย มนัสวีชะโงกหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นตึกซึ่งได้รับการตกแต่งในสไตล์แบบเก่า ๆ แต่ดูเก๋ไก๋ด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม
“แพลนซี่ เพลส...มันเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่น่าพักครับคุณผู้หญิง ผมเคยพาผู้โดยสารมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ห้องพักสะอาดและราคาไม่แพงครับ”
คนขับแท็กซี่หันมาบอกก่อนที่หญิงสาวจะยื่นค่าโดยสารให้และลงจากรถทั้งที่ยังอุ้มลูกน้อยซึ่งยังหลับติดอก ไอสวรรค์ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นแม้แต่งัวเงียและมนัสวีก็ไม่อยากปลุกตัวเล็กของเธอขณะที่คนขับแท็กซี่ช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงมาคล้องไว้กับแขนของหญิงสาวและมองสาวไทยตัวเล็กบอบบางที่อุ้มลูกน้อยไม่ยอมวางด้วยความเอ็นดู
“ให้ผมช่วยหิ้วกระเป๋าไหมครับคุณผู้หญิง?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันถือเองได้ค่ะ”
เธอตอบก่อนขับรถจะพยักหน้าตอบรับและขับรถออกไป แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเข้าไปในโรงแรมขนาดเล็กก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณมนัสวี”
ร่างบอบบางหันกลับไปมองก็ต้องพบความประหลาดใจเมื่อเห็นหนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทและแว่นกันแดดสีชายืนอยู่ด้านหลัง เธอมองด้วยความแปลกใจกระทั่งเขาเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับคุณมนัสวี”
เขาทักเธอเหมือนเคยรู้จักหากแต่หยิงสาวเอียงคอและมองกลับไปด้วยแววตาไม่แน่ใจ
“คุณรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?”
“ผมมารับคุณครับ”
เขาตอบไม่ตรงคำถามทำให้หญิงสาวย่นคิ้วและกระชับอ้อมแขนกอดไอสวรรค์ไว้แน่น
“มารับฉัน...แต่ฉันไม่รู้จักคุณเลยนะคะ”
“ผมได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารับคุณครับ”
“ใครเป็นเจ้านายของคุณ”
“คุณเฮเดน เจคอป...นายของผมมีคำสั่งให้มารับคุณและคุณไปกับผมตอนนี้ครับ”
ร่างแน่งน้อยใจหายวาบและเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลังและในขณะนั้นเองที่ไอสวรรค์เริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมถามแม่ว่า
“มีมี๊...ถึงแล้วเหรอคะ?”
มนัสวีมือเย็นเฉียบ หัวใจของเธอราวกับหลุดหายไปแล้วตั้งแต่ได้ยินชื่อของคนคนนั้น หญิงสาวลูบผมสีน้ำตาลทองของเด็กหญิงในอ้อมแขนอย่างถนอม
“ถึงแล้วจ้ะหนูไอซ์...ถึงแล้ว”
“เชิญครับคุณมนัสวี”
ชายคนนั้นยังคงใช้คำพูดเดิมเหมือนกำลังบีบบังคับให้เธอไปกับเขาให้ได้ หญิงสาวกลืนก้อนแข็งที่วิ่งขึ้นมาจุกในลำคอก่อนกล่าว
“ฉันจะเข้าพักที่นี่...ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“คุณเฮเดนบอกว่านี่เป็นคำสั่ง ผมขอความกรุณาคุณมนัสวีอย่าได้ปฏิเสธเลยนะครับ”
คำพูดนั้นแม้ฟังดูละมุนละม่อมแต่หญิงสาวรู้ดีว่านี่เป็นคำขู่กลาย ๆ ถึงอย่างไรเธอก็จะยื้อเวลาไว้ไม่ยอมไปง่าย ๆ
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉันนะคะ ในเมื่อฉันจะเข้าพักโรงแรมนี้”
“คุณเฮเดนบอกว่าคุณมนัสวีจะเข้าพักโรงแรมไหนก็ได้ครับ ถ้าหาก...คุณไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”
“พวกคุณขู่ฉัน”
ชายผู้นั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า
“ขออภัยหากจะทำให้คุณไม่สบายใจ แต่ผมว่าทางที่ดีคุณย่อมรู้ว่ามีทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณและ...ลูกสาวของคุณ”
ประโยคสุดท้ายสะเทือนความรู้สึกของหญิงสาวอย่างรุนแรง เฮเดนไม่ได้แค่ขู่เธอแต่มันยังหมายถึงไอสวรรค์ลูกสาวตัวน้อยของเธอด้วย มนัสวีหันรีหันขวางเหมือนยังไม่แน่ใจ แต่แล้วก็เกิดประกายความคิดวาบเข้ามาใหม่ว่าเธอไม่ควรจะหนีผู้ชายคนนั้น
เฮเดน เจคอป
เธอควรต้องเผชิญหน้ากับเขาเพื่ออะไรหลายอย่าง อย่างน้อยก็อาจเพื่อการตกลงและอธิบายเรื่องที่เขายังขุ่นหมองใจเมื่อห้าปีที่ผ่านมาซึ่งมันยังติดลึกและค้างคาในความรู้สึกของหญิงสาว นี่อาจเป็นโอกาสที่เธอจะได้บอกในสิ่งที่เธอไม่มีโอกาสได้พูด
“ถ้าฉันตกลงไปกับพวกคุณ คุณจะรับประกันความปลอดภัยให้พวกเราหรือเปล่า?”
“ด้วยเกียรติของผมครับคุณมนัสวี ผมจะพาคุณไปพบคุณเฮเดนอย่างที่บอกไว้ซึ่งนี่เป็นภารกิจสำหรับผมตอนนี้...เชิญครับ”
ร่างแน่งน้อยหันกลับไปมองโรงแรมที่เธอกำลังจะเข้าพักอีกครั้งและได้ยินเสียงแม่หนูน้อยที่กำลังขยี้ตาดังงัวเงียกับอก
“มีมี๊...”“หนูไอซ์...เดี๋ยวเราจะ...เดินทางต่ออีกนิดนะจ๊ะ”“จาไปไหน?”พอลืมตาตื่นเต็มที่เด็กหญิงเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันวาววามก็หันไปมองชายแปลกหน้าที่ยืนตรงหน้ามารดาและทำให้มนัสวีรีบอธิบาย“เราจะเดินทางต่ออีกนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะกลับมาพักที่นี่นะจ๊ะ...โอเคนะ”“โอเคค่ะ”ไอสวรรค์รับปากมารดาแต่ยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจหากก็ได้แต่กอดแม่ไว้แน่น มนัสวีพาลูกสาวเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังรถเอสยูวีซึ่งเขาปฏิบัติต่อเธออย่างให้เกียรติด้วยการเปิดประตูให้สองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหลังก่อนที่รถคันหรูจะแล่นออกสู่ถนนสายใหญ่“เราจาไปไหนคะ?”เด็กน้อยถามมารดาและหญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งตอบว่า“มีมี๊ไปธุระแป๊บนะคะ”“นานแค่ไหนคะ?”มนัสวีทำสีหน้าครุ่นคิด เธอกำลังกลัวและสงสัยเหมือนกันว่าคนของเฮเดนจะพาเธอไปที่ไหน“แป๊บเดียวค่ะ...แป๊บเดียว...หลับนะคะ”หญิงสาวกดศีรษะเล็ก ๆ ไว้กับอก ลูบเรือนผมสีน้ำตาลทองเบา ๆ ด้วยความหวาดหวั่นเกินระงับ มือเธอสั่นหากลูกสาวตัวน้อยก็ไม่ได้รู้สึกแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะไอสวรรค์ยังเล็กเกินไปที่จะรับรู้ถึงความหวั่นกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจของคนเป็นแม่ในยามนี้มนัสวีนั่งกอดลูกสาวที่สงบนิ่
ใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมดำขลับและยาวตรงยังคงหมดจดไม่ต่างจากสาวแรกรุ่น ทุกกระเบียดนิ้วของเธอคือความผ่องผาดอย่างธรรมชาติแม้ปราศจากเมคอัพฉูดฉาด แค่ริมฝีปากเคลือบ ลิปกลอสสีชมพูอ่อนก็ดึงดูดสายตาคนที่จ้องมองไม่เคยแปรเปลี่ยน...หากเวลาเท่านั้นที่เปลี่ยนไปและอะไรต่อมิอะไรก็ผันแปรไปจนหมดสิ้น“สวัสดีค่ะ...เฮเดน” มนัสวีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นกลบความเงียบ“นี่เพื่อนมีมี๊หราคะ?”ไอสวรรค์ตั้งคำถามและเสียงเล็ก ๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลื่อนสายตาคมกริบนั้นไปจับจ้องที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อย“ใช่ค่ะ...เขาเป็น...เพื่อนมี๊”“สวัสดีหนูน้อย...หนูชื่ออะไรนะ?”ร่างสูงก้าวเข้าไปหาคนทั้งสอง มันทำให้มนัสวียิ่งประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อเห็นสายตาของเฮเดนที่กำลังจ้องมองลูกสาว ไอสวรรค์ยิ้มให้ด้วยไม่เดียงสา เด็กน้อยดึงมือจากการเกาะกุมของมารดาแล้วยกมือพุ่มไหว้พร้อมย่อเข่าลง“สวัสดีค่ะ...คุณลุง”เฮเดนเลิกคิ้วสูง ชั่วขณะของความคิดเขารู้สึกราวกับว่านี่คือ...ความประทับใจแรกเห็น กับเด็กหญิงผิวขาวและผมสีน้ำตาลประกายทองสว่างซึ่งมันเป็นสิ่งบ่งบอกชาติพันธุ์ว่าหนูน้อยไม่ได้มีเลือดเอเชียร้อยเปอร์เซ
ทัณฑ์แค้นบ่วงพิศวาสลมหายใจของเขาคือการแก้แค้น...และเธอต้องรับโทษทัณฑ์แทนพี่ชายเฮเดน เจคอปหนุ่มนักธุรกิจเจ้าของกิจการด้านอากาศยานยักษ์ใหญ่ที่มีความหลังฝังใจเมื่อถูกเพื่อนรักหักหลัง เขาจับ มาร์ค เพชรสงคราม คนทรยศเข้าคุกแต่ยังมีอีกหนึ่งคนหนีไปได้ น้องสาวของเพื่อนตายที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา เฮเดนคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเก็บความเคียดแค้นไว้และการได้พบเธออีกครั้งมันคือการเอาคืนอย่างสาสมมนัสวี เพชรสงครามเพราะพี่ชายสร้างปัญหาใหญ่หลวงไว้ให้เธอจึงต้องแบกรับมันไว้พร้อมกับต้องปกป้องหัวใจที่เธอหวงแหน หญิงสาวต้องเอาตัวเข้าแลกกับข้อเสนอจากผู้ชายที่เธอเคยรัก กลายเป็นเมียเก็บที่ถูกบีบคั้นบังคับด้วยพันธะสัญญาทั้งถูกทรมานให้เจ็บปวดทั้งกายใจ...ซึ่งเธอต้องเก็บงำความลับบางอย่างไว้ไม่ให้เขารู้ไอสวรรค์ (หนูไอซ์)หัวใจดวงน้อย สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่สำหรับมนัสวี เธอไม่อาจบอกใครได้ว่าหัวใจดวงนี้คือจิตวิญญาณแห่งความรักที่เกิดจากการหลอมรวมระหว่าง เธอ และ เขา “มีมี๊...เราจาไปไหนกัน?” คำถามที่ดังขึ้นจากเด็กหญิงอายุสี่ขวบผิวขาวผ่องผมสีน้ำตาลทองซึ่งนอนบนตักของร่างบอบบ
“เฮเดน...ฉันขอโทษ...ฉันผิดไปแล้ว”“ไอ้เพื่อนบัดซบ!”สิ้นเสียงคำรามลั่นกระบอกปืนในมือของเฮเดนก็ฟาดลงบนหน้าของมาร์คจนสะบัด พี่ชายของเธอเลือดกบปากแต่ดูเหมือนมันยังไม่สาแก่ใจคนทำ มนัสวียังจดจำใบหน้าของนักธุรกิจเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ตอนนั้นได้ดี เขาเหมือนซาตานที่ผุดขึ้นมาจากขุมโลกันต์ไม่ปาน“แกรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป แกกำลังจะทำให้กิจการของฉันพังพินาศเป็นเศษซากแล้วไอ้เพื่อนทรยศ ฉันไม่เคยให้มือของฉันต้องเปื้อนมลทินด้วยการทำผิดกฎหมายแบบนี้ แล้วเงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าห์ของฉันอยู่ที่ไหน...ถ้าแกไม่ยอมคืนฉันจะฆ่าแก ฆ่าทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”เท่านั้นเองที่มนัสวีถึงกับผงะ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากมาร์คจะทำธุรกิจผิดกฎหมายแล้วเขายังหลอกเอาเงินจากเฮเดนไปไว้ที่ไหน หญิงสาวยังทนฟังต่อไปหลังจากนั้น“ฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุกเพื่อล้างมลทินให้เจคอป แอร์โรว์คราฟ...ไอ้เพื่อนสารเลว ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าแกจะทำเรื่องบัดซบได้ขนาดนี้จะไม่ขอรู้จักกับแกเลย”“แกแจ้งตำรวจให้มาจับฉันก็ได้ แต่อย่าทำอะไรน้องสาวของฉัน...เฮเดน...ฉันขอร้อง”“แกพูดแบบี้หมายความว่ายังไง”เฮเดนกระชากคอเสื้อของมาร์คแล้วถามเสียงดั