ทัณฑ์แค้นบ่วงพิศวาส
ลมหายใจของเขาคือการแก้แค้น...และเธอต้องรับโทษทัณฑ์แทนพี่ชาย
เฮเดน เจคอป
หนุ่มนักธุรกิจเจ้าของกิจการด้านอากาศยานยักษ์ใหญ่ที่มีความหลังฝังใจเมื่อถูกเพื่อนรักหักหลัง เขาจับ มาร์ค เพชรสงคราม คนทรยศเข้าคุกแต่ยังมีอีกหนึ่งคนหนีไปได้ น้องสาวของเพื่อนตายที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา เฮเดนคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเก็บความเคียดแค้นไว้และการได้พบเธออีกครั้งมันคือการเอาคืนอย่างสาสม
มนัสวี เพชรสงคราม
เพราะพี่ชายสร้างปัญหาใหญ่หลวงไว้ให้เธอจึงต้องแบกรับมันไว้พร้อมกับต้องปกป้องหัวใจที่เธอหวงแหน หญิงสาวต้องเอาตัวเข้าแลกกับข้อเสนอจากผู้ชายที่เธอเคยรัก กลายเป็นเมียเก็บที่ถูกบีบคั้นบังคับด้วยพันธะสัญญาทั้งถูกทรมานให้เจ็บปวดทั้งกายใจ...ซึ่งเธอต้องเก็บงำความลับบางอย่างไว้ไม่ให้เขารู้
ไอสวรรค์ (หนูไอซ์)
หัวใจดวงน้อย สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่สำหรับมนัสวี เธอไม่อาจบอกใครได้ว่าหัวใจดวงนี้คือจิตวิญญาณแห่งความรักที่เกิดจากการหลอมรวมระหว่าง เธอ และ เขา
“มีมี๊...เราจาไปไหนกัน?”
คำถามที่ดังขึ้นจากเด็กหญิงอายุสี่ขวบผิวขาวผ่องผมสีน้ำตาลทองซึ่งนอนบนตักของร่างบอบบางบนเบาะด้านหลังรถแท็กซี่ซึ่งกำลังแล่นไปบนถนนที่การจราจรคับคั่งในมหานครใหญ่ทำให้มนัสวีก้มลงมองลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขนและโน้มใบหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของเด็กหญิงซึ่งอยู่ในอาการงัวเงียเบาๆ พร้อมทั้งกระซิบ
“เราจะไปหาที่พักกันนะจ๊ะ...ยังไม่ถึงเลย ลูกหลับก่อนก็ได้นะ”
“คุณผู้หญิงจะไปไหนครับ?”
เสียงคนขับรถดังมาจากด้านหน้า มนัสวีกระชับอ้อมแขนกอดลูกน้อยที่หลับตาลงสนิทไว้ก่อนตอบกลับไป
“เอ้อ...ฉันต้องการหาที่พักชั่วคราวน่ะค่ะ...สักคืนสองคืน ไม่ทราบว่าคุณรู้จักที่ไหนที่สงบและไม่แพงบ้างไหมคะ”
พอเธอถามกลับไปคนขับซึ่งเป็นอเมริกันผิวสีวัยกลางคนก็เกาหัวเบา ๆ และทำท่านึกอยู่สักพัก
“ได้ครับ...ได้...เดี๋ยวผมจะพาคุณผู้หญิงไปนะครับ อยู่นอกตัวเมืองไปหน่อยแต่ก็โอเคครับ”
เขาตอบกลับมาและทำให้มนัสวีถอนหายใจเบา ๆ ราวกับโล่งไปอีกเปลาะหลังจากที่เธอพาลูกน้อยติดสอยห้อยตามเข้ามายังเมืองศิวิไลซ์อย่างบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์เพราะต้องหนีไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่แฟร์แบงค์ รัฐอแลสกาเป็นเวลาเกือบห้าปี หากก็ไม่นานพอที่จะทำให้เธอลืมเรื่องราวที่ยังฝังใจมากมายซึ่งมันเกิดขึ้นที่นี่ ที่ที่เธอต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อเยี่ยมพี่ชายคนเดียวซึ่งอยู่ในเรือนจำมาเป็นเวลานานเท่ากับที่เธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่รัฐอื่น
และนี่เป็นครั้งแรกที่มนัสวีกลับมาและเข้าไปเยี่ยม มาร์ค เพชรสงคราม พี่ชายของเธอซึ่งติดคุกด้วยคดีลักลอบค้าอาวุธและยาเสพติด เป็นคดีใหญ่ถึงขนาดพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอยังคงเสียใจที่ช่วยเหลือพี่ชายไม่ได้หนำซ้ำยังต้องระเห็จออกจากบ้านตัวเองทั้งทรัพย์สินทุกอย่างในครอบครองถูกยึดไว้ทั้งหมด หากอะไรก็ไม่น่าเสียใจเท่ากับคนที่พาพี่ชายเธอเข้าคุกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนตายของมาร์ค
เฮเดน เจคอป
เจ้าของ เจคอป แอร์โรว์คราฟ เอนจินส์ คอร์ป มหาอำนาจทางธุรกิจด้านอากาศยานที่มีเครือข่ายบริษัทครอบคลุมภาคพื้นทวีปยุโรปและอเมริกา และครั้งหนึ่งเขา...เคยเป็นคนรักของเธอ
“พี่อยู่ที่นี่เป็นไงบ้าง?”
คำถามแรกที่มนัสวีถามมาร์คดังขึ้นในมโนนึกของหญิงสาวเมื่อเธอหลับตาลงและคิดถึงตอนเข้าไปเยี่ยมเขาในเรือนจำ เป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันนานหลายปีแต่พี่ชายของเธอก็ยังดูดีและแข็งแรงแม้กลายเป็นคนติดคุก มาร์คตื่นเต้นที่เธอไปเยี่ยมและยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นหน้าหนูน้อยตัวเล็กหน้าตาน่ารักน่าชังซึ่งเธอหอบหิ้วตามไปด้วย
“ก็สบายดี...เธอล่ะมิ้ม...แล้วนี่...”
“ลูกสาวของมิ้มเองค่ะ”
“ลูก?” มาร์คตื่นตระหนกพร้อมทำตาโต ไม่นึกว่าเขาจะมีหลานสาวโดยไม่ทันตั้งตัว
“ไอสวรรค์...หนูไอซ์ ลูกสาวมิ้มเอง”
“ให้ตายเถอะมิ้ม...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของ...ใคร”
เขาแสดงความประหลาดใจขณะที่น้องสาวยิ้มรับทั้งน้ำรื้นกบเบ้าตา
“เมื่อห้าปีที่แล้วตอนพี่ถูกจับ ตอนนั้นมิ้มก็พึ่งรู้ตัวค่ะว่าท้องได้สองเดือนแล้วก่อนจะไปอยู่ที่แฟร์แบงค์”
“ห้าปีที่แล้ว...มิ้ม...นี่หมายความว่า...”
มนัสวีลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยหยาดน้ำหยดลงบนแก้ม เธอรำลึกถึงเวลานั้น ก่อนที่จะเกิดเรื่องความบาดหมางครั้งใหญ่ระหว่างพี่ชายของเธอและเพื่อนสนิทของเขา เวลาที่มีความหมายอย่างที่สุดสำหรับหญิงสาว เวลาระหว่างเธอและเฮเดนที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นและน่าประทับใจ เธอไม่เคยลืมว่าเจ้าของกิจการด้านอากาศยานยักษ์ใหญ่เป็นผู้ชายที่แม้จะจริงกับงานแต่เขาเป็นคนน่ารักและสุดแสนจะโรแมนติกแค่ไหน เธอมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาแต่ยังไม่กล้าเปิดเผยให้พี่ชายซึ่งเป็นหุ้นส่วนรับรู้ กระทั่งกลางดึกคืนนั้นมีคนจู่โจมเข้ามาในบ้าน มนัสวีรู้เพียงว่าเธอกำลังจะออกไปดูแต่ถูกมาร์คห้ามไว้
“มิ้ม...กลับไปในห้อง แล้วไม่ต้องออกไป”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมีคนมาเต็มบ้าน เขามาทำอะไร เราไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ยคะ”
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น!...กลับเข้าไปในห้อง และถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าออกไปเด็ดขาด...หรือถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพี่เธอต้องไม่อยู่ที่นี่...หนีไป...ไปไหนก็ได้ เข้าใจมั้ยมิ้ม”
เป็นคำบัญชาดิบกร้าวที่เธอจับน้ำเสียงนั้นได้ว่าพี่ชายของเธอกำลังหวาดกลัวและเป็นกังวล มนัสวีทำตามที่มาร์คบอกแต่ไม่ทั้งหมด เธอหลบเข้าไปในห้องแต่ได้ยินเสียงตะโกนและถกเถียงกันด้านนอกทำให้หญิงสาวต้องดับความสงสัยด้วยการออกไปแอบดูและภาพที่ทำให้เธอช็อคจนลืมหายใจคือภาพที่เฮเดนยืนอยู่ตรงหน้าพี่ชายของเธอซึ่งถูกคนของเขาจับตัวเอาไว้พร้อมทั้งล็อคแขนไพล่หลัง เธอแทบจะกรีดร้องออกมาเลยทีเดียวเมื่อเห็นเพื่อนตายของมาร์คถือปืนไว้ในมือและจ่อปลายกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเขา
“ไอ้มาร์ค...แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกใช่มั้ยที่ยัดโคเคนไว้ในยูเอวีที่ฉันส่งให้ลูกค้าในรัสเซีย”
“เฮเดน...ฉันขอโทษ...ฉันผิดไปแล้ว”“ไอ้เพื่อนบัดซบ!”สิ้นเสียงคำรามลั่นกระบอกปืนในมือของเฮเดนก็ฟาดลงบนหน้าของมาร์คจนสะบัด พี่ชายของเธอเลือดกบปากแต่ดูเหมือนมันยังไม่สาแก่ใจคนทำ มนัสวียังจดจำใบหน้าของนักธุรกิจเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ตอนนั้นได้ดี เขาเหมือนซาตานที่ผุดขึ้นมาจากขุมโลกันต์ไม่ปาน“แกรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป แกกำลังจะทำให้กิจการของฉันพังพินาศเป็นเศษซากแล้วไอ้เพื่อนทรยศ ฉันไม่เคยให้มือของฉันต้องเปื้อนมลทินด้วยการทำผิดกฎหมายแบบนี้ แล้วเงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าห์ของฉันอยู่ที่ไหน...ถ้าแกไม่ยอมคืนฉันจะฆ่าแก ฆ่าทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”เท่านั้นเองที่มนัสวีถึงกับผงะ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากมาร์คจะทำธุรกิจผิดกฎหมายแล้วเขายังหลอกเอาเงินจากเฮเดนไปไว้ที่ไหน หญิงสาวยังทนฟังต่อไปหลังจากนั้น“ฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุกเพื่อล้างมลทินให้เจคอป แอร์โรว์คราฟ...ไอ้เพื่อนสารเลว ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าแกจะทำเรื่องบัดซบได้ขนาดนี้จะไม่ขอรู้จักกับแกเลย”“แกแจ้งตำรวจให้มาจับฉันก็ได้ แต่อย่าทำอะไรน้องสาวของฉัน...เฮเดน...ฉันขอร้อง”“แกพูดแบบี้หมายความว่ายังไง”เฮเดนกระชากคอเสื้อของมาร์คแล้วถามเสียงดั
“มิ้ม...ฟังพี่นะน้องรัก พี่บอกได้เพียงว่าน้องต้องดูแลรักษาตัวเองกับลูกให้ดี ใช่...ถึงหลานพี่จะมีสายเลือดของ...ของคนที่มิ้มรัก แต่เฮเดนไม่มีวันให้อภัยความผิดที่พี่ทำเอาไว้ และมันก็หมายถึงเธอด้วย”“มาร์ค...”ไม่ทันที่พี่ชายของเธอจะกล่าวต่อก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เตือนว่าหมดเวลาคุย มนัสวีจำต้องพาไอสวรรค์ออกมาซึ่งก่อนกลับเธอได้ให้ลูกสาวตัวเล็กล่ำลาคุณลุงที่ยังต้องใช้ชีวิตในคุกต่อไปอีกนานนับปี แม้ว่ามาร์คจะไม่ได้บอกกล่าวทั้งหมดหากหญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ทว่าสิ่งที่ยังค้างคาใจคือเหตุใดผู้ชายที่เธอเคยรักถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ตัวตนด้านมืดของเฮเดนน่ากลัวอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด ทุกครั้งที่หลับตามนัสวีไม่เคยลืมภาพที่เขาใช้กระบอกปืนฟาดลงบนหน้าของมาร์คได้แม้แต่วินาทีเดียว“ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง”เสียงคนขับรถที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์อันเลื่อนลอย มนัสวีชะโงกหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นตึกซึ่งได้รับการตกแต่งในสไตล์แบบเก่า ๆ แต่ดูเก๋ไก๋ด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม“แพลนซี่ เพลส...มันเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่น่าพักครับคุณผู้หญิง ผมเคยพาผู้โดยสารมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ห้องพักสะอาดและรา
“มีมี๊...”“หนูไอซ์...เดี๋ยวเราจะ...เดินทางต่ออีกนิดนะจ๊ะ”“จาไปไหน?”พอลืมตาตื่นเต็มที่เด็กหญิงเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันวาววามก็หันไปมองชายแปลกหน้าที่ยืนตรงหน้ามารดาและทำให้มนัสวีรีบอธิบาย“เราจะเดินทางต่ออีกนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะกลับมาพักที่นี่นะจ๊ะ...โอเคนะ”“โอเคค่ะ”ไอสวรรค์รับปากมารดาแต่ยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจหากก็ได้แต่กอดแม่ไว้แน่น มนัสวีพาลูกสาวเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังรถเอสยูวีซึ่งเขาปฏิบัติต่อเธออย่างให้เกียรติด้วยการเปิดประตูให้สองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหลังก่อนที่รถคันหรูจะแล่นออกสู่ถนนสายใหญ่“เราจาไปไหนคะ?”เด็กน้อยถามมารดาและหญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งตอบว่า“มีมี๊ไปธุระแป๊บนะคะ”“นานแค่ไหนคะ?”มนัสวีทำสีหน้าครุ่นคิด เธอกำลังกลัวและสงสัยเหมือนกันว่าคนของเฮเดนจะพาเธอไปที่ไหน“แป๊บเดียวค่ะ...แป๊บเดียว...หลับนะคะ”หญิงสาวกดศีรษะเล็ก ๆ ไว้กับอก ลูบเรือนผมสีน้ำตาลทองเบา ๆ ด้วยความหวาดหวั่นเกินระงับ มือเธอสั่นหากลูกสาวตัวน้อยก็ไม่ได้รู้สึกแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะไอสวรรค์ยังเล็กเกินไปที่จะรับรู้ถึงความหวั่นกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจของคนเป็นแม่ในยามนี้มนัสวีนั่งกอดลูกสาวที่สงบนิ่
ใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมดำขลับและยาวตรงยังคงหมดจดไม่ต่างจากสาวแรกรุ่น ทุกกระเบียดนิ้วของเธอคือความผ่องผาดอย่างธรรมชาติแม้ปราศจากเมคอัพฉูดฉาด แค่ริมฝีปากเคลือบ ลิปกลอสสีชมพูอ่อนก็ดึงดูดสายตาคนที่จ้องมองไม่เคยแปรเปลี่ยน...หากเวลาเท่านั้นที่เปลี่ยนไปและอะไรต่อมิอะไรก็ผันแปรไปจนหมดสิ้น“สวัสดีค่ะ...เฮเดน” มนัสวีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นกลบความเงียบ“นี่เพื่อนมีมี๊หราคะ?”ไอสวรรค์ตั้งคำถามและเสียงเล็ก ๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลื่อนสายตาคมกริบนั้นไปจับจ้องที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อย“ใช่ค่ะ...เขาเป็น...เพื่อนมี๊”“สวัสดีหนูน้อย...หนูชื่ออะไรนะ?”ร่างสูงก้าวเข้าไปหาคนทั้งสอง มันทำให้มนัสวียิ่งประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อเห็นสายตาของเฮเดนที่กำลังจ้องมองลูกสาว ไอสวรรค์ยิ้มให้ด้วยไม่เดียงสา เด็กน้อยดึงมือจากการเกาะกุมของมารดาแล้วยกมือพุ่มไหว้พร้อมย่อเข่าลง“สวัสดีค่ะ...คุณลุง”เฮเดนเลิกคิ้วสูง ชั่วขณะของความคิดเขารู้สึกราวกับว่านี่คือ...ความประทับใจแรกเห็น กับเด็กหญิงผิวขาวและผมสีน้ำตาลประกายทองสว่างซึ่งมันเป็นสิ่งบ่งบอกชาติพันธุ์ว่าหนูน้อยไม่ได้มีเลือดเอเชียร้อยเปอร์เซ