มหาเศรษฐีที่หยิบยื่นเงินสิบล้านบาทมาให้เธอคนนั้นล่ะหรือ ปัทมาไม่มีวันรู้ว่าเขาคือ ริคาร์ดิโอ จิอานนี่ บิดาของบุรุษที่น้องสาวเอ่ยถึงเมื่อครู่ ชายวัยกลางคนชาวอิตาเลียนผู้กำธุรกิจสายการบิน ยูนิโก้ แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินใหญ่ที่สุดของอิตาลีไว้ในมือ ซึ่งนั่นยังไม่นับรวมธุรกิจที่แตกแขนงออกไปอีกมากมายภายใต้การครอบครองกิจการของชายผู้นี้ ร่ำรวย หรูหรา แต่เด็ดขาดดุดัน ควรเป็นนิยามของชายผู้ไม่ยอมให้สิ่งใดมาขวางกั้นความต้องการของตนแม้แต่ความรักของบุตรชายที่เขาคือผู้ชี้ชะตาว่าใครควรคู่กับทายาทธุรกิจหมื่นล้านซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เธอ มัสมิน เธียรธรากุล นักเล่นไวโอลินที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับ เขา คนที่เธอเคยรักสุดหัวใจ เธอพบกับลอวเรนซ์จากการเล่นไวโอลินในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาเดินทางมาพักผ่อนที่ประเทศไทยของเขา หลังจากนั้นต่างก็มีโลกสีชมพูของกันและกันจนเธอคิดว่าพบคนที่ใช่แม้เขาเป็นชาวต่างชาติ แต่แล้วค่ำคืนแห่งความเปลี่ยนผันหลังปลูกต้นรักไม่ทันแตกหน่อต่อใบก็เดินทางมาถึงเมื่อการแสดงไวโอลินในบทเพลง โอเชียนนิค (บทเพลงแห่งมหาสมุทร) จบลงในโรงแรมสุดหรูซึ่งเต็มไปด้วยแขกกระเป๋าหนักและหนึ่งในนั้นคือชายชาวต่างชาตินาม จิอานนี่ ริคาร์ดิอาโด ผู้มากอิทธิพลให้บอดี้การ์ดสองคนจากผู้ติดตามนับสิบเชิญเธอไปรับฟังข้อตกลงในห้องสูทหรูหราบนชั้นสุดของโรงแรมดัง
“สวัสดี...คุณมัสมิน คุณเป็นนักไวโอลินชาวเอเชียที่สวยมากเท่าที่ผมเคยพบ” จิอานนี่พูดไทยได้เกือบชัดอาจเป็นเพราะเขามีภรรยาเป็นคนไทยซึ่งเป็นมารดาของลอวเรนซ์นั่นเอง มัสมินในชุดราตรีปักเลื่อมแขนยาวสีขาวทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องสูทแอร์เย็นฉ่ำตรงข้ามกับชายชาวต่างชาติแม้เกรงกลัวหากแต่เธอก็ยังพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หวั่นไหว
“สวัสดีค่ะ...คุณ...” / “จิอานนี่...จิอานนี่ ริคาร์ดิอาโด ถ้าคุณรู้จัก ลอวเรนซ์ ลูกชายของผม”
ชายวัยกลางคนผิวขาวผมสีทองแม้อายุขนาดนี้แล้วทว่าก็ยังดูดีและน่าเกรงขามซึ่งคุณสมบัติภายนอกนั้นเสมือนถ่ายทอดให้บุตรชายของเขาจนหมดไม่ว่าจะเป็นรูปร่างกำยำและสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผลงานของดีไซเนอร์ระดับโลก นัยน์ตาสีฟ้าบนใบหน้าดุดันสะท้อนอะไรบางอย่างออกมายังหญิงสาวจนเธอรู้สึกประหม่าและคิดว่าที่เขาเชิญมาในครานี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ
“ผมมีลูกชายเพียงคนเดียวคือลอวเรนซ์ เขาเป็นความหวังของผมในการสานต่อธุรกิจสายการบิน ยูนิโก้ แอร์ไลน์ ที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี แต่ว่า...” จิอานนี่ถอนหายใจบางเบาทว่าหญิงสาวกลับมองเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างฉาบอยู่ในรอยยิ้มที่เผยออกมานั่น
“ตอนนี้ผมพบอุปสรรคใหญ่ ลูกชายของผมยังไม่ยอมกลับอิตาลีทั้ง ๆ ที่ควรถึงเวลาเขาต้องกลับไปศึกษาและรับช่วงงานต่อจากผม จิอานนี่ ริคาร์ดิอาโดกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งสูงสุด และ ลอวเรนซ์ มาร์โค ริคาร์ดิอาโด ต้องก้าวขึ้นไปอยู่บนบัลลังค์นั่นแทนเขา ปัญหามันอยู่ที่ว่า ลอวเรนซ์กำลังตกหลุมรักผู้หญิงไทยคนหนึ่งซึ่งผมเพิ่งรู้ว่าเป็นนักไวโอลินเล่นตามโรงแรม ก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ว่าเขารักคุณ...มัสมิน เธียรธรากุล” มหาเศรษฐีชาวอิตาเลี่ยนกรีดนิ้วสวมแหวนเพชรเม็ดเขื่องไปบนแก้วไวน์ตรงหน้าก่อนยกขึ้นจิบ โครงหน้าดูจริงจังภายใต้เรือนผมสีน้ำตาลทองหยักศกน้อย ๆ ฉายประกายอันแน่วแน่ก่อนเอื้อนเอ่ยประโยคต่อมา
”ผมไม่เคยบังคับลูกชาย แต่ความรักควรอยู่บนบรรทัดฐานของความเหมาะสม ที่ผมเดินทางมาที่นี่ผมไม่ได้บอกใครทั้งสิ้นแม้แต่ลอวเรนซ์ มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผมที่ไม่ชอบทำอะไรแล้วต้องเป็นข่าว อืม...คุณมัสมินคบกับเขามานานหรือยัง”
หญิงสาวร่างเล็กชาวไทยนิ่งไปชั่วครู่ก่อนบอกอีกฝ่ายเสียงเบา “ครึ่งปีค่ะ...ดิฉันรู้จักกับเขาหกเดือนแล้ว”
“งั้นรึ...” จิอานนี่วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปากหนาน้อย ๆ บ่งบอกความพึงใจ
“ไม่นานสินะ...ผมไม่รู้ว่าเวลาแค่นี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลอวเรนซ์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว แต่คงยังไม่ลึกซึ้งถึงขนาดอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหรอก จริงมั้ย? ก็หนุ่มสาวสมัยนี้คบกันเร็ว รักเร็ว เลิกเร็วเป็นเรื่องธรรมดา”
นั่นเป็นคำถามที่จิอานนี่คิดคำตอบไว้ให้แล้ว มัสมินเพียงนั่งฟังและกลืนความเจ็บช้ำกลับเข้าไปไว้ในส่วนลึก ระยะเวลาครึ่งปีสำหรับนักธุรกิจอย่างเขาอาจไม่นานเท่าความรู้สึกผูกพันระหว่างเธอกับลอวเรนซ์ซึ่งยาวนานพอและมีความหมาย
“ลอวเรนซ์เป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลที่ผมอยากฝากธุรกิจการบินและกิจการในเครือไว้กับเขาหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยระดับไอวี่ ลีก อย่างฮาวาร์ดผมก็เริ่มให้เขาซึมซับกิจการของครอบครัว ตอนนี้ผมคิดว่าลอวเรนซ์พร้อมแล้วสำหรับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ ยูนิโก้ แอร์ไลน์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายทั้งหล่อทั้งรวยอย่างเขาจะมีผู้หญิงมาติดพัน แต่ผมในฐานะคนเป็นพ่อไม่อยากให้สิ่งไร้สาระพวกนี้เป็นอุปสรรคในความก้าวหน้าของเขา ที่สำคัญลอวเรนซ์มีผู้หญิงที่เหมาะสมคู่ควรกับเขาอยู่แล้วที่อิตาลี คุณคงเข้าใจนะคุณมัสมิน”
“ค่ะ...ดิฉันเข้าใจ” มัสมินยังคงตอบรับด้วยถ้อยวาจาอันราบเรียบทั้งที่ข้างในท่วมถมด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวังซึ่งจิอานนี่ไม่มีวันได้เห็น
“ลูกชายของผมมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ทำยังไงผมก็ยังกำราบเขาไม่ลง เขาเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากและหัวแข็งจนไม่เคยอ่อนข้อให้ใครเลยแม้แต่พ่อของเขาเอง ถ้าเขาเชื่ออะไรแล้วก็จะยึดติดกับความเชื่อของตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกว่าเขาจะค้นพบด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดเป็นเรื่องที่ผิด ซึ่งผมอยากให้เขาได้ข้อพิสูจน์นั้นจากคุณ” ชายอิตาเลียนวัยกลางคนดีดนิ้วเรียกบอดี้การ์ดร่างยักษ์ก้าวเข้ามาหยุดข้าง ๆ และวางแผ่นกระดาษแผ่นเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าลงบนโต๊ะก่อนจะถอยออกไป“ผมไม่ให้คุณต้องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ กับการพิสูจน์ในครั้งนี้แน่นอน นี่เป็นเช็คเงินสดสิบล้านบาทสำหรับความมีน้ำใจของคุณที่จะเดินออกจากทางชีวิตของเขาเพื่อที่จะช่วยให้ลอวเรนซ์กลับไปดำรงตำแหน่งประธานของยูนิโก้ แอร์ไลน์เร็วขึ้น และนี่เป็นสัญญาระหว่างเราหลังจากที่คุณรับเงินจำนวนนี้ไปแล้วคุณต้องรับปากกับผมว่าลอวเรนซ์จะไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” แน่นอนที่สุดว่ามันเป็นพันธะสัญญาแม้มิได้ร่างออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรหากทว่าข้อตกลงอันเจ็บปวดได้สลักความเป็นผู้หญิงหิวเงิน เห็นแก่ตัวและไร้ค่าในสายตาของคนที่เธอรักลงบนความเป็นมัสมินอย่างยากจะลบเลือน หญิงสาวอา
“ไม่เสมอไป...” ปรีชา หรือ ปิเอโร่ ที่ลอวเรนซ์เรียกจนติดปากตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาวาร์ดมาด้วยกันมองเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบประกายมรกตดูเจิดจ้าราวสีท้องฟ้าอันสดใสอย่างค้นคิด ชายหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านดูดีแต่ความสูงในระดับชาวเอเชียขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจความหมายของเพื่อน “บางครั้งการที่เราขึ้นมาอยู่ในจุดที่คิดว่าสูงที่สุดอาจเป็นที่ ๆ เหน็บหนาวมากที่สุดในโลก ฉันก็ภูมิใจที่ทำในสิ่งที่ครอบครัวสร้างมันมาเพื่อฉันได้ แต่หากสิ่งที่ได้มาแลกกับการต้องสูญเสียอะไรไป...ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมีความหมายสำหรับฉัน” “กลับมาคราวนี้นายแปลกไปนะ ดูเคร่งเครียดชอบกล ถึงปกตินายจะเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องก็เถอะ อย่าซีเรียสนักเลย ถ้ายังไม่อยากกลับฟลอเรนซ์ จะพักอยู่ที่นี่หลายวันก็ได้เพราะนี่ก็บ้านนาย นายเป็นเจ้าของ เซลิโน่ รีสอร์ท แอนด์ เรสสิเดนท์ อยู่แล้ว แต่คืนนี้อย่าเพิ่งรีบเข้านอน ฉันจะชวนนายไปฟังดนตรีคลาสสิคที่ห้องอาหารริมทะเลข้างล่าง นายจะได้ผ่อนคลายตัวเองลง ไม่เคร่งเครียดทั้งที่ก็มาพักผ่อนแบบนี้ไงเพื่อน” “ดนตรีคลาสสิค...”
“ลีว่ามันอาจจะสำคัญก็ได้นะ หุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมหรูขนาดนี้น่ะไม่ธรรมดาหรอกนะจ๊ะ คุณนุสบาผู้จัดการห้องอาหารบอกว่าหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวต่างชาติ หล่อมากถึงมากที่สุด เธอบอกว่าเขาเป็นผู้ชายทรงเสน่ห์ ดูดีดึงดูดใจโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ลีล่ะอยากเห็นตัวจริงว่าจะเป็นอย่างที่เขาร่ำลือกันหรือเปล่า อืม...นุ่น...ดูนุ่นจะรักไวโอลินตัวนี้มากเลยนะ พอว่างลีเห็นนุ่นชอบนั่งลูบมันเหมือนลูบสัตว์เลี้ยงยังไงยังงั้น คงเป็นของที่มีความหมายกับนุ่นมาก” หญิงสาวในชุดราตรีปักเลื่อมสีนิลก้มลงมองไวโอลินแสนสวยบนตักของมัสมินด้วยแววตาชื่นชมระคนสงสัย เธอมักเห็นเพื่อนของเธอนั่งพิศดูเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ด้วยฝีมือละเอียดลออซึ่งในฐานะผู้เล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่ามันไม่ได้ผลิตในประเทศแถมราคาคงสูงลิบอย่างมิต้องกังขา มันอาจมีความเชื่อมโยงกับแววตาเศร้าสร้อยที่ปิดไม่มิดของมัสมินตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ตามคำชวนของเธอ เกาะแสนงามรายล้อมด้วยน้ำทะเลใสและบรรยากาศอันน่าสุขสันต์ หากทว่ามัสมินเหมือนคนอมทุกข์ไม่ยอมเผยความนัยที่แอบซ่อนไว้ภายใต้กรอบวงหน้ารูปไข่แสนสวยราวหน้ากากแก้วของ
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ผลจากการตรวจเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของคุณมี HLA* ตรงกันกับคุณปัทมาน้องสาวของคุณค่ะ หลังจากนี้เราจะเริ่มกระบวนการรักษาผู้ป่วยด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกให้น้องสาวของคุณโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ เธอจะมีอาการดีขึ้นแน่นอน” คำกล่าวของแพทย์หญิงซึ่งรับผิดชอบในการรักษาผู้ป่วยทำให้มัสมินยืนยิ้มอยู่ข้างเตียงคนไข้ซึ่งมีร่างหญิงสาวอายุราวยี่สิบปีนอนเหยียดยาวหลังได้รับการถ่ายเลือดซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องกระทำทุกเดือนตั้งแต่รู้ว่า ปัทมา น้องสาวของเธอป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย โรคร้ายซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง รอยยิ้มอ่อนจางที่ยังดูเศร้าระบายอยู่บนเรียวปากรูปกระจับเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนขับผิวแก้มใสเปล่งปลั่งในวัยยี่สิบสี่ของสาวสะพรั่งให้เจิดจรัสราวท้องฟ้าอันสดใส จมูกโด่งงามและดวงตากลมโตใต้โครงคิ้วโก่งดุจคันศรขับความละมุนละไมให้ใบหน้าในกรอบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเป็นมันเงาเสมือนดอกไม้เบ่งบานในยามเช้าท่ามกลางละอองน้ำค้างใสกระจ่าง “พี่นุ่น...” เสียงแหบแห้งของปัทมาซึ่งมีความงามละม้ายคล้ายพี่สาวต่างกันเพียงทรงผมบ๊อบสั้นและผิวพรรณซูบซีดมากกว่าปลุก