ตอนที่ 2
“หนูแอนนี่ เพื่อนของลียาใช่ไหม” คนมาใหม่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ท่าทางดูรีบร้อนเหมือนกลัวใครจะตามมา
“เอ่อ...ค่ะ ใช่ค่ะ” มธุราขานรับอย่างงงๆ
“ถ้างั้นผมฝากซองนี่ให้ลียาด้วย” บอกกล่าวแล้วก็เปิดเสื้อสูทหยิบซองออกมาเลื่อนส่งให้หญิงสาวคราวลูก ในขณะที่มธุรายังคงตกอยู่ในอาการงงงวย แต่ก็พยักหน้ารับฟังคำบอกกล่าวของอีกฝ่าย
กระทั่งชายคนนั้นลุกจากไป เธอก็มองจนแผ่นหลังกว้างนั่นลับตา จึงหันสายตาไปมองหาพี่สาวคนสนิทว่ากลับมาหรือยัง แล้วเธอจะได้บอกว่าแฟนของพี่มาแล้ว แล้วก็ไปแล้ว เพราะต้องเดินทางไปร่วมพิธีฝังศพภรรยา
‘หมายความว่าไง หรือพี่ลียาเป็น...’ มธุราหยุดความคิดของตัวเอง แล้วมองหาพี่สาวคนสนิทด้วยความเป็นห่วง หลังจากอีกฝ่ายหายไปนาน จนคิดจะลุกไปตาม
แต่ทว่า...
“คุณผู้หญิงครับ เพื่อนของคุณเชิญออกไปพบที่ซุ้มดอกไม้ด้านข้างโรงแรมครับ” สิ้นเสียงของพนักงานหนุ่มรูปร่างสูง มธุราก็ยิ่งเป็นห่วงพี่สาวคนสนิทระคนงงๆ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้ซักถามอะไรจากพนักงาน นอกจากเรียกให้เก็บค่าอาหาร แต่มีคนจ่ายให้แล้ว เธอจึงรีบเดินออกไปยังจุดนัดพบ รออยู่สักพักก็ไม่เห็นแม้เงาของพี่สาวคนสนิท
‘พี่ลียาอยู่ไหนล่ะ หรือพนักงานคนนั้นจะหลอกออกมา แต่เขาจะมาหลอกทำไม เราไม่ได้ไปทำอะไรให้ซะหน่อย’ พึมพำจบแล้วก็ก็ชะเง้อมองหาพี่สาวคนสนิทแต่ก็ยังไม่เห็น เธอจึงตัดสินใจจะกลับเข้าไปรอด้านในแต่เพียงแค่ขยับเท้าเธอก็ต้องถอยหลบด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!” ร้องเสียงหลงเมื่อมีรถยนต์หรูสีดำเงาวับขับเข้ามาจอดเทียบจนแทบจะเหยียบเท้าของเธอ
“พวกบ้า! ขับประสาอะไร ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนยืน...กรี๊ด!!” พูดไม่ทันจบประโยคดีก็ร้องออกมาสุดเสียงเมื่อเท้าของเธอลอยจากพื้น วินาทีต่อมาตัวก็กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างที่ก็นุ่มอยู่หรอก แต่ด้วยแรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้เธอทั้งเจ็บทั้งจุกจนพูดไม่ออกไปหลายวินาที
“ออกรถ!” เสียงห้าวห้วนดังขึ้น ทำให้คนที่ถูกจับยัดเข้ามาในรถ รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งแล้วหันมาจ้องมองคนในรถ และสาบานเลยว่าเธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
‘คนพวกนี้เป็นใคร แล้วมาจับเธอทำไม’ มธุราชั่งใจอยู่นานว่าควรถามดีหรือไม่ ใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ หวาดกลัวไปสารพัด กลัวว่าถามไปแล้วจะทำให้ตัวเองต้องมีภัยเร็วขึ้น
“เอ่อ…”
เสียงเอ่อที่ดังออกมานั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งเหลียวมอง ทำเอามธุราต้องกลับมาคิดทบทวนอีกรอบว่าควรจะถามดีหรือไม่ แต่หากไม่ถาม แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าคนพวกนี้จับเธอมาทำไม
“คุณ...คุณเป็นใคร” หญิงสาวถามออกไปในที่สุดแล้วรีบขยับเบียดกับประตูรถ “เธอไม่จำเป็นต้องรู้จักฉัน” เจ้าของเสียงห้าวห้วนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจกับท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาว ขณะที่คนถูกลักพาตัวก็นั่งหน้าซีดตัวสั่น ยิ่งรถแล่นเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็แทบจะหยุดเต้น
‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย’ สิ้นเสียงพึมพำสติของเธอไม่รับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอีกเลย
******
แสงไฟที่สาดส่องผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามา ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นป้องตา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาทีนิดเพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่าง กระทั่งชินกับลำแสงที่สาดส่องเข้ามาแล้วก็สอดส่ายสายตามองรอบห้องที่ไม่คุ้นเคย
‘ที่ไหนเนี่ย’ ได้แต่พึมพำถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาแต่ก็ไม่ได้คำตอบ ก่อนจะขยับย้ายตัวเองลงจากเตียง เดินไปเปิดม่าน มองผ่านกระจกหน้าต่างลงไปเบื้องล่าง
‘นี่มันโรงแรมที่เรากับพี่ลียามากินอาหารกันนี่น่า อะไรกันเนี่ย?’ มธุราจัดการปิดม่านแล้วเดินมาที่ประตู จัดการผลักเต็มแรงเปิดไม่ออก
ปัง! ปัง!
“นี่! มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ เฮ้! มีใครอยู่ไหม เปิดประตูให้ฉันที” มธุราทั้งทุบประตูทั้งส่งเสียงราวสิบนาที แต่สิ่งได้รับกลับมาคือความเงียบ สองเท้าเล็กจึงเดินย้อนกลับมาที่หน้าต่าง พยายามหาข้าวของมาทุบกระจกบานใหญ่แต่ก็หาอะไรมาทุบไม่ได้เลยนอกจากสองมือตัวเอง ที่ทุบลงไปคงจะได้เลือดกลับมา
‘ไอ้หน้าโหดคนนั้นเป็นใครกัน แล้วมาจับฉันขังข้อหาอะไรเนี่ย โอ๊ย! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย’ เมื่อทำอะไรกระจกไม่ได้คนถูกลักพาตัวจึงเปลี่ยนมาเดินวนรอบห้องและถามตัวเองด้วยประโยคเดิมๆ อยู่อย่างนั้น เพราะตั้งแต่มาเหยียบลาสเวกัส เธอก็ไม่เคยไปมีเรื่องมีราวกับใคร แล้วทำไมถึงได้โดนคนแปลกหน้าจับตัวมากักขัง
‘กระเป๋า!’ คิดได้ดังนั้นก็รีบมองหากระเป๋าแบรนด์เนมใบโปรดที่พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ทว่าหาจนทั่วห้องแล้วก็ไม่พบจึงเลิกหาแล้วกลับมานั่งจมปุกอยู่บนเตียง คิดถึงมารดา คิดถึงพี่ชาย ก่อนจะเอาแต่โทษตัวเองที่ดื้อรั้นจะมาให้ได้ ทั้งที่คนในครอบครัวก็ห้ามแล้วว่าไม่ต้องดั้นด้นมาหางานทำไกลถึงอเมริกา แต่เป็นเพราะเธออยากหาเงินให้ได้เยอะๆ เพื่อจะได้เอาเงินมาลงทุนทำธุรกิจที่ตัวเองชอบนั่นก็คือสปา แต่ความฝันกลับพังทลายลงเพราะใครไอ้หน้าโหดคนเดียว
‘คุณแม่ พี่มาร์ช มาช่วยแอนนี่หน่อยด้วย แอนนี่อยากกลับบ้าน’ เพราะหมดหนทางจะช่วยเหลือตัวเอง มธุราจึงทำได้แค่พึมพำถึงคนในครอบครัวในสภาพน้ำตาคลอ
ตอนที่ 3 แก๊ก! เสียงที่ดังมาจากหน้าห้องทำให้คนนั่งเศร้ารีบลุกขึ้นแล้วกระโดดไปยืนแอบอยู่ตรงหน้าต่าง ก่อนจะดึงผ้าม่านออกมาบังตัวเอาไว้ ตากลมโตจดจ้องไปที่ประตูพร้อมๆ กับหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น เพราะเธอเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าใครจะโผล่เข้ามา แล้วจะมาดีหรือร้าย แต่น่าจะมาร้ายเสียมากกว่า “อาหารเช้าของคุณครับ” หนุ่มร่างยักษ์ แต่หน้าไม่โหดเท่าคนที่จับเธอยัดใส่รถเอ่ยแค่นั้นก็เข็นรถใส่อาหารมาหยุดใกล้เตียงแล้วก็เดินออกไป ขณะที่สาวไทยที่ยืนหลบใต้ผ้าม่านก็ครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะถามหนุ่มร่างยักษ์ดีไม่ ว่าจับเธอมาด้วยข้อหาอะไร “อย่าเพิ่งไป!” มธุราตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท “มีอะไรครับคุณผู้หญิง” หนุ่มร่างยักษ์หันมาถามด้วยเสียงสุภาพ “พวกคุณเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม ฉัน...ฉันไปทำผิดอะไรผิดงั้นเหรอ” มธุราเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าไปขัดแข้งขัดขาใครตอนไหน ถึงได้โดนลักพาตัว ก่อนจะรีบถอยกลับไปหลบอยู่ใต้ผ้าม่านเช่นเดิม เมื่อหนุ่มร่างยักษ์เดินตรงมาที่เธอ “หยุดอยู่ตรงนั่นแหละ แล้วตอบฉันมาว่าจับฉันมาด้วยข้อหาอะไร” เธอออกคำสั
ตอนที่ 4 “เบื่อ” ไม่ใช่แค่พูดแต่สีหน้ายังแสดงออกชัดด้วยว่าเบื่อ และสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเบื่อจนตัดสินใจบินกลับก่อนกำหนด ก็เพราะแฟนหนุ่มไม่ว่างจะพาไปเที่ยว ทั้งที่เธอวางแผนการไปครั้งนี้เสียดิบเสียดี ว่าจะให้แฟนหนุ่มอายุคราวพ่อพาไปเที่ยวพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวของตระกูลแม็คแคลตัน “นี่ฉันหูฟาดหรือเปล่าเนี่ย ที่ได้ยินแกพูดว่าเบื่อ” คนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหนลูกสาวคนสวย “คุณแม่อย่ากระแหนะกระแหนลียามากได้ไหม เดี๋ยวลียาก็ไปแล้วไปลับหรอก” สีหน้าเริ่มไม่พอใจ “ลียา! แกอย่าได้พูดคำพวกนี้ออกมาอีกนะ มันไม่ดี” “ที่ห้ามพูดนี่ เพราะคุณแม่กลัวไม่มีคนหาเงินให้ใช้ใช่ไหมล่ะ” “ก็แน่อยู่แล้วแหละ กว่าฉันจะเลี้ยงแกกับเจ้าไอซ์โตมาได้เสียเงินเสียทองไปตั้งเท่าไหร่ พอแกสองคนโตกันแล้วก็หาเงินให้ฉันใช้บ้างไม่ได้หรือไง” “พูดเหมือนกับว่าทุกวันนี้ลียาไม่ได้ให้เงินคุณแม่” “ไม่ต้องมาทำหน้าทำเสียงโกรธฉันเลย ว่าแต่กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วัน แต่แม่ว่าแกน่าจะหางานที่มันมั่นคงได้แล้วนะ สามีเพื่อนแม่มีบริษัทใหญ่โตกันหลายคน เดี๋ยวแม่จะลองถามมาให้ แกอยากทำตำแ
ตอนที่ 5 ค่ำวันต่อมา ประตูห้องพักชั้นบนสุดภายในโรงแรมหรูของตระกูลแม็คแคลตันถูกเปิดออกด้วยมือของบอดี้การ์ดหนุ่มเจ้าของใบหน้าเรียบเฉย ไม่ต่างจากสีหน้าของผู้เป็นนายในเวลานี้ ซึ่งก็ทำเอาผู้ติดตามถึงกับเดาใจผู้เป็นนายไม่ออกเลยว่าจะจัดการอย่างไรกับเชลยสาวแสนสวย “ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มห้าวถามโดยไม่เจาะจงว่าถามใคร ทำเอาเหล่าบอดี้การ์ดสี่นายลอบมองตากันก่อนจะพากันมองมาที่จีโอ ที่มีหน้าที่คอยหาข้าวหาน้ำให้กับเชลยสาว ซึ่งเวลานี้เชลยสาวที่ว่าก็กำลังเอาหน้าแนบประตูฟังความเคลื่อนไหวสลับกับมองจานใส่อาหาร พร้อมความคิดบางอย่าง เมื่อเธอต้องหาวิธีออกไปจากห้องบ้าๆ ซะที “ดูเธอสบายดีครับเจ้านาย” จีโอเอ่ยตอบเสียงเรียบ ก่อนเหลือบตามองไปยังห้องขังเชลยสาว ที่ไม่รู้ว่าจะออกฤทธิ์ด้วยการเคาะประตูห้องอีกหรือไม่ “ก็แน่ล่ะ ได้มาอยู่บนห้องพักหรูๆ โดยไม่เสียเงินสักบาท หล่อนก็ต้องสบายอยู่แล้ว” คนพูดบิดปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินไปทั้งตัวที่โซฟาเรียบหรู ยกเท้าทั้งสองพาดไปบนโต๊ะกระจก แล้วหันไปรับเครื่องดื่มจาก เลเนียร์ แม่บ้านวัยเกษียณ แต่ยังไม่เกษียณตัวเองเสียทีเพราะเป็นห่วงเจ
ตอนที่ 6 “เสนอความคิดมาสิ อย่าเอาแต่เงียบ” น้ำเสียงยังเย้ยหยันและสายตาก็ดูแคลนจนคนถูกถามชาไปทั้งหน้า พลางคิดทบทวนว่าตั้งแต่เกิดมาไปทำเรื่องเสียหายอะไรไว้งั้นหรือ อยู่ดีๆ ถึงได้โดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงแพศยา แต่มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าไม่เคยทำตัวอย่างที่เขากล่าวหา “ตอบ!” “ไอ้บ้า! ออกไปห่างๆ ฉันนะ” “ก็ตอบมาสิ” คนตัวโตคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ “ฉันบอกให้ออกไปห่างๆ ฉัน ไอ้ผู้ชายปากสกปรก” “ผู้ชายปากสกปรกงั้นเหรอ” เคลย์ริกยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็นแล้วพูดต่อ “แต่จะว่าไป คนปากสกปรกอย่างฉัน ก็เหมาะกับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอดีเหมือนกัน เธอว่าจริงไหม”
ตอนที่ 7“ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันใช้กับคนอย่างผมไม่ได้หรอกยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วก็ขยับเข้าใกล้ร่างเล็กอีกนิด ส่วนมธุราก็หน้าแดงจัด ทั้งโกรธทั้งอาย เมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาแนบชิดกับร่างกายของเธอมากเกินไป “ไอ้บ้า ถอยไปห่างๆ ฉันนะ” เสียงหวานร้องสั่ง พร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวหนีคนหน้าโหด ต่างจากคนหน้าโหดที่อยากเบียดอยากชิดเจ้าของเสียงหวานให้มากกว่านี้ และจะดีกว่านี้หากได้สอดแทรกบางอย่างเข้าไปอยู่ในตัวเธอ “ถ้าไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรได้” เคลย์ริกขยับหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกชนกัน “ถะ…ถอย ถอยไปห่างๆ ฉันนะไอ้คนปากสกปรก” “รังเกียจกันขนาดนั้นเลยหรือยาหยี” “ใช่ ฉันรังเกียจ แล้วก็ขยะแขยงมากๆ ด้วย เพราะงั้นเอาหน้าของคุณไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้&rd
ตอนที่ 8 “อย่าบอกว่าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนจับมาก่อน” หน้าตาของเคลย์ริกไม่เชื่อเลยสักนิดว่าสาวเจ้าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนแตะต้อง “ไม่เคย!” มธุราโต้กลับแบบไม่ทันคิดไตร่ตรองว่าคำตอบมันอาจจะทำให้ตัวเธอถูกประณามว่าเป็นผู้หญิงแพศยาอีกครั้ง แต่จะให้มาคิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วเมื่อเธอได้ยินเสียงของอีกคนตะคอกกลับมาจนหูเธอแทบดับ “โกหก!” เพราะหนึ่งในนั่นก็คือเขาที่กำลังล้อเล่นอยู่กับส่วนนั้นของเธอและตอนนี้เขาก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามต่อสู้กับอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกขึ้นมาเคลย์ริกขยับปากยิ้มเยาะ เมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนอวดเก่ง “ตอบสนองไวเหมือนกันนี่” ปากหยักร้ายยิ้มเยาะอีกครั้ง แล้วล่วงล้ำจุดลี้ลับหนักหน่วงขึ้น แล้วไม่ใช่แค่เธอที่ร่างกายเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยนเช่
ตอนที่ 9 “ประหลาด” เคลย์ริกยิ้มขันให้กับคำตอบของคนอวดเก่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือเขาเพิ่งจะรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เขายิ้มได้กว้างมากที่สุดในรอบปี “คุณสิประหลาด” ริมฝีปากสวยเบ้ออกอย่างนึกชังรอยยิ้มบนหน้าโหดๆ นั่น “เธอต่างหากที่ประหลาด แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไล่เจ้าของบ้าน” “คุณก็ไม่สิทธิ์มากักขังฉันไว้ที่นี่เหมือนกัน แล้วฉันก็ขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างที่คุณกล่าวหา” มธุราเอ่ยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เห็นอยู่ตำตา ยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ” เคลย์ริกตะคอกใส่อย่างหัวเสีย เมื่อสาวเจ้าไม่ยอมรับ ทั้งที่ก่อนจะบุกไปจับหล่อนมาเขาก็มีหลักฐานอย่างชัดเจน &l
ตอนที่ 10 “ชอบไหม” ถามเสียงทุ้มพร่า “ปล่อยฉันนะ ไอ้หน้าโหด อย่ามาทำทุเรศกับฉัน” สองมือเล็กผลักไสกายแกร่ง ทว่าเขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “อย่าแสแสร้งว่าไม่เคยทำแบบนี้เลยยาหยี เพราะผมมั่นใจว่าผู้หญิงแพศยาอย่างคุณเคยโดนบ่อยๆ” เคลย์ริกกระซิบเสียงแหบพร่า กดปากขยี้จุมพิตบนปากอิ่มอย่างหลงใหล มือหนาก็ยังนวดเฟ้นสะโพกงามงอนอย่างสนุกมือ “อื้อ” มธุราทั้งดิ้นทั้งสะบัดหน้าหนีจุมพิต ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่เธอรู้ตัวดีว่าหากไม่ต่อต้านเขาตอนนี้ เธออาจสูญเสียพรหมจรรย์ที่เก็บรักษามายี่สิบกว่าปีให้ไอ้หน้าโหด เล็บแหลมกดลงบนผิวเนื้อของอีกคนสุดแรง แต่เคลย์ริกไม่สะดุ้งสะเทือน “ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอกกันก่อนเลยนะยาหยี” เคลย์ริกถอนปากออกมากระซิบ ใบหน้าเคียดขึ้ง เพราะเวลานี้เขากำลังโกรธตัวเองที่หลงใหลไปกลิ่นกายยั่วยวนของผู้หญิงแพศยา และโกรธผู้หญ
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ
ตอนที่ 48 “คุณเคลย์ริก คุณไม่กลัวเลยเหรอ” มธุราเอ่ยถามเสียงสั่น หลังสถานการณ์สงบลง โดยที่พวกคนร้ายก็พากันถูกจับ บ้างก็หนีรอดไปได้ ซึ่งตำรวจก็แยกย้ายกันไปตามจับกุม บางส่วนก็นอนเจ็บล้มตายเป็นที่น่าสยดสยองสำหรับคนที่เพิ่งประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างมธุรา “แล้วคุณกลัวหรือยาหยี” “ฉันกลัวจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว นี่ถ้าตำรวจไม่มา ฉันคงตายอยู่ในรถไปแล้ว” “ผมไม่มีวันปล่อยให้เมียตัวเองตายหรอก เชื่อใจผมนะ ผมจะดูแลและปกป้องคุณเอง” “แล้วคุณคิดว่าเราจะรอดได้ทุกครั้งเหรอ” “ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำแบบนี้อีกแล้ว” “ค่ะ แล้วนี่ลูก
ตอนที่ 47 เคลย์ริกรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่ค่อยๆ แดงก่ำ และในที่สุดเขาก็ไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เมื่อได้รับรู้ความจริงแสนเจ็บปวด จากคนที่เขารักและเคารพมากที่สุดในชีวิต เป็นคนทำให้พ่อแท้ๆ ของเขาต้องตาย และทำให้มารดาของเขาตรอมใจจนล้มป่วยจนจากเขาและน้องๆ ไป “เคลย์ริก ตาขอโทษ” ผู้อาวุโสบอกหลานชายเสียงสั่นเครือ ท่านยื่นมือไปจะวางบนหลังมือของหลานชาย ทว่าเคลย์ริกที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับรู้ลุกขึ้นและเดินออกมา “เคลย์ริก!! เคลย์ริก!!”ไทร์เฟียและเนอร์แมนพากันเอ่ยเรียก แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่กลับยิ่งเร่งฝีเท้าออกไป กระทั่งมาถึงห้องโถงซึ่งมธุราก็เดินหอบหนังสือออกมาพอดี ทั้งที่ความจริงเธอแค่อ้างเพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวแม็คแคลตันได้พูดคุยกันตามลำพัง แต่เผอิญไปเจอหนังสือที่อยากอ่านมานาน เธอจึงหอบเอามาด้วย&nbs
ตอนที่ 46“อย่าโกรธผมเลยนะยาหยี ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วง แล้วก็หวงคุณนะยาหยี”“พอเลยไม่ต้องพูดแล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากับคุณ” “เรื่องอะไรเหรอยาหยี” “คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย” “ผมไม่รู้จริงๆ นะยาหยี” มธุราถอนหายใจดังพรืดให้กับความแกล้งซื่อของคนหน้าโหด ก่อนจะบอกเขาไปเสียงดังฟังชัด “ฉันรู้ว่าคุณส่งลิเบอร์ไปจัดการเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แล้วที่ฉันมานี่ ฉันก็มาเพื่อจะขอเจราเรื่องเวลาชดใช้เงินกับคุณใหม่ เพราะเวลาแค่สามเดือน ฉันกับพี่ชายหาไม่ทัน” “แล้วทำไมยาหยีถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ”&