กัวเหม่ยอิงมองเงินเกือบหมื่นหยวนที่วางอยู่บนเตียงด้วยความเงียบ เธอรู้ว่าทหารที่พลีชีพในระหว่างปฎิบัติหน้าที่นั้นครอบครัวของเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล โดยมีเงินค่าทำขวัญให้ตามความเหมาะสมของตำแหน่งหรือตามที่เห็นสมควรอย่างพ่อสามีที่ได้พลีชีพไปทางรัฐบาลก็ได้ให้เงินค่าทำขวัญมาหนึ่งพันหยวนและเป็นบ้านใหญ่ที่เอาเงินไป ซึ่งเงินพวกนี้ไม่ได้รวมกับที่บ้านใหญ่มาเอาไป เพราะแม่สามีเห็นว่าสามีของนางก็เป็นลูกชายของสกุลหานจึงให้พวกเขาเอาไปทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จทุกคนต่างเข้าห้องนอนของตัวเองและเป็นสะใภ้รองกับน้องชายรองที่มาเคาะห้องพร้อมกับเงินจำนวนมากที่กัวเหม่ยอิงไม่เคยคิดเงินของหานหรงเจ๋อได้มามากถึงห้าพันหยวน เป็นจำนวนห้าเท่าของพ่อสามีด้วยซ้ำ และยังมีเงินที่สามีของเธอเก็บเอาไว้อีกสองพันกว่าหยวน นอกจากนี้ยังมีเงินของน้องชายรองที่เกษียณทหารออกมาอีกสามพันหยวนอันที่จริงเงินของน้องชายรองกัวเหม่ยอิงให้พวกเขาเอาคืนไปด้วย เพราะแค่เงินของสามีมันก็เพียงพอแล้ว แต่พวกเขาปฎิเสธอีกทั้งบอกพี่สะใภ้คนโตก็เหมือนแม่ และพวกเขาก็เคารพเธอมากด้วย อีกทั้งไหนจะสร้างบ้านอีกสุดท้ายจึงจบด้วย
ตื่นเช้ามากัวเหม่ยอิงทำผักดองที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน และเธอทำเพียงกินในครอบครัวเท่านั้น ผักดองที่ทำจึงมีเพียงหกไห มีกวางตุ้งสองไห ผักกาดสองไห และหัวไชเท้าสองไหมื้อเช้าของวันนี้สะใภ้รองทำโจ๊กไข่ให้ทุกคนได้กิน และได้นึ่งซาลาเปาที่จะเอาไปให้คนงานอีกด้วย“ตกลงจะให้ผมออกไปหรือเปล่า” น้องชายรองถามเพราะพวกเธอไม่ได้เคร่งเรื่องอาหารเหมือนบ้านอื่นที่จะแยกโต๊ะชายหญิงและเด็ก ทั้งหมดจึงมากินข้าวรวมกันที่ห้องโถงของบ้านยกเว้นแม่สามีที่ไม่สามารถร่วมได้ แต่หากย้ายบ้านบางทีแม่สามีอาจได้ออกมากินข้าวกับพวกเธอด้วย เพราะที่บ้านหลังนี้มันแคบและทำอะไรไม่สะดวก กัวเหม่ยอิงจึงไม่ฝืนกัวเหม่ยอิงหันไปถามสะใภ้รอง “สะใภ้รองเธอว่ายังไง ถ้าเธอปฎิเสธมันก็ไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่น้องชายสามจะได้งานช้า”สะใภ้รองกำลังคิด เนื่องจากเมื่อคืนหล่อนได้คุยกับสามีแล้ว มันก็อย่างที่สามีว่า แม้จะเรียนจบมัธยมปลายแต่ถ้าไม่มีเส้นสายก็หางานยาก อันที่จริงหากเป็นไปได้ให้น้องชายสามเข้าไปทำงานกับลุงไฉ่ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถมานอนอยู่ที่บ้านได้“ถ้าพี่สะใภ้เห็นว่าดีก็ให้เขาไปเถอะค่ะ อย่างน้อยถ้าน้องชายสามมีเงิน
กัวเหม่ยอิงแวะดูคนงานสร้างตอนช่วงสายของวันพร้อมกับส่งซาลาเปา จากนั้นก็ได้นำน้องชายรอง น้องชายสามเข้าป่าไปจับกุ้งที่เจอเมื่อวานหลังจากได้ลิ้มรสเมนูกุ้งฝีมือของสะใภ้รองทุกคนก็ชอบมันมาก น้องชายสามจึงขอไปจับกุ้งระหว่างรอหางาน แต่กัวเหม่ยอิงก็เลยเปลี่ยนให้พวกเขาไปจับกุ้งแทนที่จะไปหางานเธอได้นอนคิดทั้งคืนว่าหลังจากนี้พวกเธอจะทำอะไร ลำพังจะให้น้องชายสามออกไปทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายมันไม่พอแน่ ๆ แม้จะมีเงินเก็บ แต่จะให้น้องชายรองเข้าไปหางานในเมืองสะใภ้รองก็ไม่ยอมเพราะห่วงร่างกายของสามี ซึ่งกัวเหม่ยอิงเห็นด้วยจะให้สะใภ้รองไปก็ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่เพราะหล่อนไม่ได้เรียน ไหนจะต้องทำงานบ้านและดูแลแม่สามีอีกส่วนกัวเหม่ยอิงเธอต้องติดตามดูบ้านตลอด และต้องดูลูกสาวไปด้วย แล้วจู่ ๆ การทำกุ้งแห้งก็ผุดขึ้นมาให้หัวของเธอ ปกติพวกเธอก็มีกุ้งแห้งไว้ทำอาหารให้แม่สามีอยู่แล้วและมีราคาแพง หากเธอจะทำขายโดยที่ไม่ต้องใช้คูปองซื้อ และมีราคาถูกลงนิดนึงย่อมมีคนสนใจและเรื่องนี้กัวเหม่ยอิงก็ได้คุยกันเมื่อเช้านี้ซึ่งทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นน้องชายรองที่อยากจะขัดเพราะตัวเขาก็เป็นทหารมาก่อน ซึ่งรู้ว่าเรื่องขายของนั้นมันทำไม่ได้
จะว่าไปแล้วชีวิตของกัวเหม่ยอิงในตอนนี้สบายมาก ทำอะไรก็ลงตัวไปซะทุกอย่าง แต่มันก็แลกมากับความเหนื่อยอย่างลงตัว“กุ้งผัดหน่อไม้ได้แล้วนะคะ” สะใภ้รองที่จัดการปิ่นโตเสร็จหันมาบอกกับกัวเหม่ยอิงเพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าสะใภ้รองน่าจะเหงามากเมื่ออยู่บ้านคนเดียว จึงจะเข้าไปคุยกับคนบ้านกัวตามที่คิดไว้กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ครบแล้วใช่ไหม” หากไม่ครบมันจะได้ไม่เสียเวลาต้องกลับมาเอา“ฉันดูให้แล้วค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้าวันนี้เป็นวันหยุดประจำเดือนของทุกคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แต่ทุกคนก็ยังได้หยุด เพราะในหนึ่งเดือนทุกคนจะได้หยุดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นวันหยุดพอดี กัวเหม่ยอิงจึงจะไปคุยด้วย อีกอย่างน้องชายสามก็ออกไปหาฟืนกับน้องชายรอง ที่ตากกุ้งแห้งมันก็เต็มด้วยกุ้ง วันนี้จึงยังไม่ไปหากัน“น้องสาวห้า” เป็นพี่สาวใหญ่ที่กวาดลานบ้านร้องทักกัวเหม่ยอิงกัวเหม่ยอิงหันไปมองแล้วยิ้ม “พี่สาวใหญ่ ทำอะไรกันคะ” เธอถามถึงแม้ว่าจะเห็นอยู่ว่าพี่สาวกำลังทำอะไร“กำลังกวาดลานบ้านน่ะไหน ๆ ก็วันหยุดแล้ว” พี่สาวใหญ่ตอบ “แล้วน้องสาวห้ามาทำอะไรที่นี่หรือมาดูบ้าน” ถ้ามาดูบ้านปกติน้องสาวของหล่อนไม่ได
หลังจากที่น้องสะใภ้กลับบ้านเดิมได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหล่อนก็กลับมาพร้อมกับความเงียบ และปิดประตูห้องไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง แม้แต่น้องชายรองเองก็เข้าหน้าไม่ติด กับข้าววันนั้นจึงเป็นกัวเหม่ยอิงที่ทำและเธอก็ไม่ได้ถามหาสาเหตุจากสะใภ้รอง หากหล่อนอยากจะพูดหล่อนก็คงจะพูดเองนับจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วห้าวัน และการที่สตรีบ้านกัวขอหยุดงานในแปลงนาสร้างความฮือฮาในหมู่บ้านอีกรอบ อีกไม่นานก็จะได้รับผลผลิตแล้ว ทำไมอยู่ ๆ สตรีบ้านกัวก็หยุดงานไปดื้อ ๆ ? มันเป็นเรื่องที่หยุดพูดไม่ได้กันเลยทีเดียว อีกอย่างพวกเขาก็ได้ยินว่าคนบ้านกัวกำลังหาลูกเขยกับลูกสะใภ้ให้ลูกสาวกับลูกชายที่อายุมากแล้ว“สะใภ้รองขยับมาทางนี้” กัวเหม่ยอิงกวักมือเรียกน้องสะใภ้ที่หากุ้งฝั่งตรงข้ามเพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าสะใภ้รองจะคิดมากเกินไป จึงชวนหล่อนพร้อมกับน้องชายสามีทั้งสองออกมาจับกุ้งอีกครั้ง ไหน ๆ กุ้งแห้งในบ้านก็ลดลงไปมากแล้ว“พี่จับกุ้งเก่งมาก” สะใภ้รองชมหล่อนจับกุ้งได้เพียงสามตัวตั้งแต่มาถึง ต่างจะพี่สะใภ้ที่ตอนนี้จับได้มากกว่ายี่สิบตัวแล้วกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ก็เพราะฉันเก่งยังไงล่ะ” ต้องบอกว่ามีความสามารถพิเศษจะดีกว่า“ฉันเชื่อค่ะ”
กัวเหม่ยอิงยืนมองกุ้งเกือบสิบตะกร้าด้วยความภูมิใจวันนี้เป็นวันแรกที่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัวมาช่วยเธอจับกุ้ง และเป็นวันแรกที่จับกุ้งได้เยอะที่สุด อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะช่วงบ่าย กัวเหม่ยอิงที่ปกติต้องไปจับกุ้งจึงเปลี่ยนมาแปรรูปกุ้งแทนต้องขอบคุณน้องชายรองที่แนะนำให้สร้างที่ตากกุ้งไว้เพิ่ม ไม่อย่างงั้นเธอคงจะหาที่ตากกุ้งไม่ได้ และดีที่ใช้เวลาตากกุ้งเพียงหนึ่งวันกุ้งก็แห้งให้แล้ว ต่างจากอนาคตที่ใช้เวลาหลายวัน“น้องชายรองไปแล้วเหรอ” กัวเหม่ยอิงถามสะใภ้รองที่เดิมตามหลังมาเหมือนว่าน้องชายรองจะได้รับการติดต่อจากสหายร่วมกองทัพของเขา ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ขอแค่เขาเอาของเข้าไปขายให้ตอนนี้เงินจากการขายกุ้งแห้งและหน่อไม้ต้มได้มาเกือบหนึ่งพันหยวน แต่มันยังไม่ได้หักค่าไห ค่าฟืน ค่าเกลือ และค่าแรงงานอีก แต่ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็นับจำนวนเงินนี้เป็นทุนสำหรับการค้าขายภายหน้าสะใภ้รองพยักหน้าแล้วนั่งลงหน้าเตาไฟเพราะหล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาช่วย “ใช่ค่ะ เห็นว่าสหายของเขาขึ้นมาหา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว” ถึ
กัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าช่วงนี้บ้านของพวกเธอถูกนินทาบ่อยมาก เมื่อมีคนไปเห็นน้องชายรองทำงานอยู่ในสถานีสักแห่งในอำเภอเพราะเข้าไปทำธุระ ยิ่งพอรู้ว่าน้องชายรองได้กลับไปทำงานเสียงนินทาก็ยิ่งกว้างไปจนถึงหมู่บ้านข้าง ๆ กันแล้วแต่ถึงจะนินทายังไงกัวเหม่ยอิงกับครอบครัวของสามีก็ไม่ได้ไปสนใจ พวกเธอพากันสนใจกิจการของบ้านมากกว่า ตอนนี้กุ้งแห้งมีรวม ๆ กันเกือบ 50 ไหแล้ว เพราะน้องชายรองเอาออกไปขายแค่วันละไห แต่ที่บ้านทำเพิ่มได้วันละไม่ต่ำกว่า 3 ไห กุ้งแห้งจึงมีเยอะมากตอนนี้ที่บ้านมีรายได้วันละ 5 หยวน จากการขายกุ้งแห้ง 1 ไห หรือบางวันก็ขายไหไปด้วยก็ได้กำไรอีก 1 หยวน ไหนจะเงินเดือนของน้องชายสามที่เป็นครูสอนเด็กประถม 10 หยวน และเงินเดือนของน้องชายรองอีกที่ได้มาถึงเดือนละ 80 หยวน แต่เงินเดือนที่ได้มาจะถูกหักเข้ากองกลางของบ้านเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งสามารถเก็บเอาไว้ได้เลย“สะใภ้รองบ้านเดิมของเธอมาหา” เสียงของพี่สาวใหญ่กัวร้องบอกหลังออกไปดูหน้าบ้านเมื่อมีคนมาร้องเรียกสะใภ้รองหันมองพี่สาวใหญ่กัวก่อนจะส่ายหน้าปฎิเสธที่จะคุยด้วย ไหนบอกว่ากลัวหล่อนจะไปสร้างปัญหาให้จึงให้เลิกติดต่อ แต่วันนี้พอสามีของหล
การหาซื้อเนื้อหมูในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากมีเส้นสายมันก็จะต่างออกไป และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าตัวเองมีเส้นสายมากพอสมควรโดยเฉพาะน้องชายรองและน้องชายสาม“อีก 2 วัน เป็นฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของบ้าน ตอนนี้้เรามีกุ้ง มีปลา มีไก่ และมีผักแล้ว แต่ยังไม่มีหมู น้องชายรองกับน้องชายสามพอจะหาได้ไหม” กัวเหม่ยอิงถามอย่างไม่อ้อมค้อมอย่างที่รู้กันว่าตอนนี้พวกเธอขายของในตลาดมืด จึงไม่ต้องกลัวว่าสมาชิกในบ้านจะตกใจ และเพราะต้องขึ้นบ้านใหม่ อาหารที่ทำขึ้นต้องพอเลี้ยงแขก กัวเหม่ยอิงจึงต้องถามน้องชายรองส่ายหน้า “ผมไม่รู้จักใครเลยครับ แต่ช่วงนี้ผมติดภารกิจสำคัญครับ ลาไว้แล้ว 3 วัน ถ้ายังไม่ได้พรุ่งนี้ผมจะไปหาให้” เขาบอกก่อนจะหันไปถามน้องชาย “นายรู้จักคนเยอะพอจะมีไหม”“มีครับ แต่เราต้องไปถามก่อนเพราะมันไม่ต้องใช้คูปองและราคาสูง” น้องชายสามพยักหน้า เขาก็พอจะรู้จักคนนี้มีเนื้อหมู่อยู่กัวเหม่ยอิงยิ้ม “ดีเลย นายไม่ต้องไปสอนแล้วใช่ไหมสัปดาห์นี้ ฉันอยากได้เนื้อสัก 10 ชั่ง กระดูกด้วยก็ดีพอจะไปหาได้หรือเปล่า” ที่โรงเรียนเหมือนจะมีของหาย ทางโรงเรียนจึงประกาศหยุดการเรียนตลอดหนึ่งสัปดาห์ และคณะกรรมหน่วยผลิตของตำบลกำ
ไข่เป็ดเป็นไข่ที่มีกลิ่นแรง เวลาทำอาหารถ้าไม่ใช่คนที่ทำอาหารเก่ง หรือรู้วิธีทำให้ไข่เป็ดไม่ให้มีกลิ่นคาวในยุคนี้หายากมาก บ้านไหนที่มีกำลังซื้อไข่กินก็จะเลือกซื้อไข่ไก่มากกว่าไข่เป็ดอย่างไข่เป็ดกับไข่ไก่ที่เอามาวางขายที่ร้าน กัวเหม่ยอิงถามคนในบ้านดูแล้ว มันถูกซื้อน้อยกว่าไข่ไก่เป็นครึ่ง อีกอย่างไข่เป็ดก็เหลือกลับบ้านทุกวัน เพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าเป็ดกับลูกเจี๊ยบจะฟักไข่ออกมาเป็นตัว ถ้าวันไหนขายไม่หมดก็ให้เอากลับมากินที่บ้าน อีกอย่างถ้าเก็บไว้มันก็จะผสมกับไข่ใหม่ ถ้าลูกค้าได้ไข่ที่ไม่ดีไปร้านก็จะเสียหายกัวเหม่ยอิงที่กลับมาอยู่บ้านหลายวันจึงแก้ปัญหาด้วยการที่ขายแค่ไข่ไก่ และนำไข่เป็ดที่ได้ในแต่ละวันออกมาทำไข่เค็ม บางส่วนก็นำไปทำอาหารกินในบ้านแต่ไข่ไก่ที่ร้านนั้นต้องบอกว่ามันขายดีมาก กัวเหม่ยอิงจึงเช่าที่ดินของบ้านกัวข้างบ้านในการสร้างเล้าแล้วเลี้ยงเป็ดกับไก่ โชคดีที่บ้านกัวได้เก็บเกี่ยวข้าวที่ทำหมดแล้วและปล่อยที่ดินว่างไว้ กัวเหม่ยอิงจึงขอเช่าที่ข้างบ้านปีละหนึ่งพันหยวน มันจะสามารถเลี้ยงไก่กับเป็นได้เป็นพัน ๆ ตัวซึ่งแน่นอนว่าตอนแรกบ้านกัวจะไม่รับเงินในส่วนนี้ แต่กัวเหม่ยอิงก็ได้อธิบา
กัวเหม่ยอิงสอนมู่ลี่ มู่จี้ ทำบัญชีของร้าน เพราะเธอต้องกลับไปที่อำเภอจึงต้องให้สองสาวฝาแฝดเป็นคนจัดการในร้าน เธอต้องการขยายร้านให้มีหลายสาขาและขั้นตอนแรกเธอจึงต้องไว้ใจให้พนักงานเป็นคนดูแล และจะเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะเอาส่วนเรื่องหน้าร้านกลัวเหม่ยอิงไม่ได้เป็นห่วงแล้ว ทั้งสองรู้จักวิธีขาย และจัดการเวลาพักได้อย่างดีตลอดหนึ่งเดือนที่ได้เปิดร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ถูกพูดถึงไปทั่วมณฑล เวลากัวเหม่ยอิงไปสั่งซื้อเสื้อยืดจากร้านประจำ เธอก็ถูกเเจ้าของร้านแซวว่าตอนนี้ร้านของเธอไปได้ไกลกว่าหล่อนซะอีก ซึ่งเธอก็บอกว่าเป็นแค่ช่วงขาขึ้นและตอนนี้กัวเหม่ยอิงได้ย้ายที่พักแล้ว มันเป็นบ้านพักสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องโถง มันเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของคุณลี่หวานที่พอรู้ว่ากัวเหม่ยอิงหาบ้านก็ตื้อให้มาพักในบ้านเช่าของเขา โดยให้เหตุผลว่าไหน ๆ เธอก็จะกลับไปอยู่ที่อำเภอ แล้วเข้ามาพักในมณฑลเป็นบางครั้ง ก็เช่าบ้านเช่าเขาก็ได้ โดยที่เช่าเดือนละ 100 หยวน ซึ่งมันถูกมากหากเทียบกับคนอื่นที่เช่า เพราะบ้านเช่าแบบนี้เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 200 หยวนซึ่งกัวเหม่ยอิงจะกลับบ้านพรุ่งนี้ วันนี
ภายในตัวร้านเป็นร้านขนาดเล็กแต่พอเอาของที่อยู่ภายในร้านออก มันก็กว้างแทบจะพอ ๆ กับร้านขายของหานอีเลย ซึ่งกว่าจะใช้เวลาทำความสะอาดและต่อเติมมันก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ระหว่างที่รอร้านต่อเติมเสร็จกัวเหม่ยอิงก็แวะไปดูเสื้อที่สั่งตัดเย็บด้วย จากที่ตอนแรกมันจะได้วันละไม่ถึงห้าสิบตัว แต่พอกัวเหม่ยอิงให้ตัวละ 2 หยวน ทุกคนจึงเร่งฝีมือทำให้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เสื้อยืดที่ได้ส่งไปให้โรงตัดเย็บก็ปักเสร็จพอดี กัวเหม่ยอิงจึงให้ผู้หญิงในโรงตัดเย็บที่ฝีมือดีออกแบบลายเสื้อผ้าให้ส่วนสองสาวฝาแฝดมู่กัวเหม่ยอิงได้ทดสอบความรู้ของพวกเธอไป พวกเธอมีความรู้และรู้จักตัวหนังสือเยอะพอสมควร ตลอดหนึ่งสัปดาห์กัวเหม่ยอิงจึงได้บอกระบบของร้านว่าควรจะทำยังไง เวลาขายเสื้อได้ต้องจดยังไงซึ่งกัวเหม่ยอิงไม่ได้คาดหวังให้ร้านเสื้อผ้าของเธอเป็นร้านใหญ่ที่สุดในมณฑล แต่เธอคาดหวังว่าร้านจะเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะมณฑลนี้ หรือมณฑลไหน“เธอจดผิดนะมู่ลี่ มันต้องขีดสีขาวสองตัว สีดำสามตัว ไม่ใช่สีขาวสาม สีดำสอง” กัวเหม่ยอิงชี้จุดผิดให้หล่อนดูกำหนดเปิดร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ ที่ย่อมาจากหานเมิ่งลู่ลูกสาวของเธอคืออีกสองวันข้างหน้า วันนี้
ก่อนที่จะไปหาเช่าสถานที่เปิดร้านเสื้อผ้า กัวเหม่ยอิงก็ได้เข้าไปสั่งซื้อเสื้อยืดจากร้านประจำ รอบนี้กัวเหม่ยอิงสั่งซื้อแค่จำนวน 500 ตัว โดยที่แยกเป็นสีดำ สีขาวสีละ 250 ตัว ที่เธอสั่งมาแค่ 500 ตัว ก็เพราะตอนนี้เธอยังอยู่ที่โรงแรม ร้านที่จะเปิดขายเสื้อผ้าก็ยังไม่มี จึงไม่อยากรบกวนทางโรงแรมมากนักเนื่องจากเธอได้รบกวนคุณลี่หวานมา 2 วันติด วันนี้จึงไม่ได้ให้เขามาช่วยหาร้านเช่าขายเสื้อ แต่เธอได้ฝากเสื้อยืดทั้งหมดให้คุณลี่หวานไปให้โรงตัดเย็บแล้วส่วนวันนี้หลังจากกินข้าวมื้อเช้าในห้องเสร็จกัวเหม่ยอิงกับพี่ใหญ่กัวก็เปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกไปหาร้านเช่ากัน โชคดีที่โรงแรมไม่ได้ห่างย่านการค้ามากกัวเหม่ยอิงไม่ได้เจาะจงว่าร้านขายเสื้อจะเป็นตึกหรือเป็นร้านเล็ก ๆ เธอขอแค่ให้เป็นร้านที่ไม่ได้แออัดมาก และเป็นร้านที่โดดเด่นหรือไม่ก็เป็นที่สังเกตได้ง่ายของเหล่าลูกค้า“พี่ถามคุณลี่แล้ว เขาบอกห้องเช่าจะถูกกว่าตึกเกือบครึ่งหนึ่งเลย ถึงจะเล็กกว่ามาก แแต่เขาก็แนะนำให้เช่าห้องเช่าในย่านการค้า แล้วเขาก็บอกอีกว่าให้ทำสัญญาเช่าสักปี สองปี ไม่ต้องเช่านานแต่ก็ไม่เช่าน้อยไป เพราะถ้าเราขายดีแล้วเจ้าของที่จะไม่ให้เราขายต
คุณลี่หวานพากัวเหม่ยอิงขับรถวนหาโรงงาน7-8โรงงานแล้ว บางโรงงานมันก็ดี แต่สำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วคุณภาพมันไม่ได้เลย บางโรงงานเก็บรายละเอียดตั้งแต่ใหญ่จนเล็ก แต่ผ้าที่ใช้ขาดคุณภาพ บางโรงงานผ้าคุณภาพดีแต่การปักเย็บไม่ละเอียดกัวเหม่ยอิงไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสามารถหาโรงงานตัดเย็บได้ตั้งแต่วันแรก แต่เธอก็อยากได้สักโรงงานมาจดเอาไว้ก่อน ไม่มีโรงงานไหนที่ถูกใจกัวเหม่ยอิงเลย ไม่ว่าจะเป็นโรงงามขนาดใหญ่ โรงงานขนาดกลาง และโรงงานขนาดเล็กกัวเหม่ยอิงไม่ว่าอะไรหากเสื้อผ้าของเธอจะมาจากโรงงานขนาดเล็ก แต่ขอให้ผ้ามีคุณภาพและสามารถตัดเย็บได้ตามที่เธอต้องการก็พอ“อันที่จริงผมว่าจะพาไปดูกลุ่มแม่บ้านแต่คงจะไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะพาไปใหม่นะครับ” คุณลี่หวานขับรถมาส่งสองพี่น้องบ้านกัวที่หน้าโรงแรมกัวเหม่ยอิงพยักหน้าเบา ๆ “จะไม่รบกวนใช่ไหมคะ” วันนี้เธอก็รบกวนเขาทั้งวันแล้วคุณลี่หวานโบกมือปฎิเสธ “รบกวนอะไรกันครับผมเต็มใจ อีกอย่างพรุ่งนี้ร้านขายผลไม้ผมหยุดพอดี” เขาตอบ ถึงแม้จะต้องเข้าไปดูบัญชีแต่เขาก็สามารถตรวจตอนเย็นได้“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”กัวเหม่ยอิงว่าพลางลงจากรถ ตามด้วยพี่ใหญ่กัวที่แทบจะหลับแล้ว เนื่อ
ผักกาด ต้นหอม หัวไชเท้า และแครอทถูกตัดและขุดขึ้นมาหลังจากมันโตเต็มที่แล้ว จากนั้นก็นำไปล้างให้สะอาดเรียบร้อยก่อนจะถูกนำไปแช่ในน้ำเกลือ ผักรอบนี้ที่เก็บขึ้นมากัวเหม่ยอิงทำกิมจิทั้งหมด เพราะผักดองมันเหลือเก็บไว้อยู่ส่วนแปลงผักที่ว่างกัวเหม่ยอิงก็จัดการบำรุงดินอยู่สามวันถึงจะให้ลงเมล็ดผักรอบใหม่ และเน้นไปที่ผักกาดเอาไว้ทำกิมจิและวันนี้ก็เป็นวันที่กัวเหม่ยอิงกับพี่ใหญ่กัวจะเข้ามณฑลโดยที่จะเข้าแบบไม่มีกำหนดกลับ เนื่องจากจะหาโรงงานเย็บลวดลายเสื้อ ไหนจะหาเช่าขายเสื้อของเธออีกโดยเงินเก็บของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมามีมากถึงหนึ่งหมื่นกว่าหยวน จำนวนเงินนี้รวมกับที่เธอมีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่รวมเงินส่วนแบ่งทุกเดือนของลูกสาวหรือเงินที่ผู้ใหญ่ให้ในวันสำคัญของหล่อน อันนั้นกัวเหม่ยอิงก็แยกไว้อีกส่วน ไว้หล่อนโตจนบริหารเงินเองได้ถึงจะเอาคืนให้“เดี๋ยวฉันตามไปค่ะ”กัวเหม่ยอิงบอกกับพนักงานร้านขายผลไม้ร้านประจำที่เธอซื้อบ่อย ๆ ทันทีที่พวกเธอเข้ามาในตัวมณฑล หล่อนก็วิ่งมาบอกอย่างรู้งาน และมันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเธอเข้ามาคุณลี่หวานหรือเจ้าของร้านผมไม้จะให้พนักงานในร้านมาเชิญกัวเหม่ยอิงไปกินข้าวด้วยท
กิมจิถูกเปิดชิมหลังทำการเก็บไว้ถึงสองอาทิตย์ สำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วกลิ่นมันแปลกมาก ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่ามันจะกินไม่ได้ แต่เพราะได้ทำแล้วจะทิ้งก็เสียดายของ จึงตักขึ้นชิมดู และต่อให้มีกลิ่นที่แปลก รสชาติที่ไม่คุ้นลิ้น แต่มันก็ยังสามารถกินได้เพราะมันไม่เน่าเลยสิ่งแรกที่กัวเหม่ยอิงจะทำคือการทอดใส่ไข่ไก่ ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร กัวเหม่ยอิงจึงหั่นกิมจิผักกาดออกเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นก็นำไปใส่ไข่ไก่ที่ตีไว้แล้ว กัวเหม่ยอิงไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่ม เพราะอยากรู้รสชาติว่ามันจะเป็นยังไงส่วนกิมจิผักกาดที่เหลือก็ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเหมือนกัน เธอตักใส่จานไว้ มันเป็นเครื่องเคียงอาหารมื้อเช้าของวันนี้ โดยมีข้าวต้มปลาเป็นอาหารจานหลัก ส่วนกิมจิแครอทกับหัวไชเท้าหั่นฝอยกัวเหม่ยอิงชิมแล้วรสชาติมันถูกปากจึงนำไปผัดใส่น้ำมันพริกให้กลิ่นหอม“ผักดองเหรอครับ” เป็นหลี่หม่าฮัวที่ถามขึ้นมาเมื่อเคี้ยวถูกผักกาดในไข่แต่มันมีรสชาติที่ไม่คุ้นลิ้นกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “มันเป็นผักดองแบบใหม่ ฉันพึ่งทดลองทำขึ้นมาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว รสชาติเป็นยังไงบ้าง” ยอมรับว่าไข่เจียวกิมจิผักกาดมันถูกปากอยู่บ้าง แต่กัวเหม่ยอิงสนใจกิมจิแครอท
หลังจากแช่ผักไว้ครบ 2 ชั่วโมง กัวเหม่ยอิงก็นำผักกาดที่แช่ไว้มาใส่ชามที่เตรียมไว้ผสม ส่วนแครอทกับหัวไช้ท้าหั่นฝอยถูกแยกไว้อีกชาม เพราะกัวเหม่ยอิงแยกทำนอกจากผักยังมีเครื่องปรุงที่กัวเหม่ยอิงได้เตรียมไว้นั่นก็คือ แป้งข้าวเจ้า พริกป่นที่คั่วเก็บไว้ น้ำตาล เกลือ ขิงกับกระเทียมที่สับละเอียดต้มน้ำเปล่าด้วยไฟกลาง พร้อมกับเทแป้งข้าวเจ้าลงไปคนให้ละลายจนน้ำเริ่มข้น แล้วยกลงจากเตาเทใส่ชามเปล่าปรุงรสด้วยเกลือ พริก น้ำตาล คนผสมจนเข้ากันแล้วเทลงชามผัดกาด เติมขิง กระเทียมสับและต้นหอมลงไปนวดให้ผักกาดและเครื่องปรุงเข้ากัน กัวเหม่ยอิงก็เก็บใส่โหลแก้วที่ถูกทำความสะอาดแล้วส่วนแครอทกับหัวไชเท้าหั่นฝอยกัวเหม่ยอิงก็ทำเหมือนกันเพียงแค่ไม่ได้ใส่ต้นหอม เพราะเธอใส่ผักกาดขาวไปหมดไม่รู้ว่ากิมจิที่เธอลงมือทำครั้งแรกโดยที่ไม่เคยกินจะสำเร็จหรือเปล่า เพราะพริกที่ใช้ทำเป็นพริกจีน ไม่ใช่พริกแบบที่ใช้ทำกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บเอาไว้ในโหล รอดูอีก 2-4 สัปดาห์ว่ามันจะกินได้ไหมหลังจากทำกิมจิเสร็จ หน้าที่ของกัวเหม่ยอิงก็ต้องล้างทำความสะอาด แล้วไปช่วยผู้เป็นพี่สาวฝานกล้วยที่จะนำไปตากแดด รอทอดใส่โหลวางขาย ซึ่งตอนนี้กั
บ้านสามสกุลหานลอยตัวเหนือข่าวที่บ้านใหญ่เอาที่ดินไปขาย แม้ภายหลังจะมีผู้อาวุโสของหมู่บ้านเข้ามาสอบถาม พวกเธอก็ตอบแค่ที่รู้เท่านั้น และปฎิเสธที่จะขายที่ดินต่อ เนื่องจากจะยกให้น้องชายสาม“เธออยู่พอดีเลย มานี่หน่อย”กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่ยืนนิ่ง จากนั้นก็เอากระดาษที่เอามาจากในอำเภอออกจากกระเป๋าผ้ากับเสื้อยืดสีขาวและสีดำอย่างละตัว “นี่เป็นลวดลายที่ฉันต้องการเย็บลายแบบนี้ เธอสามารถทำได้ไหม ลายไหนก็ได้ใน 5 ลายนี้ หรือถ้าไม่เข้าใจก็สามารถอ่านรายละเอียดได้” กัวเหม่ยอิงอธิบายเมื่อพาสะใภ้รองเข้าห้องตัดเย็บผ้าของบ้านสะใภ้รองนั่งลงประจำเก้าอี้ที่หล่อนเข้ามาบ่อย ๆ ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาดู มันเป็นรูปลวดลายที่พี่สะใภ้อยากให้เย็บเพิ่มเติมในเสื้อยืด พร้อมกับรายละเอียดอย่างชัดเจน และยังดีที่หล่อนอ่านหนังสือได้แล้ว มันจึงไม่ใช่ปัญหา“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะถูกใจพี่ไหมเพราะฉันไม่เคยทำเสื้อยืด อีกอย่างเสื้อยืดสีดำคงจะมีแค่ด้ายสีขาวที่ใช้ได้” เพราะถ้าใช้สีอื่นมันจะไม่เข้ากัน“ได้ แล้วก็ไม่ต้องเร่งเย็บก็ได้” กัวเหม่ยอิงบอกเธอสั่งให้พี่ชายทำราวไม้กับไม้แขวนเสื้อให้ก่อนที่จะเปิดร้าน เวลาขายเสื้อ