“น่าเสียดายที่กู้รั่วอวิ๋นหนีไปได้ สั่งให้คนของเราตามจับนางมาให้ได้ ต่อให้นางออกไปนอกด่านแล้วก็ตาม สกัดกั้นสายลับที่จะส่งสารให้องค์รัชทายาทและกู้เฟิงที่เมืองหลวง ไปพาฉีเป่ามา”ไม่นานฉีเยี่ยนกลับมาพร้อมกับอินทรีดำขนาดใหญ่ ที่เซียวอี้เหิงฝึกมันมาด้วยตัวเองสัญชาตญาณนักล่าของมันมีอยู่เต็มเปี่ยมไม่ยอมก้มหัวให้ใครเพราะมันถือว่าตนเองเป็นเจ้าแห่งท้องนภา ยกเว้นกับเซียวอี้เหิงคนเดียวที่มันยอมรับเป็นนาย แม้แต่กับฉีเยี่ยนที่ทำหน้าที่ดูแลมันมาตั้งแต่ยังเล็กยังต้องระวังการโจมตีทีเผลอเซียวอี้เหิงลูบขนที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีของฉีเป่าเบาๆ แล้วป้อนเนื้อไก่สดให้มันอย่างเอาใจ เขาใส่กระดาษไว้ที่กระบอกเล็กที่ขาของมัน ฉีเป่าเหมือนรับรู้โดยสัญชาตญาณ ว่ามันต้องทำหน้าที่ของตน มันร้องเสียงแหลมหนึ่งทีเหมือนจะบอกเซียวอี้เหิงว่าให้วางใจได้ เมื่อส่งฉีเป่าออกไปแล้วเซียวอี้เหิงจึงตรงไปที่คุกใต้ดิน“อย่าให้เขาตาย รักษาเอาไว้แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย”เซียวอี้เหิงมองดูกู้ห้าวเหวินที่ตอนนี้ไม่มีราศีของแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเลยสักนิด เขาเหมือนชายวัยกลางคนที่กำลังใกล้ตายมากกว่า เมื่อสั่งหมอทหารเสร็จแล้ว เขาก็กลับออกมาด้านนอ
เซียวเทียนฉีเดินตรงมาที่หน้าโต๊ะทรงงานของหยวนหมิงฮ่องเต้เพื่อคุกเข่าคารวะ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำความเคารพแท่นฝนหมึกก็ลอยมาที่หัวของเซียวเทียนฉีอย่างแม่นยำ เลืออาบหน้าของเขาทันที ขันทีหลีที่เห็นดังนั้นถึงกับตกใจ ฝ่าบาทตีองค์ชายที่ตนเองรักที่สุด เขาได้เห็นในสิ่งทีไม่ควรเห็นเข้าเสียแล้ว“สำนึกผิดหรือยัง เจ้าลูกอกตัญญู” หยวนหมิงฮ่องเต้ตะโกนด่าเขาลั่นห้อง“ไม่ทราบว่าลูกทำสิ่งใดผิดพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อโปรดบอกลูกให้เข้าใจ”หยวนหมิงฮ่องเต้ขว้างถ้วยชาที่อยู่ใกล้มือที่สุดไปที่เซียวเทียนฉีอีกครั้ง มันตกกระทบพื้นแตกกระจาย มีเศษของแก้วกระเด็นขึ้นมาบาดที่ใบหน้าของเขาจนเลือดออก“ยังจะมาทำไขสือ เรามีทั้งหลักฐานและพยานว่าเจ้าสมคบคิดกับรัชทายาทแคว้นฉู่เพื่อก่อสงครามขึ้น ไหนเจ้าลองหาเหตุผลดีๆ มาสักข้อให้เราไม่ต้องปลดเจ้าออกจากตำแหน่งรัชทายาทที”เซียวเทียนฉีหนังศรีษะชาวาบหลังจากที่ได้ยินหยวนหมิงฮ่องเต้พูดว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่งรัชทายาท“ใครเป็นคนบอกเสด็จพ่อว่าลูกสมคบคิดกับแคว้นฉู่เพื่อก่อสงคราพ่ะย่ะค่ะ หรือจะเป็นเสด็จอาชินอ๋อง เสด็จพ่อรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้ใส่ความลูกหรือแท้จริงเขาอาจหวังบัลลังที่เป็น
เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูออกไปพบว่าคนที่มาเคาะประตูคือหลู่หลิงเซียน“คุณหนูหลู่ ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ” เสี่ยวหลันจื่อคิดว่าตั้งแต่วันนั้นนางน่าจะเลิกราไปเล้วไม่คิดว่าจะยังมาที่นี่อีก“เจ้าไม่คิดจะเชิญข้าเข้าไปข้างในหน่อยหรือ”เสี่ยวหลันจื่อเบี่ยงตัวหลบให้นางเข้ามาด้านใน เมื่อเข้ามานั่งที่ห้องโถงเรียบร้อยแล้ว หลู่หลิงเซียนเป็นคนกล่าวขึ้นก่อน“ที่ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องเจ้าบางอย่าง”หลู่หลิงเซียนเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหลันจื่อคิดอะไร จึงชิงออกตัวก่อน“ดูเหมือนเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกันจนสามารถไปมาหาสู่ ข้าเองก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นจะช่วยอะไรคุณหนูหลู่ได้กัน”หลู่หลิงเซียนขยับตัวอย่างอึดอัด“ความจริงข้ากำลังจะแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รัก และมีเรื่องบางอย่างที่ข้ายังติดใจอยู่ สามีของเจ้าผู้นั้นเป็นใครกันแน่”เสี่ยวหลันจื่อมองหลู่หลิงเซียนอย่างครุ่นคิด“เจ้ารู้อะไรมา” เสี่ยวหลันจื่อถามนาง“ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน การค้าของตระกูลหลู่เหมือนจะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น เดิมทีตอนแรกข้าคิดว่าเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นแต่นึกไม่ถึงว่าถึงขั้น ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องล้มป่วยลง ตระกูลห
ในตอนสายสองผู้เฒ่ากลับมาที่เรือนเห็นฉีเหลยนั่งอยู่ที่ห้องโถงก็รีบเข้าไปทักทายทันที“เจ้าหนุ่มเหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าเจ้าพึ่งไปชายแดนเมื่อเดือนก่อนหรือเหตุใดกลับมาที่นี่อีกแล้วเล่า เจ้านี่ช่างทุ่มเทให้กับงานเหลือเกินคราวนี้มาด้วยเรื่องอะไรล่ะ หรือว่ามีความลับอะไรที่ต้องมาบอกพวกเราอีกหรือ ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทถูกคุมขังไปแล้วหรืออย่างไร”ผู้เฒ่าหลิวซักฉีเหลยยาวเหยียดอย่างอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนสายลับเข้าไปทุกที ตอนนั้นเขายังเคยรู้เรื่องที่เป็นความลับระดับแคว้นเชียวนะ ช่างน่าปลาบปลื้มใจเสียจริงเหมือนกับว่าเขาเป็นคนสำคัญอย่างไรอย่างนั้นผู้เฒ่าหลิวทำท่าทางฝันเคลิ้มอยู่ในภวังค์คนดียว แม่เฒ่าสวีมองสามีของนางอย่างหมั่นไส้ สักวันตาเฒ่านี่คงได้ตายเพราะชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านเป็นแน่ แม่เฒ่าสวีไม่สนใจคู่ยากของตนหันมาหาฉีเหลยมองอย่างจับผิดนางกลัวว่าครั้งนี้จะมีเรื่องอีกฉีเหลยทำหน้าเหมือนกลืนหวงเหลียนเข้าไป จะทำอย่างไรได้พอเขาไปถึงที่ชายแดน ท่านอ๋องก็สั่งให้เขาติดตามกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้งเกิดเป็นฉีเหลยช่างทรมานยิ่งนัก ก้นของเขาด้านหมดแล้วเพราะขี่ม้ากลับไปกลับมาไม่ได้หย
เซียวอี้เหิงวางเสี่ยวหลันจื่อเอาไว้ที่เก้าอี้ในห้องโถงของเรือน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เพราะท่านตากับท่านยายไปที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านตั้งแต่เช้าแล้ว น่าจะเป็นเรื่องการแต่งงานของหลิวหลี ถ้าจะให้พูดคือหัวหน้าหมู่บ้านเป็นลูกชายของพี่ชายผู้เฒ่าหลิวดังนั้นหลิวหลีจึงนับเป็นญาติของผู้เฒ่าหลิวเช่นกัน“ฉีหลิงตอนนี่เจ้าอายุเท่าไหร่” เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งเรียบร้อยแล้วหันมาซักทันทีที่ฉีหลิงเดินตามเข้ามาในเรือน“อายุสิบเจ็ดเจ้าค่ะ” ฉีหลิงตอบทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่“เจ้ายืนคุยกับข้าได้หรือไม่ คุกเข่าเช่นนี้ข้าจะคุยกับเจ้าได้สะดวกได้อย่างไร” เสี่ยวหลันจื่อสั่งนาง ฉีหลิงมีท่าทีลังเล มองไปที่เซียวอี้เหิงอย่างหวาดๆ นางรู้ว่าพระชายานั้นใจดีขนาดไหน แต่กับนายเหนือหัวของพวกเขาแล้วต่างไม่กล้าล่วงเกิน“เจ้าทำตามที่นางบอกเถอะ ต่อไปนี้ทุกเรื่องของเจ้าสองพี่น้องข้าจะยกให้พระชายาเป็นคนดูแล นางสั่งอะไรเจ้าก็ทำตาม” เซียวอี้เหิงสั่งเสียงเรียบ“เพคะ” ฉีหลิงลุกขึ้นยืนแต่ยังคงก้มหน้า พวกเขาถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ที่เริ่มเข้าฝึกเป็นองครักษ์เงาว่าห้ามมองหน้าเจ้านายเมื่ออยู่ต่อหน้า“ฉีหลิงตั้งแต่นี้ไปเจ้าสองพี่น้องมาเป็นคนของข้าเจ้าย
อาหารมื้อเย็นผ่านไป เสี่ยวหลันจื่อรั้งผู้เฒ่าทั้งสองเอาไว้เพื่อคุยเรื่องที่นางจะกลับไปที่จวนชินอ๋อง และเสี่ยวหลันจื่อต้องการให้ท่านตากับท่านยายไปอยู่ที่นั่นกับนางด้วย“ท่านตาท่านยายเจ้าคะข้ามีเรื่องจะปรึกษากับกับท่านทั้งสอง ตอนนี้ครรภ์ของข้าก็เกือบจะแปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะคลอดเด็กสองคนนี้ ท่านอ๋องอยากให้ข้าไปคลอดที่เมืองหลวงเพราะที่นั่นมีหมอตำแยและยังมีหมอหลวงที่เก่งกว่าที่นี่ อีกทั้งเพราะข้าต้องคลอดทีเดียวถึงสองคนเขาจึงรู้สึกไม่วางใจ แต่ข้าไม่อยากไปอยู่ที่นั่นคนเดียวข้ากลัวว่าตัวเองจะเหงาและตอนที่ข้าคลอดข้าอยากให้ท่านทั้งสองอยู่เคียงข้างข้า จะทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ ท่านทั้งสองไปกับข้านะเจ้าคะ”เสี่ยวหลันจื่อใช้เสียงออดอ้อนสุดฤทธิ์ นางกลัวว่าผู้เฒ่าทั้งสองจะตัดใจทิ้งบ้านเกิดของตนเพื่อไปกับนางไม่ได้“ได้สิ เจ้าเป็นหลานเพียงคนเดียวของข้า ต่อให้เจ้าไม่ขอร้องข้ากับตาแก่นี่ก็จะต้องตามเจ้าไปแน่นอน จื่อเอ๋อเจ้าสบายใจได้และคลอดเด็กทั้งสองคนออกมาอย่างปลอดภัยเถอะ”เสี่ยวหลันจื่อโน้มตัวไปกอดแม่เฒ่าสวีเเละใช้ใบหน้าถูไถที่ไหล่ของนางอย่างที่ชอบทำประจำ แต่เซียวอี้เหิงดึงนางออกมาแล้วอุ้มนางเข้าห้องไ
หลังจากที่พูดคุยกับหลิวหลีและปลอบใจนางเล็กน้อยเสี่ยวหลันจื่อก็กลับมาที่เรือนของนาง เมื่อฉีหลิงเปิดประตูเรือนทั้งสองก็เห็นเซียวอี้เหิงที่ยืนใบหน้าถมึงทึงอยู่ที่ลานบ้าน“ไปไหนมาอีกแล้วเจ้าตัวดี ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าให้ระวังอย่าเที่ยวออกไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเจ้าข้าจะทำอย่างไร เหตุใดถึงได้ดื้อดึงเหมือนเด็กเล็กเช่นนี้”เซียวอี้เหิงดุเสี่ยวหลันจื่อเสียงอ่อน เขาไม่รู้แล้วว่าจะรับมือกับนางอย่างไรดี ดุก็ไม่ได้ตีก็ไม่ได้ หากทำให้นางร้องไห้ก็เป็นเขาซะเองที่เจ็บปวด เสี่ยวหลันจื่อยืนก้มหน้าท่าทางหูลู่หางตกเหมือนเสี่ยวหงตอนที่โดนดุ ดูน่าสงสารยิ่งนักเซียวอี้เหิงถอนหายใจ ท่าทางเช่นนี้มีหรือเขาจะใจแข็งกับนางได้“ช่างเถอะๆ ข้าไม่ดุเจ้าแล้วเลิกทำท่างทางเหมือนเสี่ยวหงเสียที มานี่มาข้างนอกอากาศยังหนาวเย็นอยู่เข้าไปในเรือนเถอะอย่าอยู่ตรงนี้เลยเดี๋ยวจะไม่สบาย”เสี่ยวหลันจื่อเดินก้มหน้าไปหาเซียวอี้เหิงเกาะแขนเขาทำท่าทางเหมือนยังเศร้าอยู่ แต่ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ภายใต้แพขนตาหนาของนางกลับเปล่งประกายซุกซน ตอนที่เดินตามเซียวอี้เหิงไปเสี่ยวหลันจื่อยังหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ฉีหลิง ท่าทางทั้งหม
เมื่อข้ารับใช้ในเรือนมารวมตัวกันที่เรือนหลักของเซียวอี้เหิงเรียบร้อยแล้ว เซียวอี้เหิงประคองเสี่ยวหลันจื่อเดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าทุกคนนางเงยหน้ามองเซียวอี้เหิงว่าเขากำลังจะทำอะไร ทุกคนในจวนชินอ๋องต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวหลันจื่อชัดๆ นางคือนางกำนัลที่ถูกส่งมาโดยไทเฮานั่นเองพวกเขาต่างทำสีหน้าหวาดกลัว มิใช่ว่านางถูกท่านอ๋องฆ่าไปแล้วหรือในตอนนั้น นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แถมตอนนี้นางยังตั้งครรภ์อยู่ เสียงวิจารณ์ของเหล่าข้ารับใช้เริ่มดังขึ้น“พวกเจ้าคงจะสงสัยว่าเหตุใดพระชายาของข้าถึงมีใบหน้าเหมือนกับอวี้ซูเหยาใช่หรือไม่ ถึงแม้นางจะมีใบหน้าที่เหมือนกันมากเช่นไรแต่นางคือคนละคน ที่นั่งอยู่ต่อหน้าของพวกเจ้าคือพระชายาเพียงคนเดียวของข้า นามของนางคืออวี้หลันจื่อ ข้าขอห้ามทุกคนพูดเรื่องของอวี้ซูเหยาอีกไม่ว่ากรณีใดก็ตามถ้าหากว่ามีใครที่ไม่ทำตามคิดต่อต้านคำสั่งของข้า จะต้องถูกลงโทษขั้นสูงสุดตามกฏของจวนชินอ๋อง”เมื่อได้ยินเช่นนั้นข้ารับใช้ต่างหวาดกลัวไม่มีใครกล้าปริปากแม้แต่คนเดียวใครเล่าจะกล้าเหิมเกริมต่อต้านคำสั่งของท่านอ๋อง“อีกอย่างหากมีใครคิดไม่ซื่อกับข้าเหมือนที่อวี้ซูเหยาท
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย