จ้าวซวี่ไป๋ได้ยินถ้อยคำนี้ก็เข้าใจสาเหตุแล้ว ท่าทีตอบสนองแปลกประหลาดของเฉียนชิ่งเหมียวยามเอ่ยถึงชุดกระโปรงสีชมพูนั้น ก็เพราะนางเห็นแล้ว!นางจำได้ว่าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของตน ทว่านางไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของนาง“เป็นนาง! จะต้องเป็นนางแน่!”เฉิงเฉินได้ยินคำพูดของจ้าวซวี่ไป๋จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เจ้าเองก็คิดว่าเป็นนางหรือ?”“ท่านป้า ความสัมพันธ์พี่สาวน้องสาวสกุลไป๋ไม่ดีหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยขมวดคิ้ว สุ้มเสียงกลับเจือความรู้สึกเหลือจะเชื่อหลายส่วน พี่ชายน้องชายสามัคคีกัน พี่สาวน้องสาวรักใคร่กลมเกลียว แต่ไหนแต่ไรมานี่คือภาพที่ทุกคนล้วนอยากเห็นเพียงแต่พี่ชายน้องชายไม่ลงรอยกัน พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นไม่น้อย แต่ต่อให้พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน กลับฆ่าแกงกันน้อยมากยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเฉียนชิ่งเหมียวเพิ่งอายุเท่าใด เฉียนหย่าหลินเองก็แค่สิบขวบ เหตุใดนางโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้?“เฉียนหย่าหลินใจแคบมาโดยตลอด ไม่มีเมตตา ส่วนเหมียวเหมียวว่านอนสอนง่ายรู้ความ ปีนั้นบิดามารดาสกุลเฉียนชอบเหมียวเหมียวมากกว่าจริงๆ”นายหญิงจ้าวพูดพลางย้อนนึกถึงสถานการณ์ในปีนั้น “ทว่านับตั้
ทว่าเขาเองก็รับปากต่อหน้าบิดาและท่านตาแล้ว เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านวางแผนพูดกับฮองเฮา?”หากทำตามที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ บอกความคิดที่แท้จริงของเขาให้ฮองเฮาฟัง น่ากลัวว่าฮองเฮาจะต้องโมโหแทบตายแน่“ยามอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้าเคยพูดปดด้วยหรือ?”สีหน้าฉู่จวินถิงตรงไปตรงมา อันที่จริงเขาคิดไว้อย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว ชาตินี้เขาจะมีชีวิตเพื่อตนเอง“เจ้าวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีเอง ไม่มีวันส่งผลกระทบต่อเจ้า อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อสกุลซ่ง”คล้ายมองความกังวลของซ่งรั่วเจินออก ฉู่จวินถิงเอ่ยปากสีหน้าจริงจัง ราวกับให้คำมั่นสัญญา หากแม้แต่เรื่องนี้เขาก็จัดการได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรกับรั่วเจินจริงๆเห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินไม่ถามมากนัก นางรู้ความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ของฉู่จวินถิง ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ เชื่อว่าไม่มีอันใดให้กังวลสกุลเฉียนพิธีกรรมลึกลับอย่างเป็นทางการกำลังดำเนินอยู่นายหญิงเฉียนมองป้ายวิญญาณของเฉียนชิ่งเหมียวตรงหน้า ร้องไห้จนตาแดงทั้งสองข้าง“เหมียวเหมียว เจ้าอย่ากลัวไปเลย รอเจ้าแต่งงานแล้วก็จะมีคนดูแลอยู่ข้างกาย ก็คือพี่ซวี่ไป๋ที่เจ้าชอบตั้งแต่เด็กอย่
นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินกลับมาเมื่อวานก็กังวลใจอยู่ตลอด นางรู้ฝีมือของซ่งรั่วเจินนังแพศยาคนนั้นดีต่อให้ไม่เต็มใจยอมรับ กลับสามารถรับรู้ได้ว่าฝีมือนางไม่ธรรมดาผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเหล่านั้น นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าสกุลจ้าวถึงขั้นเชิญซ่งรั่วเจินไปช่วยบัดนี้ให้เหมียวเหมียวแต่งงานกับจ้าวซวี่ไป๋ได้อย่างยากลำบาก หากถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้ นี่ยังจะไม่จบสิ้นอีกหรือ?“หย่าหลิน เจ้าพูดหมายความว่าอันใด?”นายหญิงเฉียนมองเฉียนหย่าหลินอย่างสงสัย สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กน้อย “ใช่หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น? เจ้ารีบพูดเถอะ!”นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินเสียตำแหน่งพระชายาเช่ออ๋องไป ช่วงนี้ก็มักเดินทางกลับมาบ่อยๆ หนำซ้ำยังฉวยโอกาสไปสืบสถานการณ์ของสกุลจ้าว แม้แต่เรื่องแต่งงานผีเพื่อเหมียวเหมียวก็เป็นหย่าหลินเสนอออกมานางคิดว่าลูกสาวคนนี้อุปนิสัยไม่ดี ปกติมักโวยวาย แต่ยังสามารถคิดถึงน้องสาว หวังว่าน้องสาวที่ตายไปจะรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ภายในใจเองก็ดีขึ้นมาก“เมื่อวานตอนข้าไปสกุลจ้าว บังเอิญได้พบอวิ๋นอ๋องเชิญซ่งรั่วเจินไป ดังนั้นข้าจึงกังวลจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ”“หลายปีมานี้น้องหญิงอยู่อย่า
ทว่าท่าทีตอบสนองของคนผู้นี้เชื่องช้ามากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทำลาย ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ หากตอนนี้ยังฝืนต่อไป ด้วยฝีมือระดับนั้น จะต้องกระอักโลหิตอย่างแน่นอนจู่ๆ เสียงชวนให้คนสกุลเฉียนตกตะลึงก็ดังขึ้น หันหน้าก็มองเห็นคนสกุลจ้าวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ยามใด“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดไม่มีคนแจ้ง?” นายหญิงเฉียนร้อนใจแทบแย่จากนั้น นายหญิงจ้าวก็ถลันเข้าไปตบหนึ่งฉาด “เจ้า นังแพศยาคนนี้ ถึงขั้นคิดเอาชีวิตลูกชายของข้า วันนี้ข้าขอสู้กับเจ้า!”เพราะก่อนหน้านี้ได้รู้ว่าคนสกุลเฉียนกำลังทำพิธี ดังนั้นตอนนายหญิงจ้าวมาจึงพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย นับตั้งแต่เข้าสกุลเฉียนจึงไม่มอบโอกาสให้พวกเขาแจ้งข่าวไม่ผิดไปดังคาด เพียงเข้ามาก็ได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ ส่วนหุ่นผู้ชายกระดาษทางด้านข้างก็เขียนเวลาตกฟากของลูกชายบ้านตนเอาไว้นางมีลูกชายเพียงคนเดียว เห็นเป็นแก้วตาดวงใจมาโดยตลอด ปรากฏว่าเฉียนฮูหยินที่ปกติมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับนาง ลับหลังฝีมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!อีกเพียงนิดเดียว ลูกชายของนางก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!พวกซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่านายหญิงจ้าวจะดุดันเช่นนี้ หลังเข้ามาแล้ว
สีหน้าเฉียนหย่าหลินแข็งทื่อดุจเหล็ก “เจ้าเป็นตัวอะไรกัน? บ่าวคนหนึ่ง ถือสิทธิ์อะไรมาขวางข้า?”จากนั้น อวิ๋นหยางเผชิญหน้ากับคำถามนี้ สายตากลับไม่เปลี่ยนไป คนที่องค์ชายของพวกเขาต้องการขวางไว้ ผู้ใดก็อย่าคิดจะจากไปได้!“นี่ไม่ใช่ชายารองเฉียนหรือ? พ่อแม่เจ้าตีกันแล้ว เป็นลูกสาวไม่ไปช่วย เหตุใดถึงคิดหนีเล่า?” ซ่งรั่วเจินพูดเย้าเสียงเรียบเฉียนหย่าหลินว้าวุ่นใจอย่างมาก ใบหน้ากลับเย่อหยิ่ง “ข้าทำเยี่ยงไรเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ยุ่งมากเกินไปแล้วกระมัง!”สีหน้าซ่งรั่วเจินเย็นชาเรียบเฉย เฉียนหย่าหลินมีอุปนิสัยเย่อหยิ่งไม่ผิดไปดังคาด โดยเฉพาะหลังได้รู้สาเหตุการตายของเฉียนชิ่งเหมียวแล้ว ก็รู้ว่ากระดูกคนผู้นี้เน่าเฟะไปแล้ว“ไม่จำเป็นต้องมีโทสะกับคนเช่นนี้ ไม่คู่ควร” สายตาฉู่จวินถิงสะท้อนแววรังเกียจ สุ้มเสียงเรียบเฉยเฉียนหย่าหลินรู้ว่าฉู่จวินถิงดูเบานางมาโดยตลอด แต่อย่างน้อยเมื่อก่อนก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนถึงเพียงนี้ ทว่าบัดนี้เป็นเพราะซ่งรั่วเจินจึงไม่เห็นพี่สะใภ้อย่างนางอยู่ในสายตา!“ซ่งรั่วเจิน เจ้าก็แค่อาศัยฉู่อ๋องคอยหนุนหลังถึงเย่อหยิ่งโอหังเช่นนี้มิใช่หรือ? ความ
นายหญิงจ้าวถ่มน้ำลาย พวกเขาช่างอับโชคโดยแท้ ถึงขั้นถูกพวกสวะเหล่านี้ตามรังควานอยู่ได้!นายท่านเฉียนได้ยินถ้อยคำนี้ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “คำนี้ของพวกเจ้าหมายความว่าอันใด?”“ปีนั้นคนที่ทำร้ายเหมียวเหมียวจนตายเป็นลูกสาวตัวดีของพวกเจ้า!” นายท่านจ้าวพูดด้วยสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก“ลูกสาวของพวกเรา?” นายหญิงเฉียนอึ้งงัน จากนั้นสบถด่าออกมา “พวกเจ้ายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่? เพื่อปัดความรับผิดชอบ แม้แต่ถ้อยคำเช่นนี้ก็พูดออกมาได้!”สายตานายหญิงจ้าวเปี่ยมความเย้ยหยัน “เฉียนหย่าหลินอุปนิสัยเยี่ยงไรพวกเจ้าไม่รู้หรือ? ใจคอโหดร้ายตั้งแต่เด็ก แม้แต่ตอนที่เหมียวเหมียวยังอยู่ นางทำเรื่องเพราะความริษยาออกมาน้อยกระนั้นรึ?”“ที่ผ่านมาไม่ใช่เจ้าเล่าให้ข้าฟังว่าเหมียวเหมียวเพิ่งเปลี่ยนชุดกระโปรงก็สกปรกแล้ว บ้างก็ปิ่นปักผมที่เจ้ามอบให้นางหายไป”“เจ้าพูดไปทุกคำว่าสาวใช้มือเท้าไม่สะอาด แต่เจ้าเปลี่ยนสาวใช้คนแล้วคนเล่า หรือว่าเจ้าที่เป็นแม่ไม่รู้จริงๆ ว่าคนทำเรื่องพรรค์นี้เป็นใคร?”นายหญิงเฉียนหลบเลี่ยงสายตา นางย่อมรู้ว่านี่เกิดอันใดขึ้น เพียงแต่เรื่องฉาวโฉ่ภายในบ้านไม่อาจแพร่งพรายออกไป อีกทั้งยังคิดว่าตอนนั
“วันนั้นข้าเห็นกับตาตัวเองว่าเฉียนหย่าหลินปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้ๆ นางวิ่งหนีไปอย่างลนลาน ตอนนั้นข้าพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ” เฉิงเฉินกล่าว“พวกเจ้าพูดเหลวไหล!” เฉียนหย่าหลินร้อนใจเสียแล้ว หันไปพูดกับบิดามารดาว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอย่าไปฟังพวกเขานะเจ้าคะ พวกเขาอยากปัดความรับผิดชอบจึงจงใจพูดเช่นนี้!”เฉิงเฉินกลับมีสีหน้าจริงจัง “เรื่องในปีนั้น ทางการก็สืบสวนแล้ว ตอนนั้นข้าพูดถึงเรื่องนี้ในคำให้การ พวกท่านสามารถไปหาคำให้การในปีนั้นที่ศาลาว่าการได้ เพียงอ่านก็จะทราบเอง!”เขาจำเรื่องในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ตอนพูดออกมายังถูกคนในครอบครัวตำหนิเอายกหนึ่ง บอกว่าเขาพูดจาเหลวไหล ดังนั้นต่อมาเขาจึงไม่ได้พูดถึงอีกเมื่อครู่ได้ยินท่านป้าจ้าวบอกว่าเฉียนหย่าหลินเคยทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นมาตั้งแต่สมัยเด็ก เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าตอนนั้นตนเองไม่ได้ดูผิด ผู้ร้ายสังหารคนก็คือเฉียนหย่าหลิน!“หย่าหลิน เจ้าไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้ใช่หรือไม่?” นายหญิงเฉียนพุ่งไปตรงหน้าเฉียนหย่าหลิน ในดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนรน นางไม่เชื่อว่าลูกสาวจะทำเรื่องพรรค์นี้เฉียนหย่าหลินส่ายหน้าติดต่อกัน สีหน้าแลดูบริสุทธิ์ยิ่ง “แน่นอนส
“อะไรกัน? คงไม่ได้ร้อนตัวจึงไม่กล้าหรอกนะ?” ฉู่อวิ๋นกุยพูดเสียดสี“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเขาจงใจให้ร้ายข้า พวกท่านอย่าไปฟังพวกเขาพูดนะเจ้าคะ”เฉียนหย่าหลินมองไปทางนายท่านเฉียนและนายหญิงเฉียนด้วยความร้อนใจ ทว่าชั่วขณะนี้ หัวใจของนายท่านเฉียนและนายหญิงเฉียนล้วนเย็นเฉียบไปหมดแล้วแม้นางจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ท่าทีในเวลานี้ของนางก็บ่งบอกทุกอย่างแล้วนางกำลังร้อนตัวและหวาดกลัว“หย่าหลิน เหมียวเหมียวเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า ตอนนั้นเจ้าอายุแค่สิบขวบ ทำเรื่องโหดร้ายอำมหิตเช่นนั้นลงไปได้อย่างไร?”แววตานายท่านเฉียนเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าเฉียนหย่าหลินมีนิสัยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ สิ่งเหล่านี้ในสายตาเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ขอแค่พวกเขาให้อภัยและอดทนอดกลั้นหน่อยก็พอแล้วแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่านางจะสามารถลงมือโหดเหี้ยมต่อน้องสาวแท้ๆ ได้เช่นนี้!“ไม่ ข้าเปล่านะ” เฉียนหย่าหลินส่ายหน้าไปมาซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่ยอมพูดความจริงอีก เห็นทีคงได้แต่ใช้มาตรการเล็กน้อยเสียแล้ว”ทันใดนั้นก็เห็นซ่งรั่วเจินเขียนยันตร์แผ่นหนึ่งออกมากลางอากาศ จุดแต้มรัศมีสีทองพลันปราก
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ