“อะไรกัน? คงไม่ได้ร้อนตัวจึงไม่กล้าหรอกนะ?” ฉู่อวิ๋นกุยพูดเสียดสี“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเขาจงใจให้ร้ายข้า พวกท่านอย่าไปฟังพวกเขาพูดนะเจ้าคะ”เฉียนหย่าหลินมองไปทางนายท่านเฉียนและนายหญิงเฉียนด้วยความร้อนใจ ทว่าชั่วขณะนี้ หัวใจของนายท่านเฉียนและนายหญิงเฉียนล้วนเย็นเฉียบไปหมดแล้วแม้นางจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ท่าทีในเวลานี้ของนางก็บ่งบอกทุกอย่างแล้วนางกำลังร้อนตัวและหวาดกลัว“หย่าหลิน เหมียวเหมียวเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า ตอนนั้นเจ้าอายุแค่สิบขวบ ทำเรื่องโหดร้ายอำมหิตเช่นนั้นลงไปได้อย่างไร?”แววตานายท่านเฉียนเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าเฉียนหย่าหลินมีนิสัยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ สิ่งเหล่านี้ในสายตาเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ขอแค่พวกเขาให้อภัยและอดทนอดกลั้นหน่อยก็พอแล้วแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่านางจะสามารถลงมือโหดเหี้ยมต่อน้องสาวแท้ๆ ได้เช่นนี้!“ไม่ ข้าเปล่านะ” เฉียนหย่าหลินส่ายหน้าไปมาซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่ยอมพูดความจริงอีก เห็นทีคงได้แต่ใช้มาตรการเล็กน้อยเสียแล้ว”ทันใดนั้นก็เห็นซ่งรั่วเจินเขียนยันตร์แผ่นหนึ่งออกมากลางอากาศ จุดแต้มรัศมีสีทองพลันปราก
ปีนั้นเพราะเรื่องของเหมียวเหมียว ภรรยาของเขาเสียใจอย่างหนักจนร่างกายทรุดโทรม หลังจากนั้นก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกเลยช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเขาเข้าใจว่านี่เป็นผลกรรมของพวกเขาสามีภรรยาที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวให้ดี ทำให้นางต้องตายไปอย่างน่าอนาถตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาโทษทั้งหมดนี้ว่าเป็นความผิดของสกุลจ้าว มีแต่ทำเช่นนี้จิตใจพวกเขาจึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ยามนี้กลับได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำของลูกสาวคนดีที่พวกเขาเลี้ยงดูมาคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยทำลงไปในตอนนี้ พวกเขาช่างโง่งมยิ่งนัก!“ไม่แปลกใจเลยที่พวกท่านเลี้ยงลูกสาวคนดีเช่นนี้ออกมาได้ ทั้งบ้านมีแต่พวกไม่แยกแยะดีชั่ว!”แววตานายหญิงจ้าวเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เพียงคิดว่าหลายปีที่ผ่านมาเพราะรู้สึกผิดต่อเหมียวเหมียว ไม่ว่าสกุลเฉียนจะล้ำเส้นอย่างไร พวกเขาล้วนอดทนอดกลั้นเพราะว่าหลังสูญเสียเหมียวเหมียวไป นายหญิงเฉียนก็จมอยู่ในความเศร้าเสียใจ สุดท้ายก็ทำร้ายสุขภาพจนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ส่วนนางก็ไม่ตั้งครรภ์อีกเลยหลังให้กำเนิดซวี่ไป๋ ทุกคนล้วนพูดกันว่าเป็นผลกรรมของพวกตนในใจนางไม่รู้ว่าเจ็บช้ำใจปานไหน แต่ก็รู้สึกว่าบางทีอาจกำลัง
“เรื่องแบบนี้ข้าเคยได้ยินมามากแล้ว แค่ฟังก็รู้ว่านางจะต้องจงใจแน่นอน ถึงได้ถูกวิญญาณอาฆาตตามรังควานตอนกลางคืน”“นางบอกว่าถ้าข้าสามารถหาวิธีแก้ไขได้ก็จะมอบเงินก้อนโตให้ข้า ถ้าข้าแก้ไขไม่ได้ก็จะฆ่าข้า ข้าไร้ทางเลือกถึงได้เสนอให้แต่งงานกับคนตาย”“แม่นางผู้นี้ตายไปตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนเล่นสมัยเด็กคนหนึ่ง ขอแค่แต่งงานกับคนตายสำเร็จก็คงจะไม่มารังควานนางต่อไปอีกแล้ว”“ข้า ข้าก็แค่อยากรักษาชีวิตไว้เท่านั้น! ถ้าไม่เชื่อพวกท่านดูบาดแผลบนลำคอข้าก็ได้ เป็นแผลตอนที่นางใช้มีดจ่อคอขู่ให้ข้ารับปากตอนก่อนหน้านี้”ไต้ซือรีบแหวกอาภรณ์ออก เผยให้เห็นรอยแผลตรงลำคอ นั่นเป็นบาดแผลที่ค่อนข้างสดใหม่แผลหนึ่ง“เจ้าพูดเหลวไหลใส่ร้ายข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”เฉียนหย่าหลินพรวดพราดเข้าไปหาราวกับเสียสติไปแล้วก็ไม่ปาน แต่กลับถูกฉู่อวิ๋นกุยถีบกระเด็น“เรื่องชั่วช้าที่ตัวเองทำเอาไว้ถูกเปิดโปงออกมาหมดแล้ว ยังมาแผลงฤทธิ์อยู่ตรงนี้อีก เจ้าว่าหลังจากเช่ออ๋องรู้เรื่องพวกนี้ที่เจ้าทำไปพวกนี้แล้ว ตำแหน่งชายารองของเจ้ายังจะรักษาไว้ได้อีกงั้นรึ?”นายท่านจ้าวมีสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ากล้าวา
ครั้นเช่ออ๋องได้ยินว่าฉู่จวินถิงเชิญเขาไปที่สกุลเฉียนก็มีสีหน้ากังขา“เจ้าฟังผิดไปหรือเปล่า? ฉู่อ๋องให้ข้าไปที่สกุลเฉียน? สกุลเฉียนบ้านเฉียนหย่าหลินน่ะรึ?”“ใช่แล้ว ท่านอ๋อง ตอนนี้ฉู่อ๋องรวมถึงอวิ๋นอ๋องล้วนอยู่ที่สกุลเฉียน ส่วนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้นกลับไม่กระจ่างนัก”“คนที่มาแจ้งข่าวเมื่อครู่คืออวิ๋นหยางคนสนิทข้างกายฉู่อ๋อง เพียงแจ้งว่าท่านไปแล้วก็จะทราบเอง”ฉู่เทียนเช่อขมวดคิ้วมุ่น เฉียนหย่าหลินเดิมก็เป็นตัวปัญหา เรื่องนี้เขารู้ดียิ่งแล้ว แต่เรื่องนี้เหตุใดจึงไปเกี่ยวข้องกับสกุลเฉียนด้วยเล่า?หรือว่า...เฉียนหย่าหลินจะวางอำนาจบาตรใหญ่ไปรังแกซ่งรั่วเจินอีกแล้ว?“บัดซบ นางคนชั้นต่ำนี่อยู่เฉยๆ บ้างไม่เป็นหรือไร?”ฉู่เทียนเช่อตีหน้าเย็นชา ในใจเริ่มบังเกิดความไม่พอใจต่อซ่งรั่วเจินด้วยเช่นกัน ถึงเฉียนหย่าหลินจะมีนิสัยป่าเถื่อน แต่ก็ไม่ถึงกับไปหาเรื่องซ่งรั่วเจินซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าตัวซ่งรั่วเจินเองก็คงมีปัญหาเหมือนกันวันนี้พอไปแล้ว เขาจะต้องพูดจาให้รู้เรื่องเสียหน่อยแล้ว!ระหว่างที่รอฉู่เทียนเช่อ นายหญิงเฉียนก็ขอขมาต่อคนสกุลจ้าวอย่างจริงจัง แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ได้สำคัญสำหรับส
ซ่งรั่วเจินที่ถูกด่าไปยกหนึ่งอย่างปุบปับเลิกคิ้วขึ้น “ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมด คนที่เหมาะสมกับคำว่าเดรัจฉานมากที่สุดควรเป็นชายารองของเช่ออ๋องมากกว่ากระมัง?”“เจ้าไม่สำนึกเลยสักนิดอย่างนั้นรึ?”ฉู่เทียนเช่อเห็นว่าซ่งรั่วเจินยังกล้าตีฝีปากกับตนเองอีกก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม “น้องสาม เจ้ากับซ่งรั่วเจินยังไม่แต่งงานกัน เจ้าจะให้ท้ายนางจนไม่เห็นกฎเกณฑ์อยู่ในสายตาเลยงั้นรึ?”“คนในครอบครัวชายารองของข้า จะปล่อยให้พวกเจ้ามารังแกเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ถ้าวันนี้พวกเจ้าไม่มอบคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้ข้า ข้าไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่!”ฉู่เทียนเช่อเดิมก็เป็นเชื้อพระวงศ์ แม้ยามปกติจะค่อนข้างสงวนท่าทียามต่อหน้าฉู่จวินถิง แต่เมื่อเดือดดาลขึ้นมาเช่นนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีอำนาจน่าเกรงขามไม่เบาเลยทีเดียวทว่าในชั่วขณะนี้สีหน้าของทุกคนในบริเวณนั้นกลับแลดูแปลกประหลาดอยู่บ้างยามนี้กำลังจ้องมองเช่ออ๋องด้วยสายตาแปลกประหลาด ตนเองควบคุมคนในบ้านไม่ได้เองจนกระทำเรื่องเหลวไหลพวกนี้ลงไป แต่กลับชิงเป็นฝ่ายตำหนิแม่นางซ่งก่อนเสียอย่างนั้น?“เสด็จพี่ ไม่ถามหาต้นสายปลายเหตุก็มาตำหนิคนเช่นนี้ คนที่ควรขอโทษคือท่านต่างหา
“เจ้าทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามเช่นนี้ลงไปได้อย่างไร?”ฉู่เทียนเช่ออับอายกลายเป็นโทสะ จ้องมองเฉียนหย่าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ยังมาทำเรื่องพรรค์นี้อีก ทำให้จวนเช่ออ๋องขายหน้าไม่เหลือชิ้นดี!ทันทีที่ลือไปถึงพระกรรณเสด็จพ่อ เขาจะต้องถูกตำหนิอย่างหนักแน่นอน“แม่นางซ่ง เมื่อครู่ข้าไม่รู้สถานการณ์ หุนหันพลันแล่นเกินไป หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษโกรธเคือง”ฉู่เทียนเช่อยืดได้หดได้ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา ตอนนี้เฉียนหย่าหลินไม่อาจเก็บไว้ได้อีกแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขายังต้องรักษาเอาไว้เท่าที่จะสามารถทำได้“เช่ออ๋อง ตอนแรกหม่อมฉันก็ไม่รู้เช่นกันว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชายารองเฉียน เพียงอยากรักษาชีวิตของคุณชายจ้าวไว้เท่านั้น ต่อมาถึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นการกระทำของสกุลเฉียน”“ส่วนเรื่องคุกเข่าเมื่อครู่ หม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นคนสั่งให้เฉียนฮูหยินคุกเข่า”ซ่งรั่วเจินน้ำเสียงราบเรียบ น้ำเสียงเฉยเมยประหนึ่งกำลังบอกเล่าความจริงอย่างสงบ แต่ยิ่งคนที่ได้รับความอยุติธรรมอย่างนางแสดงออกอย่างสงบมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้พฤติกรรมบันดาลโทสะโดยไม่พูดพร่ำของฉู่เทียนเช่อ
อาศัยจังหวะที่คนยังไม่เคยชิม พวกเขาชิงไปชิมก่อนสักหน่อย ถึงตอนนั้นพูดออกไปจะต้องทำให้คนอิจฉาแน่นอนด้วยเหตุนี้ ขณะที่คนสกุลซ่งยังถกกันว่าร้านปิ้งย่างที่คุณหนูของพวกตนผลักดันออกมาครานี้ไม่รู้ว่าจะขายดีหรือไม่ ก็ได้เห็นภาพที่คุ้นเคยอย่างยิ่งภาพนั้น“คุณพระคุณเจ้าช่วย ร้านนี้เพิ่งเปิดกิจการ เหตุใดจึงมีคนมากมายขนาดนี้เล่า?”“พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในขายสิ่งของอะไร แค่เข้าไปชมความครึกครื้นกันหรือเปล่านะ?” มีคนอดไม่ไหวคาดเดาออกมาทว่า เวลาเพียงครู่เดียวก็มีคนรีบรุดมา “เร็วเข้า เข้าไปช่วยพวกนั้นเร็วเข้า ทำกันไม่ทันแล้ว ขายดีเกินไป”ทุกคน “...”บนท้องถนนในเมืองหลวง ทุกคนล้วนกำลังถกกันว่าอาหารที่สกุลซ่งทำนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ รสชาติวิเศษสุดๆ!ร้านค้าที่เปิดช่วงนี้ รสชาติดีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงมีรสเค็มกับรสเผ็ดที่ผู้ใหญ่ชอบกิน แม้แต่รสหวานที่เด็กๆ ชอบกินก็ยังมี“ต่อไปขอแค่เป็นอาหารที่สกุลซ่งทำขาย ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะไม่อร่อย แค่ตรงเข้าไปซื้อก็พอ โชคดีที่ข้าเร็วพอ ไม่อย่างนั้นหากไปตอนนี้ไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน”“เมื่อก่อนก็เคยย่างของกินเหมือนกัน แต่ไม่เคยกินที่อร่อยขนาดนี้มา
ลู่หมิ่นฮุ่ยได้ยินคำชมของฮองเฮา รอยยิ้มวาบผ่านดวงตา“นี่มาจากร้านปิ้งย่างเปิดใหม่ของสกุลซ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ขายดียิ่งนัก ได้ยินว่าเป็นความคิดของแม่นางซ่ง”“เมื่อก่อนข้าไม่รู้จริงๆ ว่าแม่นางซ่งมีความสามารถเช่นนี้อยู่ด้วย ได้ยินว่านางมีฝีมือทำอาหารยิ่งนัก ตอนนี้ของอร่อยพวกนี้ล้วนเป็นนางที่คิดค้นออกมา”“วิชาคุณไสยของนางเก่งกาจปานนั้น ทั้งเชี่ยวชาญวิชาแพทย์และยังทำอาหารเก่งปานนี้ ข้าคิดว่าทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีแม่นางคนไหนสู้นางได้เลยนะเจ้าคะ”“ยามนี้แม่ทัพซ่งกลับมาแล้ว ใครๆ ล้วนชมเชยว่าสกุลซ่งยอดเยี่ยมยิ่ง ต่อไปจะต้องก้าวหน้าไปอีกแน่นอน”หลังจากลู่หมิ่นฮุ่ยตั้งครรภ์ก็ยิ่งมีแต่ความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อซ่งรั่วเจิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคราวก่อนที่ทวดมาเข้าฝันนางยิ่งทำให้นางตกใจจนเอาแต่นอนไม่หลับโชคดีที่มีซ่งรั่วเจินชี้แนะ หลังจากนั้นยังฝันว่าได้รับคำชมจากท่านทวด ถ้าไม่ได้ซ่งรั่วเจิน เกรงว่าตอนนี้นางก็คงยังไม่ตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรแอบหัวเราะเยาะนางลับหลัง รอให้ถึงวันที่นางถูกหย่าหลังจากนางตั้งครรภ์ก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงปากมากพวกนั้นได
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ