“ขอเพียงมีความหวัง ก็สามารถลองดูได้”พูดไป จ้าวชิงหยวนเห็นซ่งรั่วเจินมาแล้ว รีบพูด “แม่นางซ่ง รบกวนเจ้าช่วยดูหน่อยเถอะ เขาอาการหนักเกินไปจริงๆ”ซ่งรั่วเจินมองนายอำเภอโจวแวบหนึ่ง ผอมจนไม่คล้ายคน แต่มองผ่านหน้าตากลับมองออกได้อย่างง่ายดายว่านี่คือคนดีคนหนึ่ง“แม่นางซ่ง ยังมีหนทางช่วยท่านลุงโจวหรือไม่?” จ้าวผิงอันเอ่ยปากอย่างกังวลเขาเคยทรมานเพราะไอมรณะรุมเร้ามาก่อน นั่นคือความทรมานจนอยากตาย ชนิดที่ว่าถึงช่วงสุดท้าย ตนเองล้วนอยากตาย ท่านลุงโจวอดทนมาถึงตอนนี้ได้จะต้องลำบากมากแน่“มีข้าอยู่ ไฉนเลยจะตายง่ายถึงเพียงนั้น?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก เนตรขนงกลับจริงจัง ยื่นมือออกไปวนรอบตัวนายอำเภอโจวเพื่อเก็บไอมรณะนายอำเภอโจวรู้สึกเพียงความเย็นยะเยือกที่รุมเร้าเขามาโดยตลอดหายไปอย่างฉับพลัน ความเย็นแทงลึกถึงกระดูกนั้นแทรกซึมทุกอณูรูขุมขน ต่อให้ตากแดดอย่างไรก็ไม่รับรู้ถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อยบัดนี้ ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไปแล้ว ต่อให้ไม่อบอุ่น แต่ก็ไม่รู้สึกเย็น“ร่างกายท่านต้องรักษาดีๆ สักระยะหนึ่ง ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว แต่อย่างไรเสียก็เคยถูกไอมรณะรุมเร้ามาเป็นเวลานาน อ่อนแออย่างมาก พยา
“เช่นนั้นบัดนี้ผู้ใดดูแลเมืองผิงหยางหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้สกุลหลิงตั้งตนเป็นใหญ่ครอบครองอำนาจของเมืองผิงหยาง นายอำเภอจะต้องเป็นคนของสกุลหลิงแน่บัดนี้สกุลหลิงไปเมืองหลวงแล้ว หลิงเหวินเทาที่ทิ้งไว้เองก็ตายไปแล้ว กอปรกับนายอำเภอเองก็ถูกฆ่า เมืองผิงหยางมิใช่อยู่ในสถานการณ์ไร้ผู้ปกครองหรอกหรือ?“นายอำเภอตายไปแล้ว โจวหลี่รับช่วงต่องานของเขาชั่วคราว คนผู้นี้เป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง พวกเรารู้จักเขามานานหลายปี จะต้องไม่ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรเหมือนนายอำเภอหยางแน่”สายตาซ่งหลินเย็นลง เดิมทีวางแผนว่าต่อให้รังเกียจนายอำเภอคนนี้เยี่ยงไร ก็จะไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ ทำให้เกิดความโกลาหลภายในเมืองผิงหยางเพียงแต่คนผู้นั้นน่ารังเกียจเกินไป ต่อให้เก็บไว้ก็จะฉวยโอกาสขูดรีดราษฎร มิสู้ฆ่าให้ตายไปเสียเลย!ขบวนคนมาถึงทางการอย่างว่องไว“แม่ทัพซ่ง?”ยามผู้แทนนายอำเภอได้เห็นซ่งหลิน ภายในสายตาเปี่ยมความประหลาดใจ แต่ต่อมาก็กลายเป็นดีใจ“ท่านยังมีชีวิตอยู่ช่างดีเหลือเกิน!”“โจวหลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้งในเวลาเช่นนี้” สีหน้าซ่งหลินอ่อนโยน “บัดนี้สถานการณ์เมืองผิงหยางเป็น
โจวหลี่เผยสีหน้าเศร้าหมอง ในช่วงนี้เขาทำหมดทุกทางแล้ว อับจนหนทางอย่างแท้จริง“ตอนพวกเรามาก็นำเสบียงอาหารมาด้วย สามารถใช้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนได้” ซ่งหลินพูด“นั่นดีมากเหลือเกิน!” โจวหลี่เผยสีหน้าดีใจจากนั้น ชั่วขณะเขากำลังจะเร่งตามซ่งหลินไปดูเสบียงอาหาร กลับเกือบล้มหมดสติไปหร่วนเฉิงประคองเขาไว้ พูดว่า “ท่านไม่เป็นไรกระมัง? ข้าเห็นท่านสีหน้าขาวซีด เทียบกับก่อนหน้านี้ยามได้พบกันแล้วท่านผอมลงไม่น้อย คาดว่าตัวท่านเองก็หิวกระมัง!”“ข้าไม่เป็นไร” โจวหลี่โบกมือ “ทำให้พวกเจ้าเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“ตอนนี้ยกเรื่องนี้ให้พวกเราเถอะ ท่านไปกินอะไรสักหน่อย พักผ่อนดีๆ” ฉีอู่เอ่ยพวกบัณฑิตเหล่านี้แต่ละคนล้วนอ่อนแอไม่อาจต้องลม นายอำเภอของเมืองไห่เทียนก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ บัดนี้โจวหลี่เองก็เป็นเช่นนี้ เขาเห็นแล้วไม่คุ้นชิน“ท่านอ๋องและราชครูกู้ใกล้จะมาถึงแล้ว อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะได้รับการแก้ไข เจ้าไปพักผ่อนอย่างสบายใจก่อนเถอะ”“เจินเอ๋อร์ เจ้านั่งเรือมาเหนื่อยเช่นเดียวกัน ข้าให้คนไปเก็บกวาดห้องไว้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปจัดการเรื่องแจกโจ๊ก” ซ่งหลินเอ่ยสีหน้าซ่งรั่วเจินสะท
“ไอ้พวกชั่วเหล่านี้ ข้าเห็นแล้วอยากฆ่าพวกเขาให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ละคนล้วนต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”“ข้าไม่อาจกลืนแค้นนี้ลงไปได้อย่างแท้จริง ราษฎรแต่ละคนล้วนหิวโหย พวกเขาโก่งราคาเสบียงอาหารก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเหยียดหยามพวกเขา ช่างพูดเหลือเกิน!”ในที่ห่างออกไป เสียงโกรธเกรี้ยวของฉีอู่และหร่วนเฉิงดังออกมาก่อนหน้านี้ทั้งสองคนออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บัดนี้ทั้งคู่โมโหหน้าแดงไปถึงคอ โกรธเกรี้ยวอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงก็เดินออกไป เอ่ยถามหนึ่งรอบถึงรู้ว่าตอนพวกเขานำเสบียงอาหารไปส่งได้เผชิญหน้ากับฉากพ่อค้าผู้มั่งคั่งของเมืองผิงหยางกำลังรังแกคนเห็นว่าราษฎรใกล้หิวตายแล้ว ขอร้องพวกเขาสามารถมอบอาหารให้สักมื้อได้หรือไม่ สรุปคือยังไม่ต้องพูดว่าคนผู้นั้นโยนหมั่นโถวลงพื้น ยังกระทืบแรงๆ อีกสองที สุดท้ายถึงยอมให้อีกฝ่ายเอาไปกินนี่เห็นได้ชัดว่ากำลังเหยียดหยามคน!ฉีอู่ได้เห็นแล้วก็เข้าไปต่อยตีคนหนึ่งยก หากไม่ใช่เพราะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลัวทำให้ราษฎรตื่นตระหนกตกใจ นี่คงฆ่าคนไปแล้ว!“เช่นนั้นท่านพ่อข้าเล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ฉีอู่และหร่วนเฉิงล้วนโมโหจนกลายเป็นเช่นนี้
“ซ่อนอยู่ที่นี่?” ดวงตาซ่งหลินทอประกาย คิดไม่ถึงลูกสาวยังมีความสามารถเช่นนี้!โจวหลี่เผยสีหน้าตกตะลึง อันที่จริงเขาเองก็ตามหาภายในจวนมาก่อน แต่ตามหาทุกสถานที่ที่สามารถหาได้แล้ว กลับไม่พบว่าตกลงซ่อนอยู่ที่ใด จึงคิดว่าตอนหยางฮูหยินจากไปได้นำไปทั้งหมดแล้ว“นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย สามารถซื้อเสบียงอาหารได้มากมาย”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ ลดเสียงให้เบาลงพูดกับซ่งหลิน “หาคนที่ดูเข้าท่าสักหน่อยแล้วซื้อเสบียงอาหารไม่ต้องมาก รอพี่สามมาแล้วค่อยซื้อจากพี่สามทั้งหมดเจ้าค่ะ!”“เจินเอ๋อร์ฉลาดนัก!” ซ่งหลินยิ้มกว้าง ลูกสาวของเขามีความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ!ทุกคนได้เห็นสมบัติซ่อนอยู่ใต้ดินภายในสวนดอกไม้ทางด้านหลังอย่างว่องไวพูดให้ถูกก็คือไม่มีคนรู้ว่าใต้ดินนี้ซ่อนห้องลับเอาไว้แห่งหนึ่ง!หลายปีมานี้นายอำเภอหยางซ่อนเงินเหล่านี้ไว้ภายในห้องลับใต้ดินโดยที่ไม่รู้คนรู้ส่วนซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้ว่าเงินอยู่ใต้ดิน กลับไม่ได้หาเส้นทางของห้องลับ แต่ให้คนขุดลงไปทีแรกคนขุดยังรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจอยู่ดีๆ ขุดดินทำอันใด แต่ขุดลงไปได้ครู่หนึ่งก็พบว่าข้างล่างแข็งผิดปกติ ต่อมาจึงเจาะเปิดออกได้เห็นกล่องเงินทองเครื
โจวหลี่ได้รู้ว่าซ่งรั่วเจินวางแผนเชิญหัวหน้าตระกูลที่กักตุนเสบียงอาหารมา รีบก้าวเท้าฉับไวเข้ามา สีหน้าเปี่ยมความกังวล “แม่นางซ่ง ข้ารู้เจ้าทำเช่นนี้เพื่อราษฎรทั้งเมือง แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปเจรจากับพวกเขามาก่อน ไม่ว่าพูดเยี่ยงไรก็ล้วนไร้ความหมาย”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินก็หัวเราะเบาๆ “ไร้ความหมายก็ไม่เป็นไร ตรงข้ามกันเพียงแต่เชิญมาเจรจาดูเท่านั้น”“ข้ากังวลพวกเขาพูดจาไม่ไพเราะ โดยเฉพาะแม่นางในห้องหอคนหนึ่งอย่างเจ้า จะต้องถูกรังแกแน่”โจวหลี่เผยสีหน้าเอือมระอา เขาไม่เข้าใจแม่ทัพซ่งกำลังคิดอันใด ถึงขั้นมอบเรื่องนี้ให้แม่นางซ่งไปจัดการต้องรู้ว่าพวกพ่อค้าเหล่านั้นแต่ละคนล้วนเจ้าเล่ห์ หากขัดแย้งกันขึ้นมา ก็สามารถทำให้คนโมโหตายได้!แม้แต่ชายตัวโตอย่างเขาพูดกับพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่งรั่วเจินแม่นางอ่อนแอบอบบางคนหนึ่ง น่ากลัวว่าจะรังแกจนนางร้องไห้“ใต้เท้าโจวไม่จำเป็นต้องกังวล เรื่องเล็กนี้ไม่สามารถทำให้ข้าตกใจได้”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก นางเป็นถึงเจ้าสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ก็แค่พวกตาเฒ่าดื้อรั้นสองสามคน คิดจะขู่นางรึ?ต่อให้เป็นเจ้าของร่างเดิม ทำการค้าในเมืองหลวงมานานหล
หากไม่มีทางการ เดิมทีพวกเขาก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้!โจวหลี่คนนี้ยังเป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ยามนายอำเภอหยางยังอยู่ เขาจะต้องเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแน่ ดังนั้นสกุลสือเห็นเขาแล้วจึงไม่สบอารมณ์ บัดนี้จึงอยากหาทางทำให้เขาลำบากหลังหัวหน้าตระกูลเมืองผิงหยางทุกคนได้รับคำเชิญแล้ว กลับไม่ได้มาจวนของนายอำเภอในทันที ตรงข้ามกันไปยังสกุลสือก่อน“คาดว่าทุกท่านล้วนรู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว แม่ทัพซ่งอยู่ที่จวนนายอำเภอ ครั้งนี้เชิญพวกเราไปจะต้องเพื่อกดราคาเสบียงอาหารแน่ พวกเราน่าจะรู้ว่าสมควรทำเยี่ยงไรกระมัง?”สีหน้าหัวหน้าตระกูลสือเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้แม่ทัพซ่งมาแล้วอย่างไร?พวกเขาเพียงแต่ทำการค้า นอกจากแม่ทัพซ่งจะสามารถฆ่าพวกเขาทุกคนได้!หากทำเช่นนี้จริง ต่อให้เป็นแม่ทัพซ่ง ก็ไม่สามารถฆ่าคนเป็นผักปลาได้ หรือว่าเพื่อราษฎรเมืองผิงหยางจึงไม่เป็นแม้แต่ขุนนางแล้ว?“หัวหน้าตระกูลสือ ได้ยินมาว่าท่านอ๋องและราชครูกู้มาเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาถึงแล้ว หากถึงตอนนั้นถูกลงโทษ...”“ลงโทษแล้วกลัวอันใด? บัดนี้กำลังขาดแคลนเสบียงอาหาร นั่นเป็นเรื่องของทางการ พ
แววตะลึงในความงามวาบผ่านดวงตาของหัวหน้าตระกูลสือ เขาเคยเห็นหญิงงามมาไม่น้อย แต่ยังไม่เคยเห็นแม่นางที่งามล่มเมืองเช่นนี้มาก่อนเลยเรือนกายอรชร ผิวพรรณขาวผ่องยิ่งกว่าหิมะ เครื่องหน้าประณีตหยาดเยิ้ม ถึงตอนนี้จะตีหน้าเย็นชาแต่ก็พิลาสล้ำในแดนดิน ถ้ายิ้มออกมาไม่รู้ว่าจะยิ่งงามเลิศล้ำถึงปานไหนโจวหลี่เห็นว่ายืมเงินไม่สำเร็จจึงเปลี่ยนมาใช้แผนคนงามอย่างนั้นรึ?แต่ถ้าโจวหลี่สามารถกำนัลคนงามเช่นนี้ให้เขาได้จริงๆ เขาก็ไม่ถือสาที่จะนำข้าวสารมามากหน่อย“โจวหลี่ เจ้าไม่มีปัญญาจัดการเอง ยามนี้พาแม่นางคนหนึ่งมาด้วย คิดจะยกให้ข้าอย่างนั้นรึ?”โจวหลี่เห็นว่าหัวหน้าตระกูลสือถึงกับกล้าหมายตาซ่งรั่วเจิน แววเหลือเชื่อวาบผ่านดวงตา เขารีบกล่าวว่า “หัวหน้าตระกูลสือ ท่านพูดจาให้มันดีๆ หน่อย นี่คือลูกสาวของแม่ทัพซ่งนะ!”แต่มือของซ่งจืออวี้เร็วกว่าโจวหลี่“เพียะ!”ฝักกระบี่ของซ่งจืออวี้ฟาดแสกกลางใบหน้าของหัวหน้าตระกูลสือ เสียงดังลั่นจนคนได้ยินใจสั่นสะท้าน รู้สึกว่าคงเจ็บมาก“โอ๊ย!”หัวหน้าตระกูลสือร้องลั่นพลางลูบปากตัวเอง ถูกฟาดจนเลือดไหล ถึงขั้นรู้สึกว่าฟันหน้าเริ่มคลอนเลยทีเดียวแต่พอเขาสบกับสายตาเย็น
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ