ท่ามกลางแสงอาทิตย์ดุจเกล็ดทองคำ หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีสุภาพ คิ้วเรียวงาม ผิวพรรณขาวผ่องดุจหิมะ เอวบางอ้อนแอ้น ดวงตางามสะท้อนแววเชื่อมั่นภาคภูมิราวกับไม่ว่าปัญหายากเย็นอันใด เมื่ออยู่ต่อหน้านางแล้วล้วนเล็กจ้อย คลี่คลายได้อย่างง่ายดาย!ดวงตาลึกล้ำมีเสน่ห์ของฉู่จวินถิงปรากฏระลอกไหวระริก แววตาเร่าร้อนกว่าเดิม นี่จึงเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซ่งรั่วเจินเห็นซ่งรั่วเจินร่ายอาคมในใจ สองมือประสานมุทราไปมาเบื้องหน้าสายตา ดวงตาที่ตาดำกับตาขาวตัดกันชัดเจนมีรัศมีสีทองเรื่อเรืองขึ้นมาชั้นหนึ่ง ผีร้ายรอบด้านล้วนไร้ที่ให้หลบซ่อนซ่งรั่วเจินบุกเข้าไปในเรือน พวกฉู่จวินถิงก็รีบรุดตามเข้าไปเช่นกันพวกเขาไม่เห็นว่าซ่งรั่วเจินเห็นอะไรกันแน่จึงได้แต่คาดเดาจากสีหน้าของนางว่านางคงค้นพบอะไรเข้าแล้ว“ฮิฮิ ใกล้ตายแล้ว”ผีน้อยที่ใบหน้าซีดขาวตนหนึ่งกำลังแอบหัวเราะอยู่บนขื่อจางเหวินที่อยู่เบื้องล่างมีสีหน้าซีดเผือด สองตาไร้แวว ทั้งที่คนนั่งอยู่ตรงนั้น ความคิดคำนึงกลับไม่รู้ว่าลอยไปถึงที่ใดเสียแล้วนางเหมือนถูกสะกดจิตอย่างไรอย่างนั้น ไม่สนใจสรรพสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ขณะที่ริ้วความรู้สึกที่สว่างสดใสและเป็นสุข
ญาติผู้พี่...ปกป้องนางเช่นนี้มาโดยตลอดผีทวงชีวิตเห็นคนทั้งสองหลบหลีกก็คิดจะเข้าใกล้ฉู่จวินถิงที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยสัญชาตญาณ แต่ชั่วขณะที่เห็นฉู่จวินถิง ดวงตาของมันกลับฉายแววตื่นตระหนกแล้วถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างลนลานฉู่จวินถิงเห็นท่าทางของผีทวงชีวิตแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามก็ฉายแววนึกสนุก กิ่งไม้ท้อในมือแทงออกไปราวกระบี่คมกริบฟิ้ว!กิ่งไม้ท้อแทงถูกผีทวงชีวิตในชั่วพริบตา มันส่งเสียงร้องโหยหวนซ่งรั่วเจินผนึกผีทวงชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บไว้ตรงนั้น แต่กลับปราศจากท่าทีจะสังหารมันในทันที“รั่วเจิน นี่ จะทำอย่างไรกับเจ้านี่?”ดวงตาอวิ๋นเนี่ยนชูทอแววหวาดกลัว ที่ผ่านมาเพียงแต่เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งได้มาเห็นกับตาจึงทราบว่าน่ากลัวเพียงไหนซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบาง “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าเป็นผู้ใดที่ส่งเจ้านี่มากันแน่?”“เจ้าคิดจะ...สนองคืนด้วยวิธีเดียวกัน?” ฉู่จวินถิงเข้าใจได้ในทันทีซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าผีน้อยตนนี้ถูกส่งมาแล้ว แทนที่พวกเราจะจัดการมันโดยตรง มิสู้ส่งมันกลับไป ใครเรียกมาก็ให้คนนั้นจัดการ มิดีกว่าหรือ?”ผู้คนในห้องได้ยินอย่างน
เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงก็สบตากัน ตัดสินใจว่าจะไปดูที่วัดอวิ๋นฉานอย่างใจตรงกันอย่างยิ่ง“ในเมืองหลวงมีคนที่มีฝีมือเช่นนี้ด้วย ลำพังแค่คนใกล้ตัวพวกเราก็มีสองคนแล้ว เห็นทีคนที่ถูกทำร้ายในเมืองหลวงคงมีมากกว่านี้”สีหน้าฉู่จวินถิงค่อนข้างเย็นชา ใช้ฝีมือเช่นนี้หาผลประโยชน์ ต้าซือที่ตระกูลหลิ่วเชิญมาก่อนหน้านี้ก็หลอกลวงเงินไปได้ไม่น้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พบจุดจบที่ดีนี่ผ่านมาได้ไม่ทันไรก็มีคนขวัญกล้าเทียมฟ้ารนหาที่ตายอีกแล้วซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หากปล่อยให้คนผู้นี้ทำเช่นนี้ต่อไป คนที่ถูกทำร้ายจะต้องมีไม่น้อยเป็นแน่”เมื่อคนทั้งสองนั่งรถม้าออกจากเมืองหลวงก็เห็นว่าจำนวนผู้ลี้ภัยบริเวณนอกเมืองหลวงมีมากขึ้นไม่น้อย แต่ละคนหน้าเหลืองร่างผอม น่าเวทนายิ่งนักซ่งรั่วเจินมองโรงทานแจกโจ๊กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง หลังจากทราบว่าบริเวณนอกเมืองมีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ตระกูลซ่งก็เริ่มตั้งโรงทานแจกโจ๊กแม้จะช่วยเหลือได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาไม่ถึงกับต้องทนหิวโหยนี่ยังเป็นธรรมเนียมของตระกูลซ่งมาโดยตลอดทว่า นางพบว่าอีกฝั่งหนึ่งก็ตั้งโรงทานแจกโจ๊กเช่นกัน แต่ไม่
สายตาซ่งรั่วเจินกวาดไปยังร่างของถังเสวี่ยหนิงที่ยิ้มรับคำชมเชยของทุกคนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แววนึกสนุกวาบผ่านดวงตา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”“คุณหนู พวกเราไปซื้ออาหารอย่างอื่นมาบ้างดีหรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านถามอย่างกังวลใจชื่อเสียงด้านใจบุญสุนทานของตระกูลซ่งของพวกตนเป็นที่รับรู้ของคนในเมืองหลวงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ยามนี้เพราะการกระทำเช่นนี้ของตระกูลถัง พวกตนกำลังทำเรื่องดีงามอยู่แท้ๆ แต่กลับมีชื่อเสียงไม่น่าฟังเสียอย่างนั้นเดิมนั้นเขายังลังเลไม่รู้ว่ากลับไปแล้วควรอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี คิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะบังเอิญมาพบเข้าพอดี สถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง“ไม่จำเป็น”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นปฏิเสธข้อเสนอของพ่อบ้าน“ตระกูลถังซื้อซาลาเปาเนื้อเป็นเรื่องของพวกเขา พวกเราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบ ถ้าทำเช่นนั้นจริงมีแต่จะตกเป็นขี้ปากของคนอื่นมากกว่าเดิม”พ่อบ้านพยักหน้าติดต่อกัน “ขอรับ คุณหนู”“ดูจากท่าทางของตระกูลถังแล้ว คงตั้งใจจะแจกโจ๊กอยู่ทางนี้สินะ?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองโรงทานแจกโจ๊กของตระกูลถังที่มีการเตรียมการมารอบด้าน ในใจทราบดีว่าอัครเสนาบดีคงรู้สึกว่าเรื่องคราวก่อนน่าขายหน้าเกินไป การแจกโจ๊กเป็
ซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางเย่อหยิ่งลำพองใจของถังเสวี่ยหนิงแล้ว ดวงตางามก็หลุบลงเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะหยันวาบผ่านส่วนลึกของดวงตาคุณหนูผู้ดีเหล่านี้ช่างไม่ประสาเรื่องราวทางโลกโดยแท้ ทั้งไม่ตระหนักถึงความยากลำบากของชาวบ้าน เรื่องอย่างการแจกโจ๊กก็ยังนำมาใช้เอาชนะคะคานกันได้?น่าเสียดาย นางไม่สนใจการแข่งขันแบบนี้เลยสักนิด ในเมื่อถังเสวี่ยหนิงชอบนัก เช่นนั้นถอยทางให้นางเสียก็ได้!“ที่แท้แม่นางถังก็ใจกว้างเช่นนี้เอง มีท่านช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบทุกข์ได้ยากอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นวาสนาของทุกคนโดยแท้”ซ่งรั่วเจินยิ้มพราย เครื่องหน้าประณีตพริ้มเพราราวกับดอกบัวโผล่พ้นเหนือผิวน้ำท่ามกลางแสงอาทิตย์ดุจเกล็ดทองคำ แลดูอ่อนโยนสง่างามยิ่งนักถังเสวี่ยหนิงเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของซ่งรั่วเจินแล้ว ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ ไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!ชื่อเสียงดีงามของตระกูลซ่งถูกนางแย่งชิงมาแล้ว ซ่งรั่วเจินกลับยังสงบเยือกเย็นแบบนี้อยู่ได้งั้นรึ?สายตาของนางกวาดมองไปรอบด้าน พบว่าผู้ลี้ภัยรอบๆ นั้นมีไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกตน ถึงตอนนี้ค่อยเข้าใจ ที่แท้ก็กำลังเสแสร้งอยู่ต่อหน้าผู้ลี้ภัยเหล่านี้นี่เอง!“ข้าจ
“การรับมือคนประเภทนี้ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ...การทำลายด้วยคำชม!”เฉินเซียงอึ้งไป “คุณหนู การทำลายด้วยคำชมคืออันใดเจ้าคะ?”“ผู้ลี้ภัยนอกเมืองมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ลำพังแจกโจ๊ก ค่าใช้จ่ายแต่ละวันก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้ว”“แม้ว่าเมืองหลวงจะไม่เคยเกิดอุทกภัยมาก่อน แต่เนื่องจากอุทกภัยทางใต้ ราคาอาหารจึงแพงขึ้นพรวดพราด เมืองหลวงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ข้าวสารกับแป้งในยามนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ราคาเนื้อก็ยังเพิ่มสูงตาม”“ซาลาเปามื้อเดียวไม่นับเป็นอย่างไร แต่ถ้ากินไปทุกมื้อเล่า?”ดวงตางามของซ่งรั่วเจินหรี่ลงเล็กน้อย นางไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคนดีมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับคนที่เทียวมาหาเรื่องนางด้วยแล้ว!“ปล่อยให้พวกผู้ลี้ภัยเหล่านี้พูดไปเถอะ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจ ดีที่สุดคือช่วยแพร่งพรายข่าวนี้ออกไป ทำให้ชาวบ้านทุกคนรับรู้ว่าแม่นางถังมีจิตใจดีงามเพียงไหน ไม่แจกโจ๊กแต่แจกซาลาเปาเนื้อ!”เรื่องอย่างการช่วยน้อยเป็นคุณ ช่วยมากเป็นโทษ ถังเสวี่ยหนิงยังคงมีประสบการณ์น้อยเกินไป ปล่อยให้นางดีใจไปเถอะ ถึงตอนเก็บกวาดหลังจากนี้...จะได้น่าสนุกเป็นพิเศษเฉินเซียงที่แต่เดิมยังไม่เข้าใจได้ฟ
“วันนี้หม่อมฉันมาแจกโจ๊กนอกเมือง คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอแม่นางซ่งที่นี่ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นหม่อมฉันเองที่ทำไม่ถูก โชคดีที่แม่นางซ่งให้อภัยหม่อมฉัน ไม่ทราบว่าพวกท่านจะไปที่ใดกันหรือเพคะ?”ดวงตางามดำสนิทดุจหมึกของซ่งรั่วเจินฉายแววนึกสนุก ยามนี้ถังเสวี่ยหนิงฉลาดขึ้นแล้ว เริ่มเสแสร้งเป็นคนดีที่รู้จักถอยเพื่อรุกแล้วสินะ?นางมองชายหนุ่มข้างกายโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าฉู่จวินถิงจะหลงกลมารยาเช่นนี้หรือไม่?บนโลกนี้...ผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนหลงใหลได้ปลื้มหญิงงามเจ้ามารยาแบบนี้ดวงตาคมกริบของฉู่จวินถิงกวาดผ่านถังเสวี่ยหนิง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดามีเพียงความเย็นชา“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เขากล่าวจบก็มองซ่งรั่วเจิน ความเย็นชาในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่หาได้ยาก กระทั่งน้ำเสียงเย็นชายังเจือด้วยความอบอุ่น“พวกเราไปกันเถอะ”ซ่งรั่วเจินมองฉู่จวินถิงอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ปฏิกิริยาแบบนี้...สมกับเป็นฉู่อ๋องที่ยากเข้าหาจริงๆ!ถังเสวี่ยหนิงได้ยินประโยคที่ฉู่จวินถิงกล่าวกับตนเองอย่างเย็นชาแล้ว ใบหน้าก็ปั้นยากจนถึงที่สุดนางกำมือในแขนเสื้อแน่น ขบฟันจนกรามแทบแตกเลยทีเดียวจึงสามารถข่มกลั้นไม่ให้ตนเองระเบิดโ
ความจริงซ่งรั่วเจินไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้พอดีจึงเอ่ยขึ้นมาก็เท่านั้น จู่ๆ ได้รับคำตอบจริงจังเช่นนี้จากฉู่จวินถิง นางกลับรู้สึกประหลาดใจเสียอีก“ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”“ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้าเองที่กำลังพยายามเข้าไปอยู่ในสายตาของแม่นางซ่ง”น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูด รอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปาก ประกายสีสันของดวงตากลับเข้มขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองนางอย่างจริงจังชั่วขณะนั้น ซ่งรั่วเจินสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองบนดวงตาของชายหนุ่มนางพลันรู้สึกเหมือนมีอะไรปัดผ่านหัวใจไป เสสายตาไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว กล่าวว่า “ต่อให้ท่านอ๋องยอมพูด นั่นก็ต้องให้ทุกคนเชื่อด้วยถึงจะได้หรอกนะเพคะ”หลังจากถูกถอนหมั้นตอนนั้น นางก็ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ไม่มีใครต้องการในเมืองหลวง แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อยืนอยู่ด้วยกันกับฉู่อ๋อง ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกันกล่าวถึงตรงนี้ นางพลันนึกถึงตอนที่ฉู่จวินถิงมอบของขวัญที่ล่ามาได้ให้นางต่อหน้าคนมากมายในเขตล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวพิจารณาสีหน้าตก
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ