เถียนเจียวเจียวกำหมัดแน่น สายตาไม่อาจหักใจตกลงบนตัวซ่งอี้อัน ไม่ได้พบหน้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เขาโดดเด่นเหนือผู้อื่น ยามยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่สามารถเมินข้ามได้เดิมทีนางยังอยากผูกสัมพันธ์อันดีกับซ่งรั่วเจิน จะได้เป็นพี่สะใภ้รองของนาง บัดนี้กลับดีนัก หมดโอกาสไปแล้ว!“ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง!” ถังเสวี่ยหนิงสบถเสียงเย็น “รอพี่ชายนางรู้ว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมดุจอสรพิษมากเพียงใด ก็ไม่ปกป้องนางถึงเพียงนี้แล้ว!”“หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงของซ่งรั่วเจินก็จะเสื่อมเสียไปจนหมด ทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง!”ใบหน้าเถียนเจียวเจียวเองก็เผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าคาดหวังเหลือเกิน!”ซ่งรั่วเจินเดินตามพี่ชายสี่คนไปหาที่นั่ง มีคนเดินทางมายังพิธีล่าสัตว์อย่างไม่ขาดสาย ส่วนองค์หญิงหกที่อยู่ไกลๆ ก็เดินออกจากกระโจมโบกมือทักทายนางด้วยรอยยิ้มนางเองก็โบกมือตอบ ฉู่มู่เหยาเดินออกมาแล้ว“แม่นางซ่ง วันนี้เจ้างดงามเหลือเกิน!”ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ เมื่อครู่ยามซ่งรั่วเจินลงมานางก็มองเห็นแล้ว ช่างผิวพรรณขาวใสเนียนละเอียด เสื้อผ้าสีแดงงดงามพลิ้วไหว ชวนให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้“องค์หญ
คนอื่นไม่รู้ ฉู่มู่เหยากลับรู้อุปนิสัยของฉู่เทียนเช่อดีแม้ว่าแต่งงานมีพระชายาแล้ว แต่มีอนุภรรยาหน้าตางดงามภายในจวนไม่น้อย เวลาปกติก็มีคนส่งหญิงงามให้เขาเป็นพิเศษนางอยู่ภายในวัง เพียงแค่เรื่องความเจ้าชู้ของเสด็จพี่รองก็ได้ยินมาไม่น้อย รู้สึกเพียงว่าแม่นางตระกูลใดตกอยู่ในเงื้อมมือของเสด็จพี่รองล้วนอับโชคทั้งสิ้น ตอนนี้เสด็จพี่สามยังไม่มา นางจะต้องปกป้องว่าที่พี่สะใภ้ให้ได้“นางคือสหายที่ดีของข้าซ่งรั่วเจิน” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งประโยค ชี้ไปทางด้านหน้าพลางเอ่ย “เสด็จพี่รอง ท่านดูเสด็จพี่ใหญ่กำลังหาท่านอยู่นะ ท่านรีบไปเร็วเข้าเถอะ!”ยามฉู่เทียนเช่อได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาเผยแววประหลาดใจระยะนี้เขาได้ยินว่าฉู่จวินถิงค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่นางท่านหนึ่ง เมืองหลวงเองก็เคยมีข่าวลืออยู่บ้าง แม่นางคนนั้นชื่อว่าซ่งรั่วเจินเดิมทีเขายังคิดว่าน่าขัน น้องชายไม่เข้าใกล้สตรี รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดีคนนี้ของตนเปิดใจในที่สุด สรุปคือชมชอบสตรีถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าขันมากนักคิดไม่ถึง...ซ่งรั่วเจินถึงขั้นเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งเช่นนี้?มิน่าเล่าแม้แต่คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เ
หากเขาไม่มา ผลลัพธ์ก็จะลดลงมากมิใช่หรือ?“ไม่กระมัง?” เถียนเจียวเจียวรู้สึกประหลาดใจ “งานสำคัญถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องไม่น่าจะไม่มาร่วมงาน”ฉินซวงซวงหันมองทางหลินจือเยว่โดยไม่รู้ตัว นางพบว่านับตั้งแต่ซ่งรั่วเจินมาแล้ว หลินจือเยว่คล้ายมองไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว“จือเยว่ ท่านกำลังมองอะไร? หรือท่านยังไม่ลืมไมตรีเก่าก่อนที่มีต่อซ่งรั่วเจินกระนั้น?”หลินจือเยว่ได้เห็นสตรีในชุดแดงคนนั้นอยู่ไกลๆ ก็อึ้งงันไป ที่ผ่านมาคิดเพียงว่าซ่งรั่วเจินหัวโบราณ มองดูแล้วเรียบร้อย แท้จริงแล้วกลับน่าเบื่อไม่มีความน่าสนใจหลังกลับถึงเมืองหลวง เขาพบว่าซ่งรั่วเจินแตกต่างจากภายในความทรงจำของเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้วสองปี แต่นางมองดูแล้วงดงามมีเสน่ห์ยิ่งกว่าตอนแรกคำพูดของมารดาดังก้องอยู่ภายในสมองของเขาไม่หยุด ชนิดที่ว่าวันนี้ยามได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง ภายในสมองของเขาก็คิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่าหากคนที่ตนแต่งงานด้วยเป็นนาง คล้ายก็ไม่เลว...เมื่อครู่แม้แต่องค์ชายรองก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน มองออกว่าซ่งรั่วเจินงดงามมากเพียงใด ไม่แน่ว่าวันนี้ทุกคนล้วนอิจฉาตนเองที่มีภรรยางดงามคนหนึ่ง มิใช่อย่างตอนนี้...“จะเป็
ฉู่จวินถิงผินมองฉู่เทียนเช่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเผยรอยยิ้มมีเมตตา “น้องสาม วันนี้ในพิธีล่าสัตว์จะต้องแสดงออกดีๆ เล่า แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าขี่ม้ายิงธนูได้โดดเด่นเหนือกว่าพวกเรามากนัก”“เสด็จพี่โปรดวางใจ ข้าจะออมมือให้อย่างแน่นอน” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ ราวกับไม่คิดปกปิดท่าทีหยิ่งทะนงสีหน้าฉู่เทียนเช่อดำทะมึน เขามิอาจทนต่อท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นนี้ของฉู่จวินถิงได้อย่างที่สุด ทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าเขา แต่อาศัยว่าเกิดจากครรภ์ฮองเฮา ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาโดยตลอดพูดเรื่องขี่ม้ายิงธนู เขาเองก็พยายามมากมาโดยตลอด เจ้าคนผู้นี้ช่างเย่อหยิ่งโอหังยิ่งนัก!ถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่อ๋องปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ภายในงานมิได้มีเขาเป็นองค์ชายคนเดียว ทว่านับตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมา นางก็คล้ายถูกดึงดูดความสนใจไปจนหมด ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาหากฉู่อ๋องกลายเป็นสามีของนาง จะมีคนมากน้อยเพียงใดอิจฉานางกันเล่า!นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งหมดก็จะกลายเป็นจริง!ใบหน้าถังเสวี่ยหนิงเผยรอยยิ้มต้องได้ดั่งใจหวัง กลับมองเห็นฉู่จวินถิงเดินออกมาแล้วก็เดินไปทิศทางที่ซ่งรั่วเจินอยู่ รอยยิ้มหายไปจนหมดสิ้น“เมื่อครู่เห็นเจ้ากำ
เรื่องเถียนเจียวเจียวตกน้ำถูกเปิดโปงในวันนั้น มีคนรู้ไม่น้อย ทว่าเรื่องเพิ่งเงียบไป วันนี้ก็ถูกเอ่ยถึงอีกครั้ง ตอกย้ำความทรงจำได้อย่างลึกซึ้งเถียนเจียวเจียวชี้หน้าซ่งรั่วเจิน ใกล้จะระเบิดเต็มที แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยพบสตรีฝีปากคมกริบเช่นนี้มาก่อนทั้งๆ ที่คนขายหน้าตอนนี้คือซ่งรั่วเจิน ปรากฏว่าทำให้นางขายหน้ายิ่งกว่า!“เจ้าทำตัวสูงส่งอะไรกัน ฉู่อ๋องเองก็ไม่สนใจเจ้าเฉกเดียวกันมิใช่หรือ?” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างโมโหฉู่จวินถิงมอบหมายงานให้ฉู่อวิ๋นกุยกลับมาแล้วก็ได้ยินถ้อยคำนี้ ขมวดคิ้วมุ่น “ใครพูดว่าข้าไม่สนใจรั่วเจิน?”เถียนเจียวเจียวตกตะลึง เผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของฝ่ายชาย รู้สึกเพียงร้อนตัว ครู่ต่อมาอธิบาย “ท่าน...ท่านอ๋อง เป็นซ่งรั่วเจินพูดว่าพิธีล่าสัตว์วันนี้ท่านจะพานางไปด้วยกัน เดิมทีนางก็พูดจาเหลวไหล...”“นางพูดความจริง มีปัญหาอะไร?” ฉู่จวินถิงพูดเสียงเรียบ“อะ...อะไรนะ?” เถียนเจียวเจียวตกตะลึง“เรื่องของข้าต้องอธิบายกับเจ้าด้วยหรือ? เรื่องของผู้อื่นเกี่ยวอันใดกับเจ้า แม้แต่ที่ว่าการยังไม่ใส่ใจได้เท่าเจ้า!”พูดไป ฉู่จวินถิงก็เหลือบมองใต้เท้าเถียนที่กำลังรีบเดินเข้ามาจาก
สี่พี่น้องชายฉกรรจ์ของสกุลซ่งขึ้นขี่ม้าท่วงท่าหล่อเหลาสง่างามเตรียมออกไปล่าสัตว์ สายตาตกลงบนตัวน้องหญิงห้าของตน เดิมทียังแย่งชิงกันว่าใครจะพาน้องหญิงห้าไป แต่ได้เห็นฉู่จวินถิงที่อยู่ข้างกายแล้ว ทันใดนั้นรู้ว่าการแย่งชิงก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า“รอหม่อมฉันสักครู่นะเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดกับฉู่จวินถิงฉู่จวินถิงพยักหน้า ยกมุมปากเผยความอารมณ์ดี แม้รู้ว่าซ่งรั่วเจินไม่มีวันขอร่วมทางกับเขาโดยไม่มีสาเหตุ แต่ขอเพียงสามารถร่วมทางกันได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว“พี่ชายทุกท่าน อีกเดี๋ยวพวกท่านก็ไปตามทิศทางที่ข้าพูดไว้ เข้าใจหรือไม่?”“ข้าจำได้แล้ว น้องหญิงห้า เจ้าวางใจเถอะ”ซ่งจืออวี้พยักหน้า แม้เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ดีๆ น้องหญิงห้าก็ให้เขาไปที่นั่น แต่น้องหญิงห้าพูด เขาเชื่อฟังก็พอซ่งอี้อันรู้น้องหญิงห้าจัดแจงเช่นนี้จะต้องมีความนัยลึกซึ้ง เอ่ยว่า “มีเรื่องใดให้พวกเราต้องระวังหรือไม่?”“ความมั่งคั่งมหาศาลในวันนี้ พวกท่านจะต้องคว้ามันให้ได้” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวแปลกใจมาก “มั่งคั่งอะไรหรือ? คงไม่ใช่ว่าทางฝั่งนั้นมีสัตว์ร้ายอยู่หรอกนะ?”“อีกเดี๋ยวตอนขึ้นเขามีนักฆ่าซุ่มโจมตี เป้าหมา
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินพูดจนจบอยู่ไกลๆ สีหน้าท่าทางตกตะลึงของพี่น้องชายฉกรรจ์ทั้งสี่ของสกุลซ่ง ทำให้ภายในสายตาสะท้อนแววนึกสนุกความลับบนตัวซ่งรั่วเจิน...ช่างพิเศษจริงๆจากนั้นซ่งรั่วเจินขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่ว ควบม้าเข้าป่าพร้อมฉู่จวินถิงในตอนนี้ ซ่งรั่วเจินสังเกตทิศทางที่องค์ชายใหญ่จากไป จนกระทั่งเข้าป่าลึกแล้ว ซ่งรั่วเจินถึงได้เห็นเองกับตาว่าธนูของฉู่จวินถิงไม่เคยพลาดเป้าทั้งๆ ที่สัตว์ป่าวิ่งว่องไวมาก ยามอยู่ต่อหน้าเขากลับไม่มีแรงให้หลบหนีธนูถูกปล่อยออกไป เพียงโจมตีก็ถึงแก่ชีวิตฉู่จวินถิงเห็นสายตาตกตะลึงของซ่งรั่วเจิน แววตาเจือรอยยิ้ม “วันนี้ชอบข้าขึ้นบ้างหรือไม่?”ซ่งรั่วเจิน “???”ถามตรงไปตรงมาเช่นนี้จะให้คนตอบเยี่ยงไร?“ท่านอ๋อง ปกติท่านเกี้ยวพาสตรีก็เป็นเช่นนี้หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ“ไม่ใช่” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเกี้ยวพาสตรีคนอื่นมาก่อน คนเดียวที่ชอบมีเพียงเจ้า”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดชวนให้คนหวั่นไหวเช่นนี้ สายตาหันมองเขาโดยไม่รู้ตัว “พูดจาคล่องแคล่วถึงเพียงนี้กลับไม่คล้ายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน”“พูดเช่นนี้แล้ว เจ้าไม่ชอบให้ข้าพูดจาคล่องแคล่ว? มิสู้เจ
ฉู่จวินถิงจับจ้องซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง คนฉลาดเยี่ยงเขา เดาได้หลายส่วนแล้ว เพียงแต่...เขากลับไม่รู้ว่าซ่งรั่วเจินเองก็รู้เรื่องการแย่งชิงระหว่างองค์ชายด้วย?“เจ้าอยากหลอกล่อเสด็จพี่ใหญ่ไป?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หม่อมฉันวางแผนเช่นนี้จริง แต่ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันต้องถามท่านก่อน”อิงตามที่หนังสือเขียนไว้ ฉู่จวินถิงไม่มีความยึดมั่นต่อตำแหน่งฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาและองค์ชายใหญ่ยังมีความสัมพันธ์กันไม่เลว แต่ตัวเอกของหนังสือเล่มนี้คือฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ เรื่องภายในราชสำนักที่อธิบายไว้ก็ล้วนเป็นหลินจือเยว่เลื่อนตำแหน่งมั่งคั่งเยี่ยงไรบุญคุณความแค้นระหว่างองค์ชาย เปิดเผยออกมาเพียงบางส่วน ไม่สามารถยืนยันได้“หากข้าและเสด็จพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์อันดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร? หากความสัมพันธ์ไม่ดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”ฉู่จวินถิงจับจ้องคนตรงหน้า สัญชาตญาณอ่อนไหวสังเกตได้ว่าสาเหตุที่ซ่งรั่วเจินถามเขา ก็เพราะคำตอบของเขาสำคัญต่อนางมากพูดอีกอย่าง แผนของนางขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างตนและเสด็จพี่ใหญ่จึงจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายกระนั้นรึ?นึกถึงตรงนี้ มุมปากฉู่จวินถิงก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดูท่าแล
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด