พิธีล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ยามซ่งรั่วเจินติดตามพี่ชายของตนไปถึงพิธีล่าสัตว์ ถอนหายใจให้กับแผ่นดินกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ในยุคสมัยโบราณอย่างอดไม่ได้ พื้นที่ของพิธีล่าสัตว์ใหญ่มากจนน่าแปลกใจขณะเพิ่งเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกครื้นเป็นระลอกๆ คึกคักเป็นอย่างมากเทียบกับงานเลี้ยงในเวลาปกติ พิธีล่าสัตว์ในวันนี้เป็นวันที่คุณหนูคุณชายรวมตัวกันครบที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่มีใครยอมพลาดโอกาสอันดีเช่นนี้ ดังนั้นที่สามารถมาได้ก็มาแทบทั้งหมด“มิน่าเล่าวันนี้องค์ชายสองถึงยอมเสี่ยงอันตรายในพิธีล่าสัตว์ ขอบเขตกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องการฉวยโอกาสลงมือกลับไม่ยาก”สีหน้าซ่งรั่วเจินเข้มขึ้น สายตามองสำรวจทั่วทั้งพิธีล่าสัตว์อย่างไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ยามอ่านนิยายอธิบายเพียงว่าฉินซวงซวงได้รับโอกาสที่นี่ รู้เพียงว่าอยู่ทางฝั่งตะวันออก ส่วนตำแหน่งนั้นกลับไม่แน่ชัดทว่า สิ่งนี้สำหรับนางแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ปัญหา“เสวี่ยหนิงเจ้าดู ซ่งรั่วเจินมาแล้ว!” เถียนเจียวเจียวเอ่ยเตือนถ้อยคำนี้พูดออกมา สายตาคนไม่น้อยทอดมองรถม้าของสกุลซ่ง หลังได้เห็นคุณชายรูปโฉมหล่อเหลาทั้งสี่ท่านของสกุลซ่งทยอยลงมาแล้ว ดวงต
เถียนเจียวเจียวกำหมัดแน่น สายตาไม่อาจหักใจตกลงบนตัวซ่งอี้อัน ไม่ได้พบหน้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เขาโดดเด่นเหนือผู้อื่น ยามยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่สามารถเมินข้ามได้เดิมทีนางยังอยากผูกสัมพันธ์อันดีกับซ่งรั่วเจิน จะได้เป็นพี่สะใภ้รองของนาง บัดนี้กลับดีนัก หมดโอกาสไปแล้ว!“ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง!” ถังเสวี่ยหนิงสบถเสียงเย็น “รอพี่ชายนางรู้ว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมดุจอสรพิษมากเพียงใด ก็ไม่ปกป้องนางถึงเพียงนี้แล้ว!”“หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงของซ่งรั่วเจินก็จะเสื่อมเสียไปจนหมด ทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง!”ใบหน้าเถียนเจียวเจียวเองก็เผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าคาดหวังเหลือเกิน!”ซ่งรั่วเจินเดินตามพี่ชายสี่คนไปหาที่นั่ง มีคนเดินทางมายังพิธีล่าสัตว์อย่างไม่ขาดสาย ส่วนองค์หญิงหกที่อยู่ไกลๆ ก็เดินออกจากกระโจมโบกมือทักทายนางด้วยรอยยิ้มนางเองก็โบกมือตอบ ฉู่มู่เหยาเดินออกมาแล้ว“แม่นางซ่ง วันนี้เจ้างดงามเหลือเกิน!”ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ เมื่อครู่ยามซ่งรั่วเจินลงมานางก็มองเห็นแล้ว ช่างผิวพรรณขาวใสเนียนละเอียด เสื้อผ้าสีแดงงดงามพลิ้วไหว ชวนให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้“องค์หญ
คนอื่นไม่รู้ ฉู่มู่เหยากลับรู้อุปนิสัยของฉู่เทียนเช่อดีแม้ว่าแต่งงานมีพระชายาแล้ว แต่มีอนุภรรยาหน้าตางดงามภายในจวนไม่น้อย เวลาปกติก็มีคนส่งหญิงงามให้เขาเป็นพิเศษนางอยู่ภายในวัง เพียงแค่เรื่องความเจ้าชู้ของเสด็จพี่รองก็ได้ยินมาไม่น้อย รู้สึกเพียงว่าแม่นางตระกูลใดตกอยู่ในเงื้อมมือของเสด็จพี่รองล้วนอับโชคทั้งสิ้น ตอนนี้เสด็จพี่สามยังไม่มา นางจะต้องปกป้องว่าที่พี่สะใภ้ให้ได้“นางคือสหายที่ดีของข้าซ่งรั่วเจิน” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งประโยค ชี้ไปทางด้านหน้าพลางเอ่ย “เสด็จพี่รอง ท่านดูเสด็จพี่ใหญ่กำลังหาท่านอยู่นะ ท่านรีบไปเร็วเข้าเถอะ!”ยามฉู่เทียนเช่อได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาเผยแววประหลาดใจระยะนี้เขาได้ยินว่าฉู่จวินถิงค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่นางท่านหนึ่ง เมืองหลวงเองก็เคยมีข่าวลืออยู่บ้าง แม่นางคนนั้นชื่อว่าซ่งรั่วเจินเดิมทีเขายังคิดว่าน่าขัน น้องชายไม่เข้าใกล้สตรี รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดีคนนี้ของตนเปิดใจในที่สุด สรุปคือชมชอบสตรีถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าขันมากนักคิดไม่ถึง...ซ่งรั่วเจินถึงขั้นเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งเช่นนี้?มิน่าเล่าแม้แต่คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เ
หากเขาไม่มา ผลลัพธ์ก็จะลดลงมากมิใช่หรือ?“ไม่กระมัง?” เถียนเจียวเจียวรู้สึกประหลาดใจ “งานสำคัญถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องไม่น่าจะไม่มาร่วมงาน”ฉินซวงซวงหันมองทางหลินจือเยว่โดยไม่รู้ตัว นางพบว่านับตั้งแต่ซ่งรั่วเจินมาแล้ว หลินจือเยว่คล้ายมองไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว“จือเยว่ ท่านกำลังมองอะไร? หรือท่านยังไม่ลืมไมตรีเก่าก่อนที่มีต่อซ่งรั่วเจินกระนั้น?”หลินจือเยว่ได้เห็นสตรีในชุดแดงคนนั้นอยู่ไกลๆ ก็อึ้งงันไป ที่ผ่านมาคิดเพียงว่าซ่งรั่วเจินหัวโบราณ มองดูแล้วเรียบร้อย แท้จริงแล้วกลับน่าเบื่อไม่มีความน่าสนใจหลังกลับถึงเมืองหลวง เขาพบว่าซ่งรั่วเจินแตกต่างจากภายในความทรงจำของเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้วสองปี แต่นางมองดูแล้วงดงามมีเสน่ห์ยิ่งกว่าตอนแรกคำพูดของมารดาดังก้องอยู่ภายในสมองของเขาไม่หยุด ชนิดที่ว่าวันนี้ยามได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง ภายในสมองของเขาก็คิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่าหากคนที่ตนแต่งงานด้วยเป็นนาง คล้ายก็ไม่เลว...เมื่อครู่แม้แต่องค์ชายรองก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน มองออกว่าซ่งรั่วเจินงดงามมากเพียงใด ไม่แน่ว่าวันนี้ทุกคนล้วนอิจฉาตนเองที่มีภรรยางดงามคนหนึ่ง มิใช่อย่างตอนนี้...“จะเป็
ฉู่จวินถิงผินมองฉู่เทียนเช่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเผยรอยยิ้มมีเมตตา “น้องสาม วันนี้ในพิธีล่าสัตว์จะต้องแสดงออกดีๆ เล่า แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าขี่ม้ายิงธนูได้โดดเด่นเหนือกว่าพวกเรามากนัก”“เสด็จพี่โปรดวางใจ ข้าจะออมมือให้อย่างแน่นอน” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ ราวกับไม่คิดปกปิดท่าทีหยิ่งทะนงสีหน้าฉู่เทียนเช่อดำทะมึน เขามิอาจทนต่อท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นนี้ของฉู่จวินถิงได้อย่างที่สุด ทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าเขา แต่อาศัยว่าเกิดจากครรภ์ฮองเฮา ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาโดยตลอดพูดเรื่องขี่ม้ายิงธนู เขาเองก็พยายามมากมาโดยตลอด เจ้าคนผู้นี้ช่างเย่อหยิ่งโอหังยิ่งนัก!ถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่อ๋องปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ภายในงานมิได้มีเขาเป็นองค์ชายคนเดียว ทว่านับตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมา นางก็คล้ายถูกดึงดูดความสนใจไปจนหมด ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาหากฉู่อ๋องกลายเป็นสามีของนาง จะมีคนมากน้อยเพียงใดอิจฉานางกันเล่า!นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งหมดก็จะกลายเป็นจริง!ใบหน้าถังเสวี่ยหนิงเผยรอยยิ้มต้องได้ดั่งใจหวัง กลับมองเห็นฉู่จวินถิงเดินออกมาแล้วก็เดินไปทิศทางที่ซ่งรั่วเจินอยู่ รอยยิ้มหายไปจนหมดสิ้น“เมื่อครู่เห็นเจ้ากำ
เรื่องเถียนเจียวเจียวตกน้ำถูกเปิดโปงในวันนั้น มีคนรู้ไม่น้อย ทว่าเรื่องเพิ่งเงียบไป วันนี้ก็ถูกเอ่ยถึงอีกครั้ง ตอกย้ำความทรงจำได้อย่างลึกซึ้งเถียนเจียวเจียวชี้หน้าซ่งรั่วเจิน ใกล้จะระเบิดเต็มที แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยพบสตรีฝีปากคมกริบเช่นนี้มาก่อนทั้งๆ ที่คนขายหน้าตอนนี้คือซ่งรั่วเจิน ปรากฏว่าทำให้นางขายหน้ายิ่งกว่า!“เจ้าทำตัวสูงส่งอะไรกัน ฉู่อ๋องเองก็ไม่สนใจเจ้าเฉกเดียวกันมิใช่หรือ?” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างโมโหฉู่จวินถิงมอบหมายงานให้ฉู่อวิ๋นกุยกลับมาแล้วก็ได้ยินถ้อยคำนี้ ขมวดคิ้วมุ่น “ใครพูดว่าข้าไม่สนใจรั่วเจิน?”เถียนเจียวเจียวตกตะลึง เผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของฝ่ายชาย รู้สึกเพียงร้อนตัว ครู่ต่อมาอธิบาย “ท่าน...ท่านอ๋อง เป็นซ่งรั่วเจินพูดว่าพิธีล่าสัตว์วันนี้ท่านจะพานางไปด้วยกัน เดิมทีนางก็พูดจาเหลวไหล...”“นางพูดความจริง มีปัญหาอะไร?” ฉู่จวินถิงพูดเสียงเรียบ“อะ...อะไรนะ?” เถียนเจียวเจียวตกตะลึง“เรื่องของข้าต้องอธิบายกับเจ้าด้วยหรือ? เรื่องของผู้อื่นเกี่ยวอันใดกับเจ้า แม้แต่ที่ว่าการยังไม่ใส่ใจได้เท่าเจ้า!”พูดไป ฉู่จวินถิงก็เหลือบมองใต้เท้าเถียนที่กำลังรีบเดินเข้ามาจาก
สี่พี่น้องชายฉกรรจ์ของสกุลซ่งขึ้นขี่ม้าท่วงท่าหล่อเหลาสง่างามเตรียมออกไปล่าสัตว์ สายตาตกลงบนตัวน้องหญิงห้าของตน เดิมทียังแย่งชิงกันว่าใครจะพาน้องหญิงห้าไป แต่ได้เห็นฉู่จวินถิงที่อยู่ข้างกายแล้ว ทันใดนั้นรู้ว่าการแย่งชิงก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า“รอหม่อมฉันสักครู่นะเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดกับฉู่จวินถิงฉู่จวินถิงพยักหน้า ยกมุมปากเผยความอารมณ์ดี แม้รู้ว่าซ่งรั่วเจินไม่มีวันขอร่วมทางกับเขาโดยไม่มีสาเหตุ แต่ขอเพียงสามารถร่วมทางกันได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว“พี่ชายทุกท่าน อีกเดี๋ยวพวกท่านก็ไปตามทิศทางที่ข้าพูดไว้ เข้าใจหรือไม่?”“ข้าจำได้แล้ว น้องหญิงห้า เจ้าวางใจเถอะ”ซ่งจืออวี้พยักหน้า แม้เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ดีๆ น้องหญิงห้าก็ให้เขาไปที่นั่น แต่น้องหญิงห้าพูด เขาเชื่อฟังก็พอซ่งอี้อันรู้น้องหญิงห้าจัดแจงเช่นนี้จะต้องมีความนัยลึกซึ้ง เอ่ยว่า “มีเรื่องใดให้พวกเราต้องระวังหรือไม่?”“ความมั่งคั่งมหาศาลในวันนี้ พวกท่านจะต้องคว้ามันให้ได้” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวแปลกใจมาก “มั่งคั่งอะไรหรือ? คงไม่ใช่ว่าทางฝั่งนั้นมีสัตว์ร้ายอยู่หรอกนะ?”“อีกเดี๋ยวตอนขึ้นเขามีนักฆ่าซุ่มโจมตี เป้าหมา
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินพูดจนจบอยู่ไกลๆ สีหน้าท่าทางตกตะลึงของพี่น้องชายฉกรรจ์ทั้งสี่ของสกุลซ่ง ทำให้ภายในสายตาสะท้อนแววนึกสนุกความลับบนตัวซ่งรั่วเจิน...ช่างพิเศษจริงๆจากนั้นซ่งรั่วเจินขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่ว ควบม้าเข้าป่าพร้อมฉู่จวินถิงในตอนนี้ ซ่งรั่วเจินสังเกตทิศทางที่องค์ชายใหญ่จากไป จนกระทั่งเข้าป่าลึกแล้ว ซ่งรั่วเจินถึงได้เห็นเองกับตาว่าธนูของฉู่จวินถิงไม่เคยพลาดเป้าทั้งๆ ที่สัตว์ป่าวิ่งว่องไวมาก ยามอยู่ต่อหน้าเขากลับไม่มีแรงให้หลบหนีธนูถูกปล่อยออกไป เพียงโจมตีก็ถึงแก่ชีวิตฉู่จวินถิงเห็นสายตาตกตะลึงของซ่งรั่วเจิน แววตาเจือรอยยิ้ม “วันนี้ชอบข้าขึ้นบ้างหรือไม่?”ซ่งรั่วเจิน “???”ถามตรงไปตรงมาเช่นนี้จะให้คนตอบเยี่ยงไร?“ท่านอ๋อง ปกติท่านเกี้ยวพาสตรีก็เป็นเช่นนี้หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ“ไม่ใช่” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเกี้ยวพาสตรีคนอื่นมาก่อน คนเดียวที่ชอบมีเพียงเจ้า”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดชวนให้คนหวั่นไหวเช่นนี้ สายตาหันมองเขาโดยไม่รู้ตัว “พูดจาคล่องแคล่วถึงเพียงนี้กลับไม่คล้ายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน”“พูดเช่นนี้แล้ว เจ้าไม่ชอบให้ข้าพูดจาคล่องแคล่ว? มิสู้เจ
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง “ผู้ชายดีๆ ในเมืองหลวงมีไม่น้อย หลังจากหม่อมฉันถอนหมั้น คนที่มาทาบทามสู่ขอหม่อมฉันก็มีมากมาย...”“ยังมีมากมายอีกด้วย? ไหนลองบอกข้ามาซิว่ามีใครบ้าง?”ฉู่จวินถิงรู้ว่าแม่นางผู้นี้กำลังหยอกเย้าตนเองอยู่ แต่ครั้นคิดถึงว่าตอนนั้นนางไม่มีความคิดจะแต่งงานกับเขาเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ยามนี้ไม่แน่ว่าคงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้วก็เป็นได้มือของเขาเกาะกุมเนื้ออ่อนบริเวณเอวนาง ออกแรงเล็กน้อยก็ทำให้นางหัวเราะคิกขึ้นมา“ฮ่าๆ จั๊กจี้ ท่านปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ”ซ่งรั่วเจินกลัวจั๊กจี้มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งร่างพลันอ่อนระทวย ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของฉู่จวินถิง“ท่านปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้นะ เร็วเข้า!”ฉู่จวินถิงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ข้าไม่ปล่อย เจ้าบอกข้ามาก่อนว่ามีใครบ้าง”“ไม่มี ไม่มี นอกจากท่านก็ไม่มีใครทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินอ้อนวอนอย่างอ่อนใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงจะมาไม้นี้ ยื่นมือเข้าไปคิดจะจั๊กจี้เขาบ้าง แต่กลับพบว่าเนื้อบนตัวชายหนุ่มแข็งกว่านางมากนัก เมื่อแตะถูกบริเวณเอวอย่างไม่ทันระวังก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงเค้าโครงกล้ามเนื
ฉู่อวิ๋นกุยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ชั่วชีวิตนี้ข้าคงคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยนิสัยของเสด็จพี่จะมีวันที่เตรียมการเช่นนี้เอาไว้ด้วย”ก่อนหน้านี้เมื่อเสด็จพี่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เค้นสมองครุ่นคิด แต่นอกจากเรื่องดอกไม้ไฟแล้ว ความคิดอื่นๆ ล้วนถูกปฏิเสธทันควันเมื่อเทียบกันในยามนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าความคิดพวกนั้นของตนเองไม่เข้าท่าเอาเสียจริงๆซ่งรั่วเจินขึ้นเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราไปกับฉู่จวินถิงแล้วค่อยพบว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ตามมาด้วยจึงอดถามไม่ได้ว่า “มีแค่พวกเราสองคนหรือ?”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวตรงหน้า สายตาตกลงบนริมฝีปากสีกุหลาบนั้น ความรู้สึกอ่อนนุ่มเมื่อครู่ก่อนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในห้วงคำนึง เพียงปรารถนาจะลิ้มรสอย่างเต็มที่สักคราเขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง “อืม มีแค่พวกเรา”แววตาของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำขึ้นมา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแหบพร่าอยู่บ้างครู่ก่อนยังมีท่าทางอบอุ่นดุจอาบไล้อยู่ในสายลมวสันต์อยู่แท้ๆ ฉับพลันนั้นก็เปลี่ยนเป็นเปี่ยมแรงกดดัน ดวงตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยนเปี่ยมแววรักใคร่ ทว่าแฝงไว้ซึ่งแววคุกคาม
ซ่งหลินมองรอยยิ้มของลูกสาวตนเอง ในใจรู้สึกเป็นสุขอย่างไม่อาจพรรณนา ประกอบกับได้ยินคำพูดของภรรยาตนเองพอดี เขาจึงอดกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า“ตอนนี้ท่าทีของข้าดีมากแล้ว ไม่ว่าพ่อตาบ้านไหนก็เห็นลูกเขยขัดตาทั้งนั้นแหละ แต่ฉู่อ๋องผู้นี้ นิสัยไร้ที่ติเลยจริงๆ”“ในอดีตตอนข้าอยู่ในสนามรบมักได้หารือกับเขาบ่อยๆ เป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากคนหนึ่ง ทั้งยังมีความรับผิดชอบ เขาจะไม่ทำให้เจินเอ๋อร์ผิดหวังแน่นอน”คิดถึงว่าตอนแรกเขาก็คิดว่าฉู่จวินถิงเป็นลูกเขยที่ดีคนหนึ่ง ไม่ว่าลูกสาวสกุลใดได้แต่งงานกับเขา จะต้องได้มีชีวิตที่ดีพร้อมอย่างแน่นอน แต่เจ้าหมอนี่นิสัยเย็นชาเกินไป ไม่ถูกใจลูกสาวบ้านไหนสักคน เขาจึงเลิกล้มความคิดนี้ไปใครเลยจะคาดว่าวกไปวนมาสุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นจริง ฉู่อ๋องถึงกับต้องการแต่งงานกับลูกสาวเขาคนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อพวกสหายเก่าแก่ได้รู้เรื่องนี้ แต่ละคนก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผี ในใจเขาไม่ต้องบอกเลยว่าปลาบปลื้มมากแค่ไหน!กู้หรูเยียนพยักหน้าน้อยๆ “สายตาของเจินเอ๋อร์ก็ดีเหมือนกัน โชคดีที่ถอนหมั้นเสียตั้งแต่ตอนนั้น มิฉะนั้นถ้าเข้าไปอยู่ในจวนสกุลหลิน พ่อแม่อย่างพวกเราก็ทำผิดต่อนางมากเกินไ
แต่หลังจากที่กู้ฮวนเอ๋อร์ได้ยินว่าญาติผู้พี่ไม่เคยได้สิ้นเปลืองความคิดเพื่อเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับเป็นฉู่อ๋องเสียอีกที่สะสางทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังยอมรับต่อหน้าฮองเฮาว่าเขาเป็นฝ่ายพยายามเอาชนะใจนาง ญาติผู้พี่ยังไม่แน่ว่าจะรับปาก นางจึงตระหนักว่าที่แท้สตรีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเหมือนญาติผู้พี่ได้เหมือนกันไม่ต้องก้มศีรษะให้ครอบครัวสามี ทั้งยังไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว นางมีความกล้าถอนหมั้นในวันแต่งงาน ทั้งยังไม่เกรงกลัวถ้อยคำซุบซิบนินทาต่อให้ใครจะคิดว่านางไม่คู่ควรกับฉู่อ๋อง ทว่าในสายตาฉู่อ๋อง สิ่งที่กลัวกลับเป็นการทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจฉู่มู่เหยาก็เข้าใจความคิดของกู้ฮวนเอ๋อร์เช่นกัน ถึงนางจะเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นพี่สะใภ้แต่เมื่อได้เห็นพี่สะใภ้และเสด็จพี่เช่นนี้ นางก็อวยพรให้พวกเขาจากใจจริงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองไม่แน่ว่าจะสามารถใช้ชีวิตแบบพี่สะใภ้ได้ แต่เพียงได้เห็นว่าพวกเขาทำได้ นางก็รู้สึกเป็นเกียรติแล้วสี่พี่น้องสกุลซ่งเห็นว่าฉู่จวินถิงให้ความสำคัญกับน้องสาวของพวกตนเช่นนี้ก็อดมองตากันไม่ได้ ใบหน้